น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~

Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ - ตอนที่ 7 ในวันที่ฝนตกกับเธอ 100% โดย Pam18 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักวัยรุ่น

รายละเอียด

Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ โดย Pam18 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~

ผู้แต่ง

Pam18

เรื่องย่อ


#สวัสดีค่ะเตย์

รักเขามาตั้งแต่มัธยม ตอนแรกก็กะจะปล่อยไปเฉย ๆ นั่นแหละ แต่หัวใจเจ้าเอยดันทนไม่ไหวเอาเสียเลย 
"งั้นขอจีบนะคะ"
และไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นยังไงเราก็จะยังรักเธอเสมอ

//ฝากเอ็นดูเอ็นใจยัยกุ๋งกิ๋งด้วยนะฮะ กิ๋งมันสู้ กิ๋งมันเก่ง มาช่วยลุ้นไม่ให้กิ๋งมันอกหักไปพร้อม ๆ กันเด้อพี่น้อง//

สารบัญ

Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 0 เริ่มต้นสารภาพรัก,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 1 ขนมจีบขนมใจ 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 1 ขนมจีบขนมใจ 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 2 อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 2 อ้ายคนจนจำต้องทนทำงานหาเงิน 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 3 กินอะไรก็ไม่อร่อยเท่ากินเธอ เอ้ย! กินกับเธอ 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 3 กินอะไรก็ไม่อร่อยเท่ากินเธอ เอ้ย! กินกับเธอ 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 4 เสาร์อาทิตย์เธอคิดถึงใคร 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 4 เสาร์อาทิตย์เธอคิดถึงใคร 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 5 คู่แข่งกลับมาแล้วนะคุณผู้ชม 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 5 คู่แข่งกลับมาแล้วนะคุณผู้ชม 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 6 เดทที่แปลว่าสู้ชีวิต 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 6 เดทที่แปลว่าสู้ชีวิต 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 7 ในวันที่ฝนตกกับเธอ 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 7 ในวันที่ฝนตกกับเธอ 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 8 แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 8 แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 9 เดทที่แปลว่ารุกหนัก 50%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 9 เดทที่แปลว่ารุกหนัก 100%,Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะ-ตอนที่ 10 ใช่แน่ ศัตรูหัวใจของแทร่! 50%

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ในวันที่ฝนตกกับเธอ 100%



ในวันที่ฝนตกกับเธอ (2)



[ เตย์ ทมโภลี ]

ช่วงนี้พายุเข้าฝนจึงตกทุกวัน ตกทีเป็นชั่วโมง เดินทางไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างลำบาก

เมื่อสองวันก่อนกับกุ๋งกิ๋ง... จะพูดยังไงดี ถ้ามองเป็นเพื่อนต่างเพศก็คงได้ แต่ถามว่ามีสิทธิ์พัฒนาไปมากกว่านั้นไหมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่แน่นอน

นาน ๆ ทีจะกลับบ้านหากไม่ใช่เรื่องสำคัญอย่างเรื่องงาน ผมต้องพยายามมากหน่อยเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื่อนไขที่พ่อตั้งไว้

' เตย์... สิ่งที่ทำอยู่มีความสุขดีใช่ไหม '

เหอะ! ถามผมราวกับรู้ทุกอย่าง

เธอใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอยู่แล้วเพราะไม่ต้องมานั่งเครียดอะไร ในขณะที่ผมต้องการจะหลุดพ้นจากตระกูล

เป็นเพียงแค่ ทมโภลี คนธรรมดา ไม่ใช่ ทมโภลี ธฤติพันธ์ ลูกชายคนเล็กที่ต้องอยู่ในวังวนแสนเผด็จการของผู้เป็นพ่อ

เดี๋ยวผมจะพาไปดูว่าทำไมผมถึงดิ้นรนอยากได้อิสรภาพนักหนา

"มาแล้วเหรอลูกชายแม่"

ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในบ้านคุณแม่ที่รออยู่ก็พุ่งตรงมาหาทันที สวมกอดพลางหอมแก้มด้วยความรักความคิดถึงตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน

หนึ่งทุ่มตรงทันเวลาอาหารเย็นพอดิบพอดี

"วันนี้แม่ขอนะคะน้องเตย์"

"ขอไม่รับปากนะครับ แต่จะพยายามคุยแค่เรื่องงาน"

"เอางั้นก็ได้ค่ะ มาเถอะลูกรัก อาหารจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยหมดแล้ว ทุกคนกำลังรออยู่"

เดินตามคุณแม่ไปทางห้องอาหาร คฤหาสน์หลังใหญ่ไร้ชีวิตชีวา ทุกอย่างต้องทำให้เงียบและเบาที่สุดเพราะเจ้าของที่นี่เป็นคนหงุดหงิดง่าย หูไวต่อเสียง นิดหน่อยก็อารมณ์เสียแล้ว

ภายในห้องอาหารจะพบกับพ่อที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ พี่ชายทั้งสองซึ่งนั่งอยู่คนละฝั่งถัดจากท่าน แม่พาผมมานั่งข้างพี่โต๋ส่วนตัวเองรีบเดินไปนั่งข้างพี่ตาม

ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของผู้เป็นใหญ่ แน่นอนว่าสายตาไม่พอใจมักตวัดมามองผมอยู่บ่อยครั้ง

"มาครบเสียที ลงมือทานได้แล้ว" เสียงประกาศิตเอ่ย

จะไม่มีการพูดคุยขณะรับประทานอาหารเด็ดขาด ต้องทานเบา ๆ ให้ได้ยินเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานข้าวน้อยที่สุด

นี่คือด่านแรกของความอึดอัดที่ผมเจอมาตั้งแต่เด็ก

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ส่วนผมตามท่านขึ้นมายังห้องทำงานโดยมีคุณแม่คอยอยู่ด้านนอก

"สรุปยังไง เรื่องธุรกิจที่ฉันให้ไปคิด ได้ยินจากทนายว่าแกตัดสินใจซื้อที่แล้วหนิ"

"ใช่ครับ ผมจะสร้างโรงงานแล้วก็อีกหลายอย่าง..."

"ฉันแค่อยากรู้ว่าธุรกิจที่ว่าคืออะไรตอบให้ตรงคำถาม"

ความดุดันผสมความจริงจังไม่มีผ่อนปรนแม้จะเป็นคนในครอบครัว กดดันกันทางน้ำเสียงและสายตา

หากบอกว่าเกลียดชังผมก็เชื่อนะ

นับว่าโชคดีที่คำแนะนำของกุ๋งกิ๋งมีประโยชน์ ผมเก็บไปคิดแล้วเขียนเรียบเรียงเอาไว้คร่าว ๆ ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง

"ผมจะทำเกี่ยวกับของกิน แล้วก็ทำบริษัทเกี่ยวกับเวชสำอาง"

มันไม่ง่ายเลยที่จะทำควบสองธุรกิจให้ไปรอดในเวลาเดียวกันขณะที่ตัวเองนั้นก็เป็นแค่มือใหม่ ต้องสละเวลาส่วนตัวทั้งหมดเพื่อทุ่มเทกับมัน นี่เลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่อยากรักใคร 

...อย่างน้อยก็จนกว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไป รวมถึงการได้เป็นอิสระจากตระกูลนี้ด้วย

"สองอย่างเลยรึ?"

"ครับ"

"เกินตัวไป เลือกมาแค่อย่างเดียว"

ก็นั่นแหละ ไม่เคยมีอะไรเป็นที่พอใจสำหรับท่านนอกจากความคิดของท่านเอง

"บริษัทผลิตขนมก็ได้ครับ" ผมตัดสินใจเลือกสิ่งที่ไม่ไกลตัวเท่าไรนัก

"ศึกษาตลาดแล้วหรือยัง คิดว่าจะไปรอดแน่ใช่ไหม"

ตลาดขนมมีเป็นร้อยเป็นพันเจ้า ไหนจะนำเข้ามาจากต่างประเทศอีก ต้องสร้างจุดขายให้ได้ไม่งั้นจบเห่

ซึ่งผมคิดว่าอะไรที่เป็นของกินมันขายได้ในประเทศนี้อยู่แล้ว ขอแค่สะอาดปลอดภัยถูกหลักอนามัย อร่อย แล้วก็สมราคา ที่สำคัญทำยังไงก็ได้ให้ติดตลาดโดยเร็วที่สุด

"พ่อก็ต้องให้เวลาผมได้ศึกษาหาข้อมูลหน่อย เครืื่องจักร การผลิต พนักงาน ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อม"

"คนถือดีแบบแกจะมาขอเวลาอะไร อยากไปจากที่นี่ใจจะขาดไม่ใช่หรือไง ถ้าเก่งฉลาดจริงก็เร่งมือเข้าสิ แกจะได้ไปจากฉันเร็ว ๆ ไม่ดีเหรอ"

"แล้วที่ผมเอามาเสนออนุมัติหรือเปล่าล่ะครับ ถ้าอนุมัติผมจะได้เร่งมือ" ทุกอย่างต้องใช้เงินทุน

ตลกตรงที่คนอวดดีคนนี้ไม่มีเงินมากพอที่จะออกไปสร้างตัว จนคนที่เกลียดนักหนายื่นเงินมาให้เพื่อวัดใจว่าถ้าทำได้...รางวัลแห่งอิสระภาพก็จะเป็นของแก ราวกับรู้อนาคตว่ายังไงก็ไม่มีทางทำสำเร็จแน่

"ปกติฉันเซ็นปากเปล่าหรือไง ทำเป็นโปรเจคแล้วก็แนบเอกสารของบประมาณมาสิ ถึงมือเมื่อไรก็จะเซ็นให้เมื่อนั้น"

"ได้ครับ ขอเวลาไม่เกินสามวัน"

"ก็แล้วแต่ ถ้าเชื่อฟังฉันเหมือนกับคนอื่น ๆ แกคงไม่ต้องมาลำบากแบบนี้"

"เฮอะ! พ่อนี่ช่างไม่รู้บ้างเลยนะครับ"

"แล้วฉันต้องรู้อะไรล่ะ"

ผมกำมือแน่นมองสบตาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน รังสีความน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจนบรรยากาศเย็นวาบไปหมด

"รู้ว่าทุกคนเกลียดฉันแต่ก็ยังอยู่กับฉันเพราะสมบัติน่ะเหรอ"

ทุกคนยกเว้นผมไม่ได้เกลียดท่านเลยสักนิด ออกจะรักและเป็นห่วงด้วยซ้ำ แต่เพราะอยู่ด้วยแล้วอึดอัดใจต่างหากจึงเป็นเหตุผลทำให้ทุกก้มหัวจำยอม เพื่อที่ท่านจะได้ไม่อารมณ์เสีย

"หมดธุระแล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ"

เดินกลับออกมาก็พบว่าคุณแม่ยังรออยู่ ผมจึงจับจูงมือท่านไปส่งที่ห้องนอน แววตากังวลด้วยกลัวว่าผมจะทะเลาะกับพ่อ แน่นอนว่าผมเองก็พยายามเลี่ยงเพราะคิดว่าเราสามารถคุยกันดี ๆ ได้

"ถ้ามันหนักไปบอกแม่ได้นะคะ" มือบางลูบหน้าลูบตาพลางมองสำรวจตรวจเช็คว่าผมยังสบายดี ตอนที่รู้ว่าจะออกจากตระกูลท่านตกใจแล้วก็เสียใจมาก

ถึงอย่างนั้นท่านก็เข้าใจเหตุผลที่ผมไม่อยากทน

"เข้าไปพักผ่อนเถอะครับ"

"ค้างสักคืนสิลูก ฝนตกขับรถมันอันตราย"

"ผมต้องกลับไปทำงานต่อครับ" 

คนหนึ่งรั้งไว้ส่วนอีกคนอยากรีบออกไปใจจะขาด ไม่มีจิตใจจะอยู่ที่นี่ต่อสักวินาที

"งั้นเอาไว้เรานัดทานข้าวด้วยกันนะคะลูก อย่าหักโหมมากนะแม่เป็นห่วง"

"ครับ"

คุณแม่กอดหอมยื้อเวลาอยู่หลายนาทีก่อนจะจำใจกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องอย่างเสียดาย ผมยิ้มให้ท่านเป็นการบอกลาจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับคอนโด




---100%---