❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry

จากวันนั้นที่เราไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน ผมยังไม่ได้เอา เอ่อ...เจลหล่อลื่นที่เขาซื้อมาออกจากถุงผ้าของผมเลย ซึ่งนี่ก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ผมกับเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรกันมากกว่าการที่เขาจูบแก้มหรือผมกอดเขา รวมถึงการทำแบบนั้นโดยไม่สอดใส่ หรือจริงๆ มันเรียกว่าทำไปแล้ว? นี่ผมกำลังคิดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างนั้นเหรอเนี่ย ไวน์นะไวน์...


ผมหยิกแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ อูย...เจ็บเป็นบ้า!


“ใช้คืนนี้ดีไหมครับ?” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาผมสะดุ้งโหยงจนเผลอทำขวดเจลหล่อลื่นตก


มือหนาคว้าเอวผมให้นั่งบนตักแกร่ง รั้งตัวผมให้ประชิดกับร่างกายอุ่นๆ ของเขา


“คะ คุณแกมมา” ทำไมนะทำไม ตัวผมถึงได้อ่อนปวกเปียกตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เขา ผมในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งที่กำลังละลายเลยสักนิด


“ว่าไงครับ...ใช้คืนนี้ดีไหม?” ยิ่งเขารู้ว่าผมเขิน เขาก็ยิ่งแกล้งกัน


ผมพยักหน้ารับเบาๆ งุดหน้าลงที่บ่าของเขาเพื่อหลบสายตาที่มองมา คุณแกมมาเชยปลายคางผมขึ้นให้สบตากับเขา นัยน์ตาสีเฮเซลจับจ้องที่ริมฝีปากของผมอย่างพินิจพิจารณา สิ่งที่เขาทำอยู่มันแปลว่าเขาต้องการจะจูบผมอย่างนั้นใช่ไหม หรือจริงๆ แล้วเขารังเกียจที่จะทำมัน...


คิดอะไรอยู่นะไวน์...


สายตาพลันเลื่อนมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังพบว่าตอนนี้ได้เวลาที่ต้องไปที่บาร์แล้ว ด้วยความที่วันนี้เพื่อนที่โซน VIP ไม่มาเพราะลาป่วย พี่เจฟที่เป็นผู้จัดการโซน VIP เลยโทรแจ้งพี่ซิปว่าให้หาคนไปทำแทนสองวัน ซึ่งคนคนนั้นก็คือผมนั่นเอง พี่ซิปเพิ่งโทรมาแจ้งผมเมื่อสิบนาทีก่อนว่าวันนี้ให้เข้างานเร็วกว่าปกติเพราะพี่เจฟจะหาชุดให้เปลี่ยนและจะสอนงานให้ผมเพิ่มเติม


“คุณแกมมาครับ ผมต้องไปแล้วครับ วันนี้ผมต้องทำงานแทนเพื่อนที่ไม่มาครับ”


“ครับคุณไวน์”


ผมทำท่าเตรียมลุกจากตักแกร่ง ทว่าคุณแกมมากลับรั้งตัวผมไว้ แล้วแบบนี้ผมจะลุกได้ยังไงกันเล่า


“จะไปเฉยๆ เลยเหรอครับ?” เขาคงหมายถึงการจูบแก้มผมอย่างนั้นสินะ เขาทำมันทุกวันเลยนี่นา


ผมเอียงแก้มเข้าหาคนตัวสูงที่กำลังอมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก เขาฝังริมฝีปากลงที่แก้มทั้งสองข้างซ้ำๆ จากหนึ่งเป็นสองครั้ง จากสองครั้งเป็นสามครั้ง แถมยังงับแก้มผมเบาๆ อีกต่างหาก จากนี้ไปผมก็จะกลายเป็น ‘ไวน์แก้มช้ำ’ โดยสมบูรณ์...


 


เมื่อถึงเวลาเข้างานผมต้องเปลี่ยนเสื้อเป็นสีดำตามโซนที่ได้รับมอบหมายงาน การเสิร์ฟในโซนนี้แตกต่างจากโซน B โดยสิ้นเชิง เพราะโซน VIP จะเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งนั่นหมายถึงผมจะต้องประจำจุดเพื่อคอยบริการลูกค้า ความพิเศษของโซนนี้คือที่นั่งของลูกค้าจะแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน พี่เจฟแอบกระซิบมาว่าถ้าผมบริการดีจะต้องได้รับทิปเยอะอย่างแน่นอน!


“ไวน์ เอากุญแจล็อกเกอร์มา เดี๋ยวเรากับพลเมืองจะเอากระเป๋าไปเก็บที่ล็อกเกอร์ให้ ไวน์อย่าลืมแวะมาเอากุญแจคืนนะ ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้นะไวน์ สู้ๆ นะ ขอให้ได้ทิปหนักๆ ฮิๆ”


ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดตอบถิงถิง ก็ดันมีคนพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน


“หึ...คิดว่าได้เสนอหน้ามาทำโซนนี้คนเดียวหรือไง?” คนที่พูดจาถากถางผมแบบนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจาก...มิกะ


“พวกเราไปก่อนนะจ๊ะไวน์จ๋า ระวังหมาบ้าด้วยล่ะ เห็นมีอยู่ตัวหนึ่ง ร้ายไม่เบา วันหลังต้องพาไวน์ของพวกเราไปฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าซะแล้วล่ะ ว่าไหมถิงถิง?” ทุกครั้งที่พลเมืองและถิงถิงเจอกับมิกะ จำต้องมีปากเสียงตลอด


“ใช่ๆ ถิงถิงเห็นด้วยเลย หมาตัวนี้ร้ายจริงๆ”


“มึงว่าใคร?” มิกะทำท่าจะพุ่งตัวเข้าหาพลเมือง แต่ผมกลับคว้าแขนมิกะเอาไว้เสียก่อน


“ไม่รู้ พูดลอยๆ ถ้าอยากรับก็รับไปสิ...” พลเมืองปรายตามองและเหยียดยิ้มที่มุมปาก


“มาทีหลังทำกร่าง สันดานเสีย!”


ดูเหมือนว่าพลเมืองจะไม่สนใจที่มิกะพูดเลยสักนิด เขาทำท่ากอดอก ยกมือขึ้นมาแคะเล็บพร้อมกับเบะปากใส่มิกะ “ไวน์พวกเราไปแล้วนะ ถ้าหมามันเห่ามากนักก็เอาอะไรอุดปากมันหน่อยแล้วกัน บายจ้า...”


“มึง!”


“หลบไปจ้ะ ตัวแม่จะเดิน!” พลเมืองเดินชนไหล่มิกะสุดแรง จนมิกะเกือบจะเสียหลักล้ม ดีที่ผมเอามือรับเขาไว้ได้ทัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสองคนนี้เจอกันข้างนอกจะเป็นยังไง กลัวเหลือเกินว่าตีกันตาย


มิกะสะบัดมือผมออกอย่างแรง แววตาที่มองมานั้นแฝงไปด้วยโทสะ


“ไม่แปลกใจที่มึงคบกับอีสองคนนั้น สันดานคงเหมือนกัน” เฮ้อ...จะพูดจาแบบนี้ไปถึงเมื่อไรกัน อยากจะทำหูทวนลม แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่


“ที่มิกะพูดจาแย่ๆ กับเราเป็นเพราะมิกะชอบคุณแกมมาใช่ไหม?”


“หายโง่แล้วนี่...รู้แล้วก็ดี เพราะฉะนั้นมึงอย่ามาแย่งกู! กูชอบเขาก่อนมึง อย่าสะเออะมาอ่อยเขา!” แววตาของมิกะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันช่างดูอาฆาตมาดร้าย...


“เราไม่ได้อ่อยเขา...เราไม่จำเป็นต้องอ่อยเขาเลยด้วยซ้ำ” ไม่รู้ว่าผมไปเอาความมั่นใจในการพูดโต้ตอบมิกะมาจากไหน แต่ผมไม่ชอบที่เขาเอาแต่พูดจาแย่ๆ ใส่ผม ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ดี


“ปากดี! กูเตือนมึงแล้วนะ ระวังตัวไว้เถอะมึง!” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มิกะพูดจาทำนองนี้กับผม


ผมเข้าใจว่าการที่จะรักจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของคนคนนั้น แต่การที่มิกะตั้งแง่จงเกลียดจงชังผมแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มิหนำซ้ำยังพูดจาอาฆาตมาดร้ายและข่มขู่กันให้ผมรู้สึกไม่ดีอีก


 


ติ๊ง!


คุณแกมมาส่งข้อความมาหาผม


Gamma: คุณเจฟเพิ่งมารายงานผมว่าคุณไวน์ต้องแทนที่โซน VIP ทำไมถึงไม่บอกผมก่อนว่าต้องทำโซนนี้?


 


WhyWine: มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแกมมา?


 


Gamma: ผมไม่อนุญาตให้คุณไวน์ทำครับ


 


WhyWine: ทำไมล่ะครับ?


 


Gamma: ไปบอกคุณเจฟให้หาคนใหม่มาแทนคุณ


 


WhyWine: read


 


ขณะที่ผมกำลังจะพิมพ์ตอบคุณแกมมาเสียงพี่เจฟก็ดังขึ้น


“ไวน์ เข้างานแล้วรีบไปเร็ว เราไป VIP 5 นะ”


“ครับพี่เจฟ” หวังว่าคุณแกมมาเขาจะไม่โกรธผมหรอกนะ ไม่ได้อยากขัดคำสั่งของเขาเลย แต่ถ้าจะให้บอกพี่เจฟตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะตอนนี้บาร์เปิดแล้วและลูกค้าก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ


โทรศัพท์ของผมสั่นไม่หยุด พอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคุณแกมมาที่โทรเข้ามาในจังหวะเดียวกันกับที่ลูกค้า VIP 5 ควักมือเรียกผมให้รับออเดอร์ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดคำสั่งของคุณแกมมา แต่เนื่องจากมันกระชั้นชิดเกินไปที่จะให้หาคนมาเปลี่ยนผมตอนนี้ ได้แต่หวังว่าคุณแกมมาจะไม่โกรธผม...


ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจการทำงานของโซนนี้แล้วล่ะ คนที่มาโซน VIPเหมือนมาเพื่อปลดปล่อยและผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะลูกค้ามักจะต้องการเพื่อนนั่งคุยหรือปรึกษาไปพร้อมๆ กับการดื่มเครื่องดื่มดีๆ บางคนก็ต้องการระบายสิ่งที่อึดอัดใจ เช่นเดียวกันกับในตอนนี้ที่ลูกค้ากำลังเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเรื่องที่แฟนของเขานอกใจไปมีคนอื่น


“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ลูกค้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ


“เอ่อ...ทำไมลูกค้าถึงถามแบบนั้นเหรอครับ?”


“เขาทิ้งผมไปเพราะผมไม่มีเวลาให้เขา...นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับผม ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ในเมื่อเวลาทั้งหมดที่ผมมี ผมยกให้เขาไปจนหมด ไม่เคยทำอะไรให้เขาต้องเป็นกังวลเลยสักครั้ง จนผมมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้วเขาพยายามหาข้ออ้าง เหตุผลร้อยแปดพันอย่างมาพูด เพื่อให้เราต้องเลิกกัน...” แล้วผมจะตอบอะไรได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ถ้าผมแสดงความคิดเห็นไป มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรหรือเปล่า?


“ลูกค้าใจเย็นๆ นะครับ”


“ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าแฟนที่คบกันมาสามปีนอกใจไปมีคนอื่น แล้วคนคนนั้นก็ดันเป็นเพื่อนสนิทของคุณ เป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจ...” เขาพูดกับผมทั้งน้ำตา


ผมไม่ประสีประสาเรื่องความรักเลยสักนิด เพราะไม่เคยคบใครมาก่อน ส่วนในตอนนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่เรียกว่าข้อผูกมัดกับเจ้าหนี้ของพี่ชาย มิหนำซ้ำเขาคนนั้นยังเป็นเจ้านายของผม ถ้าอย่างนั้นผมคงจะต้องตอบไปตามความรู้สึกและความเข้าใจที่ผมมี


“ถ้าเป็นผม...ผมจะรีบตัดใจให้เร็วที่สุดครับ จะไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา เพราะถือว่าเขาได้เลือกชีวิตใหม่ของเขาแล้ว คำว่า ‘นอกใจ’ มันได้อธิบายด้วยตัวมันเองอยู่แล้วครับ ผมรู้ว่าลูกค้าเสียใจที่ถูกหักหลังโดยคนที่ไว้ใจทั้งสองคน แต่ผมหวังว่าลูกค้าจะก้าวเดินต่อไป เพื่อที่ในอนาคตจะได้เจอกับคนที่รักลูกค้าด้วยใจจริง คนที่ไม่ทำให้ต้องเจ็บช้ำและเสียใจเหมือนอย่างในวันนี้นะครับ ผมขอให้ลูกค้าตัดใจได้เร็วๆ และมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอนาคตนะครับ”


ความรักทำให้คนเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ... แล้วผมจะเจ็บปวดแบบนี้ไหม หากในวันหนึ่งผมได้รู้จักกับมัน แต่ผมคิดว่าคงมีอยู่แค่สองตัวเลือกเท่านั้น


...ถ้าไม่สุขจนล้นปรี่ก็คงเจ็บปวดเจียนตาย


“เอ่อ...” เขาคว้าหมับเข้าที่ตัวผมและกอดผมไว้แน่น เสียงสะอื้นและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากร่างของเขา ทำให้ผมรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก มือเล็กค่อยๆ เลื่อนวางที่แผ่นหลังและลูบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม


ในจังหวะนั้นเองที่สายตาของผมพลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองผมอยู่ ‘คุณแกมมา’ ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานเท่าไรแล้ว ผมไม่ได้ทันได้สังเกต คนตัวสูงยืนหันหน้ามาทางผม เอาแขนเท้าเคาน์เตอร์บาร์ ในมือหนามีแก้วไวน์หนึ่งใบที่ตอนนี้ถูกกระดกเข้าปากจนหมดในคราเดียว ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่นะ ทั้งยังรู้สึกผิดในใจอย่างบอกไม่ถูก


คุณแกมมาปรายตามองผมก่อนจะเดินไปจากมุมนั้น เขาคงไม่ได้โกรธผมหรอกใช่ไหม...


พี่เจฟเรียกผมเข้าพบหลังจากที่บาร์ปิดและบอกผมว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำที่โซนนี้แล้ว จะหาคนอื่นมาทำแทน เพราะคุณแกมมาสั่งห้ามไม่ให้ผมทำ โดยที่เขาให้เหตุผลกับพี่เจฟว่าผมไม่เหมาะที่จะทำโซนนี้ ก่อนออกจากห้องพี่เจฟได้ยื่นซองให้ผมบอกว่าลูกค้า VIP 5 ฝากทิปไว้ให้ ในคืนนี้ผมมีลูกค้าเพียงหนึ่งคนเท่านั้น เนื่องจากคุณลูกค้าท่านนี้ได้เหมาไว้ทั้งคืน


ผมเปิดซองดูก็ต้องตกตะลึงในทันใด เงินที่เขาให้มันคงเรียกว่าทิปไม่ได้ เนื่องจากมันคือจำนวนเงินที่เกือบจะเทียบเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของผม!


และเนื่องจากว่าวันนี้ผมได้เงินก้อนมาหนึ่งหมื่นบาท ผมเลยขอเข้าพบคุณภัคทันทีเพื่อนำเงินที่ได้มามาจ่ายหนี้ของคุณแกมมา เดือนที่แล้วผมจ่ายไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาท เท่ากับว่าเดือนนี้ผมสามารถจ่ายได้ถึงสองหมื่นห้าพันบาท น่าเสียดายที่คุณแกมมาไม่ให้ผมทำต่อ เป็นไปได้ว่าผมคงมีศักยภาพไม่มากพอที่จะทำโซนนั้น


 


คุณแกมมากลับมาถึงเพนต์เฮาส์ก่อนผม อย่างที่บอกว่าผมช้าเพราะขอเข้าพบคุณภัค อีกอย่างผมแวะซื้อของอร่อยมาฝากเขาด้วย และนั่นก็คือ...อุด้งนั่นเอง! ผมเกือบจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะพี่เจ้าของร้านกำลังเก็บร้านพอดี แต่ผมก็ตื๊อให้เขาทำให้ผมจนได้


กวาดสายตามองหาคนตัวสูง พบว่าเขายืนอยู่ที่ริมระเบียง คุณแกมมาสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น ซึ่งไม่รู้ว่านั่นคือมวนที่เท่าไร และผมคิดว่าเขาคงไม่สูบแค่มวนเดียวแน่ๆ ไม่รู้ว่าเขาได้เอาลูกอมเมลอนติดตัวไว้บ้างหรือเปล่าเวลาออกไปทำงาน วันนี้ผมรีบออกไปที่บาร์เลยไม่ได้เตรียมลูกอมไว้ให้เขา


บรรยากาศในห้องช่างอึมครึม ชวนให้ใจหวิวแปลกๆ เท้าเล็กก้าวเดินเข้าใกล้ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมระเบียง แม้ว่าเขารู้ว่าผมกลับมาแล้ว ทว่าเขากลับไม่ชายตามองผมเลยแม้แต่นิดเดียว


“คุณแกมมาครับ พอแล้วนะครับ” ผมจับมือเขาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเคาะบุหรี่ออกมาจากซองอีกหนึ่งมวน


“อย่ายุ่ง” เป็นอย่างที่คิดไว้ เขากำลังโกรธผม เรื่องที่ผมขัดคำสั่งเขา


ผมหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น แววตาที่มองมายังผมต่างไปจากทุกครั้ง เขามองผมอย่างคาดโทษ “คุณแกมมาครับ...” มือเล็กเอื้อมแตะที่หลังมือของเขาอีกครั้งในฉับพลันที่เขากำลังจุดไฟแช็ก แต่เขากลับปัดมือของผมออกอย่างไม่ไยดี


“ไปให้พ้น...”


มือเล็กทิ้งลงข้างตัวเช่นคนที่ไร้เรี่ยวแรง คุณแกมมา...ไล่ผม


ร่างสูงจุดบุหรี่สูบอีกครั้ง เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทางและไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย การที่เขาทำแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอก คล้ายก้อนสะอื้นพลันแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ในเมื่อเขาไล่ผม ผมก็คงต้องออกไปจากห้องของเขาอย่างนั้นสินะ แม้แต่หน้าผมเขายังไม่อยากมองเลย ถ้าผมอยู่ต่อเขาคงยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม...


 


[Special talk: Gamma]


 


ไวน์บอกผมว่าเขาต้องไปทำงานก่อนเวลาเพราะต้องทำแทนเพื่อนที่ไม่มา ณ เวลานั้นผมคิดว่าเขาทำแทนเพื่อนในโซนเดียวกัน จนกระทั่งก่อนเข้างานสิบนาที คุณเจฟได้มาแจ้งผมว่าคนที่คุณซิปเลือกให้ไปช่วยงานคุณเจฟที่โซน VIP คือไวน์ หลังจากที่คุณเจฟออกไปจากห้องผมก็รีบส่งข้อความหาไวน์เพื่อบอกเขาว่าผมไม่อนุญาตให้เขาทำ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่สนใจ แต่นี่เป็นไวน์...เขาเป็นคนของผม


การทำงานที่โซน VIP แตกต่างจากทุกโซน คนที่ทำงานโซนนี้จะต้องใกล้ชิดกับลูกค้ามากเป็นพิเศษ มีการถึงเนื้อถึงตัว ซึ่งพนักงานที่ทำงานโซน VIP ต่างรู้กันดีและสมัครใจที่จะทำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้เงินเดือนเยอะกว่าโซนอื่นๆ รวมถึงได้ทิปจากลูกค้าที่กระเป๋าหนักมากกว่าโซนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานและลูกค้าทุกคนจะต้องทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นั่นคือต้องไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เกินเลยกับลูกค้า หากไม่ปฏิบัติตามกฎ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ทำงานที่นี่อีกต่อไป


ผมยอมรับว่าผมโกรธและโมโหมากที่โทรหาไวน์แล้วเขาไม่รับสายผม คนน่ารักแบบเขา ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่สนใจและผมหวงเขามาก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ผมปล่อยให้ไวน์เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตผม รู้ตัวอีกทีความรู้สึกที่มีก็เพิ่มมากขึ้นเสียแล้ว...


จากมุมนี้ที่ผมยืนมองเขาคุยกับลูกค้าคนนั้นอย่างใกล้ชิด มันยิ่งทำให้ความโกรธที่มียิ่งเพิ่มทวีคูณ แต่ผมแสดงออกมากกว่านั้นไม่ได้ ทำได้เพียงยืนมองเขา...กอดกับผู้ชายคนนั้น และสิ่งที่ทำให้ผมโมโหยิ่งกว่าเดิมคือการที่ไวน์ไม่ผละตัวออก เขาปล่อยให้ลูกค้าคนนั้นกอดอย่างแนบแน่น ยอมรับว่าในเวลานั้นผมอยากจะกระชากคอผู้ชายคนนั้นแล้วรัวหมัดใส่หน้าให้รู้แล้วรู้รอด


เคยเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้...แต่ทำไมวันนี้ผมถึงได้เผยอารมณ์ในด้านร้ายให้ไวน์เห็น


‘ไปให้พ้น’ พลั้งปากไล่เขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...


ละสายตาจากวิวที่มองอยู่หันกลับไปมองรอบๆ ห้อง คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงถ้วยอุด้งสองถ้วยตั้งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับน้ำที่รินใส่แก้ววางไว้ข้างๆ กัน เขาแวะซื้อมื้อดึกมาฝากผม คนตัวเล็กเหนื่อยกับการทำงานขนาดนั้น ยังอุตส่าห์แวะซื้อของกินมาให้


ผม...ทำพลาดพลั้งไป


รีบลงลิฟต์มาที่ชั้นล็อบบี้ ตรงดิ่งไปถามพนักงานว่าเห็นไวน์หรือเปล่า พวกเขาก็ได้บอกผมว่าเห็นไวน์เดินไปที่สวน ผมรีบเดินออกมาหาไวน์ จนกระทั่งมาเจอเขานั่งหลบมุมอยู่ตรงนั้น


ผมเห็นร่างบางนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวใต้ต้นไม้ เหม่อมองไปยังน้ำพุกลางสวน และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นสิ่งที่ไวน์ถือเอาไว้ในมือ มันคือลูกอมรสเมเลอนที่เข้ากำลังแกะมันอยู่


“คุณไวน์ครับ...”


เขาหันมองผมตามเสียงเรียก แก้มนุ่มๆ ที่ผมชอบจูบบัดนี้ทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ เสียงสะอื้นเล็กๆ ที่ผมได้ยินทำให้ผมรู้สึกปวดใจเหลือเกิน ผมทำให้เขาร้องไห้ ผมแม่งโคตรไม่ได้เรื่อง!


“ผม...ฮึก...ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม แต่ผมไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน...ฮึก...ผมไม่มีที่ไปครับ...ฮือ...” ไวน์ร้องไห้สะอื้นจนไหล่สะท้าน ผมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา เอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงข้างแก้มอย่างเบามือ ดวงตากลมโตที่เคยสดใส ในเวลานี้มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลริน


“คุณไวน์ ผมขอโทษครับ คุณไวน์อย่าร้องไห้เลยนะครับ”


“ฮึก...ผมเสียใจครับ ผมเสียใจที่คุณแกมมาไล่ผม คุณแกมมาใจร้าย ฮือ...”


ผมลุกขึ้นนั่งบนม้านั่งข้างๆ ไวน์ คว้าตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดในอ้อมแขน ก่อนจะฝังริมฝีปากลงข้างแก้มที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำตา บรรจงจูบซ้ำๆ เพื่อซับน้ำตาที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง กดริมฝีปากลงที่แก้มย้ำๆ อย่างที่ผมชอบทำเพื่อปลอบโยนร่างบางในอ้อมแขน


“คุณไวน์อยากตีผมไหม? ตีผมก็ได้ถ้ามันจะทำให้คุณไวน์หายโกรธ” ผมจับมือของไวน์ให้ตีที่แก้มของผม ทว่าเขากลับพยายามฝืนแรงเอาไว้


“คุณแกมมาอย่าทำแบบนี้เลยครับ...ฮึก...เดี๋ยวคุณเจ็บนะครับ”


ไวน์มองผมตาแป๋ว เขายังคงสะอื้นเบาๆ มือเล็กวางสัมผัสลงที่แก้มของผม ไล้นิ้วเกลี่ยไปมาเพราะกลัวว่าผมจะเจ็บ คนตัวเล็กโผเข้ากอดผมโดยไม่ทันตั้งตัว เขาซุกหน้าลงที่บ่ากว้างที่ในเวลานี้เริ่มเปียกซึมไปด้วยน้ำตาของเขา ผมลูบแผ่นหลังของไวน์ช้าๆ เพื่อปลอบประโลมเขา ยิ่งเขากอดผมแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดและโกรธตัวเองที่ทำให้คนคนหนึ่งเสียใจจนร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่คนคนนั้นคอยดูแลผมอย่างดีและเป็นห่วงผมมาโดยตลอด


“I’ m sorry, baby Wine. Please...don’ t cry (ผมขอโทษครับไวน์ อย่าร้องไห้เลยนะครับ) ” ไวน์พยักหน้าหงึกและยกมือเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางที่ช่างน่าเอ็นดู “Let’ s go back to our penthouse and have Udon noodles together. (เรากลับไปที่เพนต์เฮาส์ของเราและทานอุด้งด้วยกันนะครับ) ”


เขาส่ายหน้าปฏิเสธ “คุณแกมมาใจร้าย...”


คนตัวเล็กพองแก้มและสูดน้ำมูกราวกับเด็กน้อย ดูทำเข้า...น่าฟัดให้แก้มช้ำจริงๆ


“คุณแกมมา! อ๊ะ! ปะ...ปล่อยไวน์ลงนะครับ เดี๋ยวไวน์ตกๆ” คนตัวเล็กทำท่าตกใจทันทีที่ผมอุ้มเขาเข้าเอว ถึงเขาห้ามผม ผมก็ทำอยู่ดี ผมไม่อยากจะปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนของผมเลยด้วยซ้ำ


“คุณแกมมา มีคนมองเรานะครับ ปล่อยผมลงเถอะครับ”


“ผมไม่แคร์ครับ” ไวน์งุดหน้าลงที่บ่าและโอบรอบคอของผมไว้แน่นด้วยความเขินอาย


ความผิดของผมในวันนี้คือบทเรียนสำคัญที่ผมจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ไล่เขาแบบนั้นอีกแล้ว จะปฏิบัติกับเขาดีๆ ดีให้มากกว่านี้ ผมจะไม่ทำให้เขาร้องไห้เสียใจแบบวันนี้อีกแล้ว


ผมเผลอไผลพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนลืมฉุกคิดไปว่าคำพูดของผมนั้นทำร้ายจิตใจของไวน์มากแค่ไหน ในชีวิตของไวน์ไม่มีใครที่เขาสามารถพึ่งพิงได้เลยสักคน เขามีเพียงแค่ผม แม้ว่าเราจะไม่ได้มีสถานะความสัมพันธ์ในแบบคนรัก แต่เขาอยู่กับผมจนเรากลายเป็นเหมือนเพื่อนกัน เป็นทั้งเจ้านาย ลูกน้อง เป็นคนที่มีข้อผูกมัดร่วมกัน และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ หลังจากที่ผมจมปลักอยู่กับเรื่องในอดีตมานานแสนนาน นานจนผมคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่มีวันเยียวยารักษามันได้อีก จนกระทั่งมีเขาเข้ามา...


 


[Special talk: End]