"เป็นเมียฉันต้องทนได้ทุกอย่าง ไม่ใช่มาทำตัวสำออย น่ารำคาญ"

นายหัวปัฐวี - ตอนที่ 1 นายหัวปัฐวี โดย อรัญญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,พระเอกโบ้,ความรัก,นิยายวาย,ดราม่า,แต่งงาน,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นายหัวปัฐวี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกโบ้,ความรัก,นิยายวาย,ดราม่า,แต่งงาน,#BL

รายละเอียด

"เป็นเมียฉันต้องทนได้ทุกอย่าง ไม่ใช่มาทำตัวสำออย น่ารำคาญ"

ผู้แต่ง

อรัญญา

เรื่องย่อ



ทั้งพิชญาและนายหัวปัฐวีได้หมั้นหมายกันก่อนที่พิชญาจะไปเรียนต่อเมืองนอก เมื่อเรียกจบแล้ว ทางครอบครัวจึงให้แต่งงานกัน พิชญารักนายหัวปัฐวีมาตั้งนาน จนวันที่แต่งงานกันก็มีแค่พิชญาเท่านั้นที่ดีใจจนออกหน้า หัวหน้าปัฐวีกลับไม่ได้มีท่าทีดีใจแต่อย่างใด


"เลิกทำตัวน่ารำคาญซักทีได้ไหมเกื้อ นายโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก"

"เกื้อมันน่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอเฮีย เพราะอะไรทำไมเฮียต้องทำกันขนาดนี้"

"ฉันไม่ได้อยากแต่งกับเธอไงเกื้อ ฉันไม่ชอบการผูกมัด"

สารบัญ

นายหัวปัฐวี-ตอนที่ 1 นายหัวปัฐวี,นายหัวปัฐวี-ตอนที่ 2 นายหัวปัฐวี,นายหัวปัฐวี-ตอนที่ 3 นายหัวปัฐวี,นายหัวปัฐวี-ตอนที่ 4 นายหัวปัฐวี

เนื้อหา

ตอนที่ 1 นายหัวปัฐวี


ณ. ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่


ร่างผอมบางสง่าพร้อมกับกระเป๋าเดินทางย่างกายออกจากสนามบิน ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเขาโทรมาบอกว่าให้คนมารอที่หน้าสนามบินแล้ว


"คุณเกื้อหม้ายครับ"


"อ่อ...ใช่ครับ"


"พอดีคุณอรให้ผมมารับคุณเกื้อครับ"


ที่นี่เป็นภาคใต้ การที่คนของครอบครัวจะพูดภาษาถิ่นออกมาไม่แปลก แต่อีกฝ่ายไม่ได้พูดจนเขาแปลไม่ได้ แค่สำเนียงยังคงเป็นของภาษาใต้อยู่


พิชญาถือของขึ้นรถโดนมีลุงเชิดช่วยถืออีกแรง เมื่อของทุกอย่างเก็บเข้าที่ นายเชิดเดินมาเปิดประตูให้พิชญาทันที


จนเวลาผ่านไป รถเลี้ยวเข้าภายในบ้านแห่งหนึ่ง พิชญามองออกไปพบว่าไม่ใช่บ้านของตนนิ


"ลุงเชิดครับ ทำไมเข้ามาที่นี่"


"คุณวิเชียรกับคุณอรอยู่ที่นี้ครับ ท่านว่าให้ผมพาคุณเกื้อมา"


"บ้านใครครับ"


"บ้านนายหัวปัฐวีครับ"


พิชญาลงจากรถ และรับกระเป๋าจากลุงเชิดก่อนจะฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย และเอ่ยขอบคุณไป ร่างบางย่างกายเข้ามาภายในบ้านที่ลุงเชิดบอกว่า บิดามารดาของเขาอยู่ที่นี่ บ้านหลังนี้เป็นของปัฐวี แต่แปลกทำไมครอบครัวเขามาที่นี่ ญาติ ๆ ก็ต่างอยู่อีกหมู่บ้านนึง ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองขนาดนี้


"เกื้อหม้ายลูก"


"เกื้อเองครับแม่"


"ลูก…พันพรือบ้าง"


มารดาโผล่เข้ากอดลูกชายอย่างอดคิดถึงไม่ได้ เพราะไม่ได้เจอกันนาน ตลอดเวลาที่สี่ถึงห้าปีนี้ เกื้อทั้งทำงานและเรียนไปด้วย เนื่องจากยังลาออกจากงานที่ตนทำยังไม่ได้ จึงยังไม่สามารถกลับมาที่บ้าน


"แม่…ลูกฟังภาษาใต้ไม่ออก แม่ลืมเหรอ"


บิดาเอ่ยขึ้น เพราะบิดาของเขาเป็นคนกรุงเทพมหานคร ซ้ำยังเป็นลูกครึ่งไทยจีนอีกด้วย สามารถพูดภาษาไทยพื้นฐานกับลูกชายได้ปกติ มีแต่มารดาที่ยังภาษาของถิ่นบ้านตนเอง แต่เกื้อก็ยังพอฟังได้อยู่


"แม่ขี้ลืมอิตายแล้วพ่อ"


"ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ เกื้อฟังได้อยู่บ้าง ว่าแต่ทำไมพ่อกับแม่ถึงมาอยู่ที่นี้


ด้วยความสงสัยจึงเอ่ยถามบิดามารดาไป ทั้งสองหันมองหน้ากัน และยิ้มออกมา


"หนุ้ยจำไม่ได้เหอะ ว่าก่อนอิไปเรียนต่อ หนุ้ยหมั้นกับใคร"


เมื่อมารดาเอ่ยขึ้น พิชญาพลันนึกถึงเรื่องราวก่อนที่ตนจะไปเรียนที่เมืองนอก เมื่อนึกขึ้นได้ก็หันมองหน้าบิดามารดาทันที


"ครอบครัวพี่เขารออยู่ ไปกัน"


ทั้งสามเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ จากนั้นแม่บ้านเดินเข้ามาช่วยถือกระเป๋า


"ขอบคุณครับ"


"อ่าว…กลับมาแล้วเหอะลูก มาแม่กอดที"


มารดาของคนที่เขารักมาตลอดหันมาเจอเขาพอดี เอ่ยขึ้นและเข้ามาสวมกอดเขาทันที


"พันพรือบ้างหนุ้ย บายดีหม้าย"


"สบายดีครับ"


"ใครมาเหรอครับแม่"


เสียงคนที่เขานั้นคิดถึงมาตลอดเอ่ยขึ้น พิชญาหันไปมอง พบว่าร่างกำยำสูงสง่า หน้าคมจมูกโด่ง ทุกส่วนล้วนมีเสน่ห์จนน่าจับมอง


"หนูเกื้อ…จำได้หม้ายตาปัฐ"


"...."


ยัยตัวแสบกลับมาทำไม ฉันไม่อยากแต่งงานกับเธอนะ




"มาลูกมา กับข้าวพร้อมแล้ว มาน้องอรพ่อวิเชียร"


"ตาปัฐไปแลพ่อหนุ้ยที ทำไรไม่ลงมาสักที แขกมากันหมดแล้ววันนี้จะได้คุยเรื่องสำคัญเลย"


"หม้ายต้องไม พี่มาแล้ว"


"ช้าอิตายนิพี่"


แม่ดาวเรืองเอ่ยใส่สามีของตนไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจเกื้อที่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ เพราะเหมือนโดนกดดันจากสายตาของปัฐวี


"หนูเกื้อ…กลับมาช้าจังละลูก"


"พอดีผมติดงานจากที่นั่นน่ะครับ ก็เลยยังมาไม่ได้"


"ตอนนี้เรียบร้อยหมดแล้วใช่หม้าย"


"เรียบร้อยแล้วครับ"


"ดีเลย"


แม่ดาวเรืองเอ่ยพร้อมมองไปที่ลูกชายของตนเอง จากนั้นหันมองเกื้อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


"ทานข้าวกันก่อนต๊ะ แม่มีเรื่องอิแหลงอยู่หลายเรื่อง ตาปัฐอยู่ก่อน ให้สินไปแลที่ท่าแทน"


"แต่แม่ครับ"


"อย่าขัดแม่"


"ครับ…"


ปัฐวียอมที่จะอยู่ต่อ ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่ามารดาของตนเองจะพูดเรื่องอะไร แต่เขาแค่ไม่อยากอยู่ฟังเท่านั้นเอง เพราะยังไงก็คงปฏิเสธที่จะไม่แต่งกับคนที่นั่งข้าง ๆ มารดาตนเองได้อยู่แล้ว


เมื่อพวกเขาทานข้าวกันเสร็จ แม่บ้านก็ได้นำทุกอย่างเก็บออกไปจากโต๊ะอาหารทันที ตอนนี้มีเพียงครอบครัวเขาและครอบครัวของยัยตัวแสบอยู่


"ในเมื่อหนูเกื้อกลับมาแล้ว ที่เรากำลังหมั้นหมายกันไว้ ว่ารอหนูเกื้อเรียนจบแล้ว จะให้แต่งงานกับตาปัฐ ถือว่าเป็นการพูดกันเลย ทางเราจะปองดองกัน"


"ทางน้องไม่ได้อะไรมากนะพี่ดาว ยังไงก็ได้ อีกอย่างน้องแล้วแต่ลูกด้วย"


"ถึงอย่างนั้น น้องก็บอกเรื่องสินสอดมาเลยต๊ะ พี่จะแลฤกษ์แต่งมาให้เร็วที่สุด พี่อยากได้หนูเกื้อมาเป็นสะใภ้บ้านพี่"


"แค่พี่รักเอ็นดูลูกน้อง ก็ดีแล้วพี่"


"ไม่ได้หรอกอร คนจะว่าเอาได้ เอาเป็นว่าค่าสินสอดสิบล้าน ทองสองลึง ตามนี้นะน้องนะ"


"ได้ค่ะพี่"


"ได้ครับ"


ครอบครัวของพิชญาหรือเกื้อ ตอบตกลงไป มีเพียงเกื้อที่ไม่กล้าแม้จะสบตาคมเข้มจากปัฐวีเลยแม้แต่น้อย


"น้องกลับก่อนนะพี่ เกื้อพึ่งลงรถมา ให้ไปพักก่อน"


"อืม…ได้ฤกษ์เมื่อไหร่ พี่อิโทรหานะ"


"ค่ะ"


ทั้งสองครอบครัวอำลากัน ต่างจากปัฐวีที่มีหน้าตาไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ


ตลอดที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้พี่รักเกื้อมากขึ้นเลยเหรอ เกื้ออุส่าทักหาพี่ตลอด วันนี้ที่กลับไม่ได้ทักหากะจะเซอร์ไพรส์ แต่ดันผิดคาดเสียได้ เพราะพี่ยังคงไม่ต่างจากเดิม




"แลทำหน้า ไสไม่แหลงกับน้อง"


"ผมไม่มีอะไรจะคุยนิครับแม่"


"มันพันพรือตาปัฐ"


"ผมไม่อยากแต่ง ผมยังไม่อยากผูกมัดกับใคร"


"ปัฐ…"


"พ่อครับ…ผมไม่ได้รักเขา แต่งไปก็ไม่มีประโยชน์"


ปัฐวีเถียงจนเอ็นขึ้นคอ ไม่ฟังคำใด ๆ ทั้งนั้น เขาไม่อยากแต่ง ไม่อยากผูกมัด ไม่อยากต้องมารายงานทุกอย่างหรอกนะ มันน่าเบื่อ น่ารำคาญจะตาย


"แม่แหลงแล้ว…ถ้าไม่แต่ง ฝั่งน้องอิเสียหาย"


"แม่อยากให้ผมแต่งมากนักใช่ไหม ได้ผมแต่งให้ ลองดูว่าที่สะใภ้แม่จะทนได้ซักกี่น้ำ"


"ตาปัฐ…ตาปัฐ!"


ปัฐวีเดินออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม่ดาวเรืองตะโกนออกมาตามหลัง แต่เขาไม่มีแม้แต่จะหันมอง อยากให้เขาแต่ง เขาก็จะแต่ง มาลองดูว่ายัยตัวแสบนั้น จะทนเขาได้ซักเท่าไหร่กันเชียว


"น้องพอก่อน"


"พี่แลลูกต๊ะ"


"น้องใจเย็น ๆ ปล่อยก่อน ยังไงซะเราเตรียมตัวฝั่งเรา มันคงไม่ทำไรหรอก"


"อืม"


แม่ดาวเรืองที่ได้สามีคอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เขารักเอ็นดูหนูเกื้อมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยากได้เป็นสะใภ้มาก ๆ ในวันที่ลูกเขาได้ช่วยหนูเกื้อจากที่จมน้ำ ทำให้เด็กทั้งสองได้เจอกัน เขาเชื่อในดวงตาของตัวเอง เพราะแววตาที่หนูเกื้อมีให้ลูกชายของเขา มันแสดงออกทุกอย่าง