นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
จีน,ชาย-หญิง,รัก,ย้อนยุค,นางเอกเก่ง,อนาคต,อดีต,จีนโบราณ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นางมีสัมผัสสวรรค์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จึงเปิดสำนักดูดวงโดยมีบริวารผีเป็นหน่วยสอดแนม ในที่สุดสำนักดูดวงของนางก็มีชื่อเสียงขจรไปไกล
ผู้แต่ง
หัตถ์หทัย
เรื่องย่อ
‘ไป๋อี้โยว’ หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หลิน
ได้รับคำสั่งให้ออกตามหาชินอ๋องผู้เป็นอนุชาอันเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้
“หากเจ้าดูดวงแม่นจริง เช่นนั้นเจ้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าคนที่ข้าตามหาอยู่ที่ใด”
‘เยว่ซิน’ หมอดูที่ร่ำลือกันว่าแม่นอย่างกับตาเห็น แท้จริงแล้วนั้นนางไม่ได้ดูดวงเป็นแต่อย่างใด หากแต่นางมีสัมผัสสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี ทั้งยังมีบริวารผีทั้งหลายที่คอยสอดแนมเรื่องราวชาวเมืองมาให้นางต่างหากล่ะ
“คิดมิถึงว่าท่านองครักษ์ผู้เกรียงไกรก็เป็นทาสแมวกับเขาด้วย”
°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°°
นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ ทั้งตัวละครและสถานที่ต่างๆเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน
ครั้นเข้าสู่เดือนยี่ ความหนาวเย็นเริ่มคลายตัวลง สัตว์บางชนิดเริ่มกลับมาออกหากินอันเป็นสัญญาณว่าฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว รถม้าขนาดกลางคันหนึ่งวิ่งลัดเลาะไปตามไหล่เขาลงมาเรื่อย ๆมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง เมืองแห่งความเจริญที่ผู้คนมากมายต่างเข้าไปแสวงหาความร่ำรวยที่นั่น แต่รถม้าคันนี้นั้นแตกต่างออกไป เพราะพวกเขามิได้ต้องการเข้าไปเสี่ยงโชคในเมืองหลวง เพียงแต่กำลังเดินทางกลับบ้านเกิดเท่านั้น
“ท่านพ่ออยากพักสักหน่อยไหมเจ้าคะ” ผู้เป็นบุตรเอ่ยถามบิดาตนที่นั่งเงียบมาตลอดทาง นางมิอาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังตื่นเต้นหรือกังวลใจกันแน่
“ไปต่อเถอะ หนทางยังอีกยาวไกลนัก ข้ายังแข็งแรงดี เจ้าอย่าได้กังวลไป” เขาหัวเราะในลำคอ
“ในเมืองหลวงเป็นเช่นไรหรือขอรับ” สวี่หยางมองหน้าผู้เป็นบิดา
“ที่นั่นเป็นดั่งเมืองสวรรค์แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกลายเป็นเมืองนรกได้เช่นกันหากเจ้ามิระวังตัวให้ดี” น้ำเสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมา
“เช่นนั้นลูกจะระวังตัวให้ดีขอรับ”
รถม้าขนาดกลางพาพวกเขาสามพ่อลูกออกเดินทางวันแล้ววันเล่า บางคราก็ผ่านเมืองเล็กๆที่กำลังครึกครื้นเพราะเป็นช่วงเริ่มต้นนักษัตรใหม่ ทำให้ตามประตูบ้านเรือนต่างประดับประดาไปด้วยอักษรภาพคำว่า ‘ชุน’ เพื่อขอให้โชคดี
“หยุด! พวกเรากำลังตามจับนักโทษหลบหนี มีคำสั่งให้ค้นรถม้าที่ผ่านไปมาทุกคัน ผู้โดยสารบนนั้นช่วยลงมาด้านล่างด้วย” เสียงชายหนุ่มน่าเกรงขามดังมาจากทางด้านหน้ารถม้า
ทว่าคนด้านในรถม้าต่างเงียบงันเนื่องจากรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ ทั้งบริเวณนี้ยังเป็นเส้นทางป่าที่เงียบสงบ หากพูดไปแล้วก็นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การลงมือบางสิ่ง โชคดีที่เยว่ซินรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขาแต่แรกแล้ว จึงมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
“ขออภัยใต้เท้าเจ้าค่ะข้าคงมิอาจลงไปได้ เนื่องจากบิดาของข้าร่างกายมิค่อยแข็งแรงนัก แต่มีใจอยากพาข้าและน้องชายไปเยี่ยมครอบครัวท่านแม่ที่เพิ่งตายจากไปเท่านั้น” นางเสียงทำเสียงสั่นคล้ายกับคนจะร้องไห้ “ทั้งรถม้าคันนี้มิมีคนที่ท่านตามหาหรอกเจ้าค่ะ ใต้เท้าได้โปรดเปิดทางให้ข้าด้วยเถิด”
เขามองมือเรียวสวยที่โผล่พ้นออกมาจากรถม้าเล็กน้อย “คงจะมิได้หรอกนะแม่นางน้อย ข้าก็ได้รับคำสั่งมาเช่นกัน เจ้าลงมาดีๆ เถิด อย่าให้ข้าต้องใช้กำลังเลย”
เป่าฉือที่นั่งอยู่ด้านข้างคนบังคับรถม้าสบตากับอาเซี่ยอย่างรู้กัน ก่อนจะเอ่ยห้วนๆ กับคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนหลังอาชาตัวใหญ่ “คุณหนูข้าบอกแล้วว่ามิมีคนร้ายอยู่บนรถม้า ใต้เท้าจะรังแกประชาชนหรือเจ้าคะ”
“เช่นนั้น...ข้าคงต้องล่วงเกินพวกเจ้าแล้ว” มือหนาดึงดาบยาวคมกริบออกจากฝักแล้วใช้วิชาวรยุทธ์พุ่งทะยานไปยังรถม้าด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังให้คนที่อยู่ด้านในเปิดเผยตัวออกมา
เคร้ง!แต่ทว่ากลับมิเป็นไปตามใจหวัง เนื่องจากอาเซี่ยที่ที่ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้วได้นำอาวุธคู่กายออกมาขวางทางเอาไว้ “เจ้าต้องการอะไรกันแน่!” เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว
“อีกเดี๋ยวก็ตายแล้วจะถามไปไย ฆ่าให้หมดห้ามให้เหลือรอด!” เขาประกาศกร้าว ทำให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังและนักฆ่าที่ซุ่มรออยู่ปรากฏตัวออกมาตามคำสั่ง ก่อนเขาจะฉวยโอกาสออกแรงถีบเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแรงจนร่วงหล่นรถม้าไป เป่าฉือเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ถกชายกระโปรงแล้วรวบรวมแรงไปที่ฝ่าเท้าก่อนจะยันคนแปลกหน้าให้ร่วงหล่นตามอาเซี่ยลงไป
“เจ้า!” เขาสบถอย่างหัวเสียเพราะมิคิดว่าสาวใช้ธรรมดาจะมีวิชาต่อสู้เช่นกัน
ทางด้านไป๋อี้โยวที่รออยู่ก่อนแล้วก็ได้มีนักฆ่าเงาชุดดำพุ่งทะยานออกมาหลายสายเช่นกัน เพียงแต่ชุดดำของพวกเขานั้นมีตราสัญลักษณ์บางอย่างที่ปักเอาไว้ หากมองให้ดีจะพบว่ามันคือลายปักพยัคฆ์ขาวอันเป็นเครื่องหมายขององค์รัชทายาทหลินจงจื้อนั่นเอง
ในขณะที่ด้านนอกรถม้าเต็มไปด้วยเสียงการปะทะของดาบเหล็กกล้า แต่ทว่าคนที่อยู่ในรถม้ากลับยังคงนั่งนิ่งสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หานฉีจัดการได้เลย” นางส่งกระแสจิตไปยังบริวารผีผู้เก่งกาจ
ทันใดนั้นเองท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดลงราวกับจะเกิดพายุฝน ต้นไม้น้อยใหญ่ล้วนถูกลมพัดโหมกระพือจนสั่นไหวไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ทั้งยังมีเสียงประหลาด ลอยมาตามสายลม แต่ทว่าน่าแปลกที่มีเพียงฝั่งตรงข้ามที่ได้ยินเสียงนั้น
วี๊ดดด..วี๊ดดด...
“เสียงอะไรกัน!” ผู้เป็นหัวหน้าขมวดคิ้วยุ่ง มองดูนักฆ่าฝั่งตนปล่อยมีดดาบทิ้งลงข้างตัว ทั้งยังยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้อย่างทรมาน บ้างก็ถึงกับทรุดตัวนอนกับพื้นดินอย่างทุรนทุราย ส่วนตัวเขาเองก็ได้ยินประหลาดนั้นดังเข้ามาในโสตประสาทเรื่อย ๆ ไม่นานก็มีอาการไม่ต่างจากคนอื่นๆ
นักฆ่าเงาขององค์รัชทายาทต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง แต่กระนั้นไป๋อี้โยวและคนสนิทรวมไปถึงเป่าฉือต่างรู้ดีว่าเป็นฝีมือของหญิงสาวที่อยู่ในรถม้าอย่างแน่นอน แม้พวกเขาก็มิคิดเอ่ยถามให้มากความ
เมื่อฝั่งตรงข้ามพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพแล้ว รถม้าจึงได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าทิ้งคนร้ายที่ถูกส่งตัวมาเอาไว้ด้านหลังอย่างมิไยดี ส่วนนักฆ่าเงาก็ได้กลับไปทำหน้าที่ของตนเองอยู่ในความมืดอีกครั้ง
“ดูท่าพวกมันคงมิอยากให้ข้ากลับไป” มือหนารับน้ำชาหอมกรุ่นมาจากบุตรสาว
“อัครเสนาบดีหยางหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ดูท่าคงกลัวว่าเรื่องในปีนั้นจะถูกเปิดเผย เช่นนี้ข้าควรแกล้งความจำเสื่อมต่อไปเช่นเดิม เจ้าคิดเห็นเช่นไร” เขาเอ่ยถามคนที่ขี่ม้าขนาบข้างยานพาหนะขนาดกลางเอาไว้
“ข้าเห็นดีด้วยกับท่านขอรับ เช่นนี้เขาก็จะลดความระแวงลงไปบ้าง”
“จากนั้นเราก็จะทำตามแผนการได้ง่ายขึ้น” หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ
อีกฟากหนึ่งในเมืองหลวงยังจวนพระราชทานขนาดใหญ่ของอัครเสนาบดีหยางเวิน บัดนี้ผู้เป็นเจ้าของกำลังนั่งจิบชารอฟังข่าวดีอยู่ที่ห้องโถงกว้างอย่างสบายใจ
“เรียบร้อยดีใช่หรือไม่” เขามองคนมาใหม่ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างใจเสีย
“เอ่อ...” ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากมิรู้ว่าจะชี้แจงนายตนอย่างไรให้ถูกลงโทษน้อยที่สุด
“ว่าอย่างไร!” เขาตะคอกเสียงดัง
“ทางนั้นแจ้งข่าวมาว่างานมิสำเร็จขอรับ!” ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกไปรัวเร็ว แล้วนึกถึงผลที่จะตามมา เพราะยามปกติแล้วชายสูงวัยตรงหน้านี้มักมีอารมณ์รุนแรงและชอบลงโทษบ่าวไพร่อย่างทารุณ มิสนว่าเป็นเด็กหรือคนแก่ แต่ทว่ายามอยู่ด้านนอกจวนเขาจะกลายเป็นคนจิตใจดี เห็นอกเห็นใจประชาชน ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จึงได้ชื่อว่าเป็นขุนนางมือสะอาดและเป็นที่รักของประชาชนเสมอมา
“มิสำเร็จอย่างนั้นหรือ...ข้าบอกแล้วนี่ว่าต้องสำเร็จเท่านั้น!” หยางเวินหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาอย่างแรง “ เจ้าไปนำใบหูซ้ายพวกมันทุกคนมาให้ข้า โทษฐานมิเชื่อฟัง ไป!” ดวงตาแข็งกร้าวลืมขึ้นแล้วมองไปยังคนที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“ขอรับ” ชายหนุ่มผู้เป็นบ่าวกุลีกุจอเร่งฝีเท้าออกไปทางด้านหลังของจวนพร้อมทั้งนำคนติดตามไปด้วยจำนวนหนึ่ง
**เดือนยี่ตามปฏิทินจีน