นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
เรือนขนาดเล็กหลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่ารกทึบ หากมิสังเกตุให้ดีจะไม่สามารถหาพบได้โดยง่าย เขาจับตาดูชายฉกรรจ์ร่างใหญ่หลายนายที่กำลังยืนเฝ้าด้านหน้าเรือนไม่ขยับไปไหน หัวหน้าองครักษ์ไป๋และคนอื่นๆแอบซุ่มอยู่ในความมืดที่ไม่ห่างไกลจากเรือนนั้นมากนัก ทันทีที่แม่หมอเยว่ถูกนำตัวเข้าไปที่ด้านใน พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะน่าเกลียดดังออกมาจากตรงนั้น
อีกด้านหนึ่งภายในบ้านหลังนั้น เยว่ซินแสร้งทำท่าว่าเพิ่งฟื้นคืนสติ นางสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างตื่นตกใจ
“ที่นี่ที่ไหน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้เริ่มแสดงละครสาวงามถูกจับตัวตามแผนการที่ได้วางไว้
“ชู่...อย่าเสียงดังไปสิ ข้าขอเล่นกับเจ้าแค่ครู่เดียวเท่านั้น ประเดี๋ยวข้าก็จะปล่อยเจ้าไปมีความสุขแล้ว”
เยว่ซินเพ่งมองสตรีตรงหน้าที่ดูคุ้นตาคล้ายกับว่าเคยพบกันมาก่อน “เจ้า!”
“จำกันได้แล้วหรือ หึ! นางแพศยา” หลันเจียวเดินเข้าไปใกล้ร่างที่ถูกพันธนาการเอาไว้
“เรามิเคยมีเรื่องราวกันมาก่อน เหตุใดต้องจับข้ามาเช่นนี้” เยว่ซินเริ่มดิ้นรนอยู่บนเก้าอี้ ทั้งที่ความจริงแล้วนางกำลังใช้มีดพกเฉือนลงไปที่เชือกเส้นหนา
มือบางลูบไล้ใบหน้าที่ยังคงมีผ้าผืนบางปกปิดเอาไว้ แต่กลับไม่ลดทอนความงามนั้นลงแม้แต่เสี้ยวเดียวด้วยความอิจฉา “ฮ่าๆ เพราะข้าเกลียดใบหน้านี้ ข้าเกลียดดวงตาคู่นี้ของเจ้า ข้าเกลียดหญิงสาวประเภทเดียวกับเจ้าทุกคน ได้ยินหรือไม่!”
“ที่แท้สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลิงฉี ก็อิจฉาในความงามของข้า ฮ่าๆ น่าขันยิ่งนัก” นางส่ายใบหน้าไปมาเป็นเชิงว่าเวทนาคนตรงหน้าเสียเต็มประดา
เพี๊ยะ!
“เจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ทำไมล่ะ ยอมรับความจริงไม่ได้หรือ” หญิงสาวจงใจยั่วอารมณ์คนตรงหน้าให้โกรธมากยิ่งขึ้น
“นางแพศยา คอยดูเถอะว่าเจ้าจะปากดีไปได้อีกกี่น้ำ พวกเจ้าเข้ามา!”
ชายฉกรรจ์หน้าตาน่าเกลียดสามนายเดินเข้ามาตามคำเรียกของนายตน พวกมันมองเหยื่อในวันนี้ด้วยสายตาโลมเลียอย่างชัดเจน
“กับซิงอี เจ้าก็ทำเช่นนี้หรือ”
“นี่! เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“นางบอกข้า”
“บอกเจ้าหรือ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ถุย! คิดว่าข้าโง่หรือ!นังนั่นมันตายไปตั้งนานแล้ว”
“ทุกสิ่งมันอาจจะมิได้เป็นตามที่เจ้าเห็นก็ได้นี่ ซิงอีเล่าว่าเจ้าวางยานาง ทั้งยังใช้บางอย่างทำให้ร่างกายของนางคล้ายคนที่เป็นโรคร้าย ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
“เก่งดีนี่ ถึงกับรู้ว่าข้าทำอะไรกับนางนั่นบ้าง” หลันเจียวหวนนึกถึงครานั้นที่ได้ตัดสินใจลงมือกับซิงอี “ทุกอย่างเป็นเพราะนางนั่นทำตัวเองทั้งนั้น เกิดมาเป็นสาวชาวบ้านจนๆ แต่กลับทำตัวราวกับคุณหนูผู้เลอโฉม หึ! คิดจะมาแข่งกับข้า ช่างมิเจียมตัวเอาเสียเลย เจ้าก็เช่นกัน!”
หลันเจียวก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ตนเกลียด “เจ้าคิดว่าตนเองงามมากนักหรือ เจ้ามันก็แค่หญิงแพศยาที่ชอบใช้หน้าตายั่วยวนบุรุษหน้าโง่ให้หลงรัก นังซิงอีก็เช่นกัน นางสารเลวนั่นยั่วยวนอาหรงของข้า ทั้งที่ข้ามาก่อนแท้ๆ แต่เขากลับไปสู่ขอนางนั่น ทำไมไม่ใช่ข้า ทำไมไม่ใช่ข้า!”
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้รักเจ้าอย่างไรเล่า”
“ไม่รักหรือ เป็นไปไม่ได้ หากไม่รักเขาจะมาคอยใส่ใจข้าทำไมกัน!” หลันเจียวตะคอก
“เจ้าคิดไปเองทั้งนั้นหลันเจียว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความอิจฉาริษยาของเจ้า ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้ทั้งนั้น นอกจากตัวเจ้าเอง” เยว่ซินมองท่าทางราวกับเสียสติของคนตรงหน้า
เพี๊ยะ!
“สู่รู้! ข้ามิจำเป็นต้องริษยาใครทั้งนั้น เดิมทีเกิดมาข้าก็อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย ตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งนี่มันก็เป็นของข้ามาตั้งแต่ต้น พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งของของข้าไป ส่วนอาหรงเขาก็เป็นว่าที่คู่หมั้นของข้าอยู่แต่แรก เขาควรต้องมาสู่ขอข้ามิใช่หรือ!”
“จากนั้นเจ้าจึงฆ่าทั้งซิงอีและซุนหรงงั้นหรือ” หญิงสาวมองไปยังวิญญาณคู่รักที่ด้านหลังหลันเจียว
“ใช่ ข้าไม่มีทางให้พวกมันได้ครองคู่กันเด็ดขาด”
“เหอะ!น่าเสียดาย เจ้าอุตส่าห์ทุ่มเทไปมากขนาดนั้น แต่กลับมิได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เยว่ซินยกยิ้มอย่างสมเพช “แม้แต่ในปรโลกพวกเขาก็จะครองคู่กัน และจะครองคู่กันไปทุกภพทุกชาติ”
“ไม่มีทาง เป็นไปมิได้ เจ้าโกหกข้า นางสารเลวนั่นมิคู่ควรกับอาหรงของข้าแม้แต่น้อย” นางหยุดคิดไปครู่หนึ่ง “หากเป็นเช่นที่เจ้าว่าจริง ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านังนั่นจะมีหน้าไปพบอาหรงหรือไม่ ฮ่าๆ”
“เจ้าทำอะไรนาง” เยว่ซินรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติ นางผินหน้าไปมองชายฉกรรจ์ที่มีแววตากระหายบางสิ่งราวกับเดรัจฉาน ทันใดนั้นหญิงสาวก็พลันหน้าซีดลงเล็กน้อยนางหวังว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่นางคิด
“อยากรู้หรือ...เช่นนั้นข้าจะบอกให้ เจ้ามองดูว่าที่สามีทั้งสามคนของเจ้าสิ ถูกใจหรือไม่”
หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวพลันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม “สารเลว”
“ไม่เอาน่า ข้าอุตส่าห์เลือกที่หล่อเหลาที่สุดมาให้เจ้าเลยนะ อืมม์...ดูเหมือนว่าสองในสามคนนั้นจะเคยเป็นสามีของนังซิงอีมาก่อนด้วยล่ะ หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจนะ”
“เจ้ามันวิปราส”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เยว่ซินที่ปลดพันธการตนเองออกตั้งแต่ต้นแล้ว ยกมือขึ้นฟาดลงไปที่ใบหน้าหลันเจียวสุดแรง แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่ายังไม่สมกับที่หลันเจียวได้ทำลงไป ร่างบางปรี่เข้าไปกระชากกลุ่มผมนุ่มของหญิงงามที่ล้มลงอยู่กับพื้นขึ้นมาอย่างแรง “มานี่!”
“อาเซี่ยจับนางมัดไว้ ข้าอยากเล่นสนุกกับนางเสียหน่อย”
“ขอรับ”
“นี่! เจ้าหลอกข้า นางชั่ว” หลันเจียวพยายามดิ้นรนออกจากเงื้อมมือของอาเซี่ย แต่ด้วยแรงบุรุษที่มีมากกว่าจึงทำให้นางไม่อาจหลุดพ้นไปได้