❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 5 A better way to make it less bitter โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 5 A better way to make it less bitter

ถามว่านอนหลับไหม? ตอบได้เลยว่า...ไม่


จะข่มตานอนให้หลับได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งจูบผม ถึงแม้จะไม่ใช่การจูบปาก แต่มันก็ทำให้ผมคิดมากจนนอนไม่หลับ ผมยังสัมผัสความอุ่นจากริมฝีปากของเขาที่ทิ้งไว้ที่ไหล่และคอของผมได้อยู่เลย มันคือความรู้สึกที่ผมไม่ได้เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต ทั้งรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เลือดสูบฉีดและวาบหวาม ราวกับว่ามันคือจุดเริ่มต้นที่กระตุ้นให้ผมรู้สึกอยากทำอะไรมากกว่าการจูบ


นอกจากนั้นเขายังพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ผมอึ้งจนไปไม่เป็น




‘คุณไวน์ครับ ผมคิดว่าผมคงทนต่อไปอีกไม่ไหว ผมอยู่ใกล้คุณโดยที่ไม่คิดเรื่องเซ็กซ์ไม่ได้ ผมห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้คุณไวน์เตรียมตัวเอาไว้ เพราะครั้งต่อไป…ผมคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้…’




“ไวน์ เป็นอะไรหรือเปล่า? เหม่อเชียว” ถิงถิงโบกมือไปมาอยู่ด้านหน้าผม


“ทำหน้าเหมือนคนกำลังคิดอะไรตลอดเวลา คิดถึงแฟนเหรอไวน์?” แทบจะพ่นน้ำที่กำลังดื่มออกมาจากปาก เมื่อได้ยินสิ่งที่พลเมืองถาม


“เปล่าๆ ไม่มีๆ”


“ไม่มีแฟน? รูปร่างหน้าตาน่าโซ้ยขนาดนี้ หล่อนอย่ามาโกหกฉัน!” ไม่ได้โกหกจริงๆ โว้ย!


“ถิงถิงคิดว่าไวน์มีแฟนแล้วนะเนี่ย ไวน์สวยมากเลยรู้ตัวไหม ถิงถิงแอบมองไวน์ตลอด เพราะสวยจนละสายตาไม่ได้ แถมตัวก็หอมมากๆ ด้วย ว่าแต่ว่า...ไวน์ใช้น้ำหอมอะไรเหรอ?”


“เราไม่ได้ใช้น้ำหอม ใช้แค่ครีมทาผิวกับแป้งเด็กน่ะ พอดีเราชอบกลิ่นแบบนี้”


“หอมจริง! พอไวน์เดินมาเราสองคนรู้ทันทีเลยว่าเป็นไวน์ เพราะตัวหอมมาก!”


“พูดมากกันอยู่ได้ มาใหม่ยังไม่เจียมตัว น่ารำคาญ! จะเข้างานอยู่แล้ว แยกย้ายไปทำงานกันได้แล้วไป!”


พูดจาแบบนี้มีอยู่คนเดียว...มิกะ


“ที่บ้านไม่สอนมารยาทเหรอหล่อน? ไม่มีใครเคยสอนใช่ไหมว่าเวลาที่คนเขากำลังคุยกันอยู่อย่ามาสะเออะ!” ผมรีบเดินเข้าไปหาพลเมืองที่ในเวลานี้ทำท่าจะเข้าไปทึ้งหัวของมิกะอยู่แล้ว


“ระวังจะทำงานได้ไม่นานนะอีกะเทย!”


“มึงสิกะเทย!” พลเมืองโต้กลับมิกะในทันควัน


เป็นผมที่เอาตัวมาขวางทั้งสองคนไว้ไม่ให้ทะเลาะกันรุนแรงไปมากกว่านี้


“เราแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ ไปกันพลเมือง ไปกันเถอะถิงถิง” ทั้งถิงถิงและผมต่างก็พากันลากแขนพลเมืองออกมาจากจุดนั้น ถ้าผมไม่เอาตัวขวางไว้ผมคิดว่าพลเมืองอาจจะตบมิกะเข้าจริงๆ


“ไวน์ทนทำงานร่วมกับคนแบบนั้นไปได้ยังไง นิสัยเสียชะมัด!”


ถิงถิงยกมือขึ้นลูบที่ไหล่ของพลเมืองเป็นการบอกให้ใจเย็นๆ เช่นเดียวกันกับที่ผมทำ


“เราเลือกไม่ได้หรอกพลเมือง ก็แค่ตั้งใจทำงานของเราให้ดีที่สุด ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขา แต่เมื่อก่อนมิกะไม่ได้เป็นแบบนี้นะ หมายถึงเขาไม่ได้ดูใจร้ายแบบนี้น่ะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น จริงๆ เราสังเกตมาตั้งแต่ตอนที่เราขึ้นไปช่วยงานที่ห้องทำงานของคุณแกมมาแล้วล่ะ หลังจากวันนั้นมามิกะก็พูดจาไม่ดีกับเรามาตลอด เหมือนจะเหน็บแนมอยู่กลายๆ บอกไม่ถูกแฮะ”


“แล้วนอกจากไวน์มีใครได้ขึ้นไปช่วยงานคุณแกมมาไหม?” พลเมืองถามด้วยท่าทีที่ครุ่นคิดบางอย่างไปด้วย


“เราก็ไม่รู้นะ แต่คิดว่าคงมีแค่เราเพราะปกติคุณแกมมาไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าห้องทำงานของเขา แต่ที่เราเข้าไปวันนั้นเพราะเรามีความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ”


“นี่พลเมืองหมายความว่า...” ถิงถิงพูดเหมือนรู้ว่าพลเมืองกำลังหมายถึงอะไร


“ฉันว่าชัวร์...นางอิจฉาไวน์”


ห๊ะ? อิจฉา? มิกะเนี่ยนะอิจฉาผม?


ผมมีอะไรให้น่าอิจฉากัน มีแต่หนี้ก้อนโตที่ไม่รู้จะใช้เขาหมดชาติไหน ตั้งหนึ่งล้าน...


“ไม่หรอกมั้ง เขาจะมาอิจฉาเราทำไม เราไม่มีอะไรให้น่าอิจฉาเลยสักนิด”


“ไอ้บ้านั่นไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกนะไวน์ เราดูออก ผีเห็นผีน่ะ เคยได้ยินไหม?”


ผมพยักหน้าหงึกๆ


“ยัยมิเกะมิกะอะไรนั่นชอบคุณแกมมาชัวร์ กะเทยขอเอาหัวเป็นประกัน!” อืม...เป็นไปได้เหมือนกันแฮะ มีใครไม่ชอบเขาบ้างล่ะ ใครเห็นก็หลงกันทั้งนั้น ขนาดพลเมืองกับถิงถิงเห็นแค่แว็บเดียวยังเพ้อเลย




กลับมาถึงบ้านด้วยสภาพที่อิดโรยสุดๆ วันนี้ผมได้รถกลับเร็วไม่ต้องยืนรอนานๆ เหมือนทุกครั้ง อีกอย่างผมกลัวว่าจะต้องติดรถกลับกับคุณแกมมาอีก ผมเกรงใจเขาที่ต้องติดรถเขากลับ อย่างที่รู้ๆ กัน บ้านเช่าที่ผมอยู่ห่างจากที่บาร์ตั้งเยอะ อีกอย่างหนึ่งก็คือผม...เขิน เรียกได้ว่าหลบตาเขาตลอดตั้งแต่เจอหน้าเขาที่เพนต์เฮาส์ ยิ่งไปกว่านั้นพอเขารู้ว่าผมเขิน เขาก็ยิ่งแกล้งผม...




ย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนมาทำงาน


‘คุณแกมมาครับ ทานข้าวแล้วทานยาด้วยนะครับ’ แม้ว่าปากจะพูดกับเขา ทว่าสายตาของผมกลับหลุบลงต่ำไม่กล้ามองหน้าเขา


‘ผมไม่อยากทานแล้วครับคุณไวน์ มันไม่อร่อย’ ดื้อชะมัด...


มือเล็กเลื่อนถาดข้าวต้มขาวและหมูหย็องให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนาย ซึ่งในถาดมีถ้วยยาเล็กๆ วางอยู่ใกล้ๆ กัน ทันทีที่ได้เห็นถ้วยใส่ยา คนตรงหน้าก็ทำหน้าเบื่อหน่ายขั้นสุด แถมยังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


คุณแกมมาฉามขวด...


‘ถ้าอย่างนั้น ทำแบบเมื่อวานนะครับ ทานยาแล้วรีบทานลูกอมตามเข้าไป จะได้ไม่ขม ดีไหมครับ? ลูกอมที่ผมให้ไปยังเหลือไหม?’


‘ไม่เหลือแล้วครับ ผมทานหมดแล้ว’ เขาน่าจะกินมันช่วงที่รู้สึกอยากสูบบุหรี่มากๆ อย่างนั้นสินะ แสดงว่าการที่ผมเอาลูกอมให้เขามันได้ผล ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะกินมันด้วยซ้ำไป


‘ถ้าอย่างนั้นทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะเอามาให้คุณแกมมานะครับ’


ผมเดินมานั่งกินข้าวที่เคาน์เตอร์เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิมคือผมเปลี่ยนมุมในการนั่ง และเหตุผลที่ผมทำอย่างนั้น เป็นเพราะผมไม่อยากสบตา


กับเขา


โดยปกติผมจะนั่งเยื้องๆ แบบหันข้าง เผื่อในกรณีที่คุยแกมมาต้องการอะไรผมจะได้ลุกได้ทันท่วงที


‘คุณไวน์ครับ I’ d like a new spoon. Could you please bring me a new one? (ผมอยากได้ช้อนคันใหม่ คุณไวน์เอาคันใหม่มาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?) ’ เขายกช้อนคันเดิมให้ผมดูด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย


หลังจากที่ผมหยิบช้อนคันใหม่ให้เขาและกลับมานั่งกินข้าวต้มต่อได้ไม่ถึงนาที คุณแกมมาก็เรียกผมอีกครั้ง


‘คุณไวน์ครับ I’ d like a glass of water, please. I’ m thirsty. (ผมอยากได้น้ำแก้วหนึ่งครับ ผมหิวน้ำ) ’ ผมหันมองเขาที่กำลังตักหมูหย็องใส่ในถ้วยข้าวต้ม แถมข้างๆ เขายังมีเหยือกน้ำตั้งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือแก้วน้ำของเขายังมีน้ำที่ผมรินไว้ให้อยู่เต็มแก้ว เขาไม่เห็นจริงๆ หรือว่าเขากำลังแกล้งผมกันแน่


‘ผมรินน้ำไว้ให้คุณแกมมาแล้วนะครับ’


‘แต่ผมอยากให้คุณไวน์รินให้ใหม่ครับ’


ต่อให้รู้ว่าเขากำลังแกล้งผม แต่ผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นเจ้านายของผม


‘คุณแกมมาแกล้งผมเหรอครับ?’


‘ก็คุณไวน์เอาแต่หลบหน้าผมนี่ครับ...’ คำพูดของเขาทำให้ผมชะงัก เม้มริมฝีปากเรียบในทันใดเมื่อสิ่งที่เขาพูดมามันไม่ผิดเลยสักนิด ผมหลบหน้าเขาอยู่จริงๆ


คุณแกมมากระดิกนิ้วเรียกผม เท้าเล็กค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้ทีละนิดๆ


‘คุณ!’ มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวผมให้นั่งลงบนตักแกร่ง เขากระชับอ้อมแขนเพื่อรั้งให้ผมเขยิบเข้าใกล้มากขึ้น คุณแกมมายื่นหน้าเข้ามาใกล้...ใกล้เสียจนผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากตัวของเขา น่าจะเป็นเพราะเขายังมีไข้อยู่ มือเล็กเอื้อมขึ้นแตะเบาๆ ที่หน้าผากของคนตรงหน้า เขายังตัวรุมๆ อยู่จริงๆ


‘คุณแกมมายังมีไข้อยู่เลยนะครับ’


‘ถ้าอย่างนั้นคุณไวน์ป้อนยาผมหน่อยได้ไหมครับ มือผมไม่ว่าง...กอดคุณไวน์อยู่’ ผมหรี่ตามองคุณแกมมาที่กำลังมองผมนิ่ง เขาจะรู้ตัวไหมว่าการกระทำของเขามันทำให้ผมเขินจนอยากจะมุดพื้นดินหนี


‘วันนี้ไม่ต้องใช้ลูกอมก็ได้ครับ ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น...และมันก็หวานกว่าลูกอมอีกครับ’


วิธีที่ดีกว่านั้น? หวานกว่าลูกอม? วิธีอะไรของเขากันนะ...


ผมหยิบยาทั้งสองเม็ดป้อนใส่ปากคุณแกมมาและยื่นแก้วน้ำให้เขา เจ้าของตาคู่สวยหลับตาลงช้าๆ หลังจากที่เพิ่งกลืนยาลงคอ ด้วยท่าทางที่ฝืนเกินจะบรรยาย เขาคงเกลียดการกินยาเม็ดจริงๆ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็หันมองหน้าผมด้วยแววตาที่อ่านยาก คุณแกมมาใช้มือข้างหนึ่งวางทาบที่ใบหน้าของผม ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ ริมฝีปากอุ่นฝังลงที่ข้างแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสวยเชยปลายคางของผมขึ้นให้สบตากับเขา นัยน์ตาสีเฮเซลคู่นี้ช่างงดงามเหลือเกิน ทั้งยังดูน่าเกรงขาม ทว่าอีกนัยกลับแฝงไปด้วยอบอุ่นอย่างน่าประหลาด


‘คุณไวน์ก็อย่าลืมทานยานะครับ ระวังจะติดไข้จากผม’


แล้วผมจะรับมือกับเขาได้อีกนานเท่าไร กลัวเหลือเกินว่าผมจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้...




สามวันต่อมา...


กลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน


นิ้วเรียวไถหน้าจอโทรศัพท์ ไล่อ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับประสบการณ์การมีเซ็กซ์ครั้งแรกของคนที่มาตั้งกระทู้ ผมเลื่อนอ่านคอมเมนต์ของแต่ละคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่คอมเมนต์หนึ่งที่บอกว่า ไม่ว่าจะมีเซ็กซ์กับเพศไหนก็ควรใส่ถุงยางอนามัยป้องกันเอาไว้ อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งเราและคู่นอน จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีสัมพันธ์แบบ One-night stand หรือสำหรับคู่ที่ไม่มีสถานะ ป้องกันไว้ดีที่สุด


ค่อยๆ ไถหน้าจอโทรศัพท์เลื่อนลงมาเรื่อยๆ เพื่ออ่านความคิดเห็นของคนที่มาตอบ อ่านไปกลืนน้ำลายไป ทำไมทุกคนในกระทู้ถึงบอกว่ามันเจ็บล่ะ แล้วมันจะเจ็บมากไหมนะ? ความคิดเห็นที่แปดตอบไว้พอดีเลย...




ความคิดเห็นที่ 8


ถ้าถามว่าเจ็บไหม บอกได้เลยครับว่าเจ็บมาก เจ็บจนผมอยากให้เขาเอามันออก แต่พอเขาบอกว่าให้ทนอีกสักพักพอเริ่มคุ้นชินแล้วมันจะดีเอง ผมก็เลยให้เขาทำต่อดู ผลปรากฏว่าผมจุกมากครับ เรียกได้ว่าเจ็บเจียนตาย แต่พอนานๆ เข้า ผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ต้องบอกแฟนของคุณให้ค่อยเป็นค่อยไปครับ ครั้งแรกเจ็บเสมอ แต่ผมรับรองว่าคุณจะมีความสุขกับมันหลังจากที่ได้ลองครับ




ป.ล. ถ้าขนาดอวัยวะเพศของคู่ของคุณใหญ่เกินมาตรฐาน ต้องบอกเขาให้ใจเย็นๆ นะครับ




เจ็บเจียนตาย? แค่อ่านก็ใจสั่นแล้ว...


ผมเดินเข้ามาใน Drug store (ร้านขายยา) ซึ่งมีโซนที่ขายถุงยางอนามัยโดยเฉพาะ ทั้งยังมีเภสัชกรคอยแนะนำอยู่ข้างๆ เขาถามผมว่าปกติใส่ไซซ์อะไร ผมตอบเขาไปว่าผมไม่ได้ใส่เอง เขาเลยบอกกับผมว่า...


‘ลองโทรถามคุณแฟนดูไหมครับ?’


แล้วผมจะเอาความกล้าจากไหนไปโทรหาคุณแกมมาได้ล่ะ...อีกอย่างเขาก็ไม่ได้เป็นแฟนผม


ผมเลยตัดปัญหาบอกด้วยการบอกเขาไปว่า เอาไซซ์ห้าสิบสี่ จำได้ว่าตอนที่อ่านในกระทู้มีคนพูดถึงแต่เลขนี้ เลยเดาว่ามันน่าจะเป็นขนาดมาตรฐาน…หรือเปล่า?


นี่คงเป็นการซื้อของที่ผมเกร็งมากที่สุดในชีวิต...




เมนูสุดพิเศษในวันนี้คือพาสตาไส้กรอกอบชีส ที่คุณแกมมาบอกว่าเขาชอบกิน ผมนอนอ่านสูตรมาสามสี่รอบได้ เรียกได้ว่าจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ รวมทั้งการดูคลิปการทำพาสตาที่วนดูซ้ำๆ จนจำเทคนิคที่เจ้าของช่องสอนได้ทั้งหมด น่ากินมาก! ชีสเยิ้มๆ แบบจุใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมทำพาสตา หวังว่าคนกินจะชอบ


คุณแกมมากลับมาแล้ว...


ทว่าสิ่งแรกที่เขาทำทันทีที่มาถึงห้องคือการเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ เหมือนกับว่าทุกวันอาทิตย์คุณแกมมาจะต้องไปที่ไหนสักที่และเขาจะกลับมาในช่วงหกโมงเย็น ผมสังเกตว่าทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะมีสีหน้าที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา


ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ผมก็ตัดสินใจเดินไปยังระเบียงพร้อมกับลูกอมหนึ่งเม็ดที่ถืออยู่ในมือ ทันทีที่เห็นว่าเขาทำท่าเหมือนจะสูบต่ออีกมวน ผมจึงรีบดึงซองบุหรี่ซองนั้นมาไว้ในมือและยื่นลูกอมที่เตรียมมาให้เขาแทน


“ผมขอโทษที่ถือวิสาสะทำแบบนี้ แต่ผมไม่อยากให้คุณสูบเยอะนะครับ คุณแกมมาไปอาบน้ำดีไหมครับ เสร็จแล้วจะได้ออกมาทานมื้อเย็น วันนี้ผมทำของโปรดของคุณแกมมาด้วยนะครับ”


เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าด้านใน


กลิ่นหอมของเจลอาบน้ำที่ลอยมาเตะจมูกเป็นสัญญาณบอกว่าคนตัวสูงได้ออกมาจากห้องน้ำแล้ว ผมตักพาสตาใส่จานหลังจากที่เอาไมโครเวฟหนึ่งรอบเพื่ออุ่นร้อน จากนั้นก็รินน้ำใส่แก้ววางไว้ข้างๆ จานอาหาร


ผมมานั่งรอที่เคาน์เตอร์เพื่อรอให้คนตัวสูงตักอาหารเข้าปากก่อนผมถึงเริ่มกิน


ติ๊ดๆ


‘เจ้าของบ้านเช่า’


ผมลุกออกมายังริมระเบียงเพื่อคุยโทรศัพท์เพราะเกรงว่าถ้าคุยในนั้นจะเป็นการรบกวนการกินอาหารเย็นของเขา


“ (น้องไวน์ พี่จะโทรมาบอกว่าบ้านเช่าของเรามีคนมาเช่าต่อแล้วนะ) ” เช่าต่อ?


“แต่ผมยังเช่าอยู่นะครับ”


“ (พอดีเขาจะมาเช่าเปิดร้านขายอาหารน่ะ พี่เลยให้เขาเช่าแล้ว พี่ปฏิเสธเขาไม่ได้แล้วน้องไวน์ เพราะว่าทางนั้นเขาจ่ายค่าเช่าล่วงหน้ามาสามเดือนเลย) ” แน่ล่ะ เขาจ่ายมาเสียขนาดนั้น จะปฏิเสธได้ยังไง


“ทำไมพี่ถึงไม่บอกผมก่อน แล้วผมจะย้ายออกทันเหรอครับ”


“ (ทันสิคะ ยังไงก็ทัน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ให้คนของพี่มาช่วยขนของ ยังไงก็รีบมาเก็บของพรุ่งนี้เลยนะ เพราะมะรืนนี้เขาก็จะมาดูบ้านแล้วจ้า) ”


กลืนไม่เข้า คายไม่ออก โคตรจะจนมุมเลยผม แล้วผมจะไปอยู่ที่ไหน?


เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ด้วยร่างที่ไร้วิญญาณ ได้แต่นั่งมองพาสตาที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเสียดิบดี ทั้งๆ ที่ผมอยากกินตั้งแต่เมื่อคืนที่ดูคลิปการสอนทำ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากแตะมันเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ตกว่าผมจะไปหาที่อยู่ที่ไหนได้ทัน ทั้งโมโหทั้งเครียด เฮ้อ...ทำไมมีแต่เรื่องให้ต้องคิดมาก


“คุณไวน์เป็นอะไรครับ?”


เฮือก...


ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าคนตัวสูงที่กินพาสตาอยู่ในตอนแรกมายืนอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์ที่ผมนั่ง ณ เวลานี้


“คือ...เจ้าของบ้านเช่าเขาให้ผมย้ายออกภายในวันพรุ่งนี้ครับ ผมรู้สึกโกรธมากจริงๆ ที่เขาไม่บอกผมก่อน จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าให้ขนของออกพรุ่งนี้ วิธีที่เขาทำไม่ต่างอะไรกับการไล่ผมเลยสักนิด...”


“คุณไวน์กำลังเครียดเรื่องหาที่อยู่ใหม่เหรอครับ?


ผมพยักหน้าหงึกๆ


“มาอยู่กับผมที่นี่ก็ได้ครับ ยังไงคุณไวน์มีห้องของตัวเองอยู่แล้ว”


“แต่มันไม่เหมาะสมนะครับ”


“เพราะผมเป็นเจ้านาย คุณเป็นลูกน้อง...คุณไวน์จะพูดแบบนั้นใช่ไหมครับ?” เขาพูดดักผมอย่างนั้นสินะ


“...ครับ”


“ถ้าอย่างนั้นให้คุณไวน์อยู่ที่นี่ในฐานะผู้เช่าดีไหมครับ? ยังไงทุกวันพุธกับวันอาทิตย์คุณไวน์ก็ค้างที่นี่อยู่แล้ว แค่เพิ่มมาอีกห้าวัน...”


ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่นี่เดินทางไปทำงานได้สะดวกมากกว่า ด้วยเรื่องของระยะทางที่สั้นกว่าบ้านเช่าที่ผมอยู่ รวมถึงเรื่องเส้นทางของรถประจำทางที่ผ่านอยู่บ่อยๆ หาได้ง่ายกว่าแถวบ้านของผมเป็นไหนๆ


“ถ้าอย่างนั้นผมขอเช่าคุณแกมมาอยู่ก่อนที่ผมจะหาที่ใหม่ได้...ได้ไหมครับ?”


“ได้ครับ” เขายิ้มบางๆ ที่ข้างแก้ม เอ...ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือเปล่านะ ถึงยิ้มให้ผมแบบนี้


“คุณแกมมารู้สึกดีขึ้นแล้วเหรอครับ?”


คนตัวสูงพยักหน้าเบาๆ


“ขอบคุณที่ทำเมนูโปรดให้ผมทาน...คุณไวน์ทำอร่อยมากครับ” มือหนาวางที่ศีรษะของผมอย่างเบามือและลูบช้าๆ ผมยกมือทาบอกของตัวเองเบาๆ ฉับพลันที่ร่างสูงเดินไปจากจุดนี้


ทำไม...หัวใจของผมมันถึงเต้นแรงอีกแล้วล่ะ? เขากำลังทำอะไรกับใจของผมกันนะ...