❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine] - Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1 โดย THEMOONANDME @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฟีลกู๊ด,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

❝ผมไม่จูบปากคู่นอนและไม่เคยให้ใครนอนค้างบนเตียงของผม แต่ตอนนี้ผมอยากจูบคุณไวน์และอยากนอนกอดคุณไวน์ทั้งคืน...❞

ผู้แต่ง

THEMOONANDME

เรื่องย่อ

‘ไวน์’ พนักงานเสิร์ฟตัวเล็กๆ ที่บาร์แห่งหนึ่ง ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้แทนพี่ชายที่สร้างหนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น สุดท้ายพี่ชายก็หนีหาย เหลือไว้ก็แต่หนี้ก้อนโต และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เจ้าหนี้ดันเป็นเจ้าของบาร์ที่ไวน์ทำงานอยู่


‘แกมมา’ เจ้าของบาร์สุดหรู ได้ยื่นข้อเสนอให้ไวน์ในการใช้หนี้ด้วยการทำข้อตกลงและข้อผูกมัดเรื่องทางกาย (ไม่มีการบังคับขืนใจ ยินยอมด้วยความเต็มใจ) การที่ได้มีไวน์อยู่ข้างๆ ทำให้ฝันร้ายของเขาค่อยๆ จางหายไป ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฝังใจกับเรื่องราวในอดีตมานานแสนนาน

แต่...ความรักของเขาทั้งคู่จะเป็นไปได้หรือไม่

ในเมื่อสถานะของเขาทั้งคู่คือเจ้านายกับลูกน้อง

มาลุ้นกันนะคะ

Trigger Warning❗️

Explicit sex scenes การบรรยายถึงฉากร่วมเพศอย่างตรงไปตรงมา/ Non-penetrative sex การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่/ Abandonment issue ตัวละครมีปมการถูกทอดทิ้ง/ Emotional Hurt/ Comfort ตัวละครผ่านเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมาและได้ตัวละครอื่นช่วยเยียวยา รักษา หรือปลอบประโลมความเจ็บปวดนั้น

เนื้อหาในเรื่องเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เหตุการณ์จริง มีการใช้คำพูดรุนแรง การพูดถึงปมในวัยเด็กที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้อ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไรต์อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความเพลิดเพลินและมีความสุขกับเรื่องนี้นะคะ 

สารบัญ

คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Intro บทนำ,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 1 Meet the creditor,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 2 His special offers and binding conditions,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 3 Day off and movie night,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 4 Neck kisses on a rainy day,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 5 A better way to make it less bitter,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 6 Bought the wrong size…,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 7 The marks he left on my skin 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 8 As pretty as 'YOU' 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 9 I’m sorry, baby Wine. Please...don’t cry,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 10 His kiss on my lips, warm cuddles, and the talk after sex 🔞,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 12 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 2,คุณไวน์ครับขอบคุณที่ทำให้ผมนอนหลับ [Taste of Velvety Wine]-Chapter 13 I wanna take you to my house

เนื้อหา

Chapter 11 No need to explain cus I do believe you, baby. Part. 1

ผมทำมื้อกลางวันไว้ให้คุณแกมมาก่อนที่ผมจะออกมาจากเพนต์เฮาส์ จำได้ว่าเขาบอกว่าอยากกินข้าวหมูอบน้ำจิ้มแจ่วอีก เลยทำให้เขากินวันนี้ ตอนแรกผมกะว่าจะปลุกเขาก่อนไปทำงาน แต่เห็นเขานอนหลับปุ๋ยเลยปล่อยให้เขานอนสบายๆ ส่วนตัวผมเกือบจะลุกจากเตียงไม่ไหว ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ต้องทำงานผมคงนอนหลับต่อยาวๆ น่าแปลกที่เตียงนอนห้องคุณแกมมานอนหลับสบายกว่าห้องที่ผมนอนเป็นไหนๆ ทั้งๆ ที่เตียงของเราก็เหมือนกัน


...หรือนั่นเป็นเพราะไออุ่นจากตัวของเขากันนะ?




พี่ซิปให้ผม พลเมือง ถิงถิง มิกะและเพื่อนพนักงานอีกสามคนไปช่วยยกเครื่องดื่มที่ชั้นสี่ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ เหล้าและเบียร์ที่มีราคาสูงสำหรับห้อง VIP รวมทั้งส่วนผสมในการทำค็อกเทล ผมกับมิกะรับหน้าที่ในการช่วยกันจัดขวดเหล้าต่างๆ ให้เข้าที่หลังจากที่เพื่อนๆ ยกในส่วนที่พี่ซิปสั่งออกไปจนครบทุกอย่างแล้ว


“ไวน์ เราปวดท้องมากเลย พอดีเราเป็นโรคกระเพาะเราขอลงไปกินยาก่อนนะ” มิกะตัวงอนิ่วหน้าและกุมท้องน้อย ผมเห็นท่าไม่ดีเลยช่วยพยุงมิกะ เขาทิ้งตัวเอนมาทางผมราวกับคนที่กำลังจะเป็นลมอย่างไรอย่างนั้น ผมเลยเอาแขนเขาพาดบ่าและพาเดินออกมาจากห้องเก็บไวน์


“ไหวหรือเปล่ามิกะ? เดี๋ยวเราพามิกะลงไปข้างล่างก่อนดีไหม”


“ไหวๆ เราเดินเองได้ แต่เราคงไม่ได้ช่วยไวน์เช็กเหล้ากับไวน์ที่เหลือนะ ฝากด้วยนะไวน์”


ผมพยักหน้ารับแม้ว่าผมจะประหลาดใจว่าทำไมวันนี้มิกะถึงพูดจากับผมดีกว่าทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะอย่างไรเสียผมก็ต้องช่วยเหลือเขาก่อน หากเป็นลมเป็นแล้งไปจะแย่เอา


ตามจริงงานที่เหลือในห้องเก็บเหล้าและห้องเก็บไวน์ด้านในก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้วล่ะ เหลือเพียงแค่เรียงขวดให้เป็นระเบียบและล็อกประตูให้เรียบร้อยก่อนลงไปด้านล่างก็เป็นอันเสร็จสรรพ


เฮือก...


ร่างผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ มีมือของใครบางคนคว้าเอวผมและพามายังมุมห้องข้างๆ ห้องเก็บเหล้า ผมเกือบจะร้องโวยวายเสียแล้วถ้าไม่ได้กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยเสียก่อน แขนแกร่งทั้งสองข้างกักตัวของผมเอาไว้ให้หนีเขา


“ผมมาทวงลูกอมครับ” คนตัวสูงไม่พูดเปล่า เขาเอามือล้วงเข้าด้านในเสื้อเพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ แต่นี่มันไม่ใช่การหาของแต่อย่างใด เพราะเขากำลังทำให้ผมจักจี้! ผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปาก เพราะเกรงว่าจะมีคนมาเห็น


“คุณแกมมา...อือ...”


ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ คำพูดเหล่านั้นก็ได้ถูกกลืนหายไปกับจูบที่แสนหวานเคล้ากับกลิ่นบุหรี่จางๆ ซึ่งนอกจากกลิ่นบุหรี่แล้ว ยังมีกลิ่นไวน์ที่ปะปนอยู่ในลมหายใจของเขาด้วย ลิ้นอ่อนนุ่มถูกดุนดันด้วยเรียวลิ้นร้อนจนชิดติดกระพุ้งแก้ม เขาดูดเม้มริมฝีปากของผมทั้งบนและล่างอยู่หลายนาที ซ้ำยังขบกัดเบาๆ ราวกับแกล้งกัน จูบที่อ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน ดูดดึงปากที่เริ่มบวมเจ่อ จนน้ำลายไหลเลอะมุมปาก “อืมมม…”


“ผมคิดว่าตอนนี้ ผมกำลังติดคุณไวน์แทนบุหรี่แล้วนะครับ...”


“คุณแกมมาครับ เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะครับ”


กวาดสายตามองรอบๆ บริเวณว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ถึงต่อให้ไม่มี แต่ผมก็หวั่นใจอยู่ดี เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็น ดีนะที่ห้องเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้อยู่ใกล้ๆ กับชั้นที่เขาอยู่ เลยไม่ค่อยมีคนมาเพ่นพ่านแถวนี้


“ถ้าอย่างนั้นไปต่อในห้องทำงานของผมไหมครับ? ห้องทำงานของผมเก็บเสียง…” ผมถลึงตามองเขาในบัดดล ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา


“คุณแกมมา… ไม่ได้นะครับ ตอนนี้เวลางาน”


“แปลว่าหลังเลิกงานผมทำได้ใช่ไหมครับ?” มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าโดยอัตโนมัติ เขาจะทำให้ผมเขินไปถึงไหนกันนะ แถมยังหัวเราะในลำคอแบบนั้นอีก แกล้งกันชัดๆ


ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาเลย ให้ตาย...


“ผะ...ผม ผมไปก่อนนะครับ”


“จะไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอครับ?” ผมค่อยๆ เอียงแก้มนุ่มเข้าหาเขา คนตัวสูงฝังริมฝีปากลงที่แก้มข้างซ้ายของผมหนึ่งครั้ง สองครั้งและสามครั้ง เขาเม้มริมฝีปากเบาๆ คล้ายกับกำลังขบเม้มที่แก้มนุ่ม เขารู้ว่าต้องทำยังไงให้ผมยิ้มจนตาปี๋ แถมยังหัวเราะออกมาเพราะรู้สึกจักจี้




ไม่รู้ว่ากุญแจล็อกเกอร์ของผมอยู่ที่ไหน เพราะล้วงหาในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงก็ไม่เจอ ทั้งๆ ที่ตอนเอากระเป๋าเข้าไปเก็บผมจำได้ว่าผมเอากุญแจใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าของผม แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอเสียที ผมเลยต้องมาขอเบิกกุญแจใหม่จากพี่ที่ดูแลฝ่ายบริการหนึ่งดอก แม้ว่าล็อกเกอร์เก็บของจะเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดแต่กุญแจกลับไขด้วยกันไม่ได้


“สงสัยจะหล่นอยู่ในห้องเก็บเหล้าหรือเปล่าไวน์?”


“ถิงถิงก็คิดแบบเดียวกันกับพลเมืองนะ เพราะพวกเราไปยกเหล้า ยกไวน์กันมา เป็นไปได้ว่าอาจจะตกอยู่ในนั้น”


“คงเป็นแบบนั้น แต่เราก็ไม่กล้าไปขอกุญแจมาเปิดห้องด้วยสิ ในห้องนั้นมีแต่ของแพงๆ ถ้าหายมาแย่แน่เลย ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะเราก็เบิกดอกใหม่มาแล้ว”


“แล้วนี่ไวน์กลับยังไง? ตรงช่วงถนนตรงนั้นยังทำทางยังไม่เสร็จเลย ดูท่าจะทำนานด้วย”


“ไวน์กลับได้อยู่แล้วค่า เพราะยังไงก็กลับคนละทางกับเรา ฉันกับเธอนี่สิยะกลับโคตรลำบาก กว่าจะได้แท็กซี่กลับกัน อยู่รั้งท้ายตลอด ยืนจนง่วง กะเทยปวดขาจะแย่!” ผมกับถิงถิงมักจะหัวเราะให้กับท่าทางตลกๆ ของพลเมืองเสมอ เชื่อว่าใครที่เครียดๆ อยู่ถ้าได้คุยกับพลเมืองก็คงหัวเราะไม่ต่างจากพวกผม


“จริงสิ ถิงถิงลืมไปเลย ว่าจะถามไวน์หลายครั้งแล้วแต่ก็ลืมทุกที ไวน์พักอยู่แถวไหนเหรอ?”


เอื๊อก...


ผมกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอในฉับพลันที่ได้ยินคำถามของถิงถิง แล้วผมจะตอบถิงถิงยังไงดี ทุกคนจะรู้เรื่องที่ผมพักอยู่กับคุณแกมมาไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าสักวันทั้งสองคนต้องถามผมเรื่องนี้ แต่พอเอาเข้าจริงผมดันไม่รู้จะตอบยังไง


...ต่อให้รู้ว่าการโกหกมันผิดแต่ผมจำเป็นที่จะต้องทำจริงๆ คราวนี้


“เรา...เอ่อ…เราเช่าบ้านอยู่น่ะ” ขอโทษนะพลเมือง ขอโทษนะถิงถิง เราโกหกคำโต เลย แง...


“ไว้ว่างๆ ถิงถิงกับพลเมืองจะได้แวะไปหาไวน์บ้าง อยากไปนอนค้างด้วย นอนเม้าท์กันต้องสนุกมากแน่ๆ”


“ถิงถิง กรี๊ด! วันนี้ได้รถเร็ว พวกเรากลับก่อนนะไวน์ ไวน์กลับบ้านดีๆ น้า”


“บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้นะไวน์ พลเมืองๆ แวะหาไรกินก่อนกลับกัน เราหิวมาก! เอาเป็นร้านเดิมนะ โอเคไหม?”


“โอเค! กะเทยก็หิวเหมือนกันค่า! ถ้างั้นรีบขึ้นรถค่ะชะนี ท้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย”


หลังจากที่สองคนนั่งรถแท็กซี่กลับกันแล้ว ผมก็มองซ้ายมองขวา ก่อนจะรีบเดินมาแถวๆ จุดจอดเฟอร์รารี่คันเทาของคุณแกมมา แต่เหมือนว่าเขาจะยังไม่มาเลยแฮะ คงต้องยืนหลบมุมรอเขาก่อน โชคดีที่ตรงนี้เป็นที่สำหรับจอดรถสปอร์ตคาร์ที่แยกออกมาจากพื้นที่ปกติ แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้เพราะใกล้ๆ กันมักจะมีพนักงานบางคนมายืนรอรถ


“อ๊ะ!” มือหนาคว้าเอวผมด้วยความไวและพามายังรถของเขา เขาจัดการเปิดประตูและดันตัวผมให้นั่งลง พร้อมทั้งคาดเข็มขัดให้ผมเสร็จสรรพ ผมได้แต่มองเขาทำทุกอย่างให้ผมตาแป๋ว ยิ่งไปกว่านั้นคนตัวสูงยังจูบแก้มผมถึงสามครั้ง ก่อนที่เขาเดินไปขึ้นรถที่ฝั่งคนขับ


ผมยกมือลูบแก้มตัวเองด้วยความเขิน มิหนำซ้ำยังยิ้มแป้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้หัวใจของผมจะทำงานผิดปกติ ยิ่งเราใกล้กันเท่าไร หัวใจของผมก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น


ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลยว่าความรักคืออะไรหรือหน้าตาเป็นแบบไหน เท่าที่ผมเคยได้ยินมาผู้คนต่างพูดกันว่ามันคือความสุขที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด แต่ต่อให้เจ็บปวดยังไงก็ยังคงเลือกที่จะไขว่คว้าหามันอยู่ดี


แล้วผมจะเจ็บปวดหรือจะสุขใจ?


เพราะตอนนี้ผมปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้แล้วว่าผม...กำลังตกหลุมรักเขา




โชคดีที่ร้านอุด้งยังไม่ปิด ดูเหมือนว่ายังมีคนเข้าออกร้านอยู่เรื่อยๆ ผมเลือกที่นั่งด้านในนั่งกับคุณแกมมาเพราะผมรู้ว่าผมไม่ชอบที่ที่คนเยอะเท่าไร แม้ว่าเขาจะเปิดบาร์ก็เถอะ แต่ห้องทำงานของเขาก็ยังคงทำแบบเก็บเสียง แถมยังชอบทำตัวลึกลับกับพนักงานอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญจริงๆ พนักงานคงไม่ได้ยลโฉมเขาหรอก


“ผมสั่งอุด้งเนื้อให้คุณแกมมานะครับ”


“แล้วของคุณไวน์สั่งอะไรครับ?”


“ของผมเป็นอุด้งหมูโชยุครับ”


ผมไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับคุณแกมมา ยังคงทำเหมือนเดิมเหมือนตอนที่อยู่ที่เพนต์เฮาส์คือนั่งห่างจากเขา ผมเลือกที่จะนั่งอีกโต๊ะที่อยู่ติดกัน ในสายตาของผมเขาก็คือเจ้านายที่ผมควรให้เกียรติและเคารพ ถึงแม้ว่านอกเวลางานเราจะมีเรื่องข้อผูกมัดมาเกี่ยวข้องก็เถอะ


คุณแกมมาเตรียมช้อนกับตะเกียบไว้และยื่นให้กับผม ส่วนของคุณแกมมาผมต้องขอช้อนกับส้อมจากพนักงานเสิร์ฟให้กับเขา เนื่องจากว่าเขาใช้ตะเกียบไม่เป็น ผมคิดว่าผมควรจะสอนเขาใช้ตะเกียบได้แล้วล่ะ มาถึงร้านอุด้งทั้งทีไม่ใช้ตะเกียบเหมือนมาไม่ถึง


“คุณแกมมาอยากลองใช้ตะเกียบดูไหมครับ?” คนตัวสูงพยักหน้าหงึกๆ


ผมลุกจากเก้าอี้และเดินมานั่งข้างๆ เขา ยื่นตะเกียบให้เขาลองจับ คุณแกมมาจับมันอย่างทุลักทุเล คิ้วเริ่มขมวดแล้วนั่น ฮ่าๆ ถ้าไม่เกรงใจเขาผมจะถ่ายคลิปเอาไว้ล้อเขาเลยจริงๆ


“เลื่อนมือขึ้นมาหน่อยดีไหมครับ จับต่ำไปน่าจะยิ่งไม่ถนัด ลองจับแบบนี้ดูครับ” ผมสาธิตให้เขาดูทีละขั้นตอน สำหรับคนที่จับไม่เป็นหรือฝึกครั้งแรกมันมักจะยากเสมอ ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อีกฝ่ายทำตามอย่างตั้งใจ ส่วนคิ้วของเขาก็ยังคงขมวดเป็นปมเหมือนเดิม ผมเอื้อมแตะตรงกลางระหว่างคิ้วอย่างถือวิสาสะเพื่อให้เขาคลายปมนั้นออก ถ้าไม่อย่างนั้นคงผูกกันเป็นโบแล้วล่ะ เห็นท่าทางของเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้จริงๆ เขาเหมือนเด็กเลยแฮะ


“คุณแกมมาฉามขวด” ผมพูดแซวเขา ก่อนจะหัวเราะให้กับท่าทางน่ารักๆ ของเขา


“เวลาคุณไวน์หัวเราะ น่ารักจังเลยครับ” คุณแกมมาเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ตอนคราง…ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่”


กะพริบตาปริบๆ เม้มริมฝีปากเรียบเป็นเส้นตรงทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น เขาจะทำให้ผมเขินจนแก้มแตกเลยใช่ไหมเนี่ย!


“คุณแกมมาทะลึ่ง”


เขาหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางของผม


“ไม่แกล้งแล้วครับ” มือหนาวางสัมผัสลงที่ศีรษะของผมและลูบเบาๆ ด้วยความเอ็นดู


ผมยังคงนั่งมองเขาพยายามจับตะเกียบให้ถูกวิธี ซึ่งท่าทางของเขามันน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ


“คุณไวน์ครับ ให้ผมทำอย่างอื่นง่ายกว่านะครับ...” เสียงนุ่มๆ ที่กระซิบข้างหูทำเอาผมขนลุกชัน


“ทะ...ทำอะไรเหรอครับ?”


ตาผมเบิกโพลงในฉับพลันที่คุณแกมมาจูบที่ข้างแก้มโดยไม่ทันตั้งตัว ผมรีบยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าของตัวเองเบาๆ มองซ้ายมองขวากลัวว่าจะมีใครมาเห็น ดีนะที่ที่นั่งตรงมุมนี้ไม่ได้เป็นจุดสนใจเหมือนตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์ร้าน


“อุด้งเนื้อกับหมูโชยุได้แล้วครับ อ้าวน้อง! เราใช่คนที่มาซื้อตอนพี่เก็บร้านไหม?”


“ใช่ครับ ผมเอง”


“พี่ใส่หมูกับเส้นให้เน้นๆ เลยนะ เห็นว่าเพิ่งเลิกงาน กินหมดหรือเปล่าเรา?” เวรกรรม...ผมจะตอบเขาว่ายังไงดี ในเมื่อผมไม่ได้แตะเลยสักคำ ต้องโกหกอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย...


“ครับ ขอบคุณนะครับ”


“หึ...”


ผมหันขวับมองคุณแกมมาในทันที “คุณแกมมา...”


“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ” เขามองหน้าผมนิ่ง แต่ทว่าแววตาที่เขามองมานั้นคล้ายกับต้องการจะกลืนกินกันอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้เขาไม่พูดผมก็รู้ว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องนั้น ถ้าผมบอกว่าเขาร้ายกาจ ผมจะผิดมากไหมนะ...


มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าเพราะความเขิน เขินเสียจนอยากจะมุดลงใต้โต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด คนข้างๆ เลื่อนถ้วยอุด้งมาให้ผม พร้อมกับวางตะเกียบและช้อนลงในถ้วยให้กันเสร็จสรรพ


“ผมจะกลับไปนั่งที่เดิมครับคุณแกมมา นี่ช้อนกับส้อมครับ ผมขอพี่พนักงานไว้ตอนที่สั่งอาหาร” ฉับพลันนั้นเอง มือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้และดึงให้นั่งลงที่เดิม


“อย่าเพิ่งไปครับ สอนผมใช้ตะเกียบก่อน”


นั่งมองเขาพยายามจับตะเกียบแล้วอดขำไม่ได้กับท่าทางการจับที่ไม่ชำนาญของเขา เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงเขยิบเข้าใกล้เขามากขึ้นและจับที่มือหนาที่กำตะเกียบเอาไว้อยู่ เลื่อนนิ้วชี้และนิ้วกลางให้วางให้ถูกตำแหน่ง ผมหันมองเขาก่อนจะยิ้มแป้นออกมาเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มคีบเส้นขึ้นมาได้แล้ว


ผมหยิบทิชชูยื่นให้เขาเนื่องจากเห็นว่าน้ำซุปกระเด็นโดนข้างแก้ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับมันไป กลับกลายเป็นว่าเขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผมแทน เพื่อให้ผมเช็ดแก้มให้เขา


“เปลี่ยนเป็นใช้ส้อมแทนดีไหมครับ เลอะหมดแล้วนะครับ” มือเล็กใช้ทิชชูซับเบาๆ ที่แก้มขาวเนียนของคนข้างๆ นี่ผมกำลังเลี้ยงเด็กใช่ไหม?


คุณแกมมาฉามขวด...




อีกฟากฝั่งของร้านอุด้ง


“พลเมือง ไว้ครั้งหน้าชวนไวน์มากินด้วยกันนะ”


“ได้จ้า ดะ…เดี๋ยวนะ! ถิงถิง...หล่อนว่าฉันตาฝาดหรือเปล่า ฉันว่าฉันเห็นไวน์นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในกับ...คุณแกมมา...”


“ห๊ะ? ตาฝาดแล้วมั้งพล....ไวน์จริงด้วย! ส่วนนั่นคุณแกมมา เจ้านายของพวกเรา OMG!”


“คุณไวน์ของพวกเราคบกับคุณเจ้าของบาร์สุดฮอตเหรอเนี่ย? กรี๊ดดด!” พลเมืองและถิงถิงต่างพากันหวีดให้กับภาพที่เห็น เมื่อเห็นว่าไวน์ใช้ทิชชูเช็ดแก้มให้กับคุณแกมมา


“ชาติที่แล้วไวน์ทำบุญด้วยอะไรกันนะ ชาตินี้ถึงได้โชคดีขนาดนี้”


“ฉันว่านางทำบุญสร้างวัดร้อยวัดพันวัดแน่ๆ ไม่ได้การละถิงถิง พรุ่งนี้ก่อนไปทำงาน แวะวัดก่อนเลยค่ะชะนี ถวายเงินสร้างโบสถ์ มีตู้ทำบุญกี่ตู้ใส่ให้หมด ถวายผ้าไตร สังฆทานไปด้วย เอาสักสิบ!”


สองสาวกุมมือกันแน่นด้วยความเชื่อมั่น


“พลลี่ว่าถ้ายัยมิเกะมิกะรู้คงอกแตกตายแน่ๆ”


“จริงด้วยสิ เราควรเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจะให้คนในที่ทำงานรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างการคบกันของไวน์และคุณแกมมาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาด้วย” ถิงถิงเอ่ย


“เหยียบให้มิด!”




วันต่อมา...


ตั้งแต่ที่คุณแกมมาเปลี่ยนเวลาเลิกงานของพนักงานในวันอังคารและวันเสาร์ ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมากขึ้น เนื่องจากว่าได้กลับเร็วกว่าปกติ จึงมีเวลานอนเพิ่มขึ้น พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์แล้ว ผมกะว่าจะขอคุณแกมมาหยุดหนึ่งวัน เพราะว่าพลเมืองกับถิงถิงชวนไปคาเฟ่เปิดใหม่ ซึ่งร้านอยู่ไม่ไกลจากเพนต์เฮาส์ของคุณแกมมามากนัก


แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมต้องถามคุณแกมมาก่อนว่าจะให้ผมทำอาหารเอาไว้ให้เขาหรือเปล่า เพราะทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ คุณแกมมาจะออกไปไหนสักที่ แล้วกลับมาอีกทีก็เย็นๆ ตลอด ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน แต่อย่างที่ผมเคยบอก เขาจะกลับมาที่เพนต์เฮาส์ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองทุกครั้ง


“คุณแกมมาครับ พรุ่งนี้ผมขอหยุดหนึ่งวันได้ไหมครับ?” 


ผมค่อยๆ สาวเท้าเข้าใกล้คนตัวสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เปลือยอก ยังดีที่เขาใส่กางเกงเรียบร้อยมิดชิด


“ได้ครับ”


“ขอบคุณครับ แล้วคุณแกมมาอยากให้ผมทำอะไรไว้ให้ทานหรือเปล่าครับ?”


“ไม่ต้องครับ เอาไว้คุณไวน์กลับมาแล้วเราสั่งอะไรมาทานพร้อมกันก็ได้ครับ คุณไวน์จะไปเที่ยวเหรอครับ?”


“ครับ พลเมืองกับถิงถิงชวนผมไปคาเฟ่เปิดใหม่ครับ ตอนแรกผมกะว่าจะไม่ไปเพราะอยากนอนนานๆ แต่พลเมืองตื๊อจะไปให้ได้ เพราะพนักงานเสิร์ฟเป็นผู้ชายล้วนเลยครับ แถมยังหล่อด้วยครับ ฮ่าๆ ก็ว่าอยู่ทำไมถึงอยากไปนัก” คุณแกมมองผมด้วยแววตานิ่งงัน ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยถามอะไรบางอย่าง


“พนักงานหล่อมากไหมครับ?” กะพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้า “แล้วในสายตาของคุณไวน์ ผมหล่อไหมครับ?”


“หล่อครับ หล่อมาก…” มากเสียจนผมใจเต้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ เช่นในตอนนี้


“แล้วชอบไหมครับ?”