นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ทางเข้าด้านหลังของสำนัก เยว่ซินได้ออกแบบโดยนำแนวคิดจากเกมเขาวงกตเข้ามาผสมผสาน ตลอดทางมีคบไฟจุดไว้เป็นระยะเพราะไม่มีแสงสว่างส่องถึง แต่ถึงกระนั้นกลับไม่รู้สึกเหม็นอับ ทว่ามีกลิ่นหอมเย็นพาให้สงบใจเข้ามาแทนที่
“มาแล้วหรือ จ้าวฮูหยิน” แม่หมอเยว่ที่นั่งรอให้ลูกค้าในวันนี้เดินมาจนถึงห้องลับโดยมีสาวใช้นำทางมา
“เจ้าค่ะ” หญิงงามจากเมืองหลวงพยายามเพ่งมองคนที่อยู่ด้านหลังฉากกั้น คราแรกนางก็นึกดูแคลนหมอดูจอมปลอมพวกนี้ แต่ระหว่างที่เดินเข้ามา ตลอดทางนางกลับรู้สึกทึ่งในสิ่งที่ได้พบเจอ ทั้งกลิ่นหอมประหลาดนั่น นางมั่นใจว่าตนเชี่ยวชาญด้านเครื่องหอมอยู่พอสมควร แต่นางกลับมิรู้ว่ากลิ่นที่หอมฟุ้งกระจายตลอดทางนั่นคือกลิ่นของอะไร ทั้งทางเดินที่พิศวงราวกับเล่นกลนั่นมันคืออะไรกัน หากนางไม่มีสาวใช้นำทางเกรงว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ออกจากสำนักดูดวงแห่งนี้แล้ว
“สามีเจ้าถูกคนเล่นกลเข้าเสียแล้ว”
“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” นางรู้สึกตื่นตลึง ทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป หมอดูตรงหน้านี้กลับพูดขึ้นมาเสียแล้ว
“ข้ารู้ได้อย่างไรมิสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้สามีเจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม มิใช่หรือ?”
“เจ้าค่ะ แล้วเล่นกลที่ว่าคืออะไรหรือ แม่หมอเยว่พอบอกข้าได้หรือไม่”
“มีสูตรยาพิษตำรับหนึ่งที่มีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่งนัก เมื่อใดที่เป้าหมายได้รับพิษนั้นไปจะลุ่มหลงคนผู้นั้นจนแทบถวายหัว หากแต่ถ้าได้รับการถอนพิษเมื่อใดเป้าหมายก็จะหลงลืมตัวตนทันที ยาตำรับนี้มีเพียงชาวเริ่นจื่อเท่านั้นที่สามารถปรุงขึ้นมาได้”
“ชาวเริ่นจื่อ! เป็นกบฏที่ถูกปราบปรามไปหมดแล้วนี่เจ้าคะ เราจะทำเช่นไรดี แล้วหากสามีข้าหลงลืมตัวตนข้าจะอยู่ได้อย่างไร” มือบางยกขึ้นเพื่อปาดน้ำตาออกจากใบหน้างาม
“เจ้าจะยอมถอนพิษให้เขาหรือไม่ หากถอนพิษแล้วเขาจะหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เจ้าเขาก็จำมิได้ หรือเจ้าจะปล่อยไปเช่นนั้น เพราะหากมิถอนพิษ สามีเจ้าก็จะยังคงมีชีวิตที่ปกติ เพียงแต่เขา....จะเพรียกหาแต่สาวงามผู้นั้น”
จ้าวฮูหยินมีสีหน้าลังเลใจ เพราะไม่ว่านางจะเลือกทางใด ก็ล้วนต้องเจ็บปวด ‘แต่หากกำจัดสาวงามผู้นั้นแทนเล่า!’ ราวกับพบหนทางที่ดีที่สุด นางจึงเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่
“เจ้าคิดว่าจะสามารถกำจัดนางได้โดยง่ายอย่างนั้นหรือ พวกนางสองคนแม่ลูกรอดพ้นภัยจากการปราบกบฏในครั้งนั้นมาได้ ทั้งยังปลอมแปลงตัวตนขึ้นมาใหม่ได้อย่างแนบเนียน เจ้าลองคิดดูสิจ้าวฮูหยินว่าพวกนางจะสามารถทำกันตามลำพังได้หรือไม่” เยว่ซินที่อยู่หลังฉากกั้นไม้ไผ่ที่ประดับด้วยลายผีเสื้องดงามวิจิตรราวกับมีชีวิตพูดดับฝันจ้าวฮูหยินจนนางซึมลงไปเล็กน้อย
จ้าวฮูหยินครุ่นคิดตามที่แม่หมอเยว่บอกจึงเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว มันพัวพันถึงความปลอดภัยของแคว้นด้วย ทางเดียวที่มีคือการถอนพิษให้ผู้เป็นสามี แต่ความทรงจำของเขาเล่าจะดึงกลับมาได้อย่างไร นางมองทะลุเข้าไปที่หลังฉากกั้นราวกับเป็นความหวังเดียวของนาง “หากถอนพิษแล้ว ท่านมีหนทางทำให้เขาไม่หลงลืมตัวตนหรือไม่เจ้าคะ”
“ย่อมมีหนทาง แต่หนทางนี้ช่างยากเย็นยิ่งนัก จ้าวฮูหยินจะรับไหวหรือ”
“ขอเพียงมีหนทาง ข้าย่อมทนไหวเจ้าค่ะ”
“ดี! เช่นนั้นข้าจะปรุงยาถอนพิษ เมื่อถอนพิษแล้ว เจ้าต้องกลับไปยังจวนของเจ้า จากนั้นจงใช้มนต์เรียกผัว เพื่อพาเขากลับคืนมา”
ยามโฉ่วเป็นเวลาที่ผู้คนกำลังหลับใหลอย่างเพลิดเพลิน แต่ทว่าภายในห้องลับของสำนักดูดวงแห่งนี้กลับมีร่างของสตรีต่างวัยถึง 3 นางยังคงทำบางสิ่งอยู่
“อดทนนะเจ้าคะ” จางมามาคนสนิทปลอบนายตน
จ้าวฮูหยินมองดูอาวุธคมกริบค่อยๆกรีดลงไปที่ท้องแขนขาวผ่องเป็นรอยทางยาว แหวกให้เห็นเนื้อด้านในสีชมพูอ่อน เลือดสีแดงสดไหลออกมาปกปิดบาดแผลจนหยดลงไปในถ้วยยาที่แม่หมอเยว่ได้เตรียมไว้ให้
“ยาสมุนไพรถอนพิษนี้มีส่วนผสมที่สำคัญที่สุดคือเลือดของคนรัก และเจ้าจงจำให้ดีจ้าวฮูหยิน ยาถอนพิษขวดนี้มีฤทธิ์เพียง 3 ชั่วยามเท่านั้น หากเกินเวลายาขวดนี้จะเสื่อมสภาพทันที” นางพูดพร้อมกับนำยาใส่ขวดสีขาวส่งให้คนตรงหน้า
“เจ้าค่ะ เราจะต้องไม่เสียเปล่า ไปกันเถอะจางมามา”
เยว่ซินมองดูสตรีนางนั้นด้วยความชื่นชมในความกล้าหาญของนาง สมุนไพรถอนพิษนี้นางหยิบมาจากในมิติเป็นยาถอนพิษที่ดีที่สุดของโลกที่นางจากมา แต่ทว่าหากจะถอนพิษชนิดนี้จะต้องใช้เลือดของคนรักผสมลงไปด้วยจึงจะเห็นผล จ้าวฮูหยินผู้นั้นถึงกับยอมกรีดแขนตนเอง ทั้งที่รู้ดีว่าอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ในยุคสมัยนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากมีแผลเป็นแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจกลายเป็นของมีตำหนิเอาได้
**ยามโฉ่ว = 01.00 – 03.00 น.
**3ชั่วยาม = 6 ชั่วโมง
ทางด้านจ้าวฮูหยิน นางได้ให้คนเปลี่ยนมาใช้รถม้าอย่างดีเพื่อให้ถึงเมืองเฉียวโดยเร็วที่สุด โชคดีที่แม่หมอเยว่ได้ให้ยาใส่แผลอย่างดีมา นางจึงคลายความเจ็บลงบ้างแล้ว นับว่าครั้งนี้นางไม่เสียเที่ยวที่ได้ตัดสินใจเดินทางไปสำนักดูดวงแห่งนั้น
“ทำอย่างไรดีจางมามา ข้าไม่อาจเข้าถึงตัวท่านพี่ได้เลย” นางกังวล,ทำวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะใกล้ถึงเวลาที่ยาจะเสื่อมสภาพแล้ว
“เราลองไปที่จวนท่านเจ้าเมืองอีกคราดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าน้อยคารวะจ้าวฮูหยิน” ชายร่างสูงผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้สตรีต่างวัย
“ท่านองครักษ์ไป๋!ข้าขอคารวะเจ้าค่ะ” นางมองเขาราวกับพบแสงสว่าง
“ใยจ้าวฮูหยินจึงมาอยู่ที่นี่เล่า เสนาบดีจ้าวอยู่ที่จวนท่านเจ้าเมืองมิใช่หรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่า….” นางทำท่าลังเลใจ
“ดูท่า…ข่าวลือคงจะเป็นจริง ท่านจะทำเช่นไรต่อไปล่ะ”
“เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองตระกูล ท่านจะกรุณาช่วยข้าได้หรือไม่”
“ว่ามาสิ จ้าวฮูหยิน”
ฮูหยินวัยสาวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมไปถึงการไปพบแม่หมอเยว่ให้คนตรงหน้าฟัง เพราะขณะนี้เขาคือความหวังเดียวของนาง ที่จะทำให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วง
“แม่หมอเยว่หรือ หึ! น่าสนใจ” เขามิคิดว่าเรื่องราวของคนตรงหน้าจะเกี่ยวพันกับแม่หมอผู้นั้นอีกแล้ว เขาไม่เชื่อเรื่องการดูดวง ไม่เชื่อไสยศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่หมอดูคนนี้กลับทำให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อย
นัยน์ตาคมหันไปสั่งการลูกน้องคนสนิทให้ไปดำเนินการความต้องการของจ้าวฮูหยินให้สำเร็จ “อาเซี่ย ระวังตัวด้วย”
“ขอรับ” เขารับคำแล้วรีบออกไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยฝีมือที่หาจับตัวได้ยากของเขา ไม่นานก็นำข่าวน่ายินดีมาบอกเจ้านายตน
จวนเจ้าเมือง
“ท่านแม่เจ้าคะ! มีคนมาแก้พิษให้เสนาบดีจ้าวแล้ว เราจะทำอย่างไรดี” สาวงามผู้เป็นที่หมายปองของคนทั้งเมืองกล่าวขึ้นด้วยความร้อนรนใจ
หญิงวัยกลางคนที่แม้จะเลยวัยสาวมาแล้ว แต่ทว่ายังงามมิแพ้บุตรสาวเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “แก้พิษได้แล้วอย่างไร พวกมันไม่มีทางทำให้เสนาบดีจ้าวกลับมาเป็นคนปกติเช่นเดิมได้ เจ้ามิต้องตื่นตกใจไป ถึงอย่างไรเราก็ยังมีท่านเจ้าเมืองคุ้มกันอยู่”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ ท่านแม่ช่างฉลาดยิ่งนัก” นางถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนางคิด เพราะบัดนี้จ้าวฮูหยินกำลังเริ่มร่ายมนตร์เรียกให้สามีตนคืนสติอยู่ที่จวนเสนาบดีในเมืองหลวง
ในทุกๆคืนนางจะร่ายมนตร์บางอย่างที่ได้รับมาจากสำนักดูดวง มนตร์นั้นทำให้นางรู้สึกสงบเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นนางจะตั้งจิตมุ่งมั่นราวกับส่งกระแสบางอย่างไปให้ถึงคนรักของตน ในไม่นานผลจากการกระทำของนางก็สัมฤทธิผล เพราะเสนาบดีจ้าวที่ได้หลงลืมตัว เขารู้สึกราวกับว่ามีคนคอยเรียกหาเขาอยู่ตลอดเวลา เสียงนั้นช่างคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด ภายในใจของเขาคล้ายกับมีคนผู้หนึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่ไหนสักหนแห่ง
บ่าวไพร่ที่จ้าวฮูหยินสั่งให้คอยดูแลสามีตนได้ส่งข่าวมาบอกอาการเป็นระยะ เมื่อนางได้รับข่าวคราวที่น่าพอใจแล้ว จ้าวฮูหยินจึงให้คนสนิทจัดเตรียมของรางวัลเป็นจำนวนมากตรงไปยังเมืองเฉินซาน
ครั้นเสนาบดีจ้าวได้ฟื้นคืนสติจนครบถ้วน ทั้งยังได้รับจดหมายบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดจากฮูหยินผู้เป็นที่รักยิ่งของตน จึงได้เขียนสารลับไปถึงคนในวังหลวงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นที่มาของการเข้าจับกุมกบฏที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ในคราแรกเจ้าเมืองเฉียวผู้นั้นพยายามขัดขวางทุกทางไม่ให้จับกุมสองแม่ลูกนั้นได้โดยง่าย แต่ไม่รู้เหตุใดวันต่อมาเขาจึงมีท่าทีคล้ายกับเสนาบดีจ้าวครั้งที่ได้รับยาถอนพิษ เมื่อไม่มีผู้คุ้มกันแล้ว เสนาบดีจ้าวจึงนำทหารบุกเข้าไปจับกฎบภายในจวนเจ้าเมืองทันที แต่ทุกอย่างเกือบจะมิทันการ โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์ไป๋ได้ทันท่วงที จึงสามารถจับกุมสองแม่ลูกนั้นได้ แต่น่าเสียดายที่มิอาจจับผู้ร่วมกระบวนการเอาไว้ได้
บรรยากาศสำนักดูดวงเต็มไปด้วยความครื้นเครงของหนึ่งมนุษย์และดวงวิญญาณอีกหลายดวงที่นั่งสำรวจของรางวัลมากมายที่ได้มาจากจ้าวฮูหยินและฮูหยินเอกจวนเจ้าเมืองเฉียว
“ของรางวัลมากมายเพียงนี้ น่าเสียดายนักที่พวกเจ้าเป็นวิญญาณมิอาจได้ใช้” นางครุ่นคิดสักครู่ “เช่นนั้นข้าให้ลูกหลานพวกเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่”
“นี่เป็นสิ่งที่ท่านควรได้รับเจ้าค่ะ ท่านเลี้ยงดูพวกเราอย่างดี มิมีตกบกพร่อง จะให้พวกเรารับของรางวัลอีกได้เช่นไร” เหยียนเหยาพูดขึ้น
“พวกเราล้วนทำงานร่วมกัน จะให้ข้ารับผลประโยชน์ผู้เดียวได้อย่างไร ทั้งเรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้เหนื่อยมากนักเพราะทุกอย่างเป็นผลจากการอดทนและความรักของคนทั้งคู่ที่มีต่อกัน ข้าเป็นเพียงสื่อกลางเท่านั้น เอาเถอะๆ ใครมีบุตรหลานที่ใดมาลงนามที่ไป๋ลิ่ว ข้าจะแจกจ่ายให้อย่างเท่าเทียมกัน” นางมองบรรดาวิญญาณที่จงรักภักดีต่อนางด้วยแววตาอ่อนโยน