นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภายในห้องพักด้านในสุด ซึ่งมีขนาดกว้างขวาง ทั้งยังมีเครื่องใช้เตรียมไว้สำหรับผู้มาใช้บริการอย่างครบครัน หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมแต่กลับหาที่มาของกลิ่นประหลาดนั่นไม่พบ
“เป่าฉือเจ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่”
“ไม่นี่เจ้าคะ”
“น่าแปลก”หญิงสาวพึมพำเบาๆ
“เช่นนั้นบ่าวไปสำรวจด้านนอกหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”สาวรับใช้เสนอ
“ก็ดี ระวังตัวด้วยเล่า”
“เจ้าค่ะ”เป่าฉือสาวรับใช้ที่ไม่ธรรมดากระโดดออกจากหน้าต่างไป
เมื่อมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังแล้วนางจึงถือโอกาสนี้เข้าไปปรึกษากับหานฉีที่อยู่ในมิติของนาง ส่วนสาเหตุที่มิพูดคุยกันด้านนอกนั่นก็เพราะว่าขณะนี้นางไม่ได้อยู่ภายในสำนัก มิแน่ว่าอาจมีผู้ใดแอบฟังนางอยู่ก็เป็นได้
~วูบ~
เยว่ซินมองสำรวจภายในมิติที่เดิมทีมีเพียงเรือนไม้หลังเล็กตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่บัดนี้กลับมีบ้านเรือนน้อยใหญ่ผุดขึ้นมาอีกหลายหลัง หากจะกล่าวว่าเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กก็ย่อมได้เพราะมันมิได้ต่างจากโลกมนุษย์มากนัก เพียงแค่หมู่บ้านแห่งนี้มีเพียงวิญญาณอาศัยอยู่เท่านั้น
“หานฉี ข้ารู้สึกไม่ชอบมาพากลเลย”หญิงสาวเข้ามานั่งในบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดทั้งยังดูเหมือนว่าจะหรูหรายิ่งกว่าตำหนักในวังหลวงเสียอีกกระมัง
“อย่างไรหรือ”
“ข้าได้กลิ่นประหลาด มันไม่เหมือนกับกลิ่นวิญญาณที่ข้าเคยพบ แต่ก็ไม่เหมือนกับกลิ่นที่มนุษย์ทำขึ้น ข้าลองเดินหาที่มาแล้วแต่กลับมิพบ”
“น่าแปลกอย่างที่เจ้าว่า ยามที่พวกเราก้าวข้ามมายังเขตแดนนี้ ข้าก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ”หานฉีพูดอย่างกังวล
“เราข้ามเขตแดนมาแล้วหรือ”นางสงสัยเพราะเขตแดนในโลกวิญญาณและโลกมนุษย์นั้นแตกต่างกัน
“ใช่ ที่นี่มิใช่เขตแดนของข้า เรื่องบางเรื่องข้าก็มิอาจยื่นมือไปได้ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
มนุษย์และวิญญาณปรึกษากันอยู่นานหลายชั่วยามทีเดียว แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มิจำเป็นต้องกังวล เพราะภายในมิตินั้นมีเวลาเร็วกว่าด้านนอกมากนัก ยามที่หญิงสาวออกมาด้านนอกจึงเป็นเวลาเดียวกันกับที่สาวใช้ของนางกลับมาพอดิบพอดี
“เป็นอย่างไรบ้าง”เยว่ซินที่ได้ชำระร่างกายตั้งแต่อยู่ในมิติแล้วแสร้งทำเป็นนอนพักอยู่บนเตียงเอ่ยถาม
“ด้านนอกมิมีสิ่งใดผิดปกติเลยเจ้าค่ะ เพียงแต่..ข้ารู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้เงียบผิดปกตินักเจ้าค่ะ”
“อย่างไรหรือ”หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งตัวตรง เมื่อได้ยินสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
“ครั้งที่บ่าวทำงานให้ครอบครัวพ่อค้าคนหนึ่ง เขาต้องเดินทางอยู่บ่อยครั้ง และเส้นทางนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เขาใช้บ่อยที่สุด โรงเตี๊ยมแห่งนี้เปิดมาหลายสิบปีโดยที่ไม่มีวันหยุดและที่สำคัญโรงเตี๊ยมแห่งนี้มิเคยเงียบเหงาเช่นนี้มาก่อน”
“มันอาจจะเป็นความโชคดีของพวกเราก็ได้มิใช่หรือ ที่มาเข้าพักช่วงเวลาที่มิค่อยมีนักเดินทาง”
“เป็นไปได้ยากเจ้าค่ะ ท่านคิดดูสิเจ้าคะว่าก่อนหน้าเรามีขบวนพ่อค้าร่วมใช้ถนนมากน้อยเพียงไร ทั้งโรงเตี๊ยมนี้ยังเป็นจุดพักเดียวก่อนที่จะต้องเข้าไปค้างอ้างแรมในป่าก่อนจะถึงเมืองถัดไป”
เยว่ซินคิดตามสาวใช้ทีละน้อย “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า เช่นนั้นมันเป็นไปได้ยากมากที่เราจะได้ห้องพักอย่างดีในโรงเตี๊ยมแห่งนี้”
‘เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่คิดเรื่องกลิ่นประหลาดนั่นสินะ จึงไม่ได้สังเกตุถึงความผิดปกตินี้เลยแม้แต่น้อย โชคดีที่มีเป่าฉือ!’เยว่ซินได้แต่กล่าวโทษความสะเพร่าของตนอยู่ภายในใจ
หญิงสาวไม่รอช้ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเตรียมเปิดประตูห้องออกไป แต่ทว่ากลับมิทันเสียแล้ว เพราะบัดนี้มีเสียงประหลาดดังอยู่ที่หน้าประตูห้องพักของนาง
กุกกัก กุกกัก แกรก แกรก
สองนายบ่าวถอยหลังออกมาจากประตูห้องพร้อมกันราวกับนัดหมายไว้ หญิงสาวผู้เป็นนายกระชับปืนกระบอกเล็กที่หยิบมาจากในมิติไว้ในมือแน่น ส่วนผู้เป็นบ่าวก็ถือมีดสั้นเล่มเล็กที่เป็นอาวุธประจำกายเอาไว้อย่างมั่นคง
แกรก แกรก
ทันใดนั้นเองที่ด้านหลังของพวกนางก็ปรากฏเงาสองสายขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยฝีมือด้านวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง จึงทำให้หญิงสาวทั้งสองไม่ทันได้ตั้งตัว พวกนางจึงถูกจับตัวไปอย่างรวดเร็ว
“อื้ออ อื้ออ ปล่อยข้านะเจ้าโจรชั่ว!”เยว่ซินทุบลงบนหลังแกร่งที่กำลังเหาะเหินพานางไปยังห้องพักที่ไม่ไกลกันนัก
“อยู่นิ่งๆ อยากตายหรือไร”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น จึงทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย เพราะหญิงสาวจำได้อย่างแม่นยำว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของเขา “ไป๋อี้โยว!”
เขาโยนร่างบางที่อยู่บนบ่าออกไป ส่งผลให้หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น เธอจึงตะโกนอย่างเหลืออด “เจ้า! เจ้ามันช่างหยาบคาย”
“ข้าอุตส่าห์รีบไปช่วยออกมา แทนที่จะขอบคุณกลับกล่าวหาว่าข้าหยาบคายเสียอย่างนั้น”เขามองนางอย่างยียวน
“เอาล่ะๆ หยุดทะเลาะกันก่อนเถอะ”หลินเจาเจินเอ่ยขึ้น
“นี่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”เยว่ซินแสร้งถามทั้งที่พอจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว
“เจ้าเป็นหมอดูมิใช่หรือ”
เยว่ซินหันไปมองค้อนชายหนุ่มที่เพิ่งช่วยชีวิตตนไว้ “ข้าเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้หรืออย่างไร”
“โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีบางสิ่งมิชอบมาพากล เดิมทีแค่คิดว่าจะไปเตือนเจ้าเสียหน่อย แต่มิคิดว่าจะมีคนกล้าบุกห้องพักของเจ้า” ไป๋อี้โยวพูดราวกับเป็นเรื่องทั่วไป
“เป็นอย่างไรบ้างอาเซี่ย”หลินเจาเจินเอ่ยถามคนที่ย้อนกลับไปสำรวจดูห้องพักนั้นอีกครั้ง
“เป็นเพียงสาวใช้ของโรงเตี๊ยมเท่านั้นขอรับ นางเพียงนำสิ่งนี้มาวางไว้ในห้องเท่านั้น”มือหนายื่นเทียนหอมที่ถูกบรรจุไว้ในแก้วสำหรับพร้อมใช้งานอย่างดีออกมาให้ทุกคนได้ดู
“เทียนหอมอย่างนั้นหรือ แปลกยิ่งนัก หากนางเป็นสาวใช้ของโรงเตี๊ยมจริง เหตุใดจึงมิเคาะประตูดีๆ เล่า”เยว่ซินมองดูสิ่งที่อยู่ในมืออาเซี่ยด้วยความประหลาดใจ
หลินเจาเจินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“นั่นสิ น่าแปลก”
“ลองจุดดูดีหรือไม่”หัวหน้าองครักษ์เสนอ
“เอาสิ ข้าก็อยากรู้ว่ามันต่างจากเทียนหอมทั่วไปหรือไม่”ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย
อาเซี่ยนำแก้วเทียนหอมไปวางบนโต๊ะที่ห่างออกไปอีกหน่อย จากนั้นจึงหยิบที่จุดไฟขนาดเล็กออกมาจากชายแขนเสื้อ เขาจ่อไปใกล้เทียนนั้นช้าๆ
“เดี๋ยวเจ้าค่ะ!”หญิงสาวเดินไปยั้งมือเขาเอาไว้ “เราใช้ผ้าปิดจมูกก่อนดีหรือไม่”มือบางยื่นผ้าส่งให้ผู้ร่วมเดินทางคนละผืนเพื่อปกปิดจมูกเอาไว้ เมื่อเรียบร้อยแล้วนางจึงพยักหน้าให้อาเซี่ยเริ่มทำการทดลองได้
ฟู่ ~
เมื่อดวงไฟที่จ่อไว้กับเชือกปลายเทียนหอมดับลง ทันใดนั้นกลิ่นหอมประหลาดก็โชยไปทั่วทุกอณูอากาศภายในห้องพักแห่งนี้ กลิ่นนั้นช่างหอมแรงจนผ้าที่ปิดจมูกเอาไว้ก็มิอาจต้านทานได้
“นี่มันเป็นกลิ่นเดียวกันนี่!”นางพูดอย่างตกตลึง