นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
“ต่อมาไม่นานนัก ผู้เป็นภรรยาก็ได้ให้กำเนิดบุตรีผู้อ่อนโยน ครอบครัวสมบูรณ์พรั่งพร้อมพูนสุขยิ่ง จนทารกน้อยอายุได้ 3 หนาว บุตรชายผู้กล้าหาญจึงได้ถือกำเนิดขึ้น” เขายิ้มละมุนได้ไม่นานก็จางหายไป
“ครานั้น ข้าลงไปเยี่ยมน้องรองด้วยตนเอง ข้าวของสำหรับการต้อนรับหลานชายคนแรกถูกบรรจุจนแทบจะเต็มรถม้า รวมไปถึงขนมหวานเถาใหญ่ของนางด้วยเช่นกัน วันนั้นเด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่บนตักของข้าผู้เป็นลุง ริมฝีปากเล็กของหลานสาวประดับด้วยรอยยิ้มอยู่แทบจะตลอดเวลา มือคู่นี้ของข้าเป็นผู้ป้อนยาพิษให้นางเองกับมือ!” มือเหี่ยวย่นกำเข้าด้วยกันแน่น
“ยาพิษหรือ!”
“ใช่แล้ว ใครจะไปรู้เล่าว่านางจะเลวถึงขั้นวางยาพิษพี่สาวตนเองที่เพิ่งคลอดบุตรตาดำๆ ออกมา ทั้งผู้ที่ดวงซวยกินขนมนั้นเข้าไป ยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของนาง!” นัยน์ตาแข็งกร้าวแดงก่ำอย่างโกรธแค้น
“ระหว่างทางกลับหมู่บ้านข้าคิดซ้ำไปซ้ำมา ว่าจะลงโทษคนผิดอย่างไรดี จึงจะสาสมกับความชั่ว แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่! ว่านางกลับผูกคอตายหนีความผิดไปเสียนี่ คนทำผิดมิได้รับบทลงโทษ ข้าจะมีหน้าไปพบน้องรองอีกได้อย่างไร” เขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลรินออกมา คนสูงวัยเดินไปหยิบบางสิ่งออกมาจากซอกหลืบ แล้วยื่นออกไปให้คนตรงหน้า
“นี่มัน!” ไป๋อี้โยวพิจารณาหยกพกประจำตัวที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ มีเฉพาะคนในราชวงศ์เท่านั้นจึงจะสามารถมีได้ และที่สำคัญสิ่งนี้มิใช่ว่าจะเลียนแบบกันได้ง่ายดาย
“สิ่งนี้เป็นของชายผู้นั้น ที่มีสถานะเป็นสามีของน้องสาวข้า” เขาก้มหน้าอย่างสำนึกผิด “พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา มิได้รู้หนังสือมากนัก กิริยามารยาทก็มิได้งดงามเช่นสตรีในเมืองหลวง ทั้งยังมิได้เกิดมาในตระกูลสูงส่ง เช่นนี้จะให้นางเข้าไปอยู่ที่นั่นได้หรือ สู้ให้พวกเขาเป็นสามีภรรยาชาวบ้านธรรมดาๆ ที่รักใคร่ปรองดองกันจะดีเสียกว่า”
“ถึงอย่างไรเจ้าก็มิควรทำเช่นนี้ บอกข้ามา พวกเขาอยู่ที่เมืองใด”
“ใต้เท้าจะพรากครอบครัวเขาหรือไม่”
“ข้ามีหน้าที่เดียวคือตามหาเขาให้พบ ส่วนเรื่องอื่นนั้น...ก็สุดแล้วแต่ใจของเขา”
ผู้ใหญ่บ้านโจวครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งยังอาจทำให้น้องสาวและหลานทั้งสองได้ใช้ชีวิตที่สุขสบาย “เมืองเฉินซาน”
“เมืองเฉินซานหรือเจ้าคะ!” เยว่ซินตกตะลึง มิคิดว่าแท้จริงแล้วคนที่ตามนั้นจะอยู่ใกล้เพียงนี้
เมื่อได้ข้อมูลสำคัญมาแล้ว พวกเขาจึงเร่งออกเดินทางกลับไปยังเมืองที่จากมาทันที แต่ครั้งนี้กลับมิเหมือนเดิมแล้ว เนื่องจากชายหนุ่มผู้เป็นองครักษ์นั้นร้อนใจราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผา เขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนมาใช้ม้าเร็วพันธุ์ดีแทน เพื่อต้องการถึงเมืองเฉินซานให้ไวที่สุด
โดยหญิงสาวผู้ร่วมเดินทางครั้งสำคัญนี้ก็เลือกที่จะขี่ม้าไปกับเขา บัดนี้คนทั้งคู่จึงอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกัน ด้านข้างยังมีม้าเร็วของอาเซี่ยและเป่าฉือคอยขนาบข้างอยู่ไม่ห่าง
ภายในใจเยว่ซินนั้นมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด ทั้งคำพูดของผู้ใหญ่บ้านโจวยังคงก้องอยู่ภายในโสตประสาทของนาง
“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ น้องสาวเจ้ามีนามว่าอะไร” ไป๋อี้โยวถามเสียงห้วน
“โจว-อี้-เหยา” เขาพูดช้าๆ ทีละคำ
สิ้นคำพูดนั้นเจ้าของดวงตาดอกท้อก็ชะงักไปทันที เนื่องจากชื่อนี้นั้นช่างเหมือนกับมารดาของนางไม่มีผิด เพียงแต่ท่านแม่มิได้มีคำนำหน้าว่า ‘โจว’ เท่านั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ จะมีเรื่องราวบังเอิญคล้ายกันเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านพ่อผู้ความจำเสื่อมมีภรรยาชื่ออวี้เหยา ทั้งยังมีบุตรสาว บุตรชายดั่งคำเล่าของชายสูงวัย ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังอาศัยอยู่ในเมืองเฉินซานเช่นเดียวกันอีก
“แล้วที่ว่าหลานสาวของท่านกินยาพิษเข้าไปนั้น นาง...” เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ ด้วยเพราะหากนางไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว ก็อาจเป็นไปได้ว่ามันเป็นแค่เพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น
“โชคดีที่นางกินเข้าไปในปริมาณน้อย เมื่อไปถึงมือหมอแล้ว พิษที่ตกค้างก็ถูกขับออกไปจนหมดสิ้น เพียงแต่จากนั้นมา ข้าก็ได้ข่าวว่านางกลายเป็นเด็กร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจออกไปวิ่งเล่นเช่นบุตรบ้านอื่นได้”
‘ยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ’ นางพยายามเค้นหาความทรงจำในวัยเยาว์ของร่างนี้ ว่าเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ แต่ทว่ากลับนึกมิออกเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าในขณะที่เกิดเรื่อง นางยังเด็กจนเกินไป จึงมิอาจจำอะไรได้
ผ้าคลุมกันหนาวสีฟ้าครามเข้าชุดกันของคนหนุ่มสาวปลิวลู่ไปตามแรงลม อาชาตัวโตลักษณะองอาจวิ่งฝ่าความหนาวเย็นลงไปตามไหล่เขา ระหว่างทางคนทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง รู้เพียงแค่ว่าต้องเร่งไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว จนในที่สุดก็ได้เดินทางมาถึงปากประตูเมืองเฉินซาน
ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ในสายตา ตลอดสองข้างทางไม่ได้คึกคักเช่นช่วงเวลาที่นางเดินทางออกนอกเมือง อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นจัด ทำให้ผู้คนเลือกอยู่แต่ภายในเรือนเสียมากกว่า
เสียงเกือกม้ากระทบลงบนถนนช้าลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นเดินเอื่อย หญิงสาวมองเส้นทางเข้าบ้านตนเองด้วยใจเต้นระทึก นางมิกล้ามั่นใจว่าสิ่งที่ได้รับรู้มานั้นเป็นเรื่องราวของบิดามารดา แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเส้นทางชีวิตต่อจากนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
“แม่หมอเยว่พอจะมีหนทางช่วยข้าตามหาคนหรือไม่”
“นางครุ่นคิดเพราะมิแน่ใจในสิ่งใดเลย “ข้าขอเวลาสักหน่อย”
ไป๋อี้โยวมองท่าทีลังเลของคนตรงหน้า ทั้งระหว่างทางกลับมานี้ นางยังเงียบผิดปกติ ดูท่าแล้ว นางคงมีบางสิ่งในใจเป็นแน่
เมื่อเขาไม่เอ่ยสิ่งใดกลับมานางจึงกล่าวลาทันที “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
องครักษ์หนุ่มยืนส่งหญิงสาวเข้าเรือนไปจนลับสายตา ปากหนาจึงจรดเป่านกหวีดอย่างเงียบเชียบ พลันเงาดำสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเขา
“ไปสืบเรื่องของนาง แม่หมอเยว่”
อีกด้านที่ทางเดินเชื่อมไปยังเรือนใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของกำลังง่วนอยู่กับการสอนหนังสือบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนจนมิสนใจสิ่งอื่นรอบข้าง
“หนึ่งคำหลุดออกจากปาก แม้ใช้ม้าถึงสี่ตัวก็ยากจะตามกลับคืน หมายถึง วาจาใดที่ได้เอ่ยออกไปแล้วนั้น มิสามารถเอากลับคืนมาได้อีกแล้ว ถูกต้องหรือไม่ขอรับ”
“ถูกต้อง” เขายิ้มสรวล
“เช่นนั้น หากข้าได้ลั่นวาจาใดออกไปแล้ว ก็ควรรักษาสัจจะให้ดี ใช่หรือไม่ขอรับท่านพ่อ”
“ใช่แล้วล่ะ เสี่ยวหยางเก่งมาก”
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือ” เด็กชายที่ตัวสูงเลยคนพี่ไปแล้ว ตื่นเต้นจนเกือบโผล่เข้ากอดร่างบางให้หายคิดถึงเฉกเช่นยามที่ยังเป็นเด็กน้อย แต่ทว่าโชคดีที่เขายับยั้งเอาไว้ได้ทัน เพราะบัดนี้เขานับว่าเป็นบุรุษที่กำลังเติบโตผู้หนึ่ง หากทำกิริยามิถูกมิควรออกไป พี่สาวตนจะหมดความภาคภูมิใจเอาได้
“ซินเออร์กลับมาแล้วหรือ” ผู้เป็นบิดาสำรวจบุตรสาวด้วยสายตาอบอุ่น
“ซินเออร์คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางยกมือประสานกันเพื่อทำความเคารพผู้เป็นบิดา
“เสี่ยวซินกลับมาแล้วหรือ” น้ำเสียงเจือความเอ็นดูที่คุ้นเคย ดังขึ้นที่ด้านหลังนาง
สรรพนามเช่นนี้ มีผู้เดียวเท่านั้น!
“ท่านยายหวัง! เสี่ยวซินขอคารวะเจ้าค่ะ” ร่างบางคุกเข่าลงกับพื้นเย็น หัวโขลกพื้นก้มคำนับคนตรงหน้าด้วยความดีใจ