❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 2 His special offers and binding conditions โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 2 His special offers and binding conditions

จากที่ง่วงๆ ตาจะปิด ตอนนี้ผมตาสว่าง แถมยังหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ทั้งยังเกร็งไปทั่วสรรพางค์กาย บอกตามตรงว่าผมเกร็งจนจะแข็งเป็นหิน อนึ่งเพราะบรรยากาศในรถช่างเงียบเชียบ อีกทั้งแอร์ที่เย็นฉ่ำยังทำให้ผมหนาวจนสะท้าน แต่ทว่ากลับไม่กล้าแม้แต่ที่จะเอ่ยปากบอกเขาว่าผมหนาว...เพราะผมเกรงใจ


ก่อนลงจากรถคุณแกมมาบอกผมว่า ‘พรุ่งนี้ให้คำตอบกับผมก่อนเลิกงานนะครับ...’


ผมไม่รู้ว่าข้อเสนอที่เขาเอ่ยถึงคืออะไรกันแน่ แต่มีหนึ่งสิ่งที่คาใจผมและยังคงเป็นปริศนาก็คือ คำพูดของเขาที่บอกกับผมในห้องทำงาน ‘เพราะหนึ่งในข้อเสนอของผมคือข้อผูกมัดที่จะทำให้คุณไร้ซึ่งอิสระ...’


ทันทีที่ถึงห้อง ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความดู คุณแกมมาส่งไฟล์เอกสารมาให้ผม เมื่อผมเปิดอ่านจึงได้รู้ว่านั่นคือข้อเสนอที่เขาบอกกับผมเอาไว้ก่อนหน้านี้



The offers and binding conditions (ข้อเสนอและข้อผูกมัด)


1. Tidying a house and watering the plants (ทำความสะอาดบ้านและรดน้ำต้นไม้)


- 5 days a week (5 วันต่อสัปดาห์)



2. Preparing meals (เตรียมอาหาร)


- Lunch and dinner (only on your days off) or more than two meals


(เตรียมมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เฉพาะวันที่คุณหยุดเท่านั้น) หรือมากกว่าสองมื้อ



3. Watching movies together (ดูหนังด้วยกัน)


- Whatever you want to watch, I’ ll let you pick ones.


(เรื่องอะไรก็ได้คุณอยากดู ผมให้คุณคนเลือก)


4. Having sexual relations and it’ s not about casual sex because there will be only just you til our conditions end. (มีความสัมพันธ์กับผมและมันไม่ใช่เซ็กซ์แบบฉาบฉวย เพราะผมจะมีแค่คุณเท่านั้นจนกว่าเงื่อนไขของเราจะจบลง)


This is what I meant when I told you about the binding conditions or you can say it’ s a reciprocal. First, I want to let you know that I’ m not forcing you to do this if you’ re not okay with the conditions then we’ ll just drop it, just say ‘NO’ to me. Second, if you agree with the offers then we’ ll start our agreement tomorrow. The last one, I’ m not messing with a guy who has a boyfriend, so that means you’ re not committed with any guy.


(นี่คือสิ่งที่ผมหมายถึงตอนที่บอกกับคุณเกี่ยวกับข้อผูกมัด หรือคุณจะเรียกมันว่าข้อแลกเปลี่ยนก็ได้ อย่างแรก...ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้บังคับให้คุณต้องทำมัน ถ้าคุณไม่โอเคกับข้อผูกมัดนี้ ก็แค่ปล่อยมันไป แค่ปฏิเสธผม อย่างที่สอง...ถ้าคุณเห็นด้วยกับข้อเสนอ เราจะเริ่มข้อตกลงของเราในวันพรุ่งนี้ และสุดท้าย...ผมไม่ยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะต้องไม่ผูกมัดกับผู้ชายคนไหน)


5. You’ ll get paid more than your salary at the bar (คุณจะได้เงินเดือนมากกว่าที่ได้ที่จากบาร์)


ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไร...ผมเอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ของตัวเองหลังจากที่อ่านข้อเสนอของคุณแกมมาซ้ำไปซ้ำมา ผมไม่ได้ติดใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องข้อผูกมัดของเขา เพราะสมัยนี้เรื่องแบบนี้เปิดกว้างมากเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์และความสัมพันธ์ในเชิงที่ได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่ผมคิดไม่ตกเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต



3 AM


ติ๊ดๆ


‘เจ้าหนี้ขาโหด’


ยังไม่ถึงเวลาจ่ายหนี้เลยนี่นา ทำไมถึงได้โทรมา


“ (ตอนเก้าโมงเอาเงินลงมาจ่ายกูด้วย) ”


“แต่นี่มันยังไม่ถึงวันที่ต้องจ่ายเลยนะครับ” ตามจริงแล้วผมจะต้องจ่ายให้เขาทุกวันอังคาร แต่นี่เพิ่งจะวันจันทร์ แล้วอีกอย่างเงินเดือนของผมยังไม่ออกเลย ทั้งที่บาร์แล้วก็ที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วผมจะเอาอะไรไปจ่ายให้เขาได้


“ (กูอยากให้มึงจ่ายวันไหนมึงก็ต้องจ่าย!) ”


“ผมยังไม่มีจ่ายครับ ขอเวลาก่อนได้ไหม? ถ้าคุณรออีกสักวัน ผมมีจ่ายให้คุณแน่ครับ เพราะเงินเดือนของผมออกวันอังคาร”


“ (ก็กูจะเอาวันจันทร์ ไม่มีมึงก็หามาสิวะ! พี่มึงเสือกไม่ใช้หนี้กูเอง ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ลงมากูจะขึ้นไปพังห้องมึงให้ยับ...หรือจะให้กูซ้อมมึงเหมือนตอนนั้นดี?) ”


ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับความบัดซบของชีวิต หนี้ที่ผมไม่ได้ก่อ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยสักนิด


ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ก้อนสะอื้นพลันแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ผมได้แต่กำมือแน่น พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ทั้งหวาดกลัว ทั้งหมดหนทาง นึกถึงภาพวันที่ตัวเองโดนซ้อมแล้วผมยิ่งกลัว ตอนนั้นผมเพิ่งทำงานที่บาร์ได้ไม่นาน แต่กลับต้องหยุดงานกะทันหันเพราะโดนซ้อมจนเดินแทบไม่ได้ ผมโกหกพี่ซิปที่เป็นผู้จัดการว่าผมลื่นล้มในห้องน้ำเลยทำให้บาดเจ็บ ผมใช้เวลาหยุดงานไปเป็นอาทิตย์ โชคดีที่พี่ซิปไม่ได้ซักไซ้หรือตำหนิอะไรผม


นี่มันเวรกรรมอะไรของผม ทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย...


ผมตัดสินใจโทรหาคุณแกมมาหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่สักพัก


“ (ครับ...) ” ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสาย หัวใจของผมก็เต้นระส่ำ


“ผมตกลงครับ...เรื่องข้อเสนอของคุณ”


“ (คุณยังมีเวลาคิดทบทวนนะครับ...) ”


“ผมคิดดีแล้วครับคุณแกมมา แต่...ผมมีเรื่องอยากจะขอคุณหนึ่งเรื่อง”


“ (...ครับ) ” เอาวะ ด้านได้อายอด ตอนนี้คุณแกมมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผมแล้ว ถ้าผมไม่ขอเบิกเงินล่วงหน้า ผมคงไม่มีทางหาเงินมาใช้หนี้ของไอ้นักเลงนั่นได้ทันวันพรุ่งนี้แน่


“ผมขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้ไหมครับ ผมจำเป็นที่จะต้องใช้เงินพรุ่งนี้เช้า เป็นเรื่องด่วนมากครับ”


“ (ได้ครับ...แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน พรุ่งนี้แวะมาหาผมที่เพนต์เฮาส์นะครับ...) ”


ที่เพนต์เฮาส์?


“เอ่อ...ครับ”


“ (ฝันดีครับคุณไวน์...) ” เขาเอ่ยชื่อผมด้วยเสียงนุ่มทุ้ม


“ฝันดีครับคุณแกมมา”


หลังจากที่วางสาย คุณแกมมาได้ส่งโลเคชันที่อยู่ของเขามาให้ผมที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่ไหวติง ทำไมจู่ๆ ใจของผมมันถึงเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างนี้ล่ะ เพียงแค่เขาพูดคำว่าฝันดีกับผมเท่านั้น ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลย ผมนี่ชักจะบ้าไปกันใหญ่...



นอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะมัวแต่พะวงว่าจะตื่นสาย กลัวเหลือเกินว่าพวกเจ้าหนี้นักเลงพวกนั้นจะมาพังห้องของผม ผมอาบน้ำแต่งตัวและรีบไปกดเงินที่ตู้ ATM ก่อนจะมานั่งรอเจ้าหนี้ขาโหด และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เจ้าหนี้นักเลงพวกนั้นมาถึงก่อนเวลาแถมยังยกโขยงมาเสียเยอะ แถมยังยืนเกะกะขวางทางคนเข้าออกอีกต่างหาก ผมรีบเดินเอาเงินไปให้เขาในทันใด ถือว่านี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ผมต้องจ่ายพวกเขาแล้ว ต่อจากนี้ไปหวังว่าผมจะไม่ต้องเจอหน้าพวกเขาอีก!


“หาเงินเร็วดีนี่ มึงเอาจากที่ไหนมาให้กู”


“เบิกล่วงหน้ามาจ่ายครับ”


“นี่ถ้ากูรู้ว่ามึงหาเงินได้ง่ายๆ แบบนี้ กูคงเพิ่มดอกเบี้ยไปอีก ฮ่าๆ”


หน้าเลือดฉิบ...แค่นี้ผมก็จะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคุณแกมมาผมแย่แน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นผมคงโดนซ้อมจนตายกลายเป็นเป็นผีเฝ้าห้อง


ผมนั่งรถแท็กซี่มาตามโลเคชันที่คุณแกมมาให้ผมไว้เมื่อคืน พร้อมกับวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาอยากกินอะไร เพราะว่าเขาไม่ได้บอกผม เพียงแค่พิมพ์ข้อความมาทางแช็ตว่าข้อแลกเปลี่ยนที่เขาหมายถึงคือ...มื้อกลางวัน


ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าคอนโดของคุณแกมมา เขาบอกผมไว้ว่าถ้ามาถึงแล้วให้แจ้งกับพนักงานด้านล่างได้ทันที พี่พนักงานยื่นคีย์การ์ดให้ผม พร้อมกับบอกทางว่าผมต้องไปทางไหนบ้าง พี่พนักงานบอกกับผมว่าพี่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบนเลยไม่สามารถเดินไปส่งผมได้ ทำได้เพียงแค่บอกทางกับผมแทน


ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูสบายตา ไม่ว่าผมจะไปตรงไหนที่เขาอยู่ ผมก็มักจะได้กลิ่นหอมๆ ของเขาวนอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งมันเป็นกลิ่นหอมที่ติดจมูก เป็นกลิ่นหอมๆ ที่ไม่ฉุนเลยสักนิด ทั้งยังแฝงไปด้วยความเท่และความอบอุ่น ผมคิดว่าเป็นกลิ่นที่เหมาะกับเขาจริงๆ


“คุณแกมมาครับ....” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กอีกครั้งว่านอกจากที่เขาบอกให้ผมทำอาหารกลางวันให้เขาแล้ว ผมยังต้องทำอะไรอีกไหม


‘ถ้าคุณมาแล้วผมยังไม่ตื่น รบกวนคุณปลุกผมด้วยนะครับ’


เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเขา มือเล็กเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตู สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือร่างกำยำที่มีผิวขาวเนียนละเอียด นอนสลบไสลอยู่บนเตียงกว้าง โดยไร้ซึ่งเสื้อที่ปกปิดส่วนบน เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบปิดประตูทันที


ผมเลื่อนมือขึ้นมากุมที่หน้าอกของตัวเองเมื่อสัมผัสได้ว่าหัวใจของผมกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ มิหนำซ้ำยังรู้สึกร้อนวูบๆ ที่ใบหน้า นี่ผมกำลังเขินอยู่อย่างนั้นใช่ไหม...


ไม่รู้ว่าลูกครึ่งแบบคุณแกมมาจะชอบกินอาหารไทยมากน้อยแค่ไหน ผมเลยคิดว่าจะทำเป็นอาหารที่ผมชอบให้เขากิน ซึ่งผมคิดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะเข้านอนแล้วล่ะ เมนูนั้นก็คือ ข้าวหมูอบน้ำจิ้มแจ่ว ว่าแต่...คุณแกมมาจะกินเป็นไหมนะ?


ระหว่างที่เคี่ยวน้ำซุปจากโครงไก่และรอให้หมูหมักเข้าเนื้อ ผมจึงหันมาทำน้ำจิ้มแจ่วเตรียมไว้ก่อน โดยที่ผมเลือกทำเป็นสูตรแบบง่ายๆ แบบที่ไม่ใช้น้ำมะขามเปียก ขั้นแรกใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเล็กน้อย ตามด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว จากนั้นคนให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลาย ตามด้วยพริกป่นเพียงครึ่งช้อนชาเท่านั้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวคั่วหอมๆ ที่ผมเตรียมมาจากบ้านด้วย ปิดท้ายด้วยหอมแดง ต้นหอมและผักชีฝรั่งซอย ฮืม...หอมจัง!


มีความสุข...เวลาที่ได้ทำอาหาร ผมฮัมเพลงที่ผมชอบควบคู่ไปการทำ เรียกได้ว่าเพลินสุดๆ


ผมคิดว่าผมควรที่จะปลุกคุณแกมมาให้เขาลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหมูที่อบไว้น่าจะสุกกำลังกินพอดี


“อุ้ย!” ตกใจจนสะดุ้งสุดตัว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่คุณแกมมามายืนมองผมทำอาหารอยู่ตรงนี้


คนตัวสูงที่ดูท่าทางสะลึมสะลือเดินมายังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นจุดที่ผมยืนอยู่ ผมเลยเดินถอยหลังเพื่อหลีกทางให้เขาได้ยืนได้อย่างสะดวก ทั้งที่เพิ่งตื่นนอนแท้ๆ แต่ตัวของเขากลับหอมราวกับคนที่เพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ อย่างไรอย่างนั้น


เขาเอื้อมมือยกเหยือกรินน้ำใส่แก้ว พร้อมกับปรายตามองไปยังถ้วยน้ำจิ้มแจ่วที่ผมเพิ่งทำเสร็จเมื่อสักครู่นี้ แถมยังขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายว่าจะสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่


“มันคือน้ำจิ้มแจ่วครับ คุณแกมมาเคยทานมาก่อนไหมครับ?”


คนตัวสูงส่ายหัวไปมาขณะที่กำลังดื่มน้ำอยู่


“เอาไว้ทานกับหมูอบครับ ตอนนี้กำลังอบอยู่ อีกประมาณห้านาทีก็จะเสร็จแล้วครับ”


“ผมไม่เคยทานมาก่อนเลยครับ แต่จะลองดู คุณไวน์มานานหรือยังครับ?” เขาเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ ดูท่าแล้วเขาจะสงสัยกับเมนูของผมจริงๆ เขาเลื่อนถ้วยน้ำจิ้มเข้ามาใกล้ ค่อยๆ ยกขึ้นมาดมช้าๆ


“น้ำปลา?”


“ครับ มีน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ มะนาว พริกป่น แล้วก็ข้าวคั่วครับ” คนตรงหน้าพยักหน้าหงึกๆ


ผมเริ่มคิดหนักแล้วสิว่าเขาจะกินเมนูที่ผมทำวันนี้ได้ไหม...


ข้าวหมูอบร้อนๆ เสิร์ฟคู่มากับน้ำซุปหอมๆ ที่เคี่ยวจากโครงไก่ และน้ำจิ้มแจ่ว ผักเคียงคือแตงกวาเย็นๆ ที่ผมหั่นและแช่ตู้เย็นเอาไว้


“เวลาที่คุณแกมมาทาน ให้ตักน้ำจิ้มแจ่วราดบนเนื้อหมูนิดหนึ่งนะครับ นิดเดียวพอ เพราะว่าหมูมีรสชาติอยู่แล้ว ผมใส่พริกแค่นิดเดียวเพราะเดาว่าคุณแกมมาน่าจะไม่ชอบทานเผ็ด...ทานข้าวให้อร่อยนะครับ”


“ผมไม่...”


คล้ายจะได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าคุณแกมมาพูดอะไรบางอย่างแฮะ ทว่าพอหันกลับไปก็ไม่เห็นว่าเขาจะพูดอะไร


แน่นอนว่าผมทำของผมเผื่อเอาไว้ด้วย แต่ผมไม่ได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณแกมมา ผมมานั่งกินที่เคาน์เตอร์ตรงครัว กินไปเอาสมุดรายรับรายจ่ายออกมาเขียนไปด้วย เพิ่งจะเริ่มงานตามข้อเสนอของเขาแท้ๆ แต่เงินค่าจ้างดันเอาไปใช้หนี้หมด เหลือไว้ให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้ รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็หมดพอดี ฮือ...


ผมเหลือบมองคุณแกมมาเป็นระยะๆ เพราะอยากรู้ว่าเขาจะกินมันได้ไหม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพอดี


“พอทานได้ไหมครับ?”


“ได้ครับ...อร่อยมาก”


แสดงว่าเมนูนี้ผ่าน...ค่อยโล่งอก ผมทำเมนูอาหารตะวันตกไม่ค่อยเป็น ที่พอจะทำได้เห็นจะมีแค่สปาเกตตีและสเต๊กเพียงแค่นั้น ผมต้องหาสูตรทำอาหารเพิ่มเติมแล้วล่ะ


หลังจากที่กินมื้อกลางวันเสร็จสักพัก คุณแกมมาก็ได้ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก ส่วนผมกำลังล้างจานและอุปกรณ์ทำอาหารที่ผมรื้อออกมาใช้จนเต็มห้องครัว คิดว่าล้างของเสร็จสรรพแล้วผมจะทำความสะอาดบ้านและรดน้ำต้นไม้ต้นเล็กๆ ให้เขาต่อเลย


ผมเขียนโน้ตแปะเอาไว้ที่โต๊ะ เพราะผมต้องไปถึงบาร์ก่อนเวลาเข้างานหนึ่งชั่วโมง เอ...เหมือนว่าในกระเป๋าจะมีลูกอมรสเมลอนติดมาด้วยแฮะ จริงๆ ผมเอาติดกระเป๋ามาทุกวันนั่นแหละ เพราะผมชอบเวลาที่ปากของผมมีกลิ่นหอมๆ ของมัน ผมเลยเอาวางไว้บนกระดาษโพสต์อิทที่ผมเขียนโน้ตทิ้งไว้สองเม็ด


[Special talk: Gamma]



‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่ต้องมาใช้หนี้แทนพี่ชายที่ก่อไว้หนี้แล้วหนีหาย ทั้งที่เป็นน้องแต่ดันมีความรับผิดชอบมากกว่าพี่เสียอีก ผมยื่นข้อเสนอให้ไวน์เพื่อเป็นการช่วยเหลือเพราะลำพังแค่ค่าจ้างที่บาร์ต่อเดือนคงไม่พอจ่ายหนี้ให้ผม ถึงต่อให้พอ แต่ไวน์ก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลย


ข้อเสนอและข้อผูกมัด...นั่นคือสิ่งที่ผมเสนอให้ไวน์ อาจจะฟังดูไม่เป็นธรรมที่ข้อผูกมัดของผมคือการที่เขาต้องนอนกับผมและห้ามมีความสัมพันธ์กับใครคนอื่น ซึ่งผมไม่บังคับเขาให้เขาต้องทำมัน ผมจะไม่บังคับให้ใครต้องมานอนกับผม แต่แล้วไวน์ก็ทำให้ผมประหลาดใจด้วยการตอบรับข้อเสนอนั้นเร็วกว่าที่ผมคาดเอาไว้เสียอีก


ผมรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่ไวน์เริ่มเข้าครัวทำอาหาร ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะลืมไปว่ายังมีผมอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องด้วย ผมได้ยินเสียงไวน์ฮัมเพลงเบาๆ ขณะที่กำลังทำอาหาร ยอมรับว่าเสียงฮัมเพลงและร้องเพลงคลอเบาๆ ของไวน์เรียกรอยยิ้มของผมได้ไม่น้อย


ข้าวหมูอบน้ำจิ้มแจ่ว... What is that? (มันคืออะไร?) เมนูที่ผมไม่เคยทานมาก่อนเลยในชีวิต ผมทานอาหารไทยบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งเมนูที่รู้จักเห็นจะเป็นเมนูพื้นๆ ที่คนทั่วไปนิยมทานกัน เช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย ไข่เจียว อะไรประมาณนั้น แต่ข้าวหมูอบน้ำจิ้มแจ่วเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ยอมรับว่าหน้าตาและกลิ่นของมันยั่วน้ำลายผมมาก ทั้งยังมีน้ำจิ้มแจ่วที่มีกลิ่นหอมของข้าวอะไรสักอย่างที่เป็นสีขาวๆ ปนอยู่ในนั้น...ข้าวคั่ว? Is that right? (ผมเรียกถูกไหม?)


“ผมไม่...”


‘ผมไม่ชอบร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่น’


นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะพูดออกไป เพราะคิดว่าไวน์จะมานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกันกับผม ทว่าไวน์กลับแยกตัวไปนั่งที่เคาน์เตอร์ตรงครัวโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากบอกอะไรเลยสักนิด


ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนถือตัว แต่เพราะผมชินกับการนั่งทานข้าวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ และเหตุผลที่ผมต้องทำแบบนั้นคือสิ่งที่ผมอยากจะลืมๆ มันไม่ให้เหลือในความทรงจำของผมเลยแม้แต่น้อย มีหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่ฝังใจผมมาตลอดและมันไม่สามารถลบเลือนออกไปจากใจของผมได้เลย ผมรักษาบาดแผลในจิตใจของผมไม่ได้ แม้แต่จิตแพทย์ที่ผมเคยเข้าพบก็ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้...



‘คุณแกมมาครับ ผมขอไปที่บาร์ก่อนนะครับ


ขอโทษที่ผมไม่ได้บอกคุณด้วยตัวเอง ผมกลัวจะไปถึงช้า


ถ้าพรุ่งนี้คุณแกมมาอยากทานอะไรเป็นพิเศษ


คุณแกมมาพิมพ์ทิ้งไว้ในแช็ตได้เลยนะครับ


พรุ่งนี้ก่อนมาที่คอนโดผมจะได้แวะซื้อวัตถุดิบที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาทำให้ครับ’



ไวน์แปะโพสต์อิทไว้ที่โต๊ะก่อนจะกลับไป และนี่คงเป็นครั้งที่สองที่คนตัวเล็กให้ลูกอมรสเมลอนกับผม


“หึ...” ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้ อย่างไรเสียผมก็ทานมันอยู่ดีนั่นแหละ...


โดยปกติผมจะเข้าบาร์อาทิตย์ละสามวัน เพื่อเข้าไปเช็กความเรียบร้อยรวมถึงบัญชีรายรับรายจ่าย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรเสียงดัง แต่ผมเลือกที่จะเปิดบาร์เพราะผมไม่อยากรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่ผมเคยเผชิญมา ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะสร้างห้องทำงานแบบเก็บเสียงเพราะไม่อยากได้ยินเสียงรบกวนจากด้านล่าง โคตรขัดแย้ง...


ผมไม่เคยให้พนักงานเสิร์ฟคนไหนเข้ามาในห้องทำงานของผม ไวน์เป็นคนแรกที่ผมอนุญาตให้เข้ามา ปกติแล้วคนที่จะเข้ามาได้มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่หรือผู้รับผิดชอบในโซนต่างๆ เท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไวน์ถึงกลายเป็นข้อยกเว้น คงเป็นเพราะไวน์ดูเป็นคนที่ ‘น่าสนใจ’ อย่างนั้นแหละมั้ง


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เจอกับไวน์ ผมเคยเจอไวน์มาแล้วน่าจะประมาณสองถึงสามครั้ง ครั้งแรกที่เจอคงเป็นตอนที่เขาพาคุณยายคนหนึ่งข้ามถนนตรงช่วงใกล้จะถึงจุดชมวิวแถวๆ บาร์ ในวันนั้นผมจอดรถสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นพอดี และสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในทันทีคือความอบอุ่นที่ผ่านทางแววตาและรอยยิ้มของเขา หลังจากที่ไวน์พาคุณยายคนนั้นข้ามถนน คุณยายก็ให้ขนมเป็นของตอบแทน ผมเห็นเขานั่งทานอยู่ตรงม้านั่ง ซ้ำยังร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อย พร้อมกับพึมพำออกมา


‘ผมคิดถึงยายจัง...’ น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเขาในวันนั้น ทำให้ผมรู้สึกสงสารเขาจับใจ


ส่วนครั้งที่สองที่เจอไวน์ คงเป็นตอนที่เขานั่งให้ขนมแมวเลียกับแมวจรจัดอยู่ตรงหัวมุมร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ผมเจอคนตัวเล็กด้วยความบังเอิญ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นเขานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยมีลูกแมวตัวเล็กๆ นั่งอยู่ข้างๆ


ผมไม่รู้ว่าชีวิตของไวน์ผ่านอะไรมาบ้างในเวลานั้น ในตอนที่ผมเจอถึงสองครั้งสองครา แต่ในวันนี้ผมได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมไวน์ถึงร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย ชีวิตของเขาผ่านอะไรมามากมาย ตัวเล็กแค่นิดเดียวแต่กลับต้องแบกรับความผิดชอบไว้บนบ่าตั้งขนาดนั้น...



Gamma: พรุ่งนี้เช้าขอเป็นอาหารไทยอีกได้ไหมครับ?



ติ๊ง!


WhyWine: ได้ครับคุณแกมมา


Gamma: ไว้โอกาสหน้าคุณไวน์ทำเมนูแบบเมื่อกลางวันให้ผมทานอีกนะครับ


Wine: ครับ มันไม่เผ็ดไปใช่ไหมครับ?


Gamma: ไม่ครับ...กำลังดี อร่อยมากครับ


Wine: ดีใจที่คุณแกมมาชอบนะครับ



[Special talk: End]