❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 6 Bought the wrong size… โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 6 Bought the wrong size…

มื้อเช้าของคุณแกมมาในวันนี้คือโจ๊กหมูใส่ไข่ ตอนที่ไปซื้อวัตถุดิบทำพาสตา ผมซื้อปลายข้าวหอมมะลิ*และหมูสับติดมาไว้สำหรับทำมื้อเช้าด้วย ก่อนจะออกจากห้องผมไม่ลืมที่จะเขียนโน๊ตทิ้งไว้ให้เขา ควานมือหาลูกอมในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋าสะพายแต่กลับไม่มีลูกอมเหลืออยู่เลยสักเม็ด กะว่าจะเอาทิ้งไว้ให้เขาเสียหน่อย ตอนนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่กิน แต่มีเจ้าหนี้ของผมเพิ่มมาอีกหนึ่งคน


ติ๊ง!

อยากได้ผัวหล่อ


PM in Love: ไวน์ เราบอกพี่ฟองดูว์ให้แล้วนะ ว่าไวน์จะมาช้าหน่อย


CallmeTingx2: ตอนไปบอกพี่ฟองดูว์ พวกเราเจอมิกะอีกแล้ว มองพวกเราด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแบบสุดๆ ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรพวกเรานักหนา


WhyWine: อดทนไว้นะ ห้ามทะเลาะกับมิกะเด็ดขาด


PM in Love: ไม่รับปากจ้า...


CallmeTingx2: ไวน์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ในระหว่างนี้เราจะคอยห้ามพลเมืองเอง แต่ถ้าเราทนไม่ไหวเหมือนกัน เราคงต้องขอซัดปากมิกะก่อนล่ะ!


อ้าว...เป็นอย่างนั้นไป


ว่าแล้วก็โทรหาพี่ฟองดูว์อีกที “พี่ฟองดูว์ครับ วันนี้ผมขออนุญาตเข้างานช้าหนึ่งวันนะครับ เพราะต้องย้ายบ้านกะทันหัน”

“ (เออๆ โอเค พลเมืองเดินมาแจ้งแล้วก่อนหน้านี้ ถ้ายังไงเสร็จแล้วก็รีบมานะไวน์) ”

“ครับพี่ฟองดูว์”

ข้าวของของผมมีไม่เยอะเท่าไร มีเพียงแค่เสื้อผ้าและแล็ปท็อปหนึ่งเครื่องเท่านั้น ผมกลับมาที่เพนต์เฮาส์อีกครั้งเพื่อเอาของทุกอย่างที่ขนมาขึ้นมาเก็บ สายตาพลันเหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ตรงตู้เย็น คุณแกมมาเขียนโน๊ตใส่กระดาษโพสต์อิทตอบกลับผมและแปะมันเอาไว้


‘Thank you for the breakfast. Have a wonderful day, Wine.’


(ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะครับขอให้คุณไวน์มีวันที่สดใส)



ผมยิ้มออกมาในทันใดเมื่อได้อ่านข้อความในกระดาษ


Whywine: Have a lovely day, Boss. (ขอให้เจ้านายมีวันที่ดีนะครับ)



ติ๊ง!


Gamma: ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ?


Whywine: เรียบร้อยดีครับคุณแกมมา ขอบคุณที่ให้ผมมาอยู่ด้วยนะครับ


Gamma: เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอาหารมื้อเย็นให้ผมได้ไหมครับ? ผมหิว


Whywine: คุณแกมมาอยากทานอะไรครับ? บอกผมได้เลย


Gamma: ผมอยากทานพาสตาไส้กรอกอบชีสอีกครับ


Whywine: ได้ครับ



คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีเส้นพาสตาเหลืออยู่แฮะ ไส้กรอกกับชีสก็ยังพอมี แต่พอสำหรับที่เดียวเท่านั้น แล้วผมจะมาอยากกินตามเขาทำไมกัน ตั้งนานไม่อยากกินพอเห็นเขาสั่งให้ทำหน่อย ดันอยากกินขึ้นมาเสียอย่างนั้น


ผมเริ่มคุ้นชินกับการทำพาสตาโดยที่ไม่ต้องดูคลิปประกอบการทำอีกต่อไป น่าจะเป็นเพราะก่อนนอนผมจะดูคลิปสอนทำอาหารตะวันตกบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ที่ผมทำพาสตาให้คุณแกมมากินครั้งแรก ผมนอนดูคลิปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนจำได้ขึ้นใจ เรียกได้ว่าชำนาญการ


คิดมาตลอดทางที่นั่งรถมาที่บาร์ ผมจะเอาอาหารเย็นของคุณแกมมาขึ้นไปให้เขายังไงให้รอดพ้นจากสายของทุกคนในที่ทำงาน เครียด...


ถ้าผมบอกเขาให้ลงมาเอาเองก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร


“ไวน์! พี่ซิปบอกว่าถ้าไวน์มาแล้วให้ไปหาพี่เขาหน่อย ตอนนี้พี่เขาอยู่ตรงโซน A”


“ขอบใจนะถิงถิง ถ้าอย่างนั้นเราฝากเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์ให้เราหน่อยได้ไหม”


“ได้ๆ แล้วนั่นไวน์ถือถุงกระดาษอะไรมาด้วยน่ะ ต้องเอาไปเก็บด้วยไหม?” ถิงถิงเอ่ยถามพลางชี้มาที่ถุงกระดาษที่ด้านในใส่กล่องพาสตามาให้คุณแกมมา


“ไม่ต้องๆ อันนี้เราเอามากินน่ะ พอดีเรายังไม่ได้กินอะไรเลยวันนี้”


พลเมืองที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่หันมาโบกไม้โบกมือให้ผม ผมพยักหน้ารับและยิ้มให้เป็นการทักทายกลับไป


“น้องไวน์ เป็นไงบ้างย้ายของเสร็จหมดแล้วเหรอ เห็นฟองดูว์บอกพี่ว่าเราย้ายบ้านใช่ไหม”


“ครับพี่ซิป พี่ซิปเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ?” พี่ซิปยื่นแฟ้มเอกสารให้ผมสองแฟ้ม


“คุณแกมมาบอกให้น้องไวน์เอาเอกสารขึ้นไปให้เขาด้วย เพราะเขาวานให้น้องไวน์ซื้อมื้อเย็นให้เขา เลยให้พี่ฝากเอกสารให้น้องไวน์เอาไปให้เขาทีเดียวเลย” เขาคงรู้ว่าผมคงหนักใจเรื่องนี้อยู่ ว่าจะเอาของขึ้นไปให้เขายังไง

ถือว่าคุณแกมมาช่วยให้ผมเอาตัวรอดได้ดีทีเดียว...


“ได้ครับพี่ซิป”


“แล้วสองคนที่มาใหม่ทำงานดีไหมน้องไวน์? พี่ฝากเราช่วยดูเขาด้วยนะ”


“พลเมืองกับถิงถิงทำงานได้ดีมากๆ ครับพี่ซิป เรียนรู้งานเร็ว ขยันด้วยครับ” ที่ผมพูดเป็นความจริงทุกประการ ทั้งสองคนเป็นคนที่ขยัน เรียกได้ว่าตั้งใจเรียนรู้งานทุกขั้นตอน


“เยี่ยมเลย รีบไปเถอะน้องไวน์ คุณแกมมาคงรอทานแล้วล่ะ”


จริงด้วย ดีนะที่ผมใส่กล่องเก็บความร้อนมา ถ้าไม่อย่างนั้นคงเย็นชืดหมดแล้ว


คนตัวสูงยืนพิงผนังด้านนอกสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียงเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้เขาสูบมันไปกี่มวนแล้ว ผมให้ลูกอมเขาเกือบทุกวัน เพียงแค่หวังว่าลูกอมรสเมลอนที่ผมให้เขาจะช่วยให้เขาสูบบุหรี่น้อยลงกว่านี้ นั่นเพราะเขาไม่ใช่เจ้าหนี้หน้าเลือดแบบที่ผมเคยเจอเหมือนที่ผ่านมา และเพราะเขาดีกับผมมาก ผมแค่อยากให้เขามีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาว

“คุณแกมมาครับ มื้อเย็นของคุณได้แล้วครับ แล้วนี่ก็เอกสารที่พี่ซิปฝากมาให้ครับ ผมเอาวางไว้ที่โต๊ะนะครับ”


ผมแกะกล่องอาหารและเตรียมช้อนส้อมวางไว้ข้างๆ พร้อมกับน้ำแร่ที่หมุนฝาขวดเปิดเอาไว้ให้เขา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผมจึงเดินมายังประตูห้องเพื่อจะลงไปทำงานด้านล่าง


“มานี่ก่อนครับ” เขานั่งลงที่โซฟาและเรียกผม


“คุณแกมมาอยากได้อะไรพะ...อ๊ะ!”


ยังไม่ทันที่คำพูดของผมจะได้ถูกถ่ายถอดออกมาทั้งหมด คนตัวสูงกลับคว้าเอวผมให้นั่งลงบนตักของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว แขนแกร่งตวัดโอบรอบเอวพร้อมกับกระชับอ้อมแขนของเขาเพื่อรั้งตัวผมไม่ให้ลุกหนี


“ลูกอมของผมอยู่ไหนครับ?” เสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยถามอยู่ข้างหู ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


“อะ...เอ่อ หมด...หมดแล้วครับ ผมลืมซื้อ”


ผมพูดติดๆ ขัดๆ เมื่อคุณแกมมาไล้ปลายจมูกอยู่ที่ข้างแก้ม ลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมามีกลิ่นบุหรี่เย็นๆ จางๆ เคล้ากลิ่นน้ำหอมของเขา คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากลิ่นที่ผสมปนเปกันอยู่นี้กำลังทำให้สติของผมพร่ามัวไปชั่วขณะ เกร็ง...เกร็งไปทุกส่วนของร่างกาย ทว่ากลับหลับตาพริ้มรับสัมผัสของเขา


มือหนาจับที่ปลายคางให้ผมหันหน้าเข้าหาเขาเล็กน้อย ก่อนจะจุมพิตที่แก้มนุ่มซ้ำๆ ราวกับเขากำลังมันเขี้ยวอย่างไรอย่างนั้น ริมฝีปากหยักได้รูปค่อยๆ เคลื่อนมายังใบหูและลำคอ เขาพรมจูบย้ำๆ อย่างอ้อยอิ่ง จูบที่ละเมียดละไมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทั้งยังรู้สึกวาบหวามจนผมแทบจะหลุดครางออกมาเสียให้ได้


“กลับกับผมนะครับคุณไวน์...”


ดูเหมือนว่าผมจะเก็บอาการเขินเอาไว้ไม่อยู่ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพลเมืองกับถิงถิงถึงคอยลอบมองผมเป็นระยะๆ


“ไวน์ โอเคไหม? วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วหรือยัง?”


“อาการแบบนี้ มันคืออาการของคนที่กำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูก ยูเฮฟพิรุธ...” ทั้งสองคนเปลี่ยนจากการลอบมองเป็นหรี่ตามองอย่างจับผิดแทน


ใครก็ได้ ช่วยไวน์ด้วย...แง


“แต่พลลี่ก็เข้าใจไวน์นะ ก็คุณแกมมาหล่อจนอยากถวายชีวิตให้ซะขนาดนั้น ไม่เขินก็แย่แล้ว กรี๊ด!”


“ไวน์ทนได้ยังไงน่ะ ถ้าเป็นเราคงเป็นลมต่อหน้าคุณเขาไปแล้ว!”


ได้แต่เม้มปากเรียบและก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดแก้วต่อ


“ไปอ่อยอีท่าไหนล่ะ คุณแกมมาถึงได้เรียกใช้บ่อยๆ” ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้มิกะนักหนา ถึงได้เอาแต่พูดจากับผมแบบนี้


“มิกะไม่พอใจอะไรเราหรือเปล่า พูดออกมาตรงๆ เลยดีไหม? เราไม่ชอบที่มิกะพูดจาเหน็บแนมเราแบบนี้เลย” คิดว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ คงไม่จบเสียที มิกะเอาแต่พูดจาแย่ๆ กับผม ซึ่งผมไม่ชอบการกระทำของเขา


มิกะสาวเท้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู


“กูเกลียดมึง รู้ไว้ซะ… ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับคุณแกมมา มึงเจอดีแน่...” คำพูดของมิกะทำให้ผมนิ่งไปชั่วขณะ ยอมรับว่าผมอึ้งที่จู่ๆ มิกะก็เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเป็นกูกับมึง เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน ซ้ำยังใช้น้ำเสียงข่มขู่กัน


“ไวน์ ไอ้บ้านั่นมันพูดอะไรกับไวน์?”


“นั่นสิ”


“ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับคุณแกมมา มึงเจอดีแน่...” ผมทวนคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ให้ทั้งสองคนฟัง


“น่ากลัวชะมัด”


“พลลี่ว่าไอ้บ้านั่นมันเหมือนพวกโรคจิตเลย ขนลุกเป็นบ้า”


“อยู่ให้ห่างเป็นดีที่สุด คนแบบนี้ไว้ใจไม่ได้” ผมเริ่มคิดว่าสิ่งที่พลเมืองพูดเอาไว้เมื่อวันก่อนดูท่าจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้วล่ะ มิกะน่าจะชอบคุณแกมมา เลยไม่พอใจที่คุณแกมมาเรียกผมขึ้นไปช่วยงาน แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ผมติดหนี้ก้อนโต...ผมไม่ได้ไปอ่อยเขา


วันที่ผมเตรียมร่มมาฝนดันไม่ตก ส่วนวันที่ไม่ได้เอามาดันตกแรงเสียอย่างนั้น ทำไมฟ้าฝนต้องแกล้งกันทุกที แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้ร่มจะช่วยกันฝนไม่ให้โดนศีรษะ แต่ละลองฝนที่สาดมาก็ทำให้ตัวของผมเปียกอยู่ดี


มองซ้ายมองขวา...ปราศจากผู้คน คุณแกมมาส่งข้อความมาบอกให้ผมรอเขาที่ลานจอดรถ จะได้กลับเพนต์เฮาส์พร้อมกัน แถมยังบอกผมอีกว่าถ้าเขามาแล้วไม่เจอ เขาจะตัดเงินเดือนผม อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่จะได้ไหม...


“รอนานหรือเปล่าครับ” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาผมสะดุ้งโหยง


“มะ...ไม่นานครับ”


บรรยากาศในรถไม่ได้เงียบเช่นที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะบทสนทนาที่ดำเนินไปเรื่อยๆ


“เอ่อ...คุณแกมมาทานพาสตาหมดหรือเปล่าครับ?”


“หมดครับ อร่อยมาก”


“ทำไมคุณแกมมาถึงชอบเมนูนี้เหรอครับ?” เขาบอกผมว่าเป็นเมนูเดียวที่เขาชอบมากที่สุด


“...”


ผมถามอะไรที่ไม่ควรถามออกไปอย่างนั้นสินะ เขาถึงเลือกที่จะเงียบ ไวน์นะไวน์ ไม่พูดไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว


“ผมขอโทษครับ”


“แม่ของผมชอบทำให้ทานตอนเด็กๆ ครับ เวลาทานแล้วจะนึกถึงช่วงเวลานั้น...” เหมือนผมเลย เมนูที่ชอบที่สุดคงเป็นจับฉ่ายฝีมือยาย ซื้อที่ไหนกินก็ไม่เหมือน แถมทุกครั้งที่กินยังคิดถึงยายมากๆ ด้วย


“คุณแกมมาเคยทานจับฉ่ายไหมครับ?”


เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย จากที่ดูท่าทีของเขา เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่เคยกิน น่าจะไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ


“What’ s it called again? I’ ve never heard of that before. (มันคืออะไรครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย) ”


“จับฉ่ายครับ มันคือการที่เราเอาผักสองสามชนิดลงไปผัดก่อนแล้วค่อยเอาไปต้มทีหลังครับ เมนูโปรดของผมเลย ยายผมชอบทำให้ผมทานบ่อยๆ ตอนที่ยายยังอยู่”


“คราวหน้าทำให้ผมทานได้ไหมครับ?”


“ได้ครับ แต่ถ้าไม่อร่อยคุณแกมมาอย่าว่าผมนะครับ”


“แต่ลงโทษได้ใช่ไหมครับ?” เขาหมายถึงการจูบแก้มผมอย่างนั้นสินะ


“แก้มผมช้ำหมดแล้วนะครับ”


“แต่คอยังไม่ช้ำนี่ครับ...” ผมเบิกตากว้างมองเขาในทันใด เขาพูดอะไรออกมาเนี่ย ผมยกมือปิดหน้าตัวเองด้วยความเขิน ผมจะรับมือกับเขาไม่ไหวแล้ว!



คงมีแค่มื้อเช้าที่ตกถึงท้องผม ส่วนมื้อกลางวันกับมื้อเย็นผมยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะหลังจากที่ขนของมาที่นี่ก็รีบทำมื้อเย็นให้คุณแกมมา แล้วก็รีบอาบน้ำไปทำงาน ผมเลยทำแซนด์วิชทูน่าเตรียมไว้ทานระหว่างดูหนัง และแน่นอนว่าผมทำเผื่อเขาด้วย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกินหรือเปล่าเพราะอีกครึ่งชั่วโมงก็เที่ยงคืนแล้ว


กลิ่นเจลอาบน้ำที่หอมฟุ้งไปทั่วบริเวณทำให้ผมละความสนใจจากจอทีวีมองไปยังคนตัวสูงที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆ กัน รอยสักที่กลางอกของเขาเรียกความสนใจจากสายตาของผมได้เสมอ เพราะไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่มองมัน


คุณแกมมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าเอวผมให้เขยิบเข้าหาเขา มือหนาลูบที่ศีรษะของผมอย่างอ่อนโยน ใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วแฮะ ความรู้สึกหิวในคราแรกมลายไปไปจนหมดสิ้น มีเพียงความประหม่าอย่างไม่มีเหตุผลเข้ามาแทนที่


ผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากอาบน้ำเสร็จ จู่ๆ ก็หยิบกล่องถุงยางอนามัยใส่กระเป๋ากางเกงติดมาด้วย...


“ทำไมคุณถึงนั่งห่างผมนัก”


“คะ คุณ...”


มือหนายกตัวผมขึ้นนั่งบนตักแกร่ง คุณแกมมาเอาคางเกยที่ไหล่ของผมและจุมพิตอย่างแผ่วเบา ผมนั่งตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง สายตาจับจ้องแต่เพียงทีวีที่อยู่ด้านหน้าที่ก่อนหน้านี้มือผมดันเผลอไปกดโดนปุ่มปิดเสียงที่รีโมต


“คุณไวน์ คืนนี้…ผมขอได้ไหมครับ...” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นที่ข้างหู


มือเล็กกำชายเสื้อแน่นเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่อยู่ด้านหลัง


“คุณไวน์ปฏิเสธผมได้นะครับ ถ้าคุณยังไม่พร้อม ผมจะไม่บังคับคุณ...” ผมไม่รู้ว่าผมควรพูดตอบอะไรออกไป แต่สิ่งที่ผมรู้ดีคือ...ร่างกายของผมไม่ได้ปฏิเสธเขา


มือเล็กล้วงหยิบกล่องถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงช้าๆ ผมค่อยๆ ยื่นมันให้เขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ โดยที่ไม่หันไปสบตากับเขาเลยแม้แต่น้อย คุณแกมมายกตัวผมให้หันมาสบตากับเขา ผมงุดหน้าลงที่ไหล่กว้างด้วยความเขินอาย ฝ่ามืออุ่นลูบที่ศีรษะของผมอย่างเบามือ คุณแกมมาดันตัวผมให้เขยิบเข้าหา ก่อนจะใช้นิ้วเรียวเชยปลายคางผมขึ้นให้ผมสบตากับเขา มือหนารับกล่องเล็กๆ นั่นไปพร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้นจนตัวผมถลาประชิดตัวเขา เราใกล้กันมากเสียจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน กลิ่นบุหรี่จางๆ ที่พ่นออกมาจากลมหายใจของคนตรงหน้าทำเอาผมสติพร่ามัวไปชั่วขณะ


“ซื้อมาตอนไหนครับ...” เสียงกระซิบที่เอ่ยอยู่ข้างหูทำเอาผมเริ่มหายใจติดๆ ขัด ริมฝีปากร้อนกำลังขบเม้มอยู่ที่ใบหูของผม ลมหายใจที่รินรดอยู่ข้างหูคล้ายจะทวีความรู้สึกแปลกที่ผุดขึ้นมากลางอก มันคือความรู้สึกที่ชวนให้ใจหวิวและสั่นไหว


“เอ่อ...ผม...อือ...” ลมหายใจของผมเริ่มหนักหน่วง ทั้งยังพูดจาติดๆ ขัดๆ “อ๊ะ!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อคนตัวสูงอุ้มผมเข้าเอวเดินเข้ามายังห้องนอนของเขา คนตัวสูงวางผมลงบนเตียงช้าๆ ขึ้นคร่อมเหนือร่างที่สั่นไหวเพราะความประหม่า ร่างสูงโถมกายลงทาบทับให้ผมอยู่ใต้อาณัติ


คุณแกมมาพรมจูบทั่วบริเวณลำคอด้วยความเชื่องช้า มือหนาปลดกระดุมเสื้อของผมทีละเม็ดๆ อย่างใจเย็น ผมวางมือลงบนบ่าของคนตรงหน้าในจังหวะที่เขาไล้ริมฝีปากจากเนินอกต่ำลงเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าท้องขาวเนียน


“Do you want me to stop it, baby Wine? (คุณไวน์อยากให้ผมหยุดไหมครับ) ”


ฝ่ามือเล็กประคองใบหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้า ไล้นิ้วเกลี่ยไปมา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ครับ...”


กางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในถูกเลื่อนลงจนถึงต้นขา ผมกลืนน้ำลายที่จุกอยู่ที่คอพลางเบือนหน้าหลบตาสายของเขาที่มองมายังผมไม่ลดละ ในเวลานี้เหลือเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้าใดๆ ปกปิด ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ตกกระทบผิวกายทำให้เริ่มสั่นไหวไปทั่วสรรพางค์กาย


ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียง บัดนี้มีเพียงร่างกายที่ไร้ซึ่งสิ่งปกคลุม ผมพลิกตัวนอนตะแคงเพราะอย่างน้อยมันก็ยังช่วยบดบังเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างที่นอนขดก็ได้ถูกพลิกกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลที่แสนงดงาม ร่างสูงทาบทับอยู่เหนือร่างกายของผม แก่นกายที่ใหญ่เกินมาตรฐานถูไถอยู่ที่บริเวณต้นขาไปมา คล้ายว่ามันจะขยายใหญ่ขึ้นในทุกๆ จังหวะที่เขาเสียดสีมันกับต้นขา


ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่แก้มนุ่ม เขาจูบแก้มผมซ้ำๆ ย้ำๆ ในจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือร้อนกำลังบีบขยำอยู่ที่สะโพก การกระทำของเขาทำให้ผมรู้สึกเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก มันคือความรู้สึกที่ช่างแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มือหนาเลื่อนลงต่ำมายังช่องทางหลัง นิ้วเรียวลูบขึ้นลงถี่ๆ ก่อนที่จะสอดเข้าด้านในช้าๆ ฟันขาวกัดริมฝีปากล่างแน่นเมื่อเขาเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว ค่อยๆ ขยับเข้าออกอย่างเบามือ


“อะ…อือ”


“…คุณไวน์ทำให้ผมเสียใจนะครับ” เขาก้มกระซิบที่ข้างหู


“ทะ…ทำไมเหรอครับ…”


“คุณไวน์ซื้อมาผิดไซซ์ ไม่ใช่ห้าสิบสี่...แต่ต้องเป็นหกสิบครับ...”


กะพริบตาปริบๆ มองคนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนที่ผมจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดบังใบหน้าของตัวเองในฉับพลันที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น ผมทำอะไรลงไป... “ผะ ผม...ผมขอโทษครับคุณแกมมา ผม...ผมไม่รู้ คือผม...ไม่เคย”


“คุณไวน์ครับ...”


คุณแกมมาดึงมือของผมที่กำลังปิดหน้าออกช้าๆ เราสบตากันท่ามกลางแสงไฟสีอุ่นที่ส่องสลัวภายในห้องของเขา “ผมจะทำให้คุณไวน์คุ้นเคยกับมันมากขึ้น หวังว่าต่อจากนี้ไปคุณไวน์จะไม่ซื้อมาผิดไซซ์อีกนะครับ...”



* ส่วนของเมล็ดข้าวที่แตกหักจากกระบวนการขัดสี มักนำมาใช้ในการทำโจ๊ก