นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
นัยน์ตาแข็งกร้าวทอดมองไปด้านนอกหน้าต่าง ในความคิดมีเรื่องมากมายตีรวนผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง แต่สิ่งเดียวที่เจ้าตัวรู้ได้คือการกลับบ้านเก่าครั้งนี้คงต้องมีเรื่องมากมายให้สะสาง หนึ่งคือชดเชยให้บุตรทั้งสองที่สมควรมีชีวิตที่ดีแต่แรก สองคือตามหาภรรยาและนำนางมารร้ายมารับโทษทัณฑ์ และสามกวาดล้างตระกูลหยางเสียให้สิ้นซาก
“เสนาบดีหยางหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ตระกูลหยางทำงานในราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน เบื้องหน้าเป็นขุนนางมือสะอาด แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังไว้วางพระทัย แต่ใครจะรู้เล่าว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะหน้าเนื้อใจเสือ เลี้ยงไม่เชื่อง!”
“ที่แท้ราชสำนักก็วุ่นวายซับซ้อนเช่นนี้ ฟังดูน่าเหนื่อยใจนัก” เยว่ซินเป่าน้ำแกงจนอุ่นแล้วส่งเข้าปากผู้เป็นบิดา “อร่อยหรือไม่เจ้าคะ”นางจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บิดาไม่คิดมากจนเกินไป
“ฝีมือบุตรสาวข้าอร่อยยิ่งกว่าพ่อครัวหลวง” เขาหัวเราะเยินยอบุตรสาว
เมื่อจัดการดูแลคนป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงรั้งรอให้เขาหลับสนิทแล้วเดินออกมาเงียบๆ จนมาหยุดอยู่หน้าห้องหนังสือเล็กของผู้เป็นบิดาที่แท้จริงแล้วมีสถานะสูงส่ง มิคิดเลยว่าวาสนาของมารดาจะดีขนาดนี้ เป็นเพียงหญิงชาวบ้านถิ่นทุรกันดารห่างไกลจากเมืองหลวงมากโข ท่านผู้เฒ่าจันทรายังอุตส่าห์นำพาพวกเขามาพบกัน
“ซินเออร์” เสียงเล็กดังขึ้นที่ประตูทางเข้า
“ผิงเออร์มาได้อย่างไรกัน” เจ้าของเรือนมองคนตัวเล็กเดินนำสาวใช้ที่ขนกล่องของฝากมาจนเต็มมือ
“พวกเจ้านำไปไว้ด้านในก่อน” ตงซูผิงสั่งงานสาวใช้ก่อนจะเดินไปกอดแขนสหายรักที่มิได้เจอกันมานานด้วยความคิดถึง เนื่องจากนางจำเป็นต้องออกไปช่วยบิดาดูแลกิจการค้าขายตามเมืองต่างๆ “คิดถึงเจ้ายิ่งนักซินเออร์ จริงสิ!” มือบางยื่นสมุดบันทึกขนาดกลางให้คนด้านข้าง
“อะไรหรือ”
“สมุดบัญชีอย่างไรเล่า และนี่ของเจ้า” นางส่งกล่องไม้สลักลายขนาดพอเหมาะที่บรรจุตั๋วเงินเอาไว้จนแน่นให้หุ้นส่วนควบตำแหน่งสหาย “งวดนี้กำไรงามยิ่งนัก ต้องขอบคุณเจ้าที่แนะนำให้ข้าทำกิจการค้าชานม” ตงซูผิงนึกถึงวันแรกที่นางเปิดร้านค้าทั้งที่บิดามิเห็นด้วย แต่เพราะความเชื่อใจสหายจึงลองเสี่ยงไม่ฟังคำบิดา ทำตามใจตน จากวันนั้นที่ยังเป็นเพียงกิจการเล็กๆ แต่มาในวันนี้นางได้ขยายไปหลายสาขาตามคำเรียกร้องของลูกค้า พร้อมทั้งยังเปิดขายขนมหวานสูตรตงฮูหยินผู้เป็นมารดาควบคู่ไปด้วย บัดนี้ทั้งร้านชานมและขนมหวานได้มีชื่อเสียงไปจนถึงวังหลวงที่แม้แต่คนในวังหลังยังต้องให้นางกำนัลออกมาหาซื้อ
“ข้าเพียงแนะนำเท่านั้น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฝีมือและความสามารถของเจ้าด้วยเช่นกัน” นางชะงักไปชั่วอึดใจเพราะนึกบางสิ่งได้กะทันหัน “เจ้าคิดจะขยายสาขาไปเมืองหลวงหรือไม่”
“ที่จริงข้าก็คิดอยู่บ้างเช่นกัน เพียงแต่ข้ามิมั่นใจนัก เพราะที่นั่นค่อนข้างแตกต่างจากเมืองทั่วไปมากทีเดียว”
“แตกต่างมากงั้นหรือ” นางครุ่นคิดและจินตนาการถึงเมืองหลวงของโลกคู่ขนานนี้
‘ก็คงมีความเจริญมากสินะ เมื่อเจริญมากการแข่งขันก็สูงขึ้นตาม เมื่อการแข่งขันสูงผู้คนก็จำต้องมีเล่ห์เหลี่ยมติดตัวเอาไว'้
“อีกไม่นานนี้ ข้าก็จะต้องเข้าเมืองหลวง ผิงเออร์ข้ารบกวนเจ้าหาทำเลที่เหมาะแก่การตั้งสำนักให้ข้าได้หรือไม่”
“จริงหรือ ดียิ่ง! เช่นนั้นข้าก็จะขยายร้านชานมไปที่นั่นด้วยดีหรือไม่” นางเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ดีสิ” ร่างบางมองคนตรงหน้าที่มักมาขอความคิดเห็นเรื่องต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ทั้งยามที่นางต้องการความช่วยเหลือ สหายผู้นี้ก็มักเป็นที่พึ่งที่ดีให้แก่นางเสมอ นึกถึงครั้งที่ตงซูผิงรับรู้ถึงอีกตัวตนของนางนั้นสร้างความแปลกใจให้เป็นอย่างมาก นอกจากจะไม่มีอาการตื่นตกใจแล้ว ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่ารู้อยู่แต่แรกแล้ว เพียงแต่มิได้พูดออกมาให้คนได้ลำบากใจ นี่ยิ่งทำให้เยว่ซินนับถือสหายผู้นี้ขึ้นไปอีก เพราะครั้งนั้นที่ร้านฟางฝูนางสามารถนำความลับมาบังคับคนได้ แต่นางกลับมิทำ ช่างเป็นสหายที่ดีเยี่ยม
ยามพระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลับขอบฟ้าไป หิมะขาวโพลนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสายทำให้อากาศหนาวเหน็บจนเยว่ซินที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มต้องนำถุงน้ำร้อนที่อยู่ในมิติออกมากอดเอาไว้ ทั้งยังมิลืมแจกจ่ายกันไปจนทั่วเรือน
“ท่านพ่อเป็นพระอนุชาจริงหรือ” เสียงสวี่หยางน้องชายเพียงคนเดียวที่ดื้อดึงมานอนเฝ้าคนป่วยด้วยกันดังขึ้นอยู่ไม่ไกลนัก
“จริงสิ เหตุใดเจ้าจึงมิยอมเชื่อเสียทีเล่า” เยว่ซินอดค่อนขอดเขาไม่ได้
“เมื่อไม่นานมานี้พวกเรายังเป็นเพียงครอบครัวยากจนในหมู่บ้านชนบท ต่อมาก็กลายเป็นเป็นผู้ร่ำรวยในเมืองเฉินซาน ตอนนี้บิดายังมีภูมิหลังที่สูงส่ง ข้ารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่เลยขอรับ”
นางหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ “นี่เป็นเรื่องจริงแน่แท้ ต่อไปเจ้าก็สอบเข้าสำนักศึกษาในเมืองหลวงดีหรือไม่”
“ดีขอรับ” เขายกยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดว่าตนจะได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาอย่างที่ใฝ่ฝัน
ในสามราตรีนางและสวี่หยางจะมานอนเฝ้าบิดาที่มักมีอาการราวกับคนละเมออยู่ตลอดทั้งคืน ด้วยความเป็นห่วงจึงทำให้ผู้เป็นบุตรมิอาจข่มตาหลับได้ จนกระทั่งครบกำหนดตามที่ท่านหมอได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนอย่างสบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าขณะนี้มีบุคคลหนึ่งที่กำลังคิดมิตกว่าจะมาพบหน้านางได้อย่างไรให้มิรู้สึกประหม่า
“ท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง”
“บัดนี้ได้พ้นสามราตรีแล้วขอรับ ความทรงจำที่เหลือได้กลับมาครบถ้วนแล้วอย่างแน่นอน”
“ดีๆ” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าว่านางจะลืมเรื่องนั้นไปหรือยัง”
ลูกน้องคนสนิทลังเลเล็กน้อยแต่ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องพูดความจริงออกมา แม้จะเป็นสิ่งที่เจ้านายตนจะรับมิได้ก็เถอะ “ข้าคิดว่านางน่าจะยังมิลืมขอรับ ท่านทำใจเถอะถึงอย่างไรแม่หมอเยว่มิมีทางลืมง่ายๆ อย่างแน่นอน ทั้งข้าคิดว่านางน่าจะจดจำเรื่องนี้ไปจนชั่วชีวิตเลยขอรับ”
“เจ้า!” เขาเว้นจังหวะสะกดอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ “ไป!”
“ไปไหนขอรับ” อาเซี่ยมองเจ้านายตนอย่างงุนงง
“สำนักดูดวงอย่างไรเล่า!”