นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
ในวันรุ่งขึ้น แขกผู้มาเยือนทั้งหมดก็ได้เริ่มเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับในยามอู่ ผู้ใหญ่บ้านโจวเห็นดังนั้นจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แท้จริงแล้วเขาจดจำเรื่องราวในปีนั้นได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังคงฉายชัดแจ่มแจ้งอยู่ในความทรงจำของเขาอีกด้วย แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวในอดีตออกไป
มือเหี่ยวย่นที่ผ่านกาลเวลามานานหลายปีหยิบกล่องไม้ขนาดเล็กที่อยู่ภายในห้องกราบไหว้บรรพบุรุษขึ้นมามองดูอยู่ชั่วประเดี๋ยว ก่อนจะตัดสินใจเปิดมันออกเพื่อค้นหาบางสิ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างดี แต่ทว่าภายในนั้นกลับว่างเปล่า ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของการมีอยู่ของสิ่งนั้นเลย
“หายไปไหนกัน” เขาพยายามมองหามันอีกครั้ง
“หานี่อยู่หรือเจ้าคะ” เยว่ซินยกสมุดบันทึกเล่มเล็กขึ้นให้เขาได้เห็นมัน
“เจ้า!” เขาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ชายสูงวัยถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง เขารู้ดีว่าเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคงมิอาจเก็บงำความลับนี้ไว้ได้อีกแล้ว
“นี่คือรายชื่อผู้เสียชีวิตและสูญหายในปีนั้น ต้องขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่เก็บมันเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ข้ามิเข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านจึงต้องปิดบังพวกเราด้วย”
“มาถึงวันนี้จนได้” ดวงตากลัดกลุ้มทอดมองออกไปไกลหวนคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น “ในปีที่พวกเราหนีเภทภัยไปยังเมืองเฉียว เมื่อออกเดินทางมาได้ไกลสักระยะแล้วจึงได้หยุดพักและค้าอ้างแรมในป่ากว้าง ช่างโชคดีนักที่แสงจากดวงจันทร์ในค่ำคืนนั้นส่องสว่างไปจนทั่ว ทำให้ยังพอมองเห็นบรรยากาศรอบด้านอยู่บ้าง นางได้แอบหลบหนีออกจากขบวนผู้อพยพ ช่างบังเอิญที่ข้าได้ปลีกตัวออกมาทำธุระส่วนตัวพอดี ฉะนั้นจึงเห็นเหตุการณ์นั้นเข้า ข้าก็เลยแอบตามนางไปอย่างเงียบๆ”
เขาหมุนกายหันหลังให้คนทั้งคู่ “นางคือน้องสาวคนรองของข้า”
“น้องสาวอย่างนั้นหรือ” เยว่ซินพึมพำแล้วตั้งใจฟังเรื่องราวต่อไป
“แต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง ฟ้าสว่างปานนั้นนางก็ยังคลาดไปจากสายตาได้” เขาหัวเราะกลั้วในลำคอ “แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังคงมิหยุดความพยายามที่จะตามหาน้องสาว จึงแกะรอยตามนางไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงชายเขาลูกหนึ่ง ข้าก็รู้ทันทีว่านางไปที่ใด” เขาหันไปสบตาหญิงสาวผู้มีแววตาคุ้นเคยประหลาด
“นางกลับมายังหมู่บ้านใช่หรือไม่”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ใช่แล้วล่ะ” เขาฝืนหัวเราะแล้วเล่าต่อ “ในตอนนั้นพวกเราได้เดินผ่านชายเขาลูกนี้ไปแล้วหนึ่งรอบ ระหว่างทางได้พบชายคนหนึ่ง แต่งกายประหลาดทั้งยังเป็นชุดสีดำไปทั่วทั้งตัว แต่ด้วยกลิ่นคาวคลุ้งของเลือดที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ทั้งเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นหลายจุด ทำให้มองเห็นบาดแผลฉกรรจ์น่ากลัว จึงรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่ว่าในเวลาสงครามเช่นนี้จะกล้าช่วยเหลือคนมั่วซั่วได้เช่นไร หากเป็นพวกกบฏขึ้นมาเล่า จะทำอย่างไร แต่ด้วยนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่นของน้องรอง ข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดในขณะที่ผ่านมาครั้งนี้ถึงมิพบชายผู้นั้นอีกแล้ว แม้กระทั่งยามหน้าสิวหน้าขวานเช่นนี้นางก็ยังมิรู้จักรักตัวกลัวตายพาคนเจ็บไปรักษาที่หมู่บ้าน เพราะรู้ดีว่าท่านพ่อไม่มีทางปล่อยให้นางได้ช่วยชีวิตเขาอย่างแน่นอน จนผ่านไปได้หลายวัน เขาก็เริ่มรู้สึกตัว พวกเราเลยรีบเดินทางออกจากหมู่บ้าน แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันการเสียแล้ว พวกเราคลาดกับขบวนผู้อพยพก่อนหน้าไปจนได้”
เขาหยุดชั่วครู่ “เมื่อคลาดกับบิดามารดาแล้วจะทำเช่นไรได้ ข้าจึงพาน้องรองและคนผู้นั้นที่จำอะไรเกี่ยวกับตนเองมิได้เลยไปซ่อนตัวอยู่ที่เมืองใกล้เคียง”
“ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือ” เยว่ซินโพล่งขึ้นอย่างตกใจ
“ใช่แล้ว เขาจำอะไรมิได้เลยสักอย่าง ข้าจึงจำต้องพาเขาไปด้วย” เขาอธิบาย
‘ความจำเสื่อมเหมือนท่านพ่อเลย ช่างบังเอิญอะไรขนาดนั้น’นางคิดในใจ
“การปราบกบฏเริ่นจื่อครั้งนั้นกินเวลายาวนานพอสมควร พวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นั่นอย่างยากลำบากอยู่แรมปี จนกระทั่งในปีที่สองของการหลบซ่อน ด้วยความใกล้ชิดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในบ้านเล็กๆ หลังเดียวกันนั้น ความรักอันบริสุทธิ์ของคนหนุ่มสาวที่ก่อตัวขึ้นจนเบ่งบานเต็มที่ ก็ได้เกิดงานแต่งงานขึ้นมาอย่างเงียบๆ” เขายกยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงวันนั้นอีกครั้ง
“วันนั้นท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็นพัดเอื่อยผ่านเข้ามาตลอดทั้งวัน ดอกไม้ป่าที่คนผู้นั้นไปขุดมาปลูกให้นางได้ดูชมเริ่มผลิบานทั้งยังส่งกลิ่นหอมไปทั่วเรือน พวกเขาเริ่มประดับผ้าแดงมงคลที่หามาได้น้อยนิดเอาไว้รอบๆ มิมีแม่สื่อ มิมีสินสอด มีเพียงพวกเขาสองคนผู้เป็นบ่าวสาวและข้าที่เป็นพยานให้คนทั้งคู่ ราวกับเป็นของขวัญแต่งงานจากสวรรค์ เพราะมินานการปราบกบฏก็ได้สิ้นสุดลงในปลายปีนั้น
เมื่อท่อนไม้กลายเป็นเรือไปเสียแล้ว คนผู้นั้นจึงได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยสถานะสามีของน้องรอง และนี่เป็นเหตุผลที่พวกข้าถึงอ่านออกเขียนได้อย่างคล่องแคล่วผิดกับหมู่บ้านอื่น”
“เขาเป็นคนสอนหรือเจ้าคะ”
“ถูกต้องแล้ว แต่น่าเสียดายนัก สองสามีภรรยาคู่นั้นใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เพียงขวบปีเท่านั้น ก็ต้องระหกระเหินย้ายถิ่นฐานอีกครา” เขาเงียบลงคล้ายกับว่ามิอยากเล่าเรื่องต่อจากนี้อีก
“เหตุใดจึงย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือเจ้าคะ ท่านเล่าต่อได้หรือไม่”
ผู้ใหญ่บ้านโจวพยักหน้าขึ้นลงอย่างคนที่ตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว “เหตุเพราะน้องสาวคนเล็กของข้า นาง....มีใจให้พี่เขยตนเอง”
ไป๋อี้โยวมีสีหน้ายุ่งยากเพราะไม่เข้าใจว่าเรื่องภายในครอบครัวของคนผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับคนที่เขากำลังตามหาได้เช่นไร แต่เมื่อหันไปเห็นคนตัวเล็กส่งสายตาถมึงทึงมาให้ จึงได้ตัดสินใจกลับไปตั้งใจฟังต่อ
“เพราะความหลงผิดของน้องเล็ก นางถึงกับเข้าไปอ้อนวอนบิดาที่ปกติแล้วมักจะตามใจนางอยู่เสมอ ให้ยกตนเป็นเมียอีกคนของพี่เขย คราแรกบิดาก็มิได้เห็นด้วย แต่เมื่อมิได้ดั่งใจหวังน้องรองจึงทรมานตนเองทุกทาง จนท้ายที่สุดท่านพ่อก็ยอมใจอ่อนจนได้ กระนั้นก็ยังโชคดีที่มารดาข้ามิเห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ ท่านแม่จึงขัดขวางทุกวิถีทาง เพื่อมิให้พี่น้องมีสามีคนเดียวกัน ครั้นนางคิดว่ามารดามิยอมแน่แท้ จึงละทิ้งความละอายบากหน้าไปหาพี่สาวตนเอง เพื่อ...ขอเป็นภรรยาอีกคนของสามีนาง” เขาพรูลมหายใจออกเบาๆ
“ครานี้สามีคนพี่มิยอมอยู่เฉยอีกแล้ว จึงออกมาปฏิเสธน้องภรรยาอย่างมิใยดี ทั้งยังสาบานว่าชีวิตนี้จะมีเพียงภรรยาผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วยังพาน้องรองของข้าไปสร้างครอบครัวที่เมืองอื่น แต่ก็เข้าใจได้ว่าการกระทำเช่นนี้ก็เพื่อตัดเยื่อใยของน้องภรรยาให้ขาดสิ้น ทั้งยังเป็นการทำให้บิดามารดาของคนรักสบายใจอีกด้วย”
“แล้วอย่างไรต่อเจ้าคะ ชีวิตหลังจากนี้พวกเขาเป็นเช่นไร”