น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เดทที่แปลว่ารุกหนักมาก (2)
[ เตย์ ทมโภลี ]
พักผ่อนสมองบ้างก็ดี...
กุ๋งกิ๋งเป็นประเภทที่อยู่ด้วยแล้วไม่ปวดหัว แต่จะมีสะกิดให้รู้สึกรำคาญนิด ๆ เพราะความชอบวอแวของเจ้าตัว
คุยเก่ง สรรหาเรื่องราวมากมายมาเล่าให้ฟัง ตลกบ้างไม่ตลกบ้างคละเคล้ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะเรื่อยเปื่อยถึงอย่างนั้นก็ฟังเพลินดี
ผมรู้ว่าการไปไหนมาไหนด้วยแบบนี้เป็นการให้ความหวังเธอ กระนั้นการหลีกเลี่ยงสายตาเว้าวอนก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะกับเธอที่พยายามอย่างเต็มที่
เอาเถอะ... ในอนาคตผมอาจจะเปลี่ยนใจ หากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ผมอาจจะรับความรู้สึกที่มีให้ไว้ก็ได้
"ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มกับขนมเค้กนะคะ"
ผมหันมองร่างสมส่วนที่วันนี้แต่งตัวน่ารัก ต่างจากปกติที่เห็นเป็นประจำ กำลังยืนเลือกลูกปัดอย่างอารมณ์ดี
โต๊ะที่เรานั่งอยู่มีอุปกรณ์เตรียมไว้ให้ครบทุกอย่าง พนักงานจัดวางของที่สั่งแล้วถอยห่างออกไป
ผมจึงลุกถือถ้วยไปเลือกลูกปัดบ้าง ครั้งสุดท้ายที่ทำงานฝีมือแบบนี้เห็นทีจะเป็นตอนประถมพอขึ้นมัธยมก็แทบไม่ได้ทำ ตอนมอปลายมีคาบเรียนศิลปะสัปดาห์ละครั้งก็ไม่เคยทำส่งเพราะมีคนทำส่งให้ตลอดซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
"มาค่ะ มาเลือกด้วยกัน"
เธอหันมายิ้มให้ ก็ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ออกจะจิ้มลิ้มยิ้มเป็นเอกลักษณ์ เป็นคนสดใสคนนึงน่ะว่าง่าย ๆ
"ทำแล้วแลกกันใส่เธอจะโอเคไหม เราอยากได้ของที่เธอทำให้"
และเป็นคนพูดตรงไปตรงมา
"ก็ต้องลองดูว่าจะสวยหรือเปล่า" ผมบอก แลกก็ได้แต่จะใส่ไหมขอคิดอีกที
"ต้องสวยอยู่แล้วสิ เราจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่เลย"
ผมไม่ได้ตอบกลับ พยายามเลือกลูกปัดสีสันสดใสให้เข้ากับอีกฝ่ายมากที่สุด
ผมไม่เคยจีบใครและไม่เคยมีใครกล้าจีบผม ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องความรักว่าต้องทำยังไงหากรู้สึกดีกับใครสักคน เพราะจวบจนตอนนี้ยังเคยรู้สึกดีกับใครสักที
"ฮี่ฮี่~" เธอหันมายิ้มแกมหัวเราะให้ สีหน้าแววตามีความสุขล้น
ไล่สายตามองหน้าเธอ อาจจะเป็นไปได้ละมั้ง... ถ้าปิดใจก็คงไม่มีวันรู้
บอกตามตรงยังไม่อยากโฟกัสเรื่องความรักขณะที่เรื่องส่วนตัวยังคงยุ่งวุ่นวายไม่จบสิ้น จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลให้มีความสุขได้
ผมกลัวเธอทนไม่ไหวแล้วจากไป
"อ้าปากค่ะ อ้ามมมมม"
เค้กช็อกโกแลตคำแล้วคำเล่าถูกป้อนเข้าปากไม่ขาดสาย ผมปฏิเสธแต่เธอก็ไม่หยุดป้อนเสียที ตั้งใจจะเอาให้หมดชิ้น
"อร่อยใช้ได้เลยนะคะ"
ว่าแล้วก็ตักมาป้อนอีกคำ เรานั่งอยู่ข้างกัน กำไลเสร็จไปหนึ่งเส้นก็พักทานของหวานเพิ่มพลังกุ๋งกิ๋งว่าแบบนั้น
"เบื่อหรือเปล่า อยากทำอย่างอื่นไหม"
"ไม่ อันนี้ก็สนุกดี"
"จริงรึเปล่า"
"จริง"
"อืม ...แล้วแบบจะขอหอมแก้มสักหน่อยได้ไหม"
วกมาเรื่องนี้ได้ยังไง
นอกจากจ้องตาไม่กระพริบยังขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ อยากกลืนกินอะไรขนาดนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าคลั่งรักกันขนาดไหน
"มะ...!"
"ฟอด! หอมชื่นใจ"
อะ! ว่าแล้ว... ปฏิเสธไม่ทัน
เกินไป แต่ไม่รู้ทำไมถึงดุไม่ลง
อีกคนเห็นผมไร้ปฏิกิริยาก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ซ้ำ ๆ จนพอใจก็ผละออกไปหัวเราะชอบใจยกใหญ่จนใบหน้าแดงก่ำ ในขณะที่ผมทำเพียงนั่งมองนิ่งแต่จริง ๆ แล้วอึ้งจนพูดไม่ออก
หมับ!
"อะ โอ๊ยยยย อื้อ! เจ็บ ๆ"
ยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนั่นเป็นการเอาคืน ออกแรงให้เจ็บเพื่อลงโทษสำหรับการฉวยโอกาส
"โอ๊ย ๆ เราเจ็บแล้ว เธอเราเจ็บแล้ว" เสียงนุ่มร้องบอกพลางตีมือผมเบา ๆ
รอบข้างหันมองก็พากันยิ้มขำ คงเข้าใจว่าคู่รักกำลังหยอกเย้ากัน ถึงอย่างนั้นผมหาได้สนใจว่าจะพวกเขาเข้าใจยังไง
"เหลือเกินจริง ๆ" ผมว่าพลางปล่อยมือ
"ซี๊ดดด เจ็บมากนะเตย์ หอมแก้มปลอบใจเราเลย" มิวายยื่นแก้มมาให้ ดูเอาก็แล้วกันว่าทะเล้นขนาดไหน
"ยังไม่หยุดอีก" ผมว่า
กุ๋งกิ๋งมองหน้าผม มือก็ลูบแก้มตัวเอง ท่าทางเคืองนิด ๆ งอนหน่อย ๆ ปากพึมพำบางอย่างคล้ายกับกำลังบ่นว่าเจ็บ
"คนกันเองขอหอมให้ชื่นใจยังจะหวง" ปากยื่นปากยาวบ่นเชิงเสียดาย
"ทำแบบนี้กับทุกคนที่ชอบหรือไง" ผมว่า ไอ้นิสัยฉวยโอกาสรุกเร้าคนอื่นอย่างน่าไม่อายเนี่ย... เป็นผู้หญิงควรสำรวมรักษาท่าทีหน่อยสิ
"เราทำแค่กับเตย์คนเดียว เพราะเราชอบเตย์เพียงคนเดียวมาตลอด"
เธอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าแววตาเรียบนิ่งบ่งบอกถึงความมั่นคงของหัวใจตัวเอง
"พูดจริง ๆ นะคะ เตย์ช่วยเปิดโอกาสให้หน่อยได้ไหม ลองคบกันเล่น ๆ ดูก่อนก็ได้ สุดท้ายถ้ามันไม่ได้จริง ๆ เราจะยอมรับทุกอย่าง"
"หมายถึงอะไร" คิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจ
"ก็แบบเป็นแฟนกันไง" แววตามีความหวังสุด ๆ
"ไม่" แต่เสียใจด้วยที่ต้องปฏิเสธ
"โธ่ เรียนรู้ทำความรู้จักกันและกันไงคะ สัญญาว่าจะไม่หึงไม่หวงใด ๆ ทั้งนั้น และจะไม่สร้างปัญหาหรือความรำคาญให้เด็ดขาด"
ผมเชื่อว่าเธอพูดจริง เธอสามารถเป็นคนรักที่ดีได้อย่างไม่ต้องสงสัย ติดที่ตัวผมเองยังไม่มั่นใจ... ก็แค่ยังไม่อยากคบใครทั้งนั้นต่อให้ขอร้องเว้าวอนแค่ไหน
"ไม่"
"โหย อะไรอ่าาาา ใจร้ายเกิ๊น"
ผละกลับไปนั่งหน้างอ ไม่นานก็เปลี่ยนอารมณ์ นั่งทำสร้อยคอต่อ แม้จะดูเสียดายแต่ก็ไม่ได้งอแง หันมายิ้มแล้วบอกช่างมันเถอะ
เราอยู่ที่คาเฟ่จนถึงบ่าย ทานข้าวกลางวันที่นั่นก่อนกุ๋งกิ๋งจะชวนไปดูหนังต่อ อยากทำอะไรผมทำด้วยหมดเพราะไหน ๆ ก็ได้หยุดแล้ว ถือว่าพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนกลับไปเจอกับความปวดหัว
นาน ๆ ได้ดูหนังก็เลือกเป็นแบบเตียงนอน หนังที่ดูก็เป็นหนังผี คนเลือกบอกไม่กลัวก็ต้องตามใจเขา
"เตย์จ๋า"
ขยับมานอนซบอกโดยใช้เสียงอ้อน ๆ นำมาก่อน ไม่รู้กลัวหรือง่วง พอได้ที่ก็นิ่งไป
ชายหญิงที่ไม่ได้เป็นอะไรกันทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ อย่างที่เคยบอกว่าถ้าให้เป็นเพื่อนก็คงได้อยู่ ไม่ถือสาอยากทำอะไรก็ทำ จะกอดจะหอมต่อให้ห้ามก็คงทำอยู่ดี
แม่นักฉวยโอกาส No.1
บรรยากาศในโรงหนังเย็นฉ่ำเข้าขั้นหนาว กุ๋งกิ๋งเบียดชิดแทบจะเกยขึ้นมานอนทับอยู่บนตัว กอดซุกซบตามประสาคนหลับ ผมต้องคอยกอดประคองเอาไว้อีกที
เป็นคนชวนดูหนังแท้ ๆ แต่หลับหนีก่อนใคร ใช่ไม่ได้เลยให้ตาย...
สุดท้ายเรามาจบวันกันที่ห้องอาหารในโรงแรม สั่งมาเต็มโต๊ะและทานกันอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติถูกปาก กุ๋งกิ๋งเองก็เอ่ยชมไม่หยุด แถมยังรู้จักตักอาหารมาให้เอาใจไม่หยุดมือ
"สั่งกลับบ้านไหม" ผมถาม
"ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ"
งานพาร์ทไทม์ช่วงดึก ผู้จัดการบอกว่าเธอรับผิดชอบหน้าที่ได้ดี ยอดขายของช่วงนี้จึงเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน
"มีอะไรลำบากไหมทำงานที่นั่น" ในฐานะเจ้าของก็ต้องไถ่ถาม
"ไม่ค่ะ โอเคเลยต่างหาก ถ้าไม่ติดอะไรก็อยากทำไปเรื่อย ๆ"
"อืม ก็หวังว่าจะทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะหาคนเข้ากะกลางคืนและทำอาหารได้ยากมาก"
"เงินดีไม่น่าจะยากนะคะ"
"ที่ยากเพราะรสชาติมันไม่ได้ ถูกลูกค้าคอมเพลนตลอด"
"แล้วของเรามีคอมเพลนมาบ้างหรือเปล่าคะ"
"ยังไม่มี"
"แสดงว่าฝีมือเราใช้ได้"
"อืม ก็อร่อยดี"
จากที่ได้ทานอยู่ตลอดยอมรับว่ากุ๋งกิ๋งทำอาหารอร่อยมาก ทุกเมนูจนบางครั้งก็สงสัยว่าซื้อมาให้ไม่ได้ทำเองหรือเปล่า
พอชมเข้าหน่อยก็ตาเป็นประกาย ยกมือขึ้นมาเท้าคางพลางส่งสายตาวิ้ง ๆ มาให้คล้ายจะหว่านสเน่ห์ ซึ่งมันดูตลกมากกว่า จะว่าน่าเอ็นดูก็ได้นะ พยายามทำให้ผมชอบอย่างสุดความสามารถนั่นแหละ
นั่งคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนเรียกเก็บเงินแล้วเดินทางกลับคอนโด ...วันนี้อยู่ด้วยกันทั้งวันจนเย็นย่ำ ได้พักสมองจริง ๆ โดยลืมเรื่องงานไปซะสนิท สมกับเป็นวันหยุดที่ได้ทำอย่างอื่นนอกจากเรียนกับงาน
จอดรถหน้าทางเข้าคอนโดเพื่อให้กุ๋งกิ๋งเดินไปยังร้านกาแฟส่วนตัวผมเองจะได้เลี้ยวรถเข้าไปด้านใน แต่ก่อนจะลงเธอยื่นถุงใส่เครื่องประดับมาให้
"แลกกัน ๆ"
อ่อ... นั่นสินะ
ผมเอี้ยวตัวไปหยิบถุงที่วางอยู่เบาะหลังมาให้แล้วรับถุงของเธอมาถือไว้
"วันนี้ขอบคุณมากนะคะ เราสนุกแล้วก็มีความสุขมากกกกก"
ผมรู้ ฉายชัดออกมาขนาดนั้น
ฉีกยิ้มพร้อมกับกอดถุงเอาไว้ในอ้อมแขน พลางหันมามองผมด้วยความรัก
มีจริง ๆ ใช่ไหมคนที่รักเรามากแม้เราจะไม่รักตอบ แค่คุยด้วยก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างกับถูกรับรัก
แต่ความรักไม่ใช่เรื่องของหนี้บุญคุณที่ต้องมาคอยนั่งตอบแทนกัน ฉันรักเธอ เธอต้องรักฉันคืนบ้าง คือมันไม่ใช่...
"เตย์จ๋า เรามีไลน์ของเธอ แล้วแบบว่าเราขอทักไปคุยด้วยได้ไหม"
ทุกอย่างต้องขออนุญาตกันก่อนเสมอ ยกเว้นเรื่องฉวยโอกาสเพราะไม่ต้องรอคำตอบโฉบเข้ามาเลย
"ถ้าไม่ใช่เรื่องไร้สาระก็ทักมาได้"
ดีใจแค่ไหนดูพฤติกรรมกันเอาเอง ยื่นหน้ามาใกล้แล้วฉวยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่
"กุ๋งกิ๋งก็ขอบคุณค่า~" ยิ้มแฉ่งก้อนแก้มเป็นสีแดง น่าหมั่นไส้ไหมล่ะครับ ใช้ความทะเล้นเป็นเกาะกำบังหวังให้เราไม่กล้าว่าอะไร
"ขอบคุณน้า เราไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้าพร้อมกับข้าวแสนอร่อย!"
เปิดประตูลงจากรถไปมิวายหันมาโบกไม้โบกมือ สดใสจนวินาทีสุดท้ายที่เจอหน้ากัน
ผมผ่อนลมหายใจเอนหลังพิงเบาะ มองร่างสมส่วนหายลับตาไป สองจิตสองใจว่าจะเอายังไงต่อดีหลังจากนี้ มันจะกลายเป็นการให้ความหวังล่อเลี้ยงจิตใจอีกฝ่ายเกินไปหรือเปล่า
ขณะที่ตัดสินใจไม่ได้ผมจึงพิมพ์ข้อความส่งเข้าไปในไลน์กลุ่ม นัดรวมตัวเพื่อขอคำปรึกษาจากพวกเพื่อน ๆ ผู้มากประสบการณ์ทั้งหลาย
ท้ายที่สุดหวังว่าจะจัดระเบียบความคิดของตัวเองแล้วตัดสินใจได้เสียทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
---100%---