นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
ยามดึกสงัดท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ ทั่วทั้งเรือนนอนของชายผู้นั้นถูกปกคลุมไปด้วยไอเย็น แต่ทว่าด้านในตัวเรือนกลับรู้สึกร้อนราวกับถูกแผดเผาด้วยไฟโลกันตร์ กรอบหน้าคมมีเม็ดเหงื่อผุดพลายไปทั่วใบหน้า เขานอนพลิกไปมาด้วยความกระสับกระส่าย สุดท้ายทนความร้อนที่ผิดปกตินี้ไม่ไหวจึงลุกขึ้นมานั่งด้วยความโมโห
“ใครอยู่ข้างนอก! เข้ามาพัดให้ข้าหน่อย” เขาเอ่ยสั่งเสียงเข้ม
โดยไม่คาดคิดอากาศรอบด้านกลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันราวกับเล่นกล จากความร้อนระอุเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นยะเยือกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ชายหนุ่มได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าประตูห้อง พลันหน้าซีดลง แต่เมื่อนึกได้ว่าคงเป็นบ่าวไพร่จึงมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย
แอ๊ดด...
“มาแล้วเจ้าค่ะ..” บ่าวรับใช้หญิงท่าทางเรียบร้อย เดินก้มหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มในห้อง
“เจ้ารู้สึกว่าวันนี้อากาศผิดปกติหรือไม่ เมื่อครู่ข้ายังรู้สึกร้อน แต่ทว่าตอนนี้ข้ากลับรู้สึกหนาว” ชายหนุ่มตัวสั่นเล็กน้อย เขาหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่อหุ้มกายเอาไว้
“ข้าก็รู้สึกหนาวเจ้าค่ะ ข้าหนาวววว..หนาวเหลือเกิน....” สาวใช้เงยหน้าขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นโฉมหน้าที่มีบาดแผลเหวอะหวะ น้ำหนองสีเหลืองไหลเยิ้มออกจากบาดแผลจนเปื้อนไปทั่วหน้าของนาง
“เฮ้ยยยย! ผีหลอกๆ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วยยย!” ชายหนุ่มผงะตกใจสุดขีด เขาถอยกรูดออกไปจนตกจากเตียงลงไปอยู่บนพื้นเย็น
วี๊ดดด วี๊ดดด....
เสียงร้องของบางสิ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดด้านนอก มันดังเข้ามาใกล้เรือนนอนของชายหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ หน้าต่างที่เคยปิดสนิทถูกลมพายุพัดเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจึงทำให้เปิดอ้าออกราวกับกำลังต้อนรับบางสิ่ง
ชายหนุ่มตัวสั่นเทางันงก เขาไม่กล้าวิ่งหนีออกไปทางด้านประตูทางเข้า เพราะผีสาวใช้นางนั้นยังคงนั่งอยู่ไม่จากไปไหนทั้งนางยังพูดตลอดเวลาว่า 'หนาววว หนาวเหลือเกิน’ เขามองไปทางหน้าต่างเห็นเงาดำทะมึนคล้ายกับเงาของสัตว์ร้ายมันกำลังคืบคลานเข้ามาจวนจะถึงเรือนนอนของเขาอยู่รอมร่อ มือหนาตัดสินใจเอื้อมไปหมายจะปิดหน้าต่างไว้ให้สนิท แม้มือนั้นจะสั่นเทาจนมิอาจควบคุมได้แต่ทว่าเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดเขาก็สามารถปิดหน้าต่างบานนั้นลงได้ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขากวาดตามองไปรอบห้อง ไม่เห็นผีสาวใช้อีกแล้ว เขายันตัวลุกขึ้นด้วยขาที่สั่นเทาจนมิอาจเดินได้เฉกเช่นคนปกติ สองขาเดินย่องช้าๆ ไปเกือบถึงประตูทางออก แต่เหมือนสวรรค์จะมิเข้าข้าง
“มืดค่ำเช่นนี้ จะไปไหนหรืออออ ท่านพี่...” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากบนเตียงนอนของเขา
เสียงที่คุ้นหูนั้นดังขึ้นทำให้เขา ‘ซุนไห่’ ตัดสินใจหันกลับไปมองที่มาของเสียง คนบนเตียงนั้นช่างเหมือนกับฮูหยินผู้ล่วงลับของเขาไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ว่านางได้สิ้นใจไปแล้ว นางจะมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
“ซูซู...” เขาราวกับละเมอออกมา
“ท่านพี่...มาหาน้องสิเจ้าคะ” มือเรียวตบลงบริเวณว่างข้างกาย
“ไม่...ไม่ ไม่!เจ้าตายไปแล้ว อย่ามาหลอกหลอนข้า” เขาถอยหลังหนี
“ท่านพี่ไม่รักน้องแล้วหรือเจ้าคะ” นางปาดน้ำตา ร่างบางเดินออกจากเตียงนอนช้าๆ นางเดินตรงไปยังซุนไห่ ระหว่างนั้นใบหน้าก็นางก็แปรเปลี่ยนเป็นแผลพุพอง ไม่เหลือเคล้าความงามดั่งเช่นตอนมีชีวิตอยู่
“เจ้าอย่าเข้ามานะ ออกไปนะ ข้ากลัวแล้วๆ ข้าขอโทษ” เขาก้มหัวคารวะโขลกพื้นจนหน้าผากปูนแดง
ทันใดนั้นวิญญาณฮูหยินของเขาก็จางหายไป เขาคิดว่าฮูหยินของตนคงจะยกโทษให้แล้ว ในคราที่นางยังมีชีวิตอยู่ เขาทุบตีนางทุกวัน ซ้ำยังรับอนุมานับไม่ถ้วนสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้นาง วันนั้นเขาลงมือทำร้ายนางดั่งเช่นทุกวัน คาดไม่ถึงว่านางจะถึงขั้นปลิดชีวิตตนหนีความทรมานนี้ไปเสียวันนั้น
เมื่อได้สติแล้วเขาก็วิ่งหนีออกมาจากเรือนไม่คิดชีวิต แม้แต่รองเท้าก็ยังไม่เวลาใส่ เขารู้สึกราวกับทั่วทั้งเรือนมีเพียงเขาผู้เดียว ทุกอย่างเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะตะโกนเรียกบ่าวไพร่หรือคนในเรือนเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดออกมาแม้แต่ผู้เดียว ครั้นวิ่งไปเรือนนอนของท่านแม่ก็ปรากฏว่ามันเปิดไม่ออก ไม่ว่าเขาจะวิ่งไปเปิดประตูที่เรือนใดของไม่สามารถเปิดออกได้แม้แต่เรือนเดียว
นั่นก็เป็นเพราะว่าเยว่ซินได้ให้หานฉีสะกดคนทั่วทั้งเรือนให้หลับใหลไม่ตื่นขึ้นมา ส่วนที่ประตูเปิดไม่ออกนั่นก็เพราะว่าไป๋ซื่อและไป๋อู๋ดึงประตูไว้นั่นเอง แรงมนุษย์หรือจะมาสู้แรงวิญญาณ
“จะไปไหนหรือออ.... ข้าหิววว หิวเหลือเกินนน...” วิญญาณหลายตนเริ่มเข้ามามุงล้อมตัวชายหนุ่มเอาไว้ ให้เขาหมดหนทางวิ่งหนี
โฮกกกก! โฮกกก!
ซุนไห่ได้ยินเสียงสัตว์ร้ายคำรามก็ยิ่งเพิ่มความกลัวเข้าไปจนแทบเสียสติ “ปล่อยข้าไปเถิด ข้ากลัวแล้วๆ”
วิญญาณตนหนึ่งทำหัวหลุดออกจากบ่าอย่างจงใจ มันกลิ้งหลุนตรงไปยังชายหนุ่มพอดิบพอดี “อ๊าาาาาาาา”
เขาภาพตัดไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของวิญญาณร้าย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายนะที่แท้จริงกำลังมาเยือน.....
ยามฟ้าสางบริเวณโดยรอบยังคงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ชายหนุ่มผู้โชคดีเริ่มได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว เขาขยับตัวเล็กน้อยไล่ความขบเมื่อยออกไป ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คราแรกเขานึกว่านั่นอาจจะเป็นความฝัน แต่เมื่อมองไปบริเวณโดยรอบขนแขนก็พลันลุกตั้งขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน สถานที่เขาอยู่ขณะนี้ เป็นสถานที่ที่เขามิคุ้นเคย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นเทาแล้วเดินไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออก
แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไร เขาก็หาทางออกไม่เจอ บางคราเขาก็เดินชนบางสิ่งที่ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด เนื่องจากด้านในนี้มืดสนิทเสียยิ่งกว่าด้านนอกมากนัก
ทันใดนั้นเขาก็เดินตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะปืนป่ายขึ้นมาอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้เขา มือหนาสัมผัสถูกบางสิ่งที่มีลักษณะเหนียวหนืดแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่าคงเป็นโคลนดินตามปกติทั่วไป เขานั่งรออยู่ภายในนั้นจนกว่าจะมีแสงสว่างมากว่านี้เสียก่อนจึงค่อยหาทางออกไป “โอ๊ยย! อะไรกันนี่ เหตุใดข้าถึงซวยขนาดนี้”
ซุนไห่นั่งรออยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มเห็นบริเวณรอบด้านอย่างชัดเจน เขาจึงพยายามปืนออกจากหลุมนั้นออกไป แต่ทว่าเขากลับไม่เข้าใจว่าหลุมลึกไม่มากนัก เหตุใดก่อนหน้านี้เขาจึงปืนออกมาไม่ได้ เมื่อออกมาอยู่ด้านบนแล้วเขาจะต้องผงะตกใจจนล้มลงกับพื้นดิน เมื่อพบว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยหลุมศพ เพราะมันคือป่าช้าสำหรับฝังศพไร้ญาตินั่นเอง
เขาทอดมองลงไปภายในหลุมเมื่อครู่ จึงมองเห็นศพหญิงสาวนางหนึ่งเริ่มมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกมาจนเต็มพื้นไปหมด ดวงตาคู่นั้นของนางมีหนอนมากมายกำลังชอนไชกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มมองอาภรณ์ตนเองที่เปื้อนไปด้วยน้ำสีเหลืองเป็นบางแห่ง บางจุดก็มีสีแดงคล้ำคล้ายเลือดเสีย ก็พลันอาเจียนออกมาทันที ยิ่งได้กลิ่นเน่าของศพลอยมาปะทะจมูกเขาก็ยิ่งคลื่นไส้ไปยิ่งกว่าเดิม
เวลาไล่เลี่ยกันก็มีข่าวออกมาว่าหลุมศพในป่าช้าถูกลื้อค้น โดยเฉพาะศพของหญิงสาว แต่ทว่าซากศพพวกนั้นมิได้หายไป เมื่อทางการตรวจสอบแล้วจึงพบว่าหญิงสาวทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับซุนไห่
ชายผู้หนึ่งเล่าว่าเขาเคยเห็นซุนไห่ผู้นั้นออกมาจากป่าช้า ซ้ำเนื้อตัวยังเปื้อนไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง ยามที่เข้าไปใกล้เขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา ผู้คนจึงร่ำลือกันว่า ‘ซุนไห่ร่วมเสพสุขกับศพอนุของตนในป่าช้า’
อีกด้านหนึ่งในบ้านหลังพอเหมาะบนพื้นที่กว้างขวาง เยว่ซินกำลังลิ้มรสสุราผลไม้ที่ตนหมักขึ้นมา พร้อมกับรับฟังความบรรเทิงจากเหยียนเหยาด้วยความเพลิดเพลิน
“ก็สมควรแล้ว ทั้งสามีและอนุต่างก็ทารุณกรรมนาง แม้แต่ตอนที่นางได้จากไปพวกมันก็ยังคงไม่สำนึก”นางยิ้มอย่างพอใจในบทเรียนของคนที่กล้ามาก่อกวนนาง