นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไป๋อี้โยวเดินเข้ามายังเรือนขนาดกลางที่ตั้งอยู่ติดชายเขา ยามปกติแล้วที่นี่มักสงบเงียบ แต่ยามนี้กลับเงียบเชียบเสียยิ่งกว่ายามปกติ เพราะบัดนี้เขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าบ้านเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตบางดังขึ้นอยู่ไม่ไกลนัก
เมี๊ยววว เมี๊ยวว....
ชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย เพียงแต่เมื่อมองหากลับมิพบเจ้าตัวว่าอยู่ที่ใด เขาจึงตัดสินใจตามเสียงที่ร้องราวกับกำลังเรียกหาเขาอยู่ก็มิปาน คนตัวโตเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงสวนดอกไม้แปลงเล็กที่กลายเป็นสีขาวไปทั่ว จึงได้หยุดเดินทั้งที่ลังเลใจ
“ใต้เท้าทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
“ข้ามาเยี่ยมชินอ๋องเพียงแต่มิพบผู้ใดจึงเดินมาเรื่อยๆ” เขาแสร้งเฉไฉ
“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ เช่นนั้นต้องขออภัยที่ข้ามิได้ออกไปต้อนรับให้ดี” หญิงสาวหันไปมองด้านหลังตนเองก่อนจะอุ้มเจ้าสัตว์หน้าขนตัวอ้วนกลมสีขาวไว้ในอ้อมแขน
ไป๋อี้โยวมองภาพนั้นด้วยความเหม่อลอย เขารู้สึกราวกับว่าตนได้ตกลงไปในหลุมพรางที่นางได้วางไว้ ซ้ำนางยังตอกย้ำความลับของเขาด้วยความสะใจ
เยว่ซินหัวเราะเบาๆ แล้วส่งเจ้าแมวน้อยน่ารักให้เป่าฉือสาวใช้ข้างกายนำไปดูแล “ข้าพบมันเมื่อยามเช้านี่เองเจ้าค่ะ มิรู้ว่าหลงมาจากที่ใด ข้ามิเคยเลี้ยงพวกมันเสียด้วย ดูท่าว่าคงต้องเอาไปปล่อยนอกเรือนเสียแล้ว”
“เช่นนั้น...” เขาลังเล
โดยไม่รอให้แขกผู้มาเยือนได้พูดอะไรต่อ นางกลับเสนอขึ้นว่า “เช่นนั้นมิสู้ให้ใต้เท้านำกลับไปเลี้ยงดีหรือไม่เจ้าคะ ถึงอย่างไรท่านก็คุ้นเคยกับเจ้าแมวน้อยพวกนี้เป็นอย่างดี”
“ถือว่าเจ้าขอร้อง ข้าจะเลี้ยงมันไว้แล้วกัน” เขาทำท่าทีเคร่งขรึมทั้งที่ภายในใจนั้นรู้สึกยินดีปรีดาเสียจนแทบปกปิดเอาไว้ไม่มิด ร่างสูงรีบหันหลังให้หญิงสาวเจ้าของเรือนแล้วเดินนำไปยังเรือนด้านหน้า ด้วยกลัวว่านางจะเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้
“ถวายบังคมชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ายังมิได้รับตำแหน่งนี้เสียหน่อย ทั้งตอนนี้ก็ยังอยู่ในสถานะสามัญชนธรรมดาเท่านั้น เจ้าใช้คำพูดธรรมดาทั่วไปเถอะ” เขามองพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ดูคล้ายกับใครบางคนที่เขารู้จัก เพียงแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกมิออกเสียที
“พ่ะย่ะค่ะ” เขารับคำ
“ข้าอยากรู้สถานการณ์ในวังหลวงตอนนี้ เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ”
คนวัยกลางคนทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ตั้งใจฟังคนรุ่นลูกเล่าเรื่องราวทั้งนอกและในวังหลวงบ้านเกิดที่ได้พลัดพรากจากมานาน ต้องขอบคุณพี่น้องที่แม้จะมีสายเลือดตรงกันเพียงแค่กึ่งหนึ่งแต่กระนั้นก็ยังมิทอดทิ้งกัน อุตส่าห์มานะออกตามหาคนที่มิรู้ว่าเป็นหรือตายมานานหลายปีอย่างไม่ย่อท้อ
“ดูเหมือนว่าราชสำนักจะเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน คนที่สมควรตายกลับมีชีวิตที่สุขสบาย ส่วนคนบริสุทธิ์กลับต้องมีชีวิตที่เลวร้าย” ผู้มีสถานะสูงกว่าเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “คิดมิถึงว่าเจ้าหยางเวินผู้นั้นจะกลายเป็นอัครเสนาบดีผู้ควบคุมขุนนางนอกราชสำนักไปเสียแล้ว ช่างปกปิดความชั่วเอาไว้ได้ดียิ่งนัก!”
“อัครเสนาบดีหยางหรือขอรับ” ไป๋อี้โยวครุ่นคิด คนผู้นี้นับว่าเป็นขุนนางมือสะอาดผู้หนึ่ง คาดมิถึงว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“กลับไปครานี้คงต้องทำความสะอาดให้เสด็จพี่หน่อยแล้ว” หลินเจาเจินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเอาคืนคนชั่วให้สาสม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เป็นพี่ปกครองแคว้นอย่างสงบสุขและชำระแค้นส่วนตัว...
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องรับแขกสำนักดูดวงที่มิค่อยมีแขกแวะเวียนมาสักเท่า บัดนี้ได้มีท่านหมอที่เปลี่ยนสถานะเป็นผู้ดูดวงกำลังนั่งรอฟังคำแม่หมอเยว่อย่างใจจดใจจ่อ
“นางยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวท่านเสมอ เรื่องราวที่เกิดขึ้นฮูหยินของท่านก็เสียใจมิแพ้กัน ด้วยจิตผูกพันทั้งยังมีห่วงจึงทำให้ดวงวิญญาณรั้งรออยู่แดนมนุษย์มิอาจไปผุดไปเกิดได้เสียที” เยว่ซินนึกถึงดวงวิญญาณตนนั้นที่หานฉีกำลังไปพาเข้ามา เนื่องจากที่ตั้งสำนักและตัวเรือนนั้นนางได้ให้บริวารเฝ้าเอาไว้อย่างแน่นหนา หากมิใช่วิญญาณที่ทำพันธสัญญาจะมิสามารถล่วงล้ำเข้ามาได้ ส่วนบรรดาภูตผีตนอื่นที่ต้องการผ่านทางเข้าออกประตูนรกสวรรค์ก็ยังคงผ่านไปมาได้เช่นเดิม
“เป็นเพราะข้าบกพร่องในหน้าที่ เป็นหมอผู้เก่งกาจ ฉายาหมอเทวดา แต่แล้วอย่างไรในเมื่อแม้แต่ชีวิตของภรรยาข้าก็ยังมิอาจยื้อนางเอาไว้ได้ ฮวาเออร์เป็นฮูหยินที่ดีเสมอมา” เขาหยุดชะงักไปเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นพัดวูบเข้ามาทั้งที่ห้องนี้มิได้เปิดหน้าต่างเอาไว้ “นางมาแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ” เยว่ซินมองวิญญาณที่ลอยติดตามหานฉีมาทางด้านหลังด้วยความตกตะลึง เพราะมิคิดว่านางจะเป็นภูตผีตนนั้น ‘ไฉ่ฮวา’
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งเด็กน้อย” วิญญาณไฉ่ฮวาสำรวจคนคุ้นเคย “แม้มิอาจเห็นทั่วทั้งใบหน้าแต่ทว่ากลับฉายความงามพิลาสออกมาได้ถึงเพียงนี้เชียว มิธรรมดาๆ”
“ชมกันเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบดวงวิญญาณตรงหน้าโดยการส่งกระแสจิตไป
หมอวัยกลางคนตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อทั้งยังผสมปนเปกับความดีใจที่สวรรค์ยังมีเมตตาให้เขาได้พบนางในดวงใจอีกครั้ง “เช่นนั้นข้าจะคุยกับนางได้อย่างไร”
“ท่านอยากพบหน้านางหรือไม่”
“ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ” เขาถลาตัวไปหาหมอดูตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าค่ะ เพียงแต่..พบได้แค่หนึ่งห้วงฝันเท่านั้น”
“ดียิ่ง...แม่หมอเยว่รู้หรือไม่ ตั้งแต่นางจากไป ข้าก็มิเคยพบนางอีกเลยแม้แต่ในความฝัน” มือหนาปาดหยดน้ำบนใบหน้าออกไป
“เช่นนั้นดื่มชานี่แล้วไปนอนลงตรงนั้นเสียเถิด” หญิงสาวส่งถ้วยชาผสมยานอนหลับที่หยิบมาจากในมิติให้เขาแล้วชี้ไปที่เตียงนอนตรงมุมห้อง
“ได้” เขาไม่รอช้ารีบทำตามที่หมอดูพูดอย่างว่าง่าย เมื่อแผ่นหลังสัมผัสลงบนเตียงนอนไม่นานก็ได้ยินเสียงคนรุ่นลูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ท่านมีเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ข้าจะไปรอที่ด้านนอก เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วจะให้เป่าฉือเข้ามาปลุกนะเจ้าคะ”
เมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลงสนิท ทั้งยาเริ่มออกฤทธิ์อยู่ภายในร่างกายของเขา ดวงตาที่เคยแจ่มแจ้งก็ปิดลงอย่างช้าๆไม่นานห้วงจิตก็จมดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆกระทั่งเขาได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความฝัน ตรงหน้าของเขาคือภรรยาที่ได้จากไปนานแล้ว
“ฮวาเออร์” เขาขยับเข้าไปหาคนรักช้าๆ ด้วยกลัวว่านางจะสลายหายไป
“ท่านพี่…ข้าคิดถึงท่าน”
“ข้าก็คิดถึงเจ้าเหลือเกินฮวาเออร์” เขาตระกองกอดร่างบางเอาไว้ในอกแน่น ปากหนาพรหมจูบกลุ่มผมนุ่มด้วยความคะนึงหาทั้งพร่ำคำพูดที่อยากกล่าวกับนางมาโดยตลอด “ขอโทษเจ้า ข้าผิดต่อเจ้าเหลือเกิน”
“มิใช่ความผิดของท่านนี่เจ้าคะ อย่าได้โทษตนเองไป”
“ฮวาเออร์ข้าเป็นหมอ เป็นหมอ…ที่ฝีมือแย่ที่สุด แม้แต่ภรรยาถูกพิษยังมีรู้ จนกระทั่งเจ้าจากข้าไปตลอดกาล ข้าจึงได้รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติ ข้าขอโทษ เหตุใดข้าจึงมิรู้ให้เร็วกว่านี้” เขากอดคนรักให้แน่นกว่าเดิม “นั่นเป็นเพราะข้ามิใส่ใจเจ้าให้มากกว่านี้ใช่หรือไม่”
“มิใช่เช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตาของข้า ท่านเป็นหมอที่ดียิ่งและท่านยังเป็นสาทีที่ดีที่สุดในใต้หล้า” ไฉ่ฮวานึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้นที่แท้จริงแล้วผู้วางยาพิษนางมิใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นบุพการีแท้ๆ ของเขา นางมิต้องการให้คนรักรู้สึกสึกแย่ไปมากกว่านี้ จึงเลือกผลักดันความผิดไปให้โชคชะตา ยอมนำความจริงหายไปพร้อมกับตนเอง
“ฮวาเออร์ยังคงมีจิตใจดีมิเคยเปลี่ยนแปลง แม้แต่คนที่ทำให้เจ้าตกตายไปยังมิโกรธเคือง แต่กระนั้นข้าก็มิอาจให้อภัยนางได้”
“ท่าน!” ดวงตาสวยเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“ข้าขอโทษที่มิอาจทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าได้ ฮวาเออร์ข้าผิดต่อเจ้ามากเหลือเกิน”
ไฉ่ฮวาหลับตาลงก่อนจะพูดสิ่งที่ตนต้องการบอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายออกไป “ท่านพี่อย่าได้จมอยู่ในความทุกข์อีกเลย จากนี้จงใช้วิชาแพทย์ออกรักษาผู้คนอย่างที่ท่านปรารถนาเถิด ถึงอย่างไรข้าก็ตายไปแล้ว อีกทั้ง…ท่านแม่ก็ได้รับกรรมแล้ว” วิญญาณหญิงสาวนึกถึงแม่สามีที่บัดนี้ต้องจมอยู่แต่กับความทุกข์เพราะบุตรชายมิยอมพบหน้ามาหลายปีแล้ว 'นี่ทรมานยิ่งกว่าจากตายเสียอีก'
“ข้าจะเชื่อฟังฮูหยิน” เขาสำรวจใบหน้างามของคนรัก เพื่อจดจำให้ได้มากที่สุด เผื่อว่าชาติหน้าจะตามหานางพบ
“ข้าต้องไปแล้ว” นางเอ่ยเบาๆ
“ไฉ่ฮวา ชาติหน้าเรามาพบกันอีกคราได้หรือไม่” นัยน์ตาคมสอดประสานดวงตาสวยที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“เจ้าค่ะ”
เมื่อสิ้นคำพูดผู้เป็นที่รัก ดวงวิญญาณของนางก็ได้สลายหายไปราวกับมิเคยมีมาก่อน ทั้งตัวเขายังได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นจึงรู้ว่าหมดเวลาสำหรับผู้เป็นภรรยาและตัวเขาแล้วจริงๆ เพียงแต่เขามิอยากตื่นไปอยู่กับความเป็นจริงเลยสักนิด แต่กระนั้นก็จำต้องตื่นขึ้นตามคำเรียก เพื่อไปทำตามสิ่งที่ได้รับปากนางไว้ นั่นคือการออกรักษาผู้คนและไม่จมอยู่กับความทุกข์ เผื่อว่าวันหนึ่งนางมองลงมาจากฟากฟ้าจะได้เห็นว่าเขาสุขสบายดี