❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞
ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞
‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
คุณแกมมายังไม่ตื่นนอนเลยแฮะ ทั้งๆ ที่ผมปลุกเขาไปแล้วหนึ่งรอบ หรือว่าเขาจะไม่สบายหรือเปล่านะ?
“คุณแกมมาครับ...” ตัดสินใจเคาะประตูเรียกเขาอีกครั้ง แต่ทว่าด้านในยังคงเงียบกริบ ผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป คนตัวสูงยังคงนอนหลับตาพริ้มราวกับกับเด็กน้อย หรือผมควรจะปล่อยให้เขานอนต่อดี? แต่นี่ก็ปาเข้าไปสิบโมงแล้ว เขาไม่สบายหรือเปล่า?
เอื้อมมือเล็กวางทาบลงที่หน้าผากของคนที่กำลังนอนหลับใหล คุณแกมมาตัวร้อนจี๋เพราะไม่สบายอย่างผมสันนิษฐานไว้ ได้กินยาบ้างหรือยังก็ไม่รู้
“คุณแกมมาครับ”
“อือ… “เสียงครางในลำคอบ่งบอกว่าเขายังรู้สึกตัวอยู่ ท่าไม่ดีแล้ว ผมต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ไข้ลดลงเสียก่อน ก่อนที่อาการของเขาจะหนักกว่านี้
ผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆ ซับลงเบาๆ ที่ใบหน้าซีด และนำผ้ามาชุบน้ำอีกครั้ง บิดให้หมาดเช่นเดิม ถูขึ้นลงอยู่ที่แขนแกร่ง เช็ดสลับข้างไปมา คนที่นอนหลับ ณ เวลานี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นจากผ้าผืนเล็กที่ใช้เช็ดตัว ผมค่อยๆ ดันคุณแกมมาให้พลิกตัวเพื่อที่จะเช็ดที่แผ่นหลังของเขา แต่ด้วยความที่ตัวของเขาใหญ่กว่าผม การเช็ดตัวเลยเป็นไปอย่างทุลักทุเล คงต้องเอายาให้เขากินด้วยแล้วล่ะ ไข้ถึงจะได้ลดลงเร็ว
“Mom, I’ m sorry. I’ m so sorry... (แม่ครับ ผมขอโทษ...ผมขอโทษครับแม่) ” เสียงพึมพำเบาๆ เล็ดลอดมาจากคนตัวสูง เขาลืมตามองผมช้าๆ และหลับตาลงอีกครั้ง คนตัวสูงอยู่ในภาวะสะลึมสะลือเนื่องมาจากพิษไข้
“คุณแกมมาครับ ได้ยินผมไหม? เดี๋ยวผมเอายามาให้ทาน คุณรอแป๊บหนึ่งนะครับ…อ๊ะ!”
เจ้าของแขนแกร่งคว้าเอวหมับเข้าที่เอวของผม ก่อนจะรั้งตัวผมไว้จนผมล้มลงบนเตียงข้างๆ เขา คุณแกมมาดึงตัวผมเข้าในอ้อมแขนอุ่น ไอร้อนจากตัวของเขาซาบซึมมาสู่แผ่นหลังของผม แม้จะพยายามยกแขนแกร่งที่พาดอยู่ที่เอวของผมออก ทว่ากลับทำไม่ได้อย่างที่คิด ผมสู้แรงของเขาไม่ได้เลยสักนิด ทำได้เพียงแค่นอนตัวเกร็ง เอามือทั้งสองข้างกุมกันไว้ พร้อมกับใจที่สั่นระรัว แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ...
ตาทั้งสองข้างเริ่มจะปิดลงในไม่ช้า ผมคงเหนื่อยเกินไปสินะ แต่ผมจะมานอนหลับบนเตียงของเขาแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ไวน์อย่านะไวน์...
ห้ามหลับ ห้ามหลับ ห้ามหลับ
“อือ...” แขนเรียวเหยียดขึ้นตรงด้วยความผ่อนคลาย เสมือนร่างกายของผมได้ชาร์จแบตเพิ่มอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ รู้สึกสดชื่นชะมัด กวาดสายตามองรอบห้องนอนที่ดูไม่คุ้นตาเลยสักนิด ฉิบ...ผมเผลอหลับในห้องของคุณแกมมาอย่างนั้นเหรอเนี่ย ทั้งๆ ที่พยายามสะกดจิตตัวเองไม่ให้หลับแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายก็หลับอยู่ดี คุณแกมมาต้องโกรธผมมากแน่ๆ ที่เข้ามาในห้องของเขาโดยพลการ แถมยังมานอนบนเตียงของเขาอีก
สอดส่ายสายตามองหาเจ้าของห้องทั่วบริเวณ แต่กลับไร้วี่แววของเขา จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ โชคดีที่เขายังไม่ออกไปไหน ถ้าออกไปแล้วคงเจอตัวลำบาก จะเจอที่บาร์ก็ไม่ได้ถ้าเขาไม่เรียก ผมควรจะขอโทษเขา ที่เสียมารยาทนอนบนเตียงของเขา
ว่าแต่…เขาได้ปรับน้ำเป็นน้ำอุ่นหรือเปล่านะ ยิ่งป่วยๆ อยู่
ผมเดินวกไปวนมาอยู่กลางห้องโถงเพื่อรอขอโทษเขาที่เข้าไปในห้องนอนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
“คุณแกมมาครับ...ผมขอโทษ”
“เรื่องอะไรครับ?”
“เรื่องที่ผมเข้าห้องนอนของคุณโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต แล้วก็...เรื่องที่ผมนอนหลับบนเตียงของคุณแกมมา...ครับ” เขามองผมนิ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
“ขอบคุณที่เช็ดตัวให้ผมนะครับ...”
ผิดคาด...ผมนึกว่าคุณแกมมาจะตำหนิผมที่ผมเข้าห้องของเขาโดยพลการเสียอีก
“ครับ...”
“วันนี้คุณไวน์จะทำอะไรให้ผมทานครับ?”
“เอ่อ...ทำข้าวต้มหมูสับครับ คุณแกมมารอสักครู่นะครับ” โชคดีที่ผมหุงข้าวเตรียมเอาไว้ก่อนที่จะปลุกเขา ถ้าไม่อย่างนั้นคงเสียเวลาน่าดูกับการทำอาหารในวันนี้
น้ำซุปเดือดได้ที่ จากนั้นก็ใส่ข้าวลงไป ผมคิดว่าถ้าใช้เวลาต้มนานนิดหนึ่งข้าวน่าจะละเอียดและนิ่มกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าเคี้ยวง่ายเหมาะสำหรับคนป่วย ผมเหลือบมองคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก เหมือนว่านั่นจะเป็นมวนที่สามหลังจากที่ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ลูกอมแค่สองสามเม็ดที่ผมให้เขาไปคงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสูบบุหรี่น้อยลงได้ เห็นทีวันนี้ต้องให้เขาเพิ่ม
ผมเตรียมข้าวต้มและรินน้ำใส่แก้วไว้ให้เขา ส่วนข้างๆ ชามข้าวต้มนั่นคือยาแก้ไข้สองเม็ด นอกจากนั้นผมยังวางลูกอมรสเมลอนห้าเม็ดใกล้ๆ กับแก้วน้ำอีกด้วย
“ทานให้อร่อยนะครับคุณแกมมา”
“เช่นกันนะครับคุณไวน์”
เห็นแล้วชื่นใจจังที่คุณแกมมากินอาหารที่ผมทำจนเกลี้ยงทุกครั้ง แต่เอ...ยาแก้ไข้สองเม็ดที่ผมวางเอาไว้ข้างๆ ทำไมถึงยังอยู่ที่เดิม ทำไมเขาถึงไม่กินยา แล้วอย่างนี้จะหายป่วยเมื่อไรกัน
คุณแกมมากำลังจะเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ผมเอาตัวมาขวางทางเขาไว้เสียก่อน
“คุณแกมมา ทานยาก่อนครับ” คนตัวสูงมองผมนิ่งสลับกับถ้วยยาที่ผมถือเอาไว้ในมือ
“ทานทีหลังได้ไหมครับคุณไวน์? ผมขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
“ไม่ได้ครับ” ผมยืนจ้องเขาเขม็ง เขาน่าจะเป็นพวกที่ไม่ชอบกินยาเม็ดแบบนั้นแน่ๆ
“ผมไม่ชอบครับ...”
นั่นไง...เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
“ลูกอมที่ผมให้คุณแกมมาอยู่ที่ไหนครับ? ผมขอหนึ่งเม็ด” มือหนาล้วงเอาลูกอมที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาและยื่นมันให้ผม ผมคิดว่าลูกอมน่าจะพอช่วยได้ จะว่าไปแล้วเขาเหมือนผมตอนเด็กๆ เลยแฮะ ผมไม่ชอบกินยาเม็ดเพราะรสชาติที่ขมแปลกๆ ของมันชวนให้รู้สึกอยากอาเจียน
“ถ้าไม่ทานยาก็ไม่หายนะครับ” คนตัวสูงทำหน้าเบื่อหน่าย มองที่ยาทั้งสองเม็ดในมือของผม ผมอาศัยจังหวะที่เขาเผลอยัดยาเข้าปากของเขาในฉับพลัน พร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้เขา คุณแกมมาในเวลานี้ทำหน้าคล้ายกับคนอมทุกข์ก็ไม่ปาน แววตาที่เขามองผมเหมือนกับลูกเสือที่กำลังเศร้าสร้อยอย่างไรอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังทำท่าจะคายยาทั้งสองเม็ดออกจากปาก แต่ผมถือวิสาสะเอามือปิดปากของเขาเอาไว้เสียก่อน
คุณแกมมาอายุฉามขวด...
ท้ายที่สุดยาทั้งสองเม็ดก็ได้ถูกกลืนลงคอเป็นที่เรียบร้อย ผมอาศัยจังหวะนั้นเอาลูกอมใส่ปากของคุณแกมมา แน่นอนว่ารสหวานๆ และกลิ่นหอมๆ ของมันจะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น “ไม่ขมแล้วใช่ไหมครับ?”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากบุคคลที่อยู่ตรงหน้า...
แต่แล้วผมก็ต้องผงะเมื่อเจ้าของใบหน้าดุจภาพวาดค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจกลิ่นเมลอนซึ่งมาจากลูกอมที่ผมเพิ่งเอาใส่ปากของเขาลอยมาเตะจมูกจังๆ เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาประชิดจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน ผมได้แต่ยืนตัวเกร็งและกำชายเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่น
“บังคับเจ้านายแบบนี้...หักเงินเดือนดีไหมครับ?”
“มะ มะ...ไม่ดีครับ” นิ้วเรียวสวยเชยปลายคางของผมขึ้นเพื่อให้สบตากับเขา นัยน์ตาสีเฮเซลที่มองมาคล้ายกำลังสะกดผมอยู่กลายๆ นี่ผมโดนมนต์สะกดของเขาหรือเปล่านะ ทำไมถึงขยับตัวไม่ได้เลยล่ะ แถมหัวใจยังเต้นแรงอีกต่างหาก
“แต่คุณบังคับผมนะครับ...มีความผิด”
เขาเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่น่าฟัง
“กะ ก็ เจ้านายดื้อนี่ครับ เลยต้องบังคับ” อยากจะหลบสายตาของเขาเหลือเกิน แต่กลับทำอย่างนั้นไม่ได้ เมื่อเขายังจับปลายคางของผมเอาไว้อยู่เลย แถมยังใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวของผมไว้อีก
“หึ...” จู่ๆ คนตัวสูงก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ก่อนที่เขาจะ จะ..จูบแก้มผม!
ตาผมเบิกกว้างมองคุณแกมมาที่ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ผม…ผมจะตายไหม? หัวใจของผมเต้นระส่ำราวกับมันจะหลุดออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น และผู้ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขนาดนี้ได้เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้ว ทว่าผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอยู่เลย...
มือเล็กลูบข้างแก้มที่ร้อนผ่าวด้วยความเขิน นี่เป็นครั้งแรกที่ใครสักคนจูบแก้มผมแบบนี้ เพิ่งได้เข้าใจก็วันนี้ว่าอาการที่ใจเต้นแรงเพราะโดนจูบมันเป็นยังไง แม้จะเป็นแค่การจูบแก้มธรรมดาๆ ก็เถอะ
“วันนี้ผมไปบาร์เร็ว คุณไวน์ไปกับผมนะครับ” คุณแกมมาเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังจะใส่รองเท้าเพื่อเตรียมตัวไปบาร์
“ไม่ได้ครับคุณแกมมา”
“...”
“คือว่า...มันดูไม่ดีครับ ผมไปเองดีกว่า” ที่บาร์ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมมาทำงานใกล้ชิดกับคุณแกมมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าไม่ควรมีคนรู้ รวมถึงเรื่องข้อเสนอระหว่างผมกับคุณแกมมา มันควรเป็นเรื่องระหว่างเราเท่านั้น ถ้าคนอื่นรู้เข้าคงไม่ดีแน่ ผมไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกเอาไปพูดเสียๆ หายๆ เพราะผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว แต่กับคุณแกมมา เขาเป็นเจ้านาย เป็นคนที่ลูกน้องไม่ควรเอามาพูดลับหลังให้เกิดความเสียหายเลยแม้แต่น้อย...
Velvety Bar
พี่ซิปบอกว่าวันนี้มีพนักงานมาใหม่สองคน ซึ่งจะให้ผมช่วยสอนงานให้เขาในช่วงอาทิตย์แรกของการทำงานและจะเพิ่มเงินเดือนให้ผมสามพันบาท แล้วผมจะไปปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ ในเมื่อผมกำลังรวบรวมเงินให้ได้มากที่สุดเผื่อเอาไว้จ่ายหนี้คุณแกมมา
ผู้ชายตัวสูงๆ และผู้หญิงหน้าตาหมวยๆ ที่มาใหม่โบกมือและยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเอง
“เราชื่อไวน์นะ พี่ซิปให้เรามาสอนงานให้ทั้งสองคน”
“เราชื่อพลเมืองนะไวน์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ส่วนเราชื่อถิงถิงนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะไวน์”
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคนนะครับ อีกครึ่งชั่วโมงบาร์จะเปิดแล้ว เดี๋ยวเราแนะนำโซนต่างๆ กับพวกรายละเอียดยิบย่อยให้พลเมืองกับถิงถิงฟังดีกว่าเนอะ” ผมพาทั้งสองคนเดินมาตามทางและพลางอธิบายไปด้วย
“โซนที่พวกเราอยู่คือโซน B ซึ่งเป็นโซนธรรมดา ส่วนทางนั้นคือโซน A เป็นโซนธรรมดาเหมือนกัน เราสามารถเดินไปมาระหว่างโซน A กับโซน B ได้นะ ถ้าสมมติว่าโซนไหนต้องการคนเพิ่มเราสามารถเดินไปช่วยได้เลย ส่วนชั้นที่สองกับชั้นที่สามเป็นโซน VIP พวกเราจะไปที่โซนนั้นได้ก็เมื่อผู้จัดการโซนเรียกเท่านั้น เช่นในกรณีที่เพื่อนพนักงานที่ทำโซนนั้นลากิจหรือลาป่วย ผู้จัดการอาจจะมาเรียกตัวไปช่วยงาน”
“แล้วชั้นที่สี่กับชั้นที่ห้าเอาไว้ทำอะไรเหรอไวน์?” ถิงถิงถาม
“ชั้นที่สี่เอาไว้เก็บพวกเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ที่มีราคาสูง ส่วนชั้นที่ห้าเป็นห้องทำงานของคุณแกมมา เจ้าของบาร์”
“ไวน์ พลเมืองมีคำถาม ฮิๆ เจ้าของบาร์หล่อไหม?” พลเมืองเอ่ยถาม ซ้ำยังทำท่าเขินอาย บิดตัวไปมา
“นั่นสิ ถิงถิงก็อยากรู้เหมือนกัน เขาฮอตไหมๆ”
แล้วผมจะบรรยายยังไงดีล่ะ? ช่วงเวลาในหนึ่งคืนจะพอหรือเปล่านะกับการบรรยายความหล่อและความฮอตของเขา...
“ไวน์ๆ ผู้ชายที่เดินมากับพี่ผู้จัดการคือใคร? หล่อมากกก!” ผมหันมองไปยังต้นเหตุของความตื่นเต้นทั้งปวงที่ทำให้พลเมืองเขย่าตัวผมจนตัวโคลงไปมา จึงได้รู้ว่านั่นคือ...คุณแกมมา
ทั้งพลเมืองและถิงถิงยกความสนใจที่มีทั้งหมดไปที่คุณแกมมาเต็มๆ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะตะลึงในความน่าหลงใหลของเขาไม่หยุด ผมยิ้มบางๆ ให้เขาในจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันมองมาทางนี้ และเขาก็ทำให้ผมประหลาดใจด้วยการเอาลูกอมรสเมลอนที่ผมให้ขึ้นมาแกะกิน ไม่ยักรู้ว่าเขาเอามันติดตัวมาด้วยนึกว่าจะเอาทิ้งไว้ที่เพนต์เฮาส์เสียอีก
“ไวน์รู้จักเขาไหม? ทำไมถึงหล่ออะไรขนาดนั้น เกิดมายี่สิบสี่ปีถือว่าคุ้มแล้วชีวิตนี้!”
“คนนั้นชื่อคุณแกมมา เป็นเจ้าของบาร์น่ะ”
คนที่ตอบคำถามของพลเมืองและถิงถิงคือมิกะ...ไม่ใช่ผม ทั้งสองคนมองผมกับมิกะสลับไปมา ราวกับต้องการถามว่าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นใคร
“นี่มิกะ อยู่โซน B เหมือนพวกเรา” พลเมืองกับถิงถิงโบกมือและยิ้มแย้มเป็นการทักทาย ทว่ามิกะกลับมองทั้งสองคนด้วยสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด จากนั้นก็เดินชนไหล่ของผมไปอย่างหน้าตาเฉย ผมรู้สึกว่ามิกะเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ผมต้องขึ้นไปช่วยงานเอกสารที่ห้องทำงานของคุณแกมมา ตั้งแต่นั้นมามิกะเอาแต่มองผมด้วยสายตาที่จงเกลียดจงชัง ราวกับผมทำอะไรผิดต่อเขาอย่างนั้นแหละ
“ทำไมเขาต้องมองพวกเราด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นด้วย ก็เป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนๆ กันไหมล่ะ”
เป็นพลเมืองพูดที่ไล่หลังมิกะ ส่วนถิงถิงนี่เริ่มทำหน้ามุ่ยแล้ว ผมเลยแตะที่บ่าของทั้งสองคนเบาๆ
“อย่าคิดมากเลยนะ เราไปดูโซนเครื่องดื่มกันต่อดีกว่า”
ผมเดินนำทั้งสองคนไปยังโซนเครื่องดื่มของโซน A และ B จากนั้นต่อด้วยห้องต่างๆ ที่เอาไว้ใช้สำหรับเก็บของและเครื่องดื่มที่ราคาไม่แพงมาก ส่วนเครื่องดื่มที่มีราคาสูงจะอยู่ที่ชั้นสี่ทั้งหมดอย่างที่ผมได้บอกไปตอนแรก หลังจากที่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโซนต่างๆ รวมทั้งให้ทั้งสองคนลองเดินเสิร์ฟตามโต๊ะไปพร้อมๆ กับผม เรียกได้ว่าทั้งพลเมืองและถิงถิงเรียนรู้งานได้เร็วมาก
ถือเป็นเรื่องที่ดีเลยล่ะที่ผมได้มีเพื่อนร่วมงานเพิ่มมาถึงสองคน ตามจริงผมไม่สนิทกับใครที่นี่เลยสักคน แค่พอคุยกันได้บ้างเท่านั้น ผมไม่มีเบอร์โทรหรือช่องทางตามสื่อโซเชียลของเพื่อนร่วมงานคนไหน เบอร์คนที่เกี่ยวข้องกับคนที่ทำงานเห็นจะมีแต่เบอร์พี่ซิปผู้จัดการบาร์ พี่ฟองดูว์ผู้จัดการโซนและคุณแกมมาเจ้าของบาร์
“ไวน์ ขอบคุณมากเลยนะที่วันนี้แนะนำงานให้พวกเรา เราขอเบอร์ไวน์ไว้ได้ไหม เผื่อเราจะได้แช็ตคุยกัน ตั้งกลุ่มแช็ตกันไหม เอาไว้เม้าท์กัน”
“ฉันตั้งเองย่ะ ส่วนชื่อกลุ่มเอาเป็น ‘อยากได้ผัวหล่อ!’ เป็นไง? บอกได้คำเดียวว่าเริ่ด!”
“พลเมืองไม่คีพลุคแล้วเหรอ?”
“ไม่จ้า...กูเหนื่อย!” ทั้งผมและถิงถิงต่างพากันหันมองหน้ากันและหัวเราะให้กับท่าทางตลกๆ ของพลเมือง
“พวกเรากลับก่อนนะไวน์ เจอกันพรุ่งนี้นะ” ถิงถิงกับพลเมืองบอกผมว่าพอคุยกันไปคุยกันมา ถึงได้รู้ว่าหอพักอยู่ติดกัน ทั้งสองคนเลยตกลงกันว่าจะหารค่ารถแท็กซี่คนละครึ่งเพราะยังไงก็ต้องกลับทางเดียวกันอยู่แล้ว
ดูท่าแล้วฝนจะตกแฮะ ผมได้ยินเสียงฟ้าร้องก่อนหน้านี้มาสักพักแล้ว ขอให้รถมาก่อนที่ผมจะเปียกทีเถอะ ร่มก็ไม่ได้เอาติดมา ทั้งที่รู้ว่าเข้าหน้าฝนแล้วแท้ๆ ยังลืมเอามาเสียได้ ไวน์นะไวน์...สะเพร่าจริงๆ
ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากบริเวณนี้เลยด้วยซ้ำ ฝนดันกระหน่ำลงมา เล่นเอาผมเปียกไปทั้งตัว มองซ้ายมองขวาดูรถที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่คันเดียวที่จะผ่านมา อีกแล้ว...นอนข้างถนนเลยดีไหม ทำไมเป็นผมทุกทีที่ไม่มีรถกลับบ้าน ฮือ...
“อ๊ะ!” ใจผมกระตุกวูบในทันใด เมื่อจู่ๆ มีใครก็ไม่รู้มาคว้าเอวผมจากทางด้านหลัง
“กลับกับผม...”
เสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ที่คุ้นหูแบบนี้...
“คะ...คุณแกมมา” รู้สึกโล่งใจทันทีที่เห็นว่าเป็นเขา ผมคิดว่าจะเป็นโจรมาดักฉุดผมเสียอีก ยอมรับว่าเกือบจะเอากระเป๋าฟาดเขาไปแล้ว ถ้าเขาไม่ให้เสียงผมก่อน
คุณแกมมาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาโอบเอวผมไว้แน่นและพาเดินมายังลานจอดรถของบาร์ ทั้งผมและเขาเปียกโชกไปทั้งตัว สภาพของผมไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำเลยสักนิด ส่วนเขา...แม้จะตัวเปียกแต่ก็ยังดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
นั่งตัวสั่นมาตลอดทางที่มาเพนต์เฮาส์ ผมไม่อยากให้คุณแกมมาขับรถไปส่งผมเพราะระยะทางจากบาร์ถึงบ้านค่อนข้างที่จะไกลหลายกิโล ผมเลยบอกคุณแกมมาว่าให้ขับมาที่เพนต์เฮาส์ของเขา ไว้รอให้ฝนซาแล้วผมค่อยกลับ ด้วยความที่ผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเพราะไม่ได้คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เลยจำเป็นที่จะต้องยืมของคุณแกมมาใส่ก่อน ซึ่งชุดของเขาดูท่าจะใหญ่เกินตัวผมเยอะพอสมควร กลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนผมเอาผ้าปูโต๊ะมาห่อตัวเสียมากกว่า
เจ้าของดวงตาสีเฮเซลคู่สวยออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เปลือยอก มือหนาใช้ผ้าเช็ดผมลวกๆ ก่อนจะเอาผ้าผืนเล็กผืนนั้นใส่ตะกร้าทั้งๆ ที่ผมของเขายังเปียกชุ่มอยู่เลย เห็นแล้วผมทนไม่ได้ มันควรจะเช็ดได้แห้งกว่านี้สิ เขาควรที่จะเอาไดร์เป่าผมให้แห้งสนิทเสียด้วยซ้ำ ตัวเองยิ่งป่วยอยู่แท้ๆ ยังทำแบบนี้อีก
ผมเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดผมที่ผมพับไว้บนชั้นออกมาหนึ่งผืน พร้อมกับหยิบไดร์เป่าผมติดมือออกมาด้วย
“คุณแกมมาต้องเป่าผมให้แห้งนะครับ คุณยิ่งไม่สบายอยู่”
พูดพลางยื่นของทั้งสองสิ่งที่เตรียมมาให้กับเขา เขามองผมนิ่งและทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ก่อนจะคว้าเอาไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือไว้ในมือ
“คุณไวน์ทำให้ผมได้ไหมครับ? มือผมไม่ว่าง” ผมหรี่ตามองเขาที่เอาแต่ทำหน้าเฉยชา ไม่สนใจไดร์เป่าผมที่ผมยื่นให้เลยสักนิด นี่มันก็จะตีสองแล้ว เขายังเอางานมาทำอีกเหรอเนี่ย ผมถือวิสาดึงไอแพดออกจากมือของคุณแกมมาและนำมาวางไว้ที่โต๊ะดังเดิม
“ผมขอโทษที่ถือวิสาสะทำแบบนี้นะครับ แต่คุณแกมมาไม่สบาย คุณควรพักได้แล้วนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นหนักกว่าเดิมได้นะครับ นี่ไดร์ครับ เดี๋ยวผมเสียบปลั๊กให้” เขามองผมสลับกับไดร์เป่าผมที่ผมยื่นให้เขา ทว่ายังคงนิ่งงันไม่รับมันไปเสียที
“ผมบอกคุณไวน์แล้วว่ามือผมไม่ว่าง” ไม่ว่างได้ยังไงกัน ไอแพดก็วางอยู่บนโต๊ะแล้วนั่น
“คะ...คุณ!” คนตรงหน้าอาศัยความเร็วในจังหวะที่ผมเผลอ คว้าเอวให้นั่งลงบนตักของเขา ตะ...ตอนนี้ ผมกำลังนั่งคร่อมเขาอยู่ มือหนาทั้งสองข้างกระชับเอวผมให้แน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะรั้งตัวให้เข้าใกล้เขา ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ข้างแก้ม ทำเอาผมเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ
“เห็นไหมครับ มือไม่ว่าง...”
“คุณแกมมา เดี๋ยวไวน์ตกๆ อ๊ะ!”
คนตัวสูงทำท่าคล้ายกำลังจะลุกขึ้นทั้งที่ผมยังนั่งอยู่บนตัก ผมรีบโอบรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อรั้งตัวไม่ให้ตก มือหนาเลื่อนขึ้นโอบร่างกายของผมเพื่อช่วยประคองในขณะที่เขาเอื้อมมือเสียบปลั๊กไดร์เป่าผม ก่อนจะยื่นมาตรงหน้ากัน
“รบกวนคุณไวน์ด้วยนะครับ...”
“ครับ อะ...คุณ...” คุณแกมมากระชับอ้อมแขนให้ผมเข้าใกล้เขามากยิ่งกว่าเดิม ผมเปิดสวิตช์ไดร์เป่าผมอย่างเก้ๆ กังๆ กลุ่มผมสีน้ำตาลเทากำลังปลิวไสวเพราะแรงลมจากไดร์ ค่อยๆ จับผมของเขาอย่างเบามือ ไล้นิ้วเรียวสอดเข้าด้านในผม ขณะที่สะบัดข้อมือไปมาเพื่อช่วยให้ไอร้อนซาบซึมเข้าสู่ทุกเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
ทว่ากลับต้องหยุดชะงักในฉับพลัน เมื่อคนตรงหน้าฝังปลายจมูกลงที่แก้มนิ่มโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีเฮเซลจ้องมองทุกอากัปกิริยาของผม ณ เวลานี้ มือเล็กยังคงวางสัมผัสลูบเบาๆ ที่ผมนิ่มสลวย แม้ว่าใจจะสั่นระรัวจนแทบจะคุมเอาไว้ไม่อยู่
ริมฝีปากร้อนที่คลอเคลียอยู่แก้ม เคลื่อนต่ำลงมายังลำคอระหง ไล้ปลายจมูกเบาๆ ทำเอาผมเริ่มมือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้ต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำในบัดดลและกดปิดสวิตช์ มือหนาที่โอบร่างกายของผมเอาไว้ในคราแรกบัดนี้เคลื่อนมาสัมผัสที่ไหล่ คอเสื้อแสนกว้างถูกเลื่อนลงจนเผยให้เห็นไหล่เนียน ผมแทบจะหยุดหายใจในฉับพลันที่ริมฝีปากร้อนประทับจูบลงที่ไหล่ด้านซ้าย ดูดเม้มช้าๆ ดุนดันเรียวลิ้นร้อนในทุกๆ จังหวะที่ขบเม้มผิวขาวเนียน ก่อนจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ซอกคอ เขาพรมจูบย้ำๆ ซ้ำๆ ทั่วบริเวณลำคอและเคลื่อนริมฝีปากต่ำลงเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าอกของผม
“อะ…อื้อ…” ผมหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกประหลาดเหล่านี้มันคืออะไรกันนะ มันทั้งวาบหวามและเสียวซ่าน เป็นความรู้สึกแปลกที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนและไม่เข้าใจเลยสักนิด
ไม่นานนักคนตรงหน้าก็ค่อยๆ ผละตัวออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วในเวลานี้ผมควรจะต้องทำยังไง ผมไม่กล้าสบตาเขา ทำได้เพียงแค่นั่งก้มหน้าอยู่บนตักแกร่งของเขาเท่านั้น
“คุณไวน์ครับ ผมคิดว่าผมคงทนต่อไปอีกไม่ไหว ผมอยู่ใกล้คุณโดยที่ไม่คิดเรื่องเซ็กซ์ไม่ได้ ผมห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้คุณไวน์เตรียมตัวเอาไว้ เพราะครั้งต่อไป…ผมคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้…”
คุณแกมมาจูบที่ขมับของผมและยกตัวผมให้นั่งลงที่โซฟา “ฝันดีครับคุณไวน์”
เขาเดินเข้าห้องไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับใจที่สั่นระรัว
ผมอยากจะบอกฝันดีกับเขา แต่กลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าตอนนี้เสียงฝนจากด้านนอกหรือเสียงหัวใจของผมที่ดังกว่ากัน...