ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยามบ่าย ณ ตลาดท่าเรือแห่งหนึ่งของนครไพสารีซึ่งมีชื่อว่าตลาดท่าจันทคาม ที่มาของชื่อเป็นเพราะตลาดอยู่ติดกับหมู่บ้านจันทคามซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ลำเภาจันทร์อาศัยอยู่
ชาวบ้านทั่วไปมิค่อยมาเดินชมตลาดแห่งนี้กันนัก เพราะของมักมีราคาแพงจนเกินความจำเป็น แม้จะดูแปลกตาน่าสนใจแต่ก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นคนที่มาเดินชมส่วนใหญ่จึงเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนางหรือคนมีเงินที่ต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยได้โดยมิต้องกังวลเรื่องเงินๆ ทองๆ ของตน
"น้องเภา เจ้าเจอสิ่งใดที่ถูกใจแล้วหรือไม่" เอกาทศเอ่ยถามน้องชายสุดน่ารักของตน ดวงตาที่ขวางเป็นธรรมชาติมองน้องชายตัวน้อยที่กำลังมองไปโดยรอบอย่างเงียบๆ พลางอมยิ้ม เอาล่ะ! วันนี้ตนจะต้องทำให้น้องชายที่สุดแสนจะยิ้มยากยิ้มให้ได้เลย! คอยดู! หากน้องชายของตนยิ้ม ต้องน่ารักน่าชังมากแน่!!
"...ข้ายังมิเจอเลยขอรับท่านพี่" ลำเภาจันทร์เอ่ยตอบพี่ชายคนที่ ๑๑ พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ แม้ของที่เห็นจะดูแปลกตา แต่เขาที่มาจากยุคปัจจุบันไม่ค่อยต้องการใช้มันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ แจกัน เชิงเทียน ถ้วยชามกระเบื้อง หรือผ้าแพรต่างๆ ทุกอย่างล้วนไม่จำเป็นสำหรับเขาทั้งนั้น
"เจ้าเตี้ย เจ้าจะเรื่องมากไปไย เจ้าก็แค่เลือกสิ่งที่เจ้าอยากได้จากนั้นก็ใช้เงินของเจ้าเอกาทศจ่ายไปเสียให้หมด ง่ายจะตายไปมิใช่รึ" โททวีเอ่ยยุน้องชายคนเล็กที่อยู่ตรงกลางระหว่างตนกับเจ้าเอกาทศด้วยน้ำเสียงยุแหย่ ตนละหมั่นไส้จริงๆ กับที่ไปที่มาของเงินเจ้าเอกาทศ! โชคดีที่ตนนั้นมิได้โง่เขลาเหมือนน้องชายคนที่ ๘!
"พี่โททวี ท่านด่าข้าว่าเตี้ยมาหลายคราวแล้วหนา" ลำเภาจันทร์มองพี่ชายคนที่ ๒ ที่เดินอยู่ทางด้านซ้ายด้วยหางตาอย่างไม่ได้จริงจังนัก อีกฝ่ายปากไม่ดีเขาเข้าใจได้ แต่การที่เขาตัวเล็กกว่าพี่ๆ ทั้งสี่คนแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะต้องการซะหน่อย
"หึ ก็แล้วมันมิจริงหรือ เจ้าเตี้ยปานนี้ แขนก็สั้นขาก็สั้น" โททวียิ้มขำเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กเริ่มแสดงสีหน้ามิพอใจ น้อยครั้งนักที่น้องชายผู้นี้จะแสดงอารมณ์อื่นออกมา นอกจากใบหน้าที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกรู้สา ตนจึงมักจะแกล้งให้น้องชายคนเล็กอารมณ์เสียเพื่อแสดงอารมณ์อื่นๆ ออกมาบ้าง อีกอย่างมีอยู่หลายครั้งที่ตนนั้นนึกหมั่นไส้เพราะน้องชายผู้นี้ชอบเมินคำแหย่ของตนอยู่เสมอ ราวกับว่าตนนั้นมิได้เอ่ยกับเจ้าตัวเลยสักนิด
"ในหมู่พี่น้องมิได้มีเพียงข้าที่ตัวเตี้ยเสียหน่อย และข้าก็หาใช่คนที่เตี้ยที่สุดไม่" ลำเภาจันทร์เอ่ยเถียงออกมาแม้จะรู้ว่าพูดไปก็คงไม่เข้าหูพี่ชายผู้นี้
"อ๋อ อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้ามิเรียกเจ้าว่าเตี้ยก็ได้ แต่จะเรียกเจ้าว่าสั้นแทนเป็นอย่างไร" โททวีเอ่ยหยอกล้อก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มกลมๆ ของน้องชายเบาๆ จนมันขึ้นสีเป็นรอยแดงน่ารักด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งได้เห็นหัวคิ้วน้อยๆ ขมวดมุ่นนิดๆ โททวีก็ยิ่งสุขใจที่สามารถแกล้งน้องชายคนเล็กได้สำเร็จ
"เจ้า อย่าเอามือสกปรกๆ ของเจ้ามาจับผิวแก้มน้องเภาของข้า" เอกาทศเอ่ยกับพี่ชายคนที่ ๒ ด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ขนาดตนนั้นยังมิกล้าจับ แล้วพี่ชายผู้นี้เป็นผู้ใดกันถึงได้ช่างกล้า
"เจ้าควรบ้าให้มันน้อยลงเสียหน่อยเจ้าเอกาทศ เจ้าสั้นนี่ก็เป็นน้องชายของข้าด้วยเช่นกัน" โททวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนบาทาอย่างมิคิดยินยอม
"นี่พวกเจ้า เชิญเถียงกันต่อไปเลยก็แล้วกันหนา เจ้าอัฐเจ้าไปเป็นเพื่อนข้าหน่อย ข้าอยากรีบไปดูเครื่องดนตรีที่ว่าแล้ว" ฉะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะเถียงกันอีกครั้ง และเมื่อเอ่ยจบก็รีบลากน้องชายคนที่ ๘ ให้ไปกับตนด้วยทันที โดยมิคิดฟังความเห็นของอีกฝ่ายเลยสักนิด อัฐเองก็เดินตามแรงจูงของพี่ชายคนที่ ๖ ไปอย่างเด๋อด๋า เพราะเจ้าตัวยังคิดตามมิทัน
"...." ลำเภาจันทร์เหลือบมองตามพี่ชายคนที่ ๖ และคนที่ ๘ ที่กำลังเดินจากไปนิ่งๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะตามไปด้วย และคิดในใจว่าพวกท่านอย่ามาทิ้งคนน่ารำคาญสองคนเอาไว้ให้ข้าได้หรือไม่ ข้าเป็นน้องเล็กสุดนะ เฮ่ออ! ลำเภาจันทร์ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัวเมื่อพี่ชายทั้งสองคนที่ยืนขนานข้างทั้งซ้ายขวายังมิยอมหยุดเถียงกันเสียที ก่อนจะมีเสียงทุ้มของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาด้านหน้า
"นี่เจ้า ทำหน้ามุ่ยเชียว อยากทานนี่หรือไม่"
"...." ลำเภาจันทร์มองสิ่งที่ถูกยื่นมาตรงหน้า มันคือขนมหวานที่มีชื่อเรียกว่าทองหยอดซึ่งจัดอยู่ในกระทงใบตองแลดูสวยงามและน่าทานยิ่งนัก ดวงตากลมโตที่เรียบนิ่งเหลือบขึ้นมองช้าๆ ว่าผู้ใดที่ยื่นมันมาให้เขา
คนตรงหน้าเป็นคนที่ลำเภาจันทร์เคยเห็นอยู่ครั้งหรือสองครั้งเพราะอยู่เรือนใกล้ๆ กัน อีกฝ่ายมีชื่อว่า "แทนคุณ" เป็นเด็กชายวัย ๑๐ ปี ซึ่งตัวสูงใหญ่กว่าพวกเขาอยู่มาก ด้านหลังมีเด็กชายสองคนเดินตามมาติดๆ คาดว่าน่าจะมาด้วยกันกับแทนคุณ คนหนึ่งตัวพอๆ กับท่านพี่เอกาทศ มีชื่อว่า "ทันคุณ" เป็นน้องชายของแทนคุณอายุประมาณ ๗ ขวบ ส่วนอีกคนตัวสูงไล่เลี่ยกับแทนคุณ อยู่เรือนใกล้ๆ เรือนของพวกเขาด้วยเช่นกันชื่อ "อู๋ซือ" เป็นเพื่อนสนิทของแทนคุณเพราะมีอายุเท่าๆ กัน
"เอามาให้ข้ารึ ขอบใจมาก" เอกาทศที่เห็นว่ามีคนหน้าตาไม่ดีเอาขนมมาให้น้องชายสุดน่ารักของตนก็รีบแย่งขนมมากินเองทันทีอย่างหน้าไม่อาย และลืมการทะเลาะกับพี่ชายคนที่ ๒ ไปเสียสิ้น
"...นั่นข้าเอามาให้น้องเภา" แทนคุณเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิสบอารมณ์
"เหอะ เจ้าเตี้ยของเรามิกินของผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้าดอกหนา เก็บความหวังดีปลอมๆ ของเจ้า เอาไปใช้กับแม่นางผู้นั้นเสียเถอะ เอ~ ชื่อแม่นางอะไรน้าา อ้อ! แม่นางน้อยจันทร์หอม บุตรสาวคนเล็กของผู้ใหญ่บ้าน คู่หมั้นคู่หมายของเจ้าอย่างไรเล่า" โททวีเอ่ยด้วยท่าทียียวนกวนประสาท จากที่กำลังเถียงกันกับน้องชายคนที่ ๑๑ ก็ต้องพักยกมาร่วมมือกันเสียก่อน เพราะตนนั้นก็มิค่อยชอบหน้าบุรุษผู้นี้เช่นกัน คิดจะมาเกี้ยวพาราสีน้องชายคนเล็กของพวกตนทั้งๆ ที่มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว เช่นนี้น้องชายของตนจะถูกมองว่าเช่นไร!?
"...ข้าหาใช่อยากหมั้นหมายกับนางไม่ ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันเองทั้งนั้น" แทนคุณเอ่ยเสียงเข้มเมื่อรู้สึกโกรธขึ้นมา แต่ตนก็ยังคงต้องระงับสติอารมณ์เอาไว้ เพราะหากก่อเรื่องขึ้นละก็ท่านพ่อคงมิปล่อยตนไว้แน่
"แต่ก็ถือว่าเป็นคู่หมายกัน ข้ามิมีทางยอมรับชายเช่นเจ้ามาเป็นน้องเขยแน่" เอกาทศกล่าวหลังจากที่ทนกินขนมที่แสนหวานเลี่ยนเสร็จ "ชายผู้มีคู่หมายอยู่แล้ว แต่กลับยังคงเหลียวแลผู้อื่นอยู่เช่นนี้ เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติคู่ควรกับน้องเภาของข้าหรือไร?"
"พวกเจ้า! อย่าได้มาเอ่ยวาจาเช่นนั้นกับพี่ชายของข้า! ท่านพี่ของข้าทั้งเก่งทั้งฉลาด ในอนาคตต้องได้เป็นชายชาติทหารดั่งท่านพ่อ หากจะมีเมียสองหรือสามคนก็มิเห็นแปลกอันใด อีกอย่างเจ้าเภาของพวกเจ้าสามารถท้องได้หรือ" ทันคุณที่เห็นพี่ชายของตนโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวก็รีบเอ่ยปกป้องทันที
"เงียบเสียทันคุณ" แทนคุณหันไปดุน้องชายของตนเสียงเข้ม เมื่อคำกล่าวที่น้องชายของตนเอ่ยออกมาดูมิเหมาะสมยิ่งนัก
"แต่พวกมัน! - ข ขอรับท่านพี่" ทันคุณกำลังจะมิยอมแต่เมื่อหันไปสบสายตาดุๆ ของพี่ชายก็ต้องนิ่งเงียบลงทันที
"ไม่เอาน่าไอ้แทน อย่างดุน้องมันเลย เอ็งมาซื้อของให้ที่บ้านมิใช่รึ ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะค่ำมืดเอาเสียก่อน น้องเภาไว้เจอกันใหม่หนา หากเจ้าว่างยามใดเจ้าสามารถมาเล่นกับพวกข้าได้ทุกเมื่อ" อู๋ซือ เด็กชายสัญชาติจีนที่ครอบครัวอพยพมาตั้งรกรากที่เมืองสยามเอ่ยกับสหายสนิทของตนในช่วงแรก ก่อนที่ช่วงหลังจะหันไปเอ่ยกับเด็กชายตัวขาว และหลังจากเอ่ยจบก็รีบดันไหล่ของสหายและน้องชายของสหายให้ออกไปทันที เพราะหากปล่อยไว้นานๆ ตนก็มิรู้ว่ายามใดจะได้ไปซื้อของกัน
"เหอะ! ข้าละชังขี้หน้าพวกมันสองคนเสียจริง คิดว่าตนเองมีพ่อเป็นทหารยศสูงแล้วจะอวดดีที่ใดก็ได้หรือไร" โททวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหม็นเบื่อพร้อมกับเบะปากมองบน ตนเองเคยดวลดาบไม้กับชายที่มีชื่อว่าแทนคุณอยู่หลายครั้ง อีกฝ่ายโตกว่าตนมากแต่กลับเคยพ่ายแพ้ตนมาแล้วประมาณ ๒-๓ ครั้ง และยามที่พ่ายแพ้ก็มักจะเก็บอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองเอาไว้มิอยู่ ทำสีหน้าน่าเกลียดมิยอมแพ้ออกมา หึ ช่างน่าตลกเสียจริง
"น้องเภา เจ้าอย่าได้คิดไปสนใจชายเช่นนั้นหนา เข้าใจหรือไม่" เอกาทศเอ่ยกับน้องชายสุดน่ารักของตนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดจริงจัง น้องชายของตนใสซื่อบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ หากโดนหลอกล่อไปจะทำเช่นไร!?
"...ท่านพี่ พวกท่านมิคิดหรือว่าคุยกันเรื่องนี้ในยามนี้มันเร็วเกินไป ข้าพึ่งอายุ ๕ ขวบปีเองหนา" ลำเภาจันทร์เอ่ยอย่างอ่อนใจปนเบื่อหน่ายก่อนจะเริ่มก้าวเดินต่อเพราะพวกเขาหยุดอยู่กับที่นานแล้ว
จากที่ลำเภาจันทร์สังเกตมา เด็กที่นี่โตกันไวมาก มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งหาได้น้อยมากในยุคปัจจุบันที่พ่อแม่จะประคบประหงมลูกมากเกินไป และคนที่นี่ก็แต่งงานกันเร็วมากเช่นกัน น้อยสุดที่เขาเคยเห็นคืออายุเพียง ๑๓ ปีก็แต่งงานออกเรือนกันแล้ว
"นั่นสิ เจ้าเตี้ยเอ่ยถูก มันเร็วเกินไปจริงๆ" โททวีพยักหน้าเห็นด้วย "เอาเป็นว่าช่างเรื่องทุกอย่างมันไปเถอะ ยามนี้พวกเราไปดูของกันดีกว่า เจ้าเอกาทศจ่าย!"
"ข้าจ่ายให้แค่น้องเภาคนเดียวเว้ย" เอกาทศเอ่ยแย้งขึ้นมาทันควัน
"เหอะ ขี้เหนียวเสียจริง" โททวีเอ่ยอย่างมิจริงจัง ก่อนจะหันไปขยี้ผมน้องชายคนเล็กสุดเพื่อกลั่นแกล้งด้วยความหมั่นไส้ ตัวแค่นี้แต่กลับเป็นที่สนใจของผู้อื่นนักแล ยามใดที่พวกตนไปเล่นกับเด็กบ้านอื่น ก็มักจะมีคนคอยถามหาน้องชายคนเล็กของตนอยู่เป็นประจำ คงเพราะจุดเด่นของเส้นผมและสีดวงตาที่แตกต่างจากคนอื่นกระมังที่ทำให้ถูกผู้คนจดจำ แม้ว่าน้องชายคนเล็กผู้นี้ของตนจะมิค่อยออกจากเรือนเลยก็ตามที
"...." ลำเภาจันทร์เหลือบมองพี่ชายคนที่ ๒ เขาไม่ได้เอ่ยว่าอะไรออกมา แต่กลับเลือกเอียงคอหนีเป็นการบอกใบ้ว่าเขาไม่ให้ลูบแล้ว ซึ่งพี่ชายผู้นี้ก็ไม่ได้คิดแกล้งต่อ ยอมเอามือออกทว่าก็มีท่าทีขัดใจเล็กน้อย
การเดินตลาดครั้งนี้เหมือนการเดินเล่นเสียมากกว่าเพราะไม่ค่อยมีของอะไรที่น่าถูกใจสักเท่าไหร่ แต่บรรยากาศที่นี่ยามนี้นับว่าดีทีเดียว ทางด้านซ้ายมีเรือสำเภาขนาดใหญ่หลายลำจอดเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบอยู่เหนือผิวน้ำทะเล ท้องนภาที่ใกล้เป็นสีส้มเพราะอาทิตย์อัสดงใกล้ลับฟ้า ผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยก็มิได้เบียดเสียดกันเกินไป เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว จึงทำให้ที่นี่ดูสงบสุขและสบายตามากๆ นานๆ เขาจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตา จึงรู้สึกดีมิน้อยเลยจริงๆ
"น้องเภา หากน้องยังมิมีสิ่งใดถูกใจ เช่นนั้นพวกเราไปซื้อขนมหวานตรงนั้นกินกันดีหรือไม่ ดูแล้วคงเป็นขนมหวานจากเมืองอื่น กลิ่นหอมน่ากินยิ่งนัก น้องคงชอบ" เอกาทศที่เห็นว่าน้องชายยังมิสนใจสิ่งใดจึงเสนอขึ้น แม้ว่าน้องชายสุดน่ารักของตนจะมิค่อยสนใจสิ่งอื่น แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่น้องชายผู้นี้ของตนชื่นชอบอยู่เสมอคือขนมหวาน และมันก็เป็นสิ่งเดียวที่พวกตนเหล่าพี่ๆ เอามาล่อหลอกน้องชายคนเล็กอยู่บ่อยๆ
"...ขอรับ" ลำเภาจันทร์พยักหน้าเบาๆ ดวงตากลมเรียบนิ่งมองไปที่ร้านขายขนมแผงลอยข้างทางฝั่งขวา กลิ่นหอมหวานของขนมลอยออกมาไกลถึงตรงที่พวกเขายืนอยู่ ทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างไม่รู้ตัว
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นเรารีบไปซื้อกันเถอะ" เอกาทศที่เห็นแก้มกลมๆ ของน้องชายขยับขึ้นเพราะกลืนน้ำลายก็หัวเราะร่าออกมาทันที ก่อนจะรีบจูงมือน้องชายตัวน้อยไปที่ร้านขนม "ท่านลุง ท่านขายเช่นไรหรือขอรับ" เอกาทศเอ่ยถามพ่อค้าร้านขนมซึ่งดูแล้วคงมิใช่คนสยามอย่างแน่นอน อีกฝ่ายอยู่ในวัยกลางคน มีจมูกโด่งยาว เส้นผมสีทองอ่อนๆ หม่นๆ น่าจะเป็นคนต่างถิ่นฐาน
"๘ ชิ้น ๑๕ เบี้ย พวกเจ้าอยากลองซื้อไปทานดูดีไหม ข้าแถมให้อีก ๒ ชิ้นเลยหนา" พ่อค้าเอ่ยตอบด้วยสำเนียงที่แปร่งเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลาแลดูเป็นคนใจดีและรักเด็ก
"มันคือขนมอันใดหรือขอรับ" โททวีเอ่ยถามด้วยความสงสัย กลิ่นของมันช่างหอมหวานยิ่งนัก หอมเสียจนตนเองก็อยากจะลิ้มลองมันเช่นกัน รูปร่างของขนมคล้ายเปลือกหอยมีสีเหลืองนวลน่าทานอย่างยิ่ง
"มันคือมาเดอลีนหรือขนมไข่ เป็นขนมจากบ้านเกิดข้า ทำจากแป้ง ไข่และเนย มีกลิ่นและรสชาติที่หอมหวานละมุนมากทีเดียว หากพวกเจ้าได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจจนมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน!" พ่อค้าร้านขนมเอ่ยแนะนำขนมของตนเสียยาวเหยียด เพื่อให้เหล่าเด็กชายตัวน้อยอยากลิ้มลองขนมหวานตรงหน้าที่แสนหอมหวาน
"เช่นนั้นข้าขอซื้อ ๒ กระทงขอรับ" เอกาทศเอ่ยกับท่านลุงตรงหน้าพร้อมกับชูสองนิ้วว่าตนเอาสองชุด ชุดหนึ่งตนจะให้น้องชายสุดน่ารัก ส่วนอีกชุดตนจะเอาไปแบ่งกินกับพี่น้องอีก ๓ คน เพราะตนมิค่อยชอบทานขนมหวานนัก ทั้งพวกเขาพี่น้องคนอื่นก็มิค่อยชอบทานเช่นกัน ดังนั้นกระทงเดียวก็น่าจะพอ
"ได้เลย รอข้าสักครู่ ขนมกำลังร้อนๆ น่ากินเลยทีเดียว เจ้าซื้อ ๒ กระทง เช่นนั้นข้าจะแถมให้พวกเจ้าสี่ชิ้นเลย" ว่าแล้วพ่อค้าก็หันไปตักขนมใส่กระทงใบตองแล้วส่งให้พวกเขา เอกาทศจึงจ่ายหอยเบี้ยในถุงเงิน ๓๐ อัน ก่อนจะยื่นขนมไปให้น้องชายคนเล็กหนึ่งกระทงทันที
"ขอบคุณขอรับ" ลำเภาจันทร์รับกระทงใบตองที่ด้านในมีขนมอุ่นๆ หอมๆ มาไว้ในมือ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น พอขนมเข้าปาก ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็เผลออมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยอย่างมิรู้ตัวด้วยความถูกใจ
"อร่อยขนาดนั้นเชียวรึ?" โททวียื่นมือไปบีบแก้มน้องชายคนเล็กเล่นด้วยความมันเขี้ยว ตนเฝ้าดูน้องชายผู้นี้อยู่ตลอดจึงยิ้มตามออกมาอย่างมิรู้ตัวเช่นกัน
"พี่โททวี ท่านลองทานดูสิขอรับ" ลำเภาจันทร์ตั้งใจจะแบ่งขนมในกระทงให้พี่ชายคนที่ ๒ และไม่สนใจที่อีกฝ่ายแกล้งบีบแก้ม เพราะพี่ชายผู้นี้ชอบแกล้งเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"น้องเภาเจ้ากินเถิดเดี๋ยวมิอิ่ม ให้โททวีมากินกับพี่เอา" เอกาทศเอ่ยขัด วันนี้ตนได้เห็นรอยยิ้มของน้องชายสุดน่ารักแล้ว เพียงเท่านี้ตนก็รู้สึกพึงพอใจมาก
"เหอะ กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วนเป็นหมูเหมือนเจ้าจตุรงค์หรอก" โททวีเอ่ยเย้าโดยพาดพิงถึงน้องชายคนที่ ๔ ที่เอาแต่กินแล้วก็นอนจนยามนี้เจ้าน้องชายผู้นั้นจะเหมือนหมูอยู่แล้ว
"น้องเภา น้องอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกา น้องกินแล้วมิอ้วนดอกเพราะน้องมิได้ชอบนอนเอื่อยเฉื่อยเหมือนจตุรงค์เสียหน่อย" เอกาทศรีบเอ่ยขัด เพราะกลัวว่าน้องชายสุดน่ารักจะมิยอมกินขนมที่ตนซื้อให้ ก่อนจะหันไปส่งสายตาแค้นเคืองแก่พี่ชายคนที่ ๒
"นี่พวกเจ้ายังมิหยุดทะเลาะกันอีกหรือ?" ฉะเดินเข้าไปหาพี่น้องของตนหลังจากไปดูเครื่องดนตรีที่สนใจจนพอใจแล้ว ส่วนทางด้านหลังเองก็มีอัฐเดินตามมาอย่างห่อเหี่ยว ดูแล้วคงมิค่อยสนุกกับการไปดูเครื่องดนตรีกับพี่ชายคนที่ ๖ นัก
TBC
จบไปอีกตอนแล้ว เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย เม้นต์บอกกันได้นะคะ
ค่าเงิน
1 ชั่ง = 20 ตำลึง
1 ตำลึง = 4 บาท
1 บาท = 4 สลึง
1 สลึง = 2 เฟื้อง
1 เฟื้อง = 4 ไพ
1 ไพ = 2 กล่ำ = 200 เบี้ย
1 กล่ำ = 2 กล่อม = 100 เบี้ย
1 กล่อม = 50 เบี้ย
เป็นค่าเงินไทยในสมัยอยุธยา เพราะเรื่องนาง ๑๒ น่าจะถูกแต่งขึ้นในสมัยนั้นเลยใช้ค่าเงินนี้
เราไม่รู้ว่าของแต่ละอย่างขายเท่าไหร่ เลยกะๆ เอานะคะ ส่วนขนมในเรื่องเป็นขนมจากฝั่งตะวันตกและขายให้ลูกผู้ดีกินก็เลยต้องแพงนิดหนึ่ง