นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
“หึ! ดีนี่ตงซูผิง ปล่อยให้สหายมารังแกพี่สาวถึงในเรือน”
“พี่หญิงใหญ่เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ มิใช่ว่าพวกเราเพียงหยอกล้อกันตามประสาหรือเจ้าคะ และที่สำคัญท่านเป็นเพียงบุตรอนุ มิควรทำตัวเทียบเคียงกับข้าที่เป็นบุตรฮูหยินเอก” นางมองตงหว่านถิงอย่างท้าทาย
“ผิงเออร์คงลืมแล้วกระมังว่าเรือนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ข้าคือบุตรคนโปรดของบิดา ทั้งมารดาเจ้าก็มิมีอำนาจในเรือนนี้ อำนาจที่แท้จริงอยู่เรือนรองโน่น” นางป้องปากหัวเราะในลำคอ ทั้งยังเผยสายตาดูแคลนอย่างปิดไม่มิด
“เจ้า!” ตงซูผิงกำมือแน่นด้วยความโกรธ โชคดีที่สหายของนางดึงตัวไว้ ทั้งยังส่งสายตาไม่ให้นางโวยวาย
“หากน้องสาวมิสะดวกใจ เช่นนั้นข้าขอกลับเรือนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะท่านแม่” นางเอ่ยลาผู้เป็นมารดาเลี้ยง
ตงหว่านถิงเดินออกไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาที่แตกต่างกันถึงสามคู่มองดูจนนางหายลับออกไปจากรัศมี
“ขอบคุณเจ้ามากซินเออร์ ข้าจะไปส่งเจ้ากลับเรือน” นางรู้ว่าอีกเดี๋ยวพี่สาวคนละแม่ของนางจะต้องไปเป่าหูบิดาให้มาลงโทษนางอีกแน่ จึงไม่อยากให้สหายต้องมาซวยไปด้วย
“หลอกล่อข้ามาถึงเรือน แล้วก็จะรีบไล่ข้าไปเลยหรือ เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่ ตงซูผิงเราเป็นสหายกันมิใช่หรือ เจ้าจะคบหากับสหายที่ทิ้งกันไปในยามคับขันได้หรือ”
“ข้า...” นัยน์ตาหวานคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
มือเรียวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของสหายแผ่วเบา “ข้ามิใช่คนที่จะยอมเป็นสหายกับใครง่ายๆ จงรักษาข้าไว้ให้ดี”
“ซินเออร์...”
“เอาล่ะๆ จากนี้เจ้าต้องเข้มแข็ง เรื่องบางเรื่องเราก็มิจำเป็นต้องเก็บไว้เพียงผู้เดียว เจ้ายังมีมารดาหนุนหลัง ทั้งยังมีข้า”
“จากนี้ข้าจะเข้มแข็ง ข้าจะมิยอมทนนางอีกแล้ว”
เมื่อกล่าวจบตงซูผิงก็สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ตั้งแต่จำความได้นางก็ยอมให้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้เสมอมา เพียงเพราะบิดามารดาสงสารที่นางไม่มีมารดาเช่นตน แต่เมื่อยามที่อยู่กันเพียงสองคนพี่สาวผู้นั้นก็มักจะรังแกนางอยู่เสมอ ในช่วงแรกนางก็ฟ้องร้องกับบิดา แต่เมื่อนานวันเข้าก็กลายเป็นว่านางกล่าวความเท็จไปเรื่อย ต่อมานางจึงรู้จักป้องกันตัวเอง แต่ก็กลับกลายเป็นว่านางดื้อรั้นเสียอย่างนั้น เป็นเพราะนางมิรู้จักอ่อนหวาน เป็นเพราะนางมิถนัดการตีสองหน้า จึงทำให้พ่ายแพ้อยู่เสมอมา
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับท่านเจ้าค่ะ” นางบอกเล่าเรื่องราวบาดหมางทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้มารดาฟังทั้งหมด นางจะมิยอมมีชีวิตอยู่เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างที่เป็นของนาง นางจะทวงคืนมิว่าจะทางใดก็ตาม
ตงฮูหยินที่ตั้งใจฟังบุตรสาวตั้งแต่ต้นจนจบ ยื่นมือสั่นเทาออกมาดึงตัวบุตรไปกอดไว้แน่น “ผิงเออร์...ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ...เจ้ายกโทษให้ข้าด้วย ทุกอย่างมันเป็นเพราะความสงสาร ข้าเลี้ยงนางมาตั้งแต่แบเบาะ ข้ามิคิดเลยว่านางจะทำกับเจ้าได้ถึงเพียงนี้”
“ข้าคาดว่านี่อาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังเจ้าค่ะ” นางไม่อยากยื่นมือเข้าไปมาก เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องหลังบ้านของผู้อื่น แต่หากสหายนางได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งที่นางรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นผู้ชักใย เยว่ซินจึงคิดแค่จะบอกเป็นความนัยให้เท่านั้น
“อย่างไรหรือซินเออร์ เจ้าพูดมาเถิด เจ้าเป็นสหายของผิงเออร์ ก็เหมือนกับเป็นบุตรของข้าอีกคน ข้าเชื่อว่าผิงเออร์มองคนมิผิดไป” ตงฮูหยินมองท่าทางอึกอักนั้นก็พอเข้าใจความรู้สึกของนาง
“เจ้าพูดแล้วว่าสหายต้องมิทิ้งกันไปในยามยาก บัดนี้ข้าต้องการทวงทุกอย่างที่เป็นของข้าคืน ซินเออร์เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่” นางสบตากับสหาย
เยว่ซินไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ นางจึงได้ตัดสินใจลงเดิมพันกับสหายใหม่นี้ “ตกลง ข้าจะช่วยเจ้า สหายต้องมิทิ้งกัน”
“ดี! จากนี้ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า หากภายภาคหน้าเจ้าเดือดร้อน เจ้าจะมีข้าอยู่ข้างๆ เสมอ”
“ขอบคุณเจ้ามากซินเออร์ จากนี้ข้าจะคอยอยู่สนับสนุนเจ้าทั้งสองเอง” ตงฮูหยินมีสายตาแน่วแน่
ยามเซินที่เรือนฮูหยินเอกตระกูลตง บัดนี้ได้มีร่างน้อยของดรุณีนางหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
“ผิงเออร์!เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักโตเสียที พี่สาวเจ้านั้นดีต่อเจ้าขนาดนี้ เจ้ายังรังแกนางได้ลง” ประมุขตระกูลตงเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านพ่อ ข้าสำนึกได้แล้ว ที่จริงข้าได้ไตร่ตรองแล้วว่ามีบางสิ่งที่ข้าได้ทำลงไปนั้นไม่ถูกต้องจริงๆ ผิงเออร์ขอโอกาสจากท่านพ่อได้หรือไม่ ผิงเออร์สัญญาว่าจะทำหน้าที่บุตรีฮูหยินเอกจวนเศรษฐีตระกูลตงให้ดี” นางมองเข้าไปนัยน์ตาคนเป็นบิดา หวังให้เขาเห็นว่านางได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ดี! หากเจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าก็เบาใจ เจ้าเป็นถึงบุตรีของข้า ย่อมต้องมีสายเลือดความฉลาดของตระกูลตงอยู่บ้าง พวกเจ้าแม่ลูกทำตัวให้ดี ข้าจะรอดู” เขาปรายตามองฮูหยินของตนเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปยังเรือนฮูหยินรอง
เมื่อตงซูผิงเห็นว่าบิดาออกไปจนลับสายตาแล้ว นางจึงรีบเดินเข้าไปใกล้มารดาตน “ท่านแม่ ข้าแสดงดีหรือไม่”
“ดียิ่ง เจ้าทำได้ดีจริงๆ หากซินเออร์อยู่ด้วยนางคงตบรางวัลให้เจ้า” นางลูบหัวบุตรสาวด้วยความรักใคร่
“คราแรกข้าต่อต้านแผนการของซินเออร์เป็นอย่างมาก แต่นางบอกข้าว่า หากอยากอยู่รอดปลอดภัยก็ต้องรู้จักเลียนแบบศัตรูเสียบ้าง หากมัวแต่เถรตรงก็จะกลายเป็นจุดอ่อนให้พวกมันเล่นงานได้ง่าย”
“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้เจ้าได้พบกับซินเออร์ ข้ามิได้สนใจชาติตระกูลของนาง ข้าสนใจเพียงแค่นางดีต่อเจ้า ส่วนเจ้าก็ต้องดีต่อนางให้มากๆ รู้หรือไม่”
“ผิงเออร์รับคำท่านแม่เจ้าค่ะ”
“ผิงเออร์..ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่มีส่วนให้ชีวิตเจ้าต้องเป็นเช่นนี้ หากข้ารู้จักสั่งสอนเจ้าให้ดีกว่านี้ เจ้าก็คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้” นางปาดน้ำตาออกจากใบหน้างาม
“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไปเจ้าค่ะ จากนี้เรามาชมเรื่องสนุกกันดีกว่าเจ้าค่ะ”
**ยามเซิน = เริ่มนับตั้งแต่เวลา 15.00 - 17.00 น