นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
มารดาเจ้าของร่างฉวยกระชากสิ่งของออกจากมือบุตรไปจนหมดมิเหลือสิ่งใดไว้ให้บุตรสาวเลยสักนิด นางไม่เข้าใจสักนิดว่าเหตุใดมารดาจึงได้เกลียดชังนางเสียเหลือเกิน ทั้งที่บุตรสาวก็ช่างกตัญญูถึงเพียงนี้ อายุเพียงไม่กี่หนาวก็กลับรู้ความยิ่งกว่าบุตรบ้านอื่น อะไรดลใจให้นางเกลียดเสียจนทำร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวจนตกถึงแก่ความตายได้หนอ และหากนางรู้ว่าบุตรสาวจากไปแล้วนางจะนึกเสียใจหรือไม่
นางเดินเข้าไปนั่งบนฟูกนอนที่สภาพเก่าจนแทบอยากจะจับโยนทิ้งเสียให้ได้ บัดนี้นางจิตใจห่อเหี่ยวยิ่งนักทั้งต้องมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นชิน ทั้งยังต้องมาเจอกับมารดาป่วยจิตที่ไม่รู้ว่าจะอาละวาดขึ้นมาเวลาใด ไม่รู้ว่าทำเวรกรรมกับใครไว้หนักหนาจึงต้องมาชดใช้เช่นนี้
นี่หากว่านางมิได้รับของจากชายชราผู้นั้นนางก็ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับมารดาเช่นไร หากเป็นเยว่ซินคนเก่าก็คงปล่อยให้ตนเองถูกทุบตี โชคดีของนางที่บังเอิญได้พบชายชราผู้หนึ่งซึ่งเป็นพ่อค้ามาจากเมืองข้างเคียงกันนี้ ขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านนั้นล้อรถม้าที่โดยสารมาได้ติดหล่มโคลนเข้า คาดว่าคงเป็นเพราะฝนตกหนักเมื่อหลายวันก่อนจึงทำให้มีน้ำขังจนกลายเป็นหลุมโคลนเฉอะแฉะขนาดเล็กไปทั่วถนน และด้วยเวลาเย็นย่ำมากแล้วชายชรากังวลว่าภรรยาที่รออยู่บ้านจะเป็นห่วงจึงกระวนกระวายใจยิ่งนัก ทั้งเวลานี้ก็ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านมาแล้ว แต่ถือว่าสวรรค์ยังเมตตาไม่ให้ตกลงไปจนลึกกว่านี้ นางและน้องชายพร้อมด้วยชายชราเจ้าของรถม้าจึงสามารถเข็นรถม้าขึ้นจากหลุมได้ไม่ยากเย็นเท่าใดนัก เขาจึงได้มอบของเล็กน้อยเพื่อตอบแทนน้ำใจให้กับนางและน้องชาย นั่นก็คือสิ่งของที่ท่านแม่เอาไปจากนางเมื่อครู่นี้นั่นเอง
ค่ำคืนที่มืดสนิท ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงรถวิ่ง ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ แต่ทว่ากลับมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องประสานเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ราวกลับมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง สายฝนที่พรำลงมาทำให้บรรยากาศรอบด้านหนาวชื้นจนต้องมุดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเก่า กลิ่นฝนยังคงคละคลุ้งไปทั่วทุกอณูอากาศ แต่ทว่าคนบางคนกับรู้สึกเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำยิ่งนัก
ร่างเล็กนอนกลิ้งพลิกไปมาอยู่บนฟูกเก่าๆนางไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เพราะในตอนนี้อากาศรอบด้านทำให้นางหนาวเหน็บเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกว่ามันช่างหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจของนาง
ดวงตาดอกท้อคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำเหม่อมองเด็กชายร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ด้านข้างนาง ตัวเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยยามที่สายลมพัดเข้ามาตามรูรั่วของบ้านหลังนี้ นางยกผ้าห่มผืนบางทั้งหมดที่มีคลุมทับร่างสวี่หยางหวังให้อุ่นขึ้นแม้เล็กน้อยก็ยังดี นางไม่รู้ว่าสองพี่น้องนี่ใช้ชีวิตจนเติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไร ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
เวลานี้นางต้องคิดหาหนทางการอยู่รอดในโลกใบใหม่ให้ได้ นางคิดว่าอยากทำการค้าขาย แต่หนทางช่างยากเย็นเหลือเกิน ไหนจะต้องหาเงินลงทุน ไหนจะต้องคอยรับใช้มารดาและดูแลน้องชาย งานรับจ้างที่ร่างเดิมทำอยู่ก็เงินน้อยเหลือเกิน หากทำงานรับจ้างนี้ต่อไปชีวิตของนางคงไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ นึกถึงในภพเก่านางเคยปลอมตัวไปสืบราชการทั้งยังได้ลองทำหลายๆอาชีพถึงแม้จะไม่เชี่ยวชาญมากนัก แต่ก็ยังพอทำให้มีวิชาติดตัว ไม่แน่ว่านางอาจจะได้ใช้ประสบการณ์เหล่านั้นมาหาเลี้ยงครอบครัวก็เป็นได้
“น่าสงสารเสียจริง” เสียงสายหนึ่งดังแว่วมา
“เสียงผู้ใดกัน!”
“เจ้าได้ยินข้าจริงๆด้วยอย่างนั้นหรือ ดีจริงข้านึกว่าข้าคิดไปเองเสียอีก”น้ำเสียงดีใจเอ่ยกลับมาท่ามกลางความว่างเปล่า
“เจ้าเป็นใครกัน หากประสงค์ดีต่อข้าเหตุใดจึงไม่ปรากฏตัวเล่า”นางกระชับมีดที่แอบหยิบมาจากในครัวไว้แน่น ด้วยตามปกติแล้วในภพก่อนนางมักจะนำอาวุธคู่กายไว้ใต้หมอนเสมอ เมื่อมาในภพนี้ไม่ได้มีอาวุธทันสมัยเฉกเช่นเดิมจึงได้แต่คว้าเอาอุปกรณ์ทำอาหารมาเป็นอาวุธไว้ให้อุ่นใจ
“เจ้ามิเห็นข้าหรอกหรือ ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างไรเล่า”
เยว่ซินรู้สึกได้ว่ามีลมเย็นสายหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้านาง แต่ทว่านางกลับพบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ในยามนี้รอบตัวของนางเงียบสงัดแม้กระทั่งลมหายใจของนางยังเงียบจนนึกว่าหยุดทำงานไปเสียแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ที่เสียงจิ้งหรีดเรไรนั้นได้หายไปจากโสตประสาท นางเผลอคิดว่าหากไม่ใช่คนก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นก็เป็นได้ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่านางไม่ได้วิปลาสเสียหน่อย
“อย่ามาปดข้า ข้าไม่เห็นสิ่งใด ตรงหน้าข้ามีเพียงความว่างเปล่า”
“ข้ามิได้พูดปดนะ เพียงแต่เจ้ามิเห็นข้าเอง”
“หมายความว่าอย่างไร ทำไมข้าจึงมิเห็นเจ้า” เยว่ซินใจสั่นระรัว ถึงแม้นางจะกลัว แต่นางถูกฝึกมาจากภพเก่าว่าไม่ให้แสดงความรู้สึกของตนเองออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้
“ข้าเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้น ข้ามิเคยพบเห็นคนมีสัมผัสพิเศษเช่นเจ้าเลย”
นางเผลอถอยหนีเล็กน้อย นางกำลังสนทนากับวิญญาณอย่างนั้นหรือ นางเค้นหาความทรงจำเจ้าของร่างคนเดิมก็ไม่พบว่านางสามารถคุยกับวิญญาณได้ หรือเหตุเพราะข้าเคยผ่านความเป็นความตายมาใช่หรือไม่จึงสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ หรือนี่อาจเป็นพรจากสวรรค์ โถ่!สวรรค์บัดซบ!