นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
พื้นที่ผีสิงในอดีตบัดนี้ได้กลายมาเป็นสำนักดูดวงทั้งยังเป็นบ้านหลังใหม่ของนาง เยว่ซินมองดูบ้านขนาดกลางที่มีเรือนทั้ง 4 เรือนหันหน้าเข้าหากัน และในแต่ละเรือนจะมีทางเชื่อมมาบรรจบกันที่กลางลานบ้าน
“ท่านพ่อ เสี่ยวหยาง ที่นี่คือบ้านของเรา” นางมองบิดาและน้องชาย
“จะเป็นไปได้อย่างไร...” หรงเซินฉงนใจ
“เราไปคุยกันในเรือนเถิดเจ้าคะ” นางประคองบิดาเข้าไปในบ้าน
หรงเซินสำรวจบ้านที่บุตรสาวได้พามาอย่างกังวล บุตรเขาอายุเพียงเท่านี้นางจะมีความสามารถหาเงินมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งรูปแบบบ้านที่แปลกตา ทั้งเครื่องเรือนที่ครบครัน ซ้ำยังเป็นของใหม่ทั้งหมด เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่านางไปเป็นอนุของผู้ใด
“ข้าคงต้องบอกความจริงกับท่านพ่อแล้ว ท่านเคยได้ยินเรื่องของแม่หมอเยว่หรือไม่เจ้าคะ” นางมองท่าทางดูกังวลของคนเป็นบิดา
“ต้องเคยอยู่แล้วสิ” เขาพยักหน้า
“แม่หมอเยว่และข้าคือคนๆ เดียวกันเจ้าค่ะ” นางสังเกตุท่าทีของเขา
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” คิ้วหนาขมวดยุ่ง
“ในช่วงที่ท่านพ่อเข้าไปในป่า ข้าได้เข้าไปทำงานในตลาดแล้วได้ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งไว้โดยบังเอิญ เขาผู้นั้นมีความรู้ด้านการทำนายดวงชะตา จึงได้รับข้าเป็นศิษย์ และถ่ายทอดวิชาที่มีทั้งหมดให้ข้าเจ้าค่ะ” นางจำต้องแต่งเรื่องขึ้นมา เพราะไม่อยากให้ท่านพ่อรับรู้เรื่องอื่นๆ อีก
“เป็นเช่นนี้เอง..ต้องลำบากเจ้าแล้ว เป็นที่บิดามิดีเอง” มือหยาบลูบศีรษะทุยของบุตรสาวด้วยความรักใคร่
เยว่ซินมองสบตาเข้ากับนัยน์ตาใสซื่อของสวี่หยาง “เช่นนั้นข้าพาเสี่ยวหยางไปดูเรือนของเขาก่อนนะเจ้าคะ”
ชายวัยกลางคนมองดูบุตรทั้งสองของเขาเดินตามกันไปที่เรือนด้านซ้ายด้วยความชื่นชม เมื่อย้อนกลับมามองที่ตัวเขาแล้วหรงเซินจึงได้ขบคิดว่าเหตุใดครอบครัวของเขาจึงเปลี่ยนไปภายในไม่กี่วันได้ขนาดนี้ หรือทุกอย่างมันเป็นเพราะเขายังไม่ดีเพียงพอต่อบุตรและภรรยา
“เจ้าจะไม่ถามอะไรข้าหน่อยหรือ”
“เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ” นัยน์ตาที่เคยใสซื่อจางหายไป
“เจ้าสงสัยข้า แต่กลับมิถาม ดียิ่ง เพราะบางเรื่องข้าก็ไม่สามารถให้คำตอบแก่เจ้าได้”
“ให้ข้าเค้นคำตอบจากท่านก็มิได้ประโยชน์อะไร มิสู้ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ดีกว่าหรือ เพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นพี่สาวของข้า ท่านมิมีวันทำร้ายข้าและท่านพ่ออย่างแน่นอน และข้าก็ไม่อยากเสียท่านไป”
แท้จริงแล้วเด็กชายรู้ดีว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง และคนเราคงไม่อาจเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน แต่นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้พวกเราไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไปแล้ว ทั้งพี่สาวของเขายังมิต้องถูกมารดาทุบตีอีกต่อไปแล้ว
“ช่างเหลียงเจ้าคะ พวกเราอยากสร้างสำนักดูดวงบริเวณนี้ นี่เป็นแบบที่ข้าได้เตรียมไว้ให้ ท่านลองดูว่าควรแก้ไขจุดใดหรือไม่” มือบางยื่นกระดาษแผ่นใหญ่ให้ช่างเหลียง
เขากวาดตามองดูอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเคยใช้แบบสร้างบ้านของนางจากคราที่แล้ว ก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าต้องไม่มีสิ่งใดผิดพลาดอย่างแน่นอน “ดีขอรับ ดียิ่งๆ ข้าจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดขอรับ”
นางสร้างสำนักไว้บริเวณที่เป็นจุดเด่นของพื้นที่ ทั้งยังอยู่ใกล้ถนนเพื่อให้ลูกค้าของนางเดินทางมาได้อย่างสะดวก สำนักนี้นางตั้งใจว่าจะสร้างภายในให้สลับซับซ้อนเสียหน่อย ทั้งนางยังสร้างห้องลับไว้สำหรับลูกค้าที่มิต้องการเปิดเผยตัวตนอีกด้วย
หลายวันถัดมาช่างเหลียงก็ได้ดำเนินการสร้างสำนักให้นางจนเริ่มมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ดรุณีน้อยใกล้วัยปักปิ่นมองดูด้วยความพอใจ คราแรกนางคิดว่าจะนำต้นไม้ดอกหลากสีออกมาประดับสำนักเสียหน่อย แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าดอกไม้นั้นอาจจะลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของสำนักนางไป จึงได้นำต้นดอกไม้หลากสีพวกนั้นไปประดับไว้ที่บ้าน แล้วนำต้นไม้ที่มีดอกสีขาวออกมาแทนที่ ทั้งยามค่ำคืนดอกไม้สีขาวนี้ยังส่งกลิ่นหอมเย็นออกมาอีกด้วย
“เถ้าแก่ เส้นเล็กขาไก่ 1 ชามเจ้าค่ะ”
“มาแล้วหรือ นั่งสิๆ นางมารอเจ้าทุกวัน เมื่อไรเจ้าจะใจอ่อนให้นางล่ะ” เขาเดินเข้าไปกระซิบใกล้นาง ทั้งยังชวนให้นางมองไปทางคนผู้นั้น
“นางมาเองนี่ ข้ามิได้เชิญนางมาเสียหน่อย” นางดันตัวเถ้าแก่ให้ไปทำหน้าที่ของตน
เยว่ซินมองไปรอบๆ ตัวด้วยความภาคภูมิใจ ในอดีตร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ขาดทุนยิ่งนัก ดูบัดนี้สิ ผู้คนมากมายต่างพากันขนานนามว่า “ร้านก๋วยเตี๋ยวฟางฝู เป็นร้านที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวในเมืองหลวงยังมิอาจสู้ได้”
“ดีใจยิ่งนักที่ได้พบเจ้า” ดรุณีนางหนึ่งนั่งลงตรงกันข้ามกับเยว่ซิน
“คุณหนูตงซูผิง มีเวลาว่างมากหรือจึงได้มาที่นี่เสียทุกวัน”
“เจ้าอย่าทำเป็นห่างเหินกับข้านักสิ ข้าเพียงแค่อยากเป็นสหายกับเจ้าเท่านั้น”
“สหายหรือ หึ! ข้ามิต้องการ”
“เช่นนั้น.....ข้าคงต้องไปชมสินค้าของโฝหลางจีเพียงผู้เดียวเสียแล้ว”
“โฝหลางจีหรือ!” นางตาโตด้วยความตื่นเต้นทั้งปะปนไปด้วยความฉงนใจ
“แต่ว่า...หากมิใช่สหายของข้า ข้าก็มิพาไปหรอกนะ”
“คิดจะหลอกล่อข้าหรือตงซูผิง” แท้จริงแล้วนางสนใจไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อคิดแล้วว่านี่อาจจะเป็นกับดักของนาง
“ถูกจับได้แล้วสิ เอาเถอะถือว่าข้าไม่เคยพูดอะไรกับท่าน จากนี้ข้าก็จะมิมารบกวนท่านแล้ว” นางเตรียมเดินออกจากร้านฟางฝู
เยว่ซินฟังเหยียนเหยาพูดอยู่ครู่หนึ่ง จึงรีบหันไปเรียกตงซูผิงให้หยุดเสียก่อน “เดี๋ยวสิ! เจ้าจะละความพยายามแล้วอย่างนั้นหรือ แท้จริงแล้วเจ้าก็มิใช่คนมิดีอะไร ข้าเห็นแก่ความพยายามของเจ้า ข้าจะยอมเป็นสหายกับเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ที่ยอมเป็นสหายกับข้า” นางอมยิ้มเล็กน้อย
แท้จริงแล้วเยว่ซินไม่อยากสานสัมพันธ์กับผู้ใดมากนัก แต่ทว่าเมื่อได้ฟังความจาก เหยียนแล้วนางก็ลังเลใจ ที่จริงตงซูผิงผู้นี้ก็น่าสงสารไม่น้อย บิดาลำเอียง มารดาปกป้องมิได้ทั้งที่เป็นภรรยาเอก ซ้ำยังมิมีผู้ใดคบหา เพราะความเป็นคนตรงไปตรงมาของนาง
ส่วนเรื่องโฝหลางจีนั้น นางยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นางยอมเป็นสหายกับตงซูผิง คราแรกนางคิดว่าเหยียนเหยาผู้รอบรู้เรื่องชาวเมืองจะสามารถพานางไปชมสินค้าของพวกโฝหลางจีได้ แต่นางกลับบอกว่าหากอยากชมสินค้าของพวกเขาก่อนใครต้องไปที่บ้านของนาง เพราะบิดานางเป็นคู่ค้ากับโฝจีหลางจึงทำให้ได้ชมสินค้าก่อนผู้อื่น
“เช่นนั้นไปกันเลยดีหรือไม่ซินเออร์” ตงซูผิงกอดแขนคนตัวสูงกว่าแน่น
“เรายังมิได้สนิทกันถึงขั้นนั้น” นางเคาะหน้าผากตงซูผิงด้วยความเอ็นดู
**โฝหลางจี = ฝรั่ง