❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞
ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞
‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่
จากวันนั้นที่เราไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน ผมยังไม่ได้เอา เอ่อ...เจลหล่อลื่นที่เขาซื้อมาออกจากถุงผ้าของผมเลย ซึ่งนี่ก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ผมกับเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรกันมากกว่าการที่เขาจูบแก้มหรือผมกอดเขา รวมถึงการทำแบบนั้นโดยไม่สอดใส่ หรือจริงๆ มันเรียกว่าทำไปแล้ว? นี่ผมกำลังคิดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างนั้นเหรอเนี่ย ไวน์นะไวน์...
ผมหยิกแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ อูย...เจ็บเป็นบ้า!
“ใช้คืนนี้ดีไหมครับ?” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาผมสะดุ้งโหยงจนเผลอทำขวดเจลหล่อลื่นตก
มือหนาคว้าเอวผมให้นั่งบนตักแกร่ง รั้งตัวผมให้ประชิดกับร่างกายอุ่นๆ ของเขา
“คะ คุณแกมมา” ทำไมนะทำไม ตัวผมถึงได้อ่อนปวกเปียกตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เขา ผมในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งที่กำลังละลายเลยสักนิด
“ว่าไงครับ...ใช้คืนนี้ดีไหม?” ยิ่งเขารู้ว่าผมเขิน เขาก็ยิ่งแกล้งกัน
ผมพยักหน้ารับเบาๆ งุดหน้าลงที่บ่าของเขาเพื่อหลบสายตาที่มองมา คุณแกมมาเชยปลายคางผมขึ้นให้สบตากับเขา นัยน์ตาสีเฮเซลจับจ้องที่ริมฝีปากของผมอย่างพินิจพิจารณา สิ่งที่เขาทำอยู่มันแปลว่าเขาต้องการจะจูบผมอย่างนั้นใช่ไหม หรือจริงๆ แล้วเขารังเกียจที่จะทำมัน...
คิดอะไรอยู่นะไวน์...
สายตาพลันเลื่อนมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังพบว่าตอนนี้ได้เวลาที่ต้องไปที่บาร์แล้ว ด้วยความที่วันนี้เพื่อนที่โซน VIP ไม่มาเพราะลาป่วย พี่เจฟที่เป็นผู้จัดการโซน VIP เลยโทรแจ้งพี่ซิปว่าให้หาคนไปทำแทนสองวัน ซึ่งคนคนนั้นก็คือผมนั่นเอง พี่ซิปเพิ่งโทรมาแจ้งผมเมื่อสิบนาทีก่อนว่าวันนี้ให้เข้างานเร็วกว่าปกติเพราะพี่เจฟจะหาชุดให้เปลี่ยนและจะสอนงานให้ผมเพิ่มเติม
“คุณแกมมาครับ ผมต้องไปแล้วครับ วันนี้ผมต้องทำงานแทนเพื่อนที่ไม่มาครับ”
“ครับคุณไวน์”
ผมทำท่าเตรียมลุกจากตักแกร่ง ทว่าคุณแกมมากลับรั้งตัวผมไว้ แล้วแบบนี้ผมจะลุกได้ยังไงกันเล่า
“จะไปเฉยๆ เลยเหรอครับ?” เขาคงหมายถึงการจูบแก้มผมอย่างนั้นสินะ เขาทำมันทุกวันเลยนี่นา
ผมเอียงแก้มเข้าหาคนตัวสูงที่กำลังอมยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก เขาฝังริมฝีปากลงที่แก้มทั้งสองข้างซ้ำๆ จากหนึ่งเป็นสองครั้ง จากสองครั้งเป็นสามครั้ง แถมยังงับแก้มผมเบาๆ อีกต่างหาก จากนี้ไปผมก็จะกลายเป็น ‘ไวน์แก้มช้ำ’ โดยสมบูรณ์...
เมื่อถึงเวลาเข้างานผมต้องเปลี่ยนเสื้อเป็นสีดำตามโซนที่ได้รับมอบหมายงาน การเสิร์ฟในโซนนี้แตกต่างจากโซน B โดยสิ้นเชิง เพราะโซน VIP จะเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งนั่นหมายถึงผมจะต้องประจำจุดเพื่อคอยบริการลูกค้า ความพิเศษของโซนนี้คือที่นั่งของลูกค้าจะแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน พี่เจฟแอบกระซิบมาว่าถ้าผมบริการดีจะต้องได้รับทิปเยอะอย่างแน่นอน!
“ไวน์ เอากุญแจล็อกเกอร์มา เดี๋ยวเรากับพลเมืองจะเอากระเป๋าไปเก็บที่ล็อกเกอร์ให้ ไวน์อย่าลืมแวะมาเอากุญแจคืนนะ ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้นะไวน์ สู้ๆ นะ ขอให้ได้ทิปหนักๆ ฮิๆ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดตอบถิงถิง ก็ดันมีคนพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“หึ...คิดว่าได้เสนอหน้ามาทำโซนนี้คนเดียวหรือไง?” คนที่พูดจาถากถางผมแบบนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจาก...มิกะ
“พวกเราไปก่อนนะจ๊ะไวน์จ๋า ระวังหมาบ้าด้วยล่ะ เห็นมีอยู่ตัวหนึ่ง ร้ายไม่เบา วันหลังต้องพาไวน์ของพวกเราไปฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าซะแล้วล่ะ ว่าไหมถิงถิง?” ทุกครั้งที่พลเมืองและถิงถิงเจอกับมิกะ จำต้องมีปากเสียงตลอด
“ใช่ๆ ถิงถิงเห็นด้วยเลย หมาตัวนี้ร้ายจริงๆ”
“มึงว่าใคร?” มิกะทำท่าจะพุ่งตัวเข้าหาพลเมือง แต่ผมกลับคว้าแขนมิกะเอาไว้เสียก่อน
“ไม่รู้ พูดลอยๆ ถ้าอยากรับก็รับไปสิ...” พลเมืองปรายตามองและเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“มาทีหลังทำกร่าง สันดานเสีย!”
ดูเหมือนว่าพลเมืองจะไม่สนใจที่มิกะพูดเลยสักนิด เขาทำท่ากอดอก ยกมือขึ้นมาแคะเล็บพร้อมกับเบะปากใส่มิกะ “ไวน์พวกเราไปแล้วนะ ถ้าหมามันเห่ามากนักก็เอาอะไรอุดปากมันหน่อยแล้วกัน บายจ้า...”
“มึง!”
“หลบไปจ้ะ ตัวแม่จะเดิน!” พลเมืองเดินชนไหล่มิกะสุดแรง จนมิกะเกือบจะเสียหลักล้ม ดีที่ผมเอามือรับเขาไว้ได้ทัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสองคนนี้เจอกันข้างนอกจะเป็นยังไง กลัวเหลือเกินว่าตีกันตาย
มิกะสะบัดมือผมออกอย่างแรง แววตาที่มองมานั้นแฝงไปด้วยโทสะ
“ไม่แปลกใจที่มึงคบกับอีสองคนนั้น สันดานคงเหมือนกัน” เฮ้อ...จะพูดจาแบบนี้ไปถึงเมื่อไรกัน อยากจะทำหูทวนลม แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่
“ที่มิกะพูดจาแย่ๆ กับเราเป็นเพราะมิกะชอบคุณแกมมาใช่ไหม?”
“หายโง่แล้วนี่...รู้แล้วก็ดี เพราะฉะนั้นมึงอย่ามาแย่งกู! กูชอบเขาก่อนมึง อย่าสะเออะมาอ่อยเขา!” แววตาของมิกะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันช่างดูอาฆาตมาดร้าย...
“เราไม่ได้อ่อยเขา...เราไม่จำเป็นต้องอ่อยเขาเลยด้วยซ้ำ” ไม่รู้ว่าผมไปเอาความมั่นใจในการพูดโต้ตอบมิกะมาจากไหน แต่ผมไม่ชอบที่เขาเอาแต่พูดจาแย่ๆ ใส่ผม ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ดี
“ปากดี! กูเตือนมึงแล้วนะ ระวังตัวไว้เถอะมึง!” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มิกะพูดจาทำนองนี้กับผม
ผมเข้าใจว่าการที่จะรักจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของคนคนนั้น แต่การที่มิกะตั้งแง่จงเกลียดจงชังผมแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มิหนำซ้ำยังพูดจาอาฆาตมาดร้ายและข่มขู่กันให้ผมรู้สึกไม่ดีอีก
ติ๊ง!
คุณแกมมาส่งข้อความมาหาผม
Gamma: คุณเจฟเพิ่งมารายงานผมว่าคุณไวน์ต้องแทนที่โซน VIP ทำไมถึงไม่บอกผมก่อนว่าต้องทำโซนนี้?
WhyWine: มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแกมมา?
Gamma: ผมไม่อนุญาตให้คุณไวน์ทำครับ
WhyWine: ทำไมล่ะครับ?
Gamma: ไปบอกคุณเจฟให้หาคนใหม่มาแทนคุณ
WhyWine: read
ขณะที่ผมกำลังจะพิมพ์ตอบคุณแกมมาเสียงพี่เจฟก็ดังขึ้น
“ไวน์ เข้างานแล้วรีบไปเร็ว เราไป VIP 5 นะ”
“ครับพี่เจฟ” หวังว่าคุณแกมมาเขาจะไม่โกรธผมหรอกนะ ไม่ได้อยากขัดคำสั่งของเขาเลย แต่ถ้าจะให้บอกพี่เจฟตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะตอนนี้บาร์เปิดแล้วและลูกค้าก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
โทรศัพท์ของผมสั่นไม่หยุด พอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคุณแกมมาที่โทรเข้ามาในจังหวะเดียวกันกับที่ลูกค้า VIP 5 ควักมือเรียกผมให้รับออเดอร์ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดคำสั่งของคุณแกมมา แต่เนื่องจากมันกระชั้นชิดเกินไปที่จะให้หาคนมาเปลี่ยนผมตอนนี้ ได้แต่หวังว่าคุณแกมมาจะไม่โกรธผม...
ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจการทำงานของโซนนี้แล้วล่ะ คนที่มาโซน VIPเหมือนมาเพื่อปลดปล่อยและผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะลูกค้ามักจะต้องการเพื่อนนั่งคุยหรือปรึกษาไปพร้อมๆ กับการดื่มเครื่องดื่มดีๆ บางคนก็ต้องการระบายสิ่งที่อึดอัดใจ เช่นเดียวกันกับในตอนนี้ที่ลูกค้ากำลังเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเรื่องที่แฟนของเขานอกใจไปมีคนอื่น
“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ลูกค้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เอ่อ...ทำไมลูกค้าถึงถามแบบนั้นเหรอครับ?”
“เขาทิ้งผมไปเพราะผมไม่มีเวลาให้เขา...นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับผม ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ในเมื่อเวลาทั้งหมดที่ผมมี ผมยกให้เขาไปจนหมด ไม่เคยทำอะไรให้เขาต้องเป็นกังวลเลยสักครั้ง จนผมมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้วเขาพยายามหาข้ออ้าง เหตุผลร้อยแปดพันอย่างมาพูด เพื่อให้เราต้องเลิกกัน...” แล้วผมจะตอบอะไรได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ถ้าผมแสดงความคิดเห็นไป มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรหรือเปล่า?
“ลูกค้าใจเย็นๆ นะครับ”
“ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าแฟนที่คบกันมาสามปีนอกใจไปมีคนอื่น แล้วคนคนนั้นก็ดันเป็นเพื่อนสนิทของคุณ เป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจ...” เขาพูดกับผมทั้งน้ำตา
ผมไม่ประสีประสาเรื่องความรักเลยสักนิด เพราะไม่เคยคบใครมาก่อน ส่วนในตอนนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่เรียกว่าข้อผูกมัดกับเจ้าหนี้ของพี่ชาย มิหนำซ้ำเขาคนนั้นยังเป็นเจ้านายของผม ถ้าอย่างนั้นผมคงจะต้องตอบไปตามความรู้สึกและความเข้าใจที่ผมมี
“ถ้าเป็นผม...ผมจะรีบตัดใจให้เร็วที่สุดครับ จะไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา เพราะถือว่าเขาได้เลือกชีวิตใหม่ของเขาแล้ว คำว่า ‘นอกใจ’ มันได้อธิบายด้วยตัวมันเองอยู่แล้วครับ ผมรู้ว่าลูกค้าเสียใจที่ถูกหักหลังโดยคนที่ไว้ใจทั้งสองคน แต่ผมหวังว่าลูกค้าจะก้าวเดินต่อไป เพื่อที่ในอนาคตจะได้เจอกับคนที่รักลูกค้าด้วยใจจริง คนที่ไม่ทำให้ต้องเจ็บช้ำและเสียใจเหมือนอย่างในวันนี้นะครับ ผมขอให้ลูกค้าตัดใจได้เร็วๆ และมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอนาคตนะครับ”
ความรักทำให้คนเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ... แล้วผมจะเจ็บปวดแบบนี้ไหม หากในวันหนึ่งผมได้รู้จักกับมัน แต่ผมคิดว่าคงมีอยู่แค่สองตัวเลือกเท่านั้น
...ถ้าไม่สุขจนล้นปรี่ก็คงเจ็บปวดเจียนตาย
“เอ่อ...” เขาคว้าหมับเข้าที่ตัวผมและกอดผมไว้แน่น เสียงสะอื้นและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากร่างของเขา ทำให้ผมรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก มือเล็กค่อยๆ เลื่อนวางที่แผ่นหลังและลูบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม
ในจังหวะนั้นเองที่สายตาของผมพลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองผมอยู่ ‘คุณแกมมา’ ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานเท่าไรแล้ว ผมไม่ได้ทันได้สังเกต คนตัวสูงยืนหันหน้ามาทางผม เอาแขนเท้าเคาน์เตอร์บาร์ ในมือหนามีแก้วไวน์หนึ่งใบที่ตอนนี้ถูกกระดกเข้าปากจนหมดในคราเดียว ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่นะ ทั้งยังรู้สึกผิดในใจอย่างบอกไม่ถูก
คุณแกมมาปรายตามองผมก่อนจะเดินไปจากมุมนั้น เขาคงไม่ได้โกรธผมหรอกใช่ไหม...
พี่เจฟเรียกผมเข้าพบหลังจากที่บาร์ปิดและบอกผมว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำที่โซนนี้แล้ว จะหาคนอื่นมาทำแทน เพราะคุณแกมมาสั่งห้ามไม่ให้ผมทำ โดยที่เขาให้เหตุผลกับพี่เจฟว่าผมไม่เหมาะที่จะทำโซนนี้ ก่อนออกจากห้องพี่เจฟได้ยื่นซองให้ผมบอกว่าลูกค้า VIP 5 ฝากทิปไว้ให้ ในคืนนี้ผมมีลูกค้าเพียงหนึ่งคนเท่านั้น เนื่องจากคุณลูกค้าท่านนี้ได้เหมาไว้ทั้งคืน
ผมเปิดซองดูก็ต้องตกตะลึงในทันใด เงินที่เขาให้มันคงเรียกว่าทิปไม่ได้ เนื่องจากมันคือจำนวนเงินที่เกือบจะเทียบเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของผม!
และเนื่องจากว่าวันนี้ผมได้เงินก้อนมาหนึ่งหมื่นบาท ผมเลยขอเข้าพบคุณภัคทันทีเพื่อนำเงินที่ได้มามาจ่ายหนี้ของคุณแกมมา เดือนที่แล้วผมจ่ายไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาท เท่ากับว่าเดือนนี้ผมสามารถจ่ายได้ถึงสองหมื่นห้าพันบาท น่าเสียดายที่คุณแกมมาไม่ให้ผมทำต่อ เป็นไปได้ว่าผมคงมีศักยภาพไม่มากพอที่จะทำโซนนั้น
คุณแกมมากลับมาถึงเพนต์เฮาส์ก่อนผม อย่างที่บอกว่าผมช้าเพราะขอเข้าพบคุณภัค อีกอย่างผมแวะซื้อของอร่อยมาฝากเขาด้วย และนั่นก็คือ...อุด้งนั่นเอง! ผมเกือบจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะพี่เจ้าของร้านกำลังเก็บร้านพอดี แต่ผมก็ตื๊อให้เขาทำให้ผมจนได้
กวาดสายตามองหาคนตัวสูง พบว่าเขายืนอยู่ที่ริมระเบียง คุณแกมมาสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น ซึ่งไม่รู้ว่านั่นคือมวนที่เท่าไร และผมคิดว่าเขาคงไม่สูบแค่มวนเดียวแน่ๆ ไม่รู้ว่าเขาได้เอาลูกอมเมลอนติดตัวไว้บ้างหรือเปล่าเวลาออกไปทำงาน วันนี้ผมรีบออกไปที่บาร์เลยไม่ได้เตรียมลูกอมไว้ให้เขา
บรรยากาศในห้องช่างอึมครึม ชวนให้ใจหวิวแปลกๆ เท้าเล็กก้าวเดินเข้าใกล้ร่างสูงที่ยืนอยู่ริมระเบียง แม้ว่าเขารู้ว่าผมกลับมาแล้ว ทว่าเขากลับไม่ชายตามองผมเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณแกมมาครับ พอแล้วนะครับ” ผมจับมือเขาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเคาะบุหรี่ออกมาจากซองอีกหนึ่งมวน
“อย่ายุ่ง” เป็นอย่างที่คิดไว้ เขากำลังโกรธผม เรื่องที่ผมขัดคำสั่งเขา
ผมหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น แววตาที่มองมายังผมต่างไปจากทุกครั้ง เขามองผมอย่างคาดโทษ “คุณแกมมาครับ...” มือเล็กเอื้อมแตะที่หลังมือของเขาอีกครั้งในฉับพลันที่เขากำลังจุดไฟแช็ก แต่เขากลับปัดมือของผมออกอย่างไม่ไยดี
“ไปให้พ้น...”
มือเล็กทิ้งลงข้างตัวเช่นคนที่ไร้เรี่ยวแรง คุณแกมมา...ไล่ผม
ร่างสูงจุดบุหรี่สูบอีกครั้ง เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทางและไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย การที่เขาทำแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอก คล้ายก้อนสะอื้นพลันแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ในเมื่อเขาไล่ผม ผมก็คงต้องออกไปจากห้องของเขาอย่างนั้นสินะ แม้แต่หน้าผมเขายังไม่อยากมองเลย ถ้าผมอยู่ต่อเขาคงยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม...
[Special talk: Gamma]
ไวน์บอกผมว่าเขาต้องไปทำงานก่อนเวลาเพราะต้องทำแทนเพื่อนที่ไม่มา ณ เวลานั้นผมคิดว่าเขาทำแทนเพื่อนในโซนเดียวกัน จนกระทั่งก่อนเข้างานสิบนาที คุณเจฟได้มาแจ้งผมว่าคนที่คุณซิปเลือกให้ไปช่วยงานคุณเจฟที่โซน VIP คือไวน์ หลังจากที่คุณเจฟออกไปจากห้องผมก็รีบส่งข้อความหาไวน์เพื่อบอกเขาว่าผมไม่อนุญาตให้เขาทำ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่สนใจ แต่นี่เป็นไวน์...เขาเป็นคนของผม
การทำงานที่โซน VIP แตกต่างจากทุกโซน คนที่ทำงานโซนนี้จะต้องใกล้ชิดกับลูกค้ามากเป็นพิเศษ มีการถึงเนื้อถึงตัว ซึ่งพนักงานที่ทำงานโซน VIP ต่างรู้กันดีและสมัครใจที่จะทำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้เงินเดือนเยอะกว่าโซนอื่นๆ รวมถึงได้ทิปจากลูกค้าที่กระเป๋าหนักมากกว่าโซนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานและลูกค้าทุกคนจะต้องทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นั่นคือต้องไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เกินเลยกับลูกค้า หากไม่ปฏิบัติตามกฎ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ทำงานที่นี่อีกต่อไป
ผมยอมรับว่าผมโกรธและโมโหมากที่โทรหาไวน์แล้วเขาไม่รับสายผม คนน่ารักแบบเขา ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่สนใจและผมหวงเขามาก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ผมปล่อยให้ไวน์เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตผม รู้ตัวอีกทีความรู้สึกที่มีก็เพิ่มมากขึ้นเสียแล้ว...
จากมุมนี้ที่ผมยืนมองเขาคุยกับลูกค้าคนนั้นอย่างใกล้ชิด มันยิ่งทำให้ความโกรธที่มียิ่งเพิ่มทวีคูณ แต่ผมแสดงออกมากกว่านั้นไม่ได้ ทำได้เพียงยืนมองเขา...กอดกับผู้ชายคนนั้น และสิ่งที่ทำให้ผมโมโหยิ่งกว่าเดิมคือการที่ไวน์ไม่ผละตัวออก เขาปล่อยให้ลูกค้าคนนั้นกอดอย่างแนบแน่น ยอมรับว่าในเวลานั้นผมอยากจะกระชากคอผู้ชายคนนั้นแล้วรัวหมัดใส่หน้าให้รู้แล้วรู้รอด
เคยเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้...แต่ทำไมวันนี้ผมถึงได้เผยอารมณ์ในด้านร้ายให้ไวน์เห็น
‘ไปให้พ้น’ พลั้งปากไล่เขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...
ละสายตาจากวิวที่มองอยู่หันกลับไปมองรอบๆ ห้อง คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงถ้วยอุด้งสองถ้วยตั้งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับน้ำที่รินใส่แก้ววางไว้ข้างๆ กัน เขาแวะซื้อมื้อดึกมาฝากผม คนตัวเล็กเหนื่อยกับการทำงานขนาดนั้น ยังอุตส่าห์แวะซื้อของกินมาให้
ผม...ทำพลาดพลั้งไป
รีบลงลิฟต์มาที่ชั้นล็อบบี้ ตรงดิ่งไปถามพนักงานว่าเห็นไวน์หรือเปล่า พวกเขาก็ได้บอกผมว่าเห็นไวน์เดินไปที่สวน ผมรีบเดินออกมาหาไวน์ จนกระทั่งมาเจอเขานั่งหลบมุมอยู่ตรงนั้น
ผมเห็นร่างบางนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวใต้ต้นไม้ เหม่อมองไปยังน้ำพุกลางสวน และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นสิ่งที่ไวน์ถือเอาไว้ในมือ มันคือลูกอมรสเมเลอนที่เข้ากำลังแกะมันอยู่
“คุณไวน์ครับ...”
เขาหันมองผมตามเสียงเรียก แก้มนุ่มๆ ที่ผมชอบจูบบัดนี้ทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ เสียงสะอื้นเล็กๆ ที่ผมได้ยินทำให้ผมรู้สึกปวดใจเหลือเกิน ผมทำให้เขาร้องไห้ ผมแม่งโคตรไม่ได้เรื่อง!
“ผม...ฮึก...ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม แต่ผมไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน...ฮึก...ผมไม่มีที่ไปครับ...ฮือ...” ไวน์ร้องไห้สะอื้นจนไหล่สะท้าน ผมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา เอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงข้างแก้มอย่างเบามือ ดวงตากลมโตที่เคยสดใส ในเวลานี้มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลริน
“คุณไวน์ ผมขอโทษครับ คุณไวน์อย่าร้องไห้เลยนะครับ”
“ฮึก...ผมเสียใจครับ ผมเสียใจที่คุณแกมมาไล่ผม คุณแกมมาใจร้าย ฮือ...”
ผมลุกขึ้นนั่งบนม้านั่งข้างๆ ไวน์ คว้าตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดในอ้อมแขน ก่อนจะฝังริมฝีปากลงข้างแก้มที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำตา บรรจงจูบซ้ำๆ เพื่อซับน้ำตาที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง กดริมฝีปากลงที่แก้มย้ำๆ อย่างที่ผมชอบทำเพื่อปลอบโยนร่างบางในอ้อมแขน
“คุณไวน์อยากตีผมไหม? ตีผมก็ได้ถ้ามันจะทำให้คุณไวน์หายโกรธ” ผมจับมือของไวน์ให้ตีที่แก้มของผม ทว่าเขากลับพยายามฝืนแรงเอาไว้
“คุณแกมมาอย่าทำแบบนี้เลยครับ...ฮึก...เดี๋ยวคุณเจ็บนะครับ”
ไวน์มองผมตาแป๋ว เขายังคงสะอื้นเบาๆ มือเล็กวางสัมผัสลงที่แก้มของผม ไล้นิ้วเกลี่ยไปมาเพราะกลัวว่าผมจะเจ็บ คนตัวเล็กโผเข้ากอดผมโดยไม่ทันตั้งตัว เขาซุกหน้าลงที่บ่ากว้างที่ในเวลานี้เริ่มเปียกซึมไปด้วยน้ำตาของเขา ผมลูบแผ่นหลังของไวน์ช้าๆ เพื่อปลอบประโลมเขา ยิ่งเขากอดผมแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดและโกรธตัวเองที่ทำให้คนคนหนึ่งเสียใจจนร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่คนคนนั้นคอยดูแลผมอย่างดีและเป็นห่วงผมมาโดยตลอด
“I’ m sorry, baby Wine. Please...don’ t cry (ผมขอโทษครับไวน์ อย่าร้องไห้เลยนะครับ) ” ไวน์พยักหน้าหงึกและยกมือเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางที่ช่างน่าเอ็นดู “Let’ s go back to our penthouse and have Udon noodles together. (เรากลับไปที่เพนต์เฮาส์ของเราและทานอุด้งด้วยกันนะครับ) ”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ “คุณแกมมาใจร้าย...”
คนตัวเล็กพองแก้มและสูดน้ำมูกราวกับเด็กน้อย ดูทำเข้า...น่าฟัดให้แก้มช้ำจริงๆ
“คุณแกมมา! อ๊ะ! ปะ...ปล่อยไวน์ลงนะครับ เดี๋ยวไวน์ตกๆ” คนตัวเล็กทำท่าตกใจทันทีที่ผมอุ้มเขาเข้าเอว ถึงเขาห้ามผม ผมก็ทำอยู่ดี ผมไม่อยากจะปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนของผมเลยด้วยซ้ำ
“คุณแกมมา มีคนมองเรานะครับ ปล่อยผมลงเถอะครับ”
“ผมไม่แคร์ครับ” ไวน์งุดหน้าลงที่บ่าและโอบรอบคอของผมไว้แน่นด้วยความเขินอาย
ความผิดของผมในวันนี้คือบทเรียนสำคัญที่ผมจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ไล่เขาแบบนั้นอีกแล้ว จะปฏิบัติกับเขาดีๆ ดีให้มากกว่านี้ ผมจะไม่ทำให้เขาร้องไห้เสียใจแบบวันนี้อีกแล้ว
ผมเผลอไผลพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนลืมฉุกคิดไปว่าคำพูดของผมนั้นทำร้ายจิตใจของไวน์มากแค่ไหน ในชีวิตของไวน์ไม่มีใครที่เขาสามารถพึ่งพิงได้เลยสักคน เขามีเพียงแค่ผม แม้ว่าเราจะไม่ได้มีสถานะความสัมพันธ์ในแบบคนรัก แต่เขาอยู่กับผมจนเรากลายเป็นเหมือนเพื่อนกัน เป็นทั้งเจ้านาย ลูกน้อง เป็นคนที่มีข้อผูกมัดร่วมกัน และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ หลังจากที่ผมจมปลักอยู่กับเรื่องในอดีตมานานแสนนาน นานจนผมคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่มีวันเยียวยารักษามันได้อีก จนกระทั่งมีเขาเข้ามา...
[Special talk: End]