❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 3 Day off and movie night โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 3 Day off and movie night

Velvety จะปิดทุกวันพุธและวันอาทิตย์ ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งสองวันนี้จะเป็นวันที่ผมได้ทำงานที่เพนต์เฮาส์ของคุณแกมมาอย่างเต็มตัว วันนี้ผมตื่นประมาณแปดโมงครึ่ง จะว่าไปผมไม่ได้นอนเต็มอิ่มแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน บางครั้งต้องรีบตื่นไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อเพราะว่าผมได้กะเช้าถึงห้าโมงเย็น เรียกได้ว่าทำงานไปหัวจะทิ่มไป เนื่องจากนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมเลยตัดสินใจลาออกจากที่นั่น


ถ้าไม่ติดว่าต้องใช้หนี้แทนพี่ชายที่ไม่เอาไหน ป่านนี้ผมคงอู้ฟู่ไปแล้ว เพราะลำพังตัวเองก็ใช้ไม่เท่าไร เงินเดือนที่บาร์ก็ถือว่าดีพอสมควร แถมยังไม่ถูกหักค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม ได้ทิปจากลูกค้าเท่าไรพี่ซิปก็ให้เต็มๆ จริงๆ ต้องขอบคุณคุณแกมมาที่เขาใจดีกับพนักงานอย่างเราๆ ถ้าไปทำที่อื่น ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเจ้านายที่ดีแบบนี้อีกไหม...


โชคดีที่เมื่อคืนผมได้นอนหลับเต็มอิ่ม นั่นเป็นเพราะได้กลับบ้านเร็วขึ้นกว่าเดิม พี่ซิปผู้จัดการได้บอกเอาไว้ก่อนที่จะเข้างานว่าคุณแกมมาเปลี่ยนเวลาเลิกงานเฉพาะวันอังคารและวันเสาร์ ให้ปิดร้านเร็วขึ้นสองชั่วโมง บอกตามตรงว่าผมดีใจมาก! ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วด้วย แถมฝนยังชอบตกเวลาที่ผมยืนรอรถประจำทางอีกต่างหาก ใจร้ายชะมัด...


ตอนนี้ผมกำลังจะเตรียมมื้อกลางวันให้คุณแกมมา และเมนูสำหรับวันนี้ก็คือ...ไข่น้ำและข้าวไก่กระเทียม


“คุณแกมมาครับ...”


ผมปลุกคุณแกมมาด้วยการเคาะที่ประตูห้องของเขาเท่านั้น เกรงว่าจะเป็นการละลาบละล้วงจนเกินไปถ้าต้องเข้าไปปลุกเขาถึงในห้องนอน แค่เมื่อวานเปิดประตูแล้วเจอเขานอนเปลือยท่อนบน ผมยังรู้สึกผิดจะแย่ แถมยังเขินเขาอีก...


ผมเช็ดโต๊ะอาหารและเตรียมน้ำใส่เหยือกไว้ระหว่างที่รอน้ำซุปเดือดได้ที่ และในจังหวะที่กำลังจะนำเอาไข่เจียวมาหั่นเพื่อใส่ลงในหม้อน้ำซุป สายตาพลับเหลือบมองไปยังคนตัวสูงที่กำลังเดินมาทางนี้ สายตาที่ไม่รักดีของผมกำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าอกและกล้ามท้องของคนที่เพิ่งตื่นนอน สิ่งที่เรียกความสนใจของผมจนหมดสิ้นเห็นจะเป็นรอยสักคำว่า ‘Lyla’ ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดอยู่ตำแหน่งกลางอกของเขา ไลลา? ผมคุ้นๆ ชื่อนี้แฮะ เหมือนเห็นชื่อนี้มาจากที่ไหนสักที่


จริงสิ...ไลลาเป็นชื่อของผู้หญิงในรูปที่เขาตั้งไว้บนโต๊ะทำงานที่บาร์ ผู้หญิงคนนั้นคงมีความสำคัญกับเขามาก เขาถึงได้สักชื่อของเธอเอาไว้ที่กลางอกแบบนี้


เสียงน้ำที่กำลังเดือดเป็นสิ่งที่ดึงผมให้หลุดจากภวังค์ ผมเลื่อนสายตาที่จับจ้องเขาอย่างเสียมารยาทกลับมามองยังหม้อน้ำซุปที่บัดนี้เดือดจนผักกาดขาวและหมูลอยละล่องขึ้นมาจนจะล้นหม้ออยู่แล้ว...


ผมควรจะหยุดทำตัวเสียมารยาทกับเขา ด้วยการเลิกมองเขาจนตาค้างแบบนี้เสียที...แย่ชะมัด


คนตัวสูงเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยสภาพที่ยังคงงัวเงียเช่นเดียวกันกับเมื่อวาน เขาดูเหมือนคนที่นอนไม่พออย่างไรอย่างนั้น...


ในระหว่างที่รอคุณแกมมาอาบน้ำ ผมหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดสูตรอาหารตะวันตกที่คิดว่าจะทำให้เขากินเป็นมื้อค่ำ ส่วนผสมและวัตถุดิบไม่เยอะเท่าไร คิดว่าทำไม่น่ายาก เอาเป็นว่าเย็นนี้ผมจะทำสเต๊กเนื้อย่างราดซอสไวน์แดงก็แล้วกัน ผมเคยทำสเต๊กกินแต่ว่าผมไม่ได้ใช้สูตรเดียวกันกับที่ดูในยูทูบ รู้สึกว่าสูตรที่จดมาจะเป็นการปรุงและหมักแบบตะวันตกดั้งเดิม ซึ่งมันน่าจะถูกปากเขามากกว่า ส่วนมื้อกลางวันอาจจะทำเมนูง่ายๆ จากวัตถุดิบที่เหลือ แต่ที่แน่ๆ ผมควรจะถามคุณแกมมาก่อนว่าเขาแพ้อาหารชนิดไหนบ้าง ขืนถ้าซื้อมาทำให้เขากินสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วเขาแพ้ขึ้นมาจะเป็นเรื่องเอาได้


“คุณแกมมาครับ ถ้าทานเสร็จแล้ว ผมขอถามอะไรนิดหนึ่งนะครับ”


“เรื่องสำคัญหรือเปล่าครับ? ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ คุณไวน์ถามผมได้เลย”


“ก็สำคัญนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องของคุณแกมมา...” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นสบตากับผมในทันใด ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กะพริบตาปริบๆ มองเขา จู่ๆ ใจก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนพูดเองแท้ๆ “เอ่อ...คือ...เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารครับที่จะทำให้คุณทาน”


เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม “เรื่องของผมสำคัญกับคุณไวน์มากเลยเหรอครับ?” คนตรงหน้ายังคงมองผมด้วยสายตาที่คาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้


“ครับ...สำคัญ เอ่อ...เพราะคุณแกมมาเป็นเจ้านายของผม...”


คล้ายจะได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแฮะ


“ทาน...ทานให้อร่อยนะครับคุณแกมมา”


ผมเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์พร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าว เมื่อไรที่ผมจะควบคุมสติตัวเองได้เสียทีนะ เอาแต่พูดติดๆ ขัดๆ ต่อหน้าเขาอยู่เรื่อย


หลังจากที่คุณแกมมากินอาหารเสร็จ ผมก็ถือสมุดเล่มเดิมมาจดรายละเอียดที่กำลังจะถามคุณแกมมา ผมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา หรือผมควรย้ายที่ดี นั่งสบตากับเขาแบบนี้ผมไม่มีสมาธิเลยจริงๆ


“เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ?”


“เอ่อ…ครับ สบายครับ ได้กลับบ้านเร็วขึ้น เลยได้นอนอย่างเพียงพอ เพื่อนๆ พนักงานดีใจกันใหญ่เลยนะครับที่ได้รู้ว่าคุณแกมมาเปลี่ยนเวลาเลิกงานให้เร็วขึ้น ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มแป้นพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณแกมมา เขาพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มจางๆ ที่ข้างแก้ม


“คุณไวน์จะถามอะไรผม เชิญถามได้เลยครับ”


“ผมอยากถามคุณแกมมาเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ไม่ทราบว่าคุณแกมมาแพ้อาหารอะไรหรือเปล่าครับ?”


“ไม่แพ้ครับ แต่ผมไม่ทานปู...” ผมสังเกตเห็นว่าแววตาของเขาดูแปรเปลี่ยนไปจากเดิม


มันช่างดู...ว่างเปล่า


ฮืม… เขาก็คงเหมือนกันกับผม ไม่ได้แพ้อาหารแต่ผมไม่กินแมลงทอด หนอนทอดอะไรเทือกๆ นั้น ผมโคตรกลัว!


“ครับ แล้วเมนูที่คุณแกมมาชอบคืออะไรเหรอครับ? ผมจะได้ทำให้คุณทาน”


“...พาสตาไส้กรอกอบชีสครับ” ฟังแล้วดูไม่น่ายากเท่าไร


“มีเมนูอื่นอีกไหมครับ? จริงๆ ผมทำอาหารตะวันตกไม่เก่ง ทำได้แค่บางอย่างเท่านั้น แต่ถ้าคุณแกมมาบอกเมนูที่ชอบมา ผมจะไปหาสูตรอร่อยๆ มาทำให้คุณแกมมาทานครั้งหน้าครับ”


“พาสตาไส้กรอกอบชีสคือเมนูที่ผมชอบมากที่สุดครับ...มีเมนูเดียว ตามจริงคุณไวน์ไม่ต้องทำให้ผมก็ได้ครับ ทำเมนูไทยๆ ที่คุณไวน์ชอบทำก็ได้ ผมทานได้และผมคิดว่าคุณไวน์ทำอร่อยมาก...ผมชอบครับ”


เวลาที่มีคนบอกว่าเราทำอร่อยนี่มันรู้สึกดีชะมัดเลย


คุณแกมมาหยิบการ์ดใบดำที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ออกมา ก่อนจะเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม


“เอาไว้ซื้อของนะครับ ถ้าคุณไวน์อยากทานอะไรเป็นพิเศษ คุณไวน์ใช้บัตรของผมซื้อได้เลย ไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง”


“ไม่เป็นไรครับ”


“คุณไวน์ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ”


“ผมกินเก่งมากนะครับคุณแกมมา” ผมหัวเราะกับคำพูดของตัวเอง แต่นั่นมันคือความจริง ผมกินเก่งจริงๆ ผมกินข้าวไม่เคยเหลือเลยสักมื้อ ทั้งยังขนมต่างๆ นานาที่ซื้อมากินไม่หยุดปาก


“คุณไวน์คนเดียว...ผมเลี้ยงได้ รับไว้เถอะครับ” คนพูดลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว ทว่าผมยังนั่งอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่เลย ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเพื่อลดระดับแรงดันที่อยู่ในอก หมู่นี้ทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้นแรงนัก


...ที่ผมใจเต้นแรงแบบนี้เป็นเพราะคุณแกมมาอย่างนั้นใช่ไหม?




สเต๊กเนื้อย่างราดซอสไวน์แดงหน้าตาออกมาดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ส่วนรสชาติค่อยว่ากันอีกเรื่อง หวังว่าคุณแกมมาจะชอบ ในเวลานี้คุณแกมมานั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาดูเงียบขรึมและเย็นชามากกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า


“ทานให้อร่อยนะครับคุณแกมมา”


คนหน้านิ่งพยักหน้าตอบเบาๆ


ยิ่งได้เห็นสีหน้าและแววของเขาใกล้ๆ ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเศร้า จะเรียกว่ามันเป็นเซนส์ก็ได้ เพราะผมรู้สึกแบบนั้น แววตาของเขาดูไม่ต่างอะไรจากผมในเวลาที่คิดถึงยายเลยสักนิด แม้อยากจะเอ่ยถามว่าเขามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า แต่ทว่าผมไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา


ผมล้วงกระเป๋าหน้าชุดเอี๊ยมเพื่อหยิบลูกอมรสเมลอนออกมาวางไว้ที่ข้างแก้วน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งกินข้าวที่เคาน์เตอร์เช่นเดิม ด้วยความที่ผมไม่กินเนื้อผมเลยทำข้าวไข่เจียวกิน ปากผมเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ แต่สายตาของผมยังคงเหลือบมองคุณแกมมาอยู่เรื่อยๆ เขาเอื้อมมือหยิบลูกอมที่ผมวางไว้ให้ขึ้นมาดู


คนตัวสูงเงยหน้ามองมาทางผมที่กำลังมองเขาอยู่พอดี กลายเป็นว่าตอนนี้เรากำลังสบตากัน ผมไม่ได้หลบตาเขาอย่างที่ผ่านมา ทั้งยังคลี่ยิ้มบางๆ ให้เขา ก่อนจะหันกลับมากินข้าวไข่เจียวของตัวเองต่อ หวังว่าลูกอมรสเมลอนที่ผมโปรดปรานจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง...


และเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง!


“คุณแกมมาครับ คุณกลัวผีหรือเปล่าครับ?” ผมรีบวิ่งมาถามคุณแกมมาที่กำลังจะเดินมานั่งที่โซฟาพอดี เกือบไปแล้ว...เกือบจะวิ่งชนเขาอยู่แล้ว ไวน์เอ๊ย...


เขาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย คงแปลกใจที่ผมโพล่งออกไปแบบนั้น


“คือว่า...ผมอยากดูหนังผีครับ”


“Horror Movies? You like em? (หนังผีเหรอครับ? คุณชอบเหรอ?) ” ผมพยักหน้าหงึกๆ “ผมดูได้ครับ” เอาล่ะ เอาเป็นว่าคืนนี้ผมจะดูหนังผีกับเขา ถามว่ากลัวไหม? กลัวมาก! แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมตื่นตัว ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงนั่งหลับน้ำลายเยิ้ม ครึ่งเรื่องก็สลบเหมือดแล้ว...แย่สุดๆ


“ผมอยากดูเรื่อง The Nun ครับ คุณแกมมาโอเคหรือเปล่าครับ?”


เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมที่โซฟาและพยักหน้าเป็นการตกลง ผมทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ ผมควรจะไปนั่งที่โซฟาอีกตัวหรือเปล่าหรือว่านั่งข้างล่างดี ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะนั่งลงที่พื้น ตอนที่นั่งคุยกับเขาที่โต๊ะยังพอมีระยะห่าง แต่นี่นั่งบนโซฟา ใกล้ชิดเขาแบบนี้มันจะไม่เหมาะสมเกินไปหรือเปล่านะ


“คุณไวน์ทำอะไรครับ?”


“เอ่อ...คุณแกมมาเป็นเจ้านายของผม เกรงว่านั่งข้างๆ คุณแบบนั้นมันจะไม่เหมาะครับ”


“ผมอยากให้คุณไวน์ทำตัวปกติเวลาอยู่กับผม...ขึ้นมานั่งข้างๆ กันนะครับ”


มือหนาเอื้อมมาจับที่ต้นแขนของผมให้ลุกขึ้นนั่งบนโซฟา บอกตามตรงว่าผมทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ใกล้ๆ เขา คุณแกมมาไม่ใช่คนที่คนแบบผมจะเข้าถึงได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เบียร์ติดหนี้เขาเอาไว้มากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่เข้าถึงยาก ไม่สุงสิงกับใครอย่างที่พนักงานคนอื่นๆ เล่าต่อกันมา


ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามแต่ หากได้ยลโฉมของเขาเข้าคงเคลิบเคลิ้มและหลงใหลได้ปลื้มไปกับความงดงามที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา คุณแกมมาเป็นผู้ชายที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอในชีวิตจริงเลยด้วยซ้ำ เขาเหมือนหลุดออกมาจากจินตนาการของใครหลายๆ คน


ทุกครั้งที่ผมมองหน้าเขา ผมจะคิดเสมอว่าเขาหลุดออกมาจากปกนิยายเล่มไหนสักเล่ม ลุคของเขาดูเท่ไม่สนโลก เขาดู...หล่อร้าย ต่างหูที่เขาใส่กับรอยสักกลางหน้าอกยิ่งเสริมให้ความฮอตและความเท่ของเขานั้นเพิ่มทวีคูณ ซึ่งลักษณะที่ปรากฏล้วนแล้วแต่ตรงกันข้ามกับคำพูดที่นุ่มนวลของเขา เขาพูดจาไพเราะ สุภาพและปฏิบัติกับผมอย่างให้เกียรติ เสียงของเขานั้นนุ่มนวลและน่าฟัง ใบหน้าที่สวยได้รูปรับกับสันจมูกที่สวยในแบบฉบับที่พระเจ้าบรรจงปั้น ริมฝีปากอมชมพู ดวงตาสีเฮเซลคู่สวยมาพร้อมกับไฝใต้ตาที่ชวนมอง ทุกสิ่งที่รวมเป็นเขามันคือความสมบูรณ์แบบที่ช่างดึงดูดให้ชวนมองไปเสียทุกอย่าง


นัยน์ตาสีเฮเซลที่มองมาช่างดูอันตราย แต่ทว่าอีกนัยหนึ่งกลับดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด...


“ได้ซื้อขนมมาหรือเปล่าครับ?”


“เอ่อ…ครับ ซื้อมาครับคุณแกมมา เดี๋ยวผมเอามาให้คุณแกมมาเลือกนะครับ เผื่อมีขนมที่คุณแกมมาชอบ”


พอได้ยินคำว่าขนมผมนี่หูผึ่ง ผมหยิบของที่ตัวเองชอบกินมาเสียเยอะแยะไปหมด ลืมถามเขาไปเลยว่าชอบกินขนมอะไรบ้าง แทนที่จะซื้อของที่เจ้านายตัวเองชอบกิน ดันซื้อแต่ของที่ตัวเองชอบมาเสียได้ แถมค่าขนมทุกอย่างยังเป็นเงินของเขาอีกต่างหาก แย่ที่สุด!


“คุณแกมมาครับ ผมลืมถามคุณเรื่องขนมว่าคุณชอบทานอะไรบ้าง ผมซื้อมาแต่ของที่ตัวเองชอบทั้งนั้นเลยครับ คุณแกมมาอย่าโกรธผมนะครับ...” กะพริบตาปริบๆ มองเขา หวังเพียงให้เขาไม่โกรธกัน


“ไม่โกรธครับ”


ขนมซองแรกที่ผมแกะกินก็คือ...เลย์รสเมี่ยงคำ ผมชอบกินรสนี้เพราะยายเคยซื้อมาให้ลองตอนเด็กๆ พอกินแล้วติดใจ ซื้อแต่รสนี้ตลอดกับรสโนริสาหร่าย


“เป็นไงครับ รสชาติผ่านไหม?”


“อืม...แปลกดี แต่อร่อยครับ”


“ปกติคุณแกมมาชอบทานรสอะไรเหรอครับ?” ผมคิดว่าคุณแกมมาเขาคงไม่ค่อยกินขนมขบเคี้ยวพวกนี้สักเท่าไร อาจจะมีบ้างแต่รสไทยๆ แบบนี้คงไม่เคยกินเป็นแน่


“I like the original one. Original Flavor is always good. (ผมชอบรสดั้งเดิมครับ รสชาติแบบดั้งเดิมดีเสมอ) ”


“สีเหลืองชะ...”


ตาของผมเบิกกว้างในบัดดล คำพูดถูกกลืนหายลงลำคอพร้อมกับอาการตกใจที่แทรกเข้ามา เมื่อสายตาพลันเหลือบมองไปยังทีวีจอยักษ์ที่ปรากฏหน้าผีแม่ชีอย่างเด่นชัด เรียกได้ว่าพุ่งเข้ามาเต็มจอ มือเล็กกำซองขนมเอาไว้แน่นด้วยความกลัว เผลอกลืนขนมทั้งที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดดีด้วยซ้ำ


น่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้อีก ตายๆ ผมจะดูจบไหมเนี่ย จะช็อกตายก่อนไหม...


ผมเริ่มเขยิบเข้าใกล้คุณแกมมามากขึ้น มองซ้ายมองขวา เริ่มรู้สึกเสียวๆ ด้านข้างแล้วสิ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมต้องปิดไฟให้เข้ากับบรรยากาศขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองกลัวแสนกลัว


“ดูเรื่องอื่นไหมครับ?” คนข้างๆ หันหน้ามาถามผมที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าตัวเอง


ผมส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ครับ กำลังสนุกเลย”


มันสนุกจริงๆ นั่นแหละ แต่ตอนที่ผีแม่ชีโผล่มามันน่ากลัว ลุ้นก็ลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไป


เฮือก!


“ไม่เอาแล้ว ไวน์ไม่ดูแล้ว ฮือ....” ซองขนมที่กำเอาไว้ในมือในคราแรก บัดนี้ถูกเขวี้ยงไปหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมตกใจกลัวน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่น หัวใจจะวาย ไม่ไหวๆ


สัมผัสอุ่นๆ ลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ผมซุกหน้าลงและปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น ซ้ำยังน้ำมูกไหลเยิ้ม กระชับอ้อมแขนกอดคนตรงหน้าแน่น ไม่เอาแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่ดูหนังผีอีกแล้ว รู้สึกเหมือนจะตาย...ฮือ


“กลัวขนาดนี้ ทำไมถึงยังดู?”


“ผมชอบเผลอหลับตอนดูหนังครับ...ฮึก...คิดว่าถ้าดูหนังผีจะทำให้ไม่ง่วงครับ...ฮือ...”


“ไม่ร้องนะครับ...” ฝ่ามือหนาลูบที่แผ่นหลังขึ้นลงเป็นการปลอบประโลม เอ...ทำไมเสียงของเขาถึงอยู่ใกล้หูผมขนาดนี้ล่ะ? รวมถึงกลิ่นหอมๆ ที่ลอยฟุ้งกระทบจมูกในระยะประชิดแบบนี้อีก ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เปิดเปลือกตาช้าๆ ใบหน้าสวยที่น่าหลงใหลอยู่ใกล้ผมเสียจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน ผมรู้สึกเหมือนว่าตาคู่นี้กำลังหลอมละลายร่างกายของผมทีละนิดๆ


“คะ คุณ...คุณแกมมา” ตอนนี้ผม...ผมนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา มิหนำซ้ำยังโอบรอบคอของเขาเอาไว้เสียแน่น นี่ผม...ทำอะไรลงไป


“คุณไวน์ครับ ถ้าคุณไวน์ไม่รีบลุกตอนนี้ มันจะไม่จบที่แค่ดูหนังนะครับ...”


ตาเบิกโพลงมองคนตรงหน้าในฉับพลัน ก่อนจะรีบลุกออกจากตัวเขาในทันทีที่ตั้งสติได้ ผมทำตัวเสียมารยาทกับเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฮือ...


“ผมขอโทษครับคุณแกมมา ผมไม่ได้ตั้งใจ”


“ไม่เป็นไรครับ ครั้งหน้าเราดูแนวอื่นกันนะครับ...” พยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยกมือปาดน้ำตาที่ข้างแก้ม ส่วนเขาเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้ว และใช่...ทั้งๆ ที่เขาเดินเข้าห้องไปแล้ว แต่ใจผมยังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลย การได้อยู่ใกล้เขาในระยะประชิดแบบนั้น ทำให้ระบบหายใจของผมติดขัดไปชั่วขณะ


พอกันทีกับหนังผี ไวน์จะไม่ดูแล้ว ไวน์จะไม่ดูอีกต่อไปเลย...




ทุกวันพุธและวันอาทิตย์ผมต้องนอนค้างที่เพนต์เฮาส์ของคุณแกมมา หมายถึงนอนแยกห้องกับเขา เราไม่ได้เอ่อ...เรายังไม่ได้ทำอะไรกันในเชิงนั้น ถ้าให้พูดตามตรงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่กังวลมากที่สุด เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวเรื่องเซ็กซ์เลยแม้แต่น้อย ผมไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนเลยในชีวิต


อาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่ผมไม่เคยแม้แต่จะช่วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่ผมแค่ไม่ได้ทำมัน...


ผมไม่เคยมีแฟนและไม่เคยมีเวลามานั่งคิดเรื่องความรัก วันๆ ผมทำแต่งาน ผมส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่ตอนมอปลาย เรียนไปทำงานไป ซ้ำยังต้องใช้หนี้แทนพี่ชายอยู่เรื่อยๆ เงินที่กว่าจะหามาได้แต่ละบาท มลายหายไปกับค่าหนี้ของพี่เบียร์จนเกือบหมด โชคดีแค่ไหนที่ผมยังสามารถส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี เคยมีช่วงที่ผมท้อจนอยากจะหนีไปให้ไกล แต่พอหันกลับมามองยายผมก็ทำแบบนั้นไม่ลง ความรู้สึกเหนื่อยและท้อกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ผมแค่อยากให้ยายมีความสุขกับสิ่งที่เขาหวังในตัวผม จนในที่สุดผมก็คว้าใบปริญญามาให้ยายได้สำเร็จ แต่เวลาแห่งความสุขมันมักจะแสนสั้นเสมอ และยายก็ได้จากผมไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อสามปีก่อน ผมคิดถึงยายจัง...