ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

นาย๑๒ - 5 ท่านพ่อโดนยึดเกวียน โดย Jring. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นาย๑๒

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL

รายละเอียด

ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

ผู้แต่ง

Jring.

เรื่องย่อ

เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน 


เขาเป็นน้องเล็กสุดที่มีชื่อว่า ลำเภาจันทร์

น่าแปลกที่พวกเขาทั้ง ๑๒ คนนั้นเป็นบุรุษทั้งๆที่ตามเนื้อหาแล้วควรเป็นสตรี



หลังจากที่โดนท่านพ่อและท่านแม่ทอดทิ้งไว้ในป่า ลำเภาจันทร์ก็บังเอิญเดินไปพบเข้ากับพญายักษ์

จากวันนั้นคนงามก็โดนพญายักษาตัวใหญ่ไล่ตามวอแวไม่เลิก

 

"ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย"



เอาเถอะ ยังไงเสียเด็กๆทั้ง ๑๑ คนที่ถึงแม้ว่าจะมีอายุมากกว่าเขาแค่ ๑ หรือ ๒ วิ แต่เขาที่มีจิตวิญญาณที่โตกว่าจะดูแลไม่ให้สูญเสียลูกตาเหมือนกับเนื้อเรื่องในวรรณคดีเอง

ถ้าทำตัวดีล่ะนะ



พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

สารบัญ

นาย๑๒-1. โลกใบใหม่,นาย๑๒-2 ตลาดท่าจันทคาม,นาย๑๒-3. การเติบโต,นาย๑๒-4 ผู้ใดมาเกี้ยวน้องเภาของข้า!,นาย๑๒-5 ท่านพ่อโดนยึดเกวียน,นาย๑๒-6 โดนทิ้งอีกครั้งก็พบเจอเข้ากับยักษา,นาย๑๒-7 กลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย,นาย๑๒-8 คิดเลี้ยงไว้กินหรือไร,นาย๑๒-9 ล่อลวงเข้าเมืองยักษ์,นาย๑๒-10 ห้องนอนข้างกัน,นาย๑๒-11 สับสน,นาย๑๒-12 เรียกพี่รามสูร,นาย๑๒-13. คงมิพอใจข้ามากสิหนา,นาย๑๒-14 เข้าใจข้าผิดแล้ว,นาย๑๒-15 ยาอายุวัฒนะ,นาย๑๒-16 ประลอง,นาย๑๒-17 ไปฟ้องเสด็จพ่อกัน,นาย๑๒-18 รักษา,นาย๑๒-19 รักษา 2,นาย๑๒-20 ข้าจะเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-21 แอบเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-22 รักษานาค,นาย๑๒-23 สหายคนแรก,นาย๑๒-24 สงคราม,นาย๑๒-25 เริ่มทำยา,นาย๑๒-26 บรรยากาศแปลกๆ,นาย๑๒-27 แข่งขี่ม้ายิงธนู,นาย๑๒-28 สายตาหน้าขยะแขยง,นาย๑๒-29 หลอกล่อพี่ชายคนที่ ๓,นาย๑๒-30 พี่กล้วข้ามากเลยหรือ,นาย๑๒-31 โดนจับตัวไป,นาย๑๒-32 รู้จุดมุ่งหมายของพวกมัน,นาย๑๒-33 เริ่มปรุงยา,นาย๑๒-34 แปรผัน,นาย๑๒-35 ดวลชิงบันลังก์ 1,นาย๑๒-36 ดวลชิงบันลังก์ 2,นาย๑๒-37 เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย,นาย๑๒-38 ลำเภาจันทร์เข้าครัว,นาย๑๒-39 รักต่างเผ่าพันธุ์,นาย๑๒-40 ผลไม้ที่กินมาตลอดคือผลไม้วิเศษ,นาย๑๒-41 ปลามงคล,นาย๑๒-42 ชวนพี่ชายทานอาหาร,นาย๑๒-43 อร่อยที่สุดเท่าที่เลยทำ,นาย๑๒-44 แอบออกนอกวัง,นาย๑๒-45 อันธพาลแห่งนคร,นาย๑๒-46 ทูล (ฟ้อง) เสด็จพ่อ,นาย๑๒-47 มียักษ์มาสู่ขอพระโอรสลำเภาจันทร์,นาย๑๒-48 รู้ทันแผนทำให้พี่น้องแตกคอ,นาย๑๒-49 มนุษย์ที่ถูกขัง,นาย๑๒-50 นางยักษ์,นาย๑๒-๕๑. แผนการหลบหนี

เนื้อหา

5 ท่านพ่อโดนยึดเกวียน

"น้องเภา เจ้าช่างน่ารักยิ่ง ข้ามีนามว่าสิงขร ขอพาเจ้าเดินชมตลาดได้หรือไม่หนอ" สิงขร เด็กหนุ่มวัย ๑๓-๑๔ ปีเดินเข้ามาเอ่ยทักทายลำเภาจันทร์อย่างห้ามใจมิอยู่เพราะถูกดึงดูดด้วยเส้นผมสีอ่อนและดวงตากลมโตที่เป็นเอกลักษณ์



"...." ลำเภาจันทร์เงยหน้ามองเด็กหนุ่มแปลกหน้านิ่งๆ อีกฝ่ายมีผิวกายขาว ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน การแต่งตัวดูดีเรียบร้อยดั่งผู้มีการศึกษาและมารยาท ดูแล้วคงเป็นลูกคุณชายเรือนใดสักเรือน



"เจ้า! ออกไปให้ห่างจากน้องเภาของข้าเสีย!" เอกาทศรีบเดินไปขวางหน้าสิงขรทันที ก่อนจะผลักอกอีกฝ่ายให้ถอยห่างออกไปอย่างมิคิดเกรงกลัว สีหน้าที่ดูหาเรื่องอยู่แล้วมืดครึ้มลง ดวงตาที่ขวางอยู่แล้วยิ่งขวางขึ้นไปอีกเมื่อจ้องมองบุรุษที่กล้ามาเกี้ยวพาราสีน้องชายสุดน่ารักของตนต่อหน้าต่อตา!! "เเล้วเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาเรียกน้องเภาของข้าว่าน้องเภากัน! หะ?!"



"เจ้า!!" สิงขรชี้หน้าเอกาทศพร้อมกับขบกรามแน่น แววตามองอีกฝ่ายอย่างมิพอใจที่เข้ามาขัดขวางตนเกี้ยวคนงาม!



"อะ?! นี่มันคุณชายสิงขรมิใช่รึ? ได้ยินแว่วๆ ว่าเกี้ยวพาคุณชายน้อยเรือนอื่นไปทั่ว ทั้งยังเข้าโรงสุราชมนารีตั้งแต่อายุครบ ๑๔ ปี ช่างเป็นคุณชายที่เสเพล เอ๊ย! ใช้ชีวิตได้สนุกสนานเสียจริง" โททวีเอ่ยแฉและแขวะอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกวนประสาท กล้ามากที่มาเกี้ยวเจ้าเตี้ยของพวกตนซึ่งๆ หน้าเช่นนี้! บุรุษผู้มีประวัติเช่นนี้มีหรือจะผ่านได้!!



"พวกเจ้า!" สิงขรชี้หน้าโททวีและเอกาทศสลับกัน ตนรู้สึกขายหน้าเพราะยามนี้เริ่มมีผู้คนหันมาให้ความสนใจกันแล้ว 



สิงขรมิคิดยินยอมขายหน้าเพียงคนเดียว ตนเป็นถึงบุตรชายคนเล็กของรองผู้ดูแลกรมนา มีภาพลักษณ์ดั่งบุรุษในฝันของคุณชายน้อยทั้งหลาย มีหรือที่จะยอมเสียหน้าง่ายๆ เช่นนี้!



"เหอะ! เรือนของพวกเจ้าตกอับจนถึงขนาดขายที่ทำกินให้ท่านพ่อของข้า เช่นนี้แล้วยังมีหน้ามาทำให้ข้าขุ่นเคืองใจอยู่อีกรึ? ข้ารึก็อุตส่าห์สงสารเห็นใจ หากได้หมั้นหมายกันกับน้องเภา ครอบครัวข้าคงให้สินสอดแก่ครอบครัวเจ้ามิน้อย" สิงขรเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม ในอดีตตนทั้งถูกหลอกจนแพ้พนัน ทั้งอับอายในการประลองต่อสู้ มาคราวนี้มีหรือจะยอมเสียหน้าอีกครั้ง ตนแค้นเจ้าพวกนี้และอยากซํ้าเติมพวกมัน! หากมิติดว่าพวกมันมีน้องชายที่สะดุดตาและน่าสนใจ มีหรือที่ตนจะสนใจครอบครัวของพวกมันเช่นนี้!



"มึง!" เอกาทศตั้งท่าจะเข้าไปต่อยปากอีกฝ่ายที่กล้ามาดูถูกครอบครัวตน แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อน้องชายสุดน่ารักห้ามไว้เสียก่อน



"หึ! ข้าไปดีกว่า อยู่ไปก็รู้สึกจนลง น้องเภา หากเจ้าเปลี่ยนใจสามารถส่งจดหมายมาบอกข้าได้ทุกเมื่อเลยหนา ข้าจะรอคอยเจ้าทุกเพลา แล้วเจอกันใหม่" สิงขรเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้ายิ้มเยาะพอใจ



"ไอ้สิง" โททวีรู้สึกโมโห สีหน้าที่มักกวนประสาทอยู่ตลอดเวลามืดครึ้มลงไปหลายส่วน ก่อนจะหันไปมองเจ้าเตี้ยของตนที่ยามนี้ยังคงมีใบหน้าเรียบนิ่งและยังมองไปที่อ้ายสิงขรด้วยสายตาที่มิแสดงความรู้สึกใดๆ



"น้องเภาอย่าไปมองมัน" เอกาทศเอ่ย ก่อนจะรีบยื่นมือไปจับใบหน้าน่ารักของน้องชายให้หันมาทางตน "อย่าไปสนใจมันหนา"



"....ขอรับท่านพี่ พวกเราเดินเล่นกันต่อเถิดขอรับ" ลำเภาจันทร์เอ่ยอย่างไม่สนใจ  แม้ในใจลึกๆ จะแอบโกรธเคืองอยู่มิน้อยที่อีกฝ่ายมาเอ่ยดูถูกพวกเขา จริงอยู่ที่เรือนของเขาจนลงเรื่อยๆ จนตอนนี้แม้แต่เงินที่เขาพยายามเข้าป่าล่าสัตว์หามาได้ก็ยังมิพอใช้ และยามนี้ก็ดูเหมือนว่าสีหน้าของท่านพ่อและท่านแม่จะยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ มีความเสี่ยงสูงมากว่าพวกตนจะโดนทอดทิ้ง



ใบหน้างดงามน่ารักเหล่มองพี่ชายทั้งสองคนที่เดินขนาบข้างซ้ายขวา ในหัวนึกย้อนไปถึงพี่น้องคนอื่นๆ พี่ตรีไตรขี้โรคป่วยอยู่บ่อยๆ และค่ารักษาแต่ละครั้งก็มิใช่น้อยๆ เลย ในแต่ละปียังมีพี่น้องอีกหลายคนที่มักเจ็บป่วย พี่จตุรงค์ก็กินจุ ส่วนพวกที่น่าหงุดหงิดก็เห็นจะมีอยู่สามคน คือเบญจ นวรัตน์และทศรักษ์ พี่ชายคนที่ ๕ คนที่ ๙ และคนที่ ๑๐ ที่ใช้เงินสิ้นเปลืองมากและมักซื้อของไร้สาระมากด้วยเช่นกัน หากพวกเขามิได้ตามที่พวกเขาอยากได้ก็มักจะคะยั้นคะยอท่านพ่อให้ซื้อให้ทุกครั้ง ช่างเป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงมาแบบตามใจอย่างแท้จริง



ยังดีที่พวกเขารับแนวคิดเรื่องขายของที่มิได้ใช้แล้วเพื่อนำเบี้ยที่ได้ไปซื้อของใหม่หมุนเวียนกัน ถึงกระนั้นของส่วนใหญ่ที่พวกเขาอยากได้ล้วนเป็นของแพงมากทั้งสิ้นตามประสาเด็กหัวสูงเอาแต่ใจนั่นแหละ



ท่านพ่อขายพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่ไปแล้วเพื่อนำเบี้ยมาเลี้ยงดูลูกชายทั้ง ๑๒ คน ยามนี้ท่านหาเลี้ยงครอบครัวจากการให้กลุ่มชาวบ้านมาเช่าเกวียนที่มีอยู่เท่านั้น แม้จะมิได้เบี้ยมากมายแต่ก็มิได้ขาดแคลนอาหารในแต่ละวัน แต่เขาก็มิรู้ว่าท่านพ่อและท่านแม่จะประคับประคองครอบครัวไปได้อีกนานแค่ไหน









"นี่เจ้าอย่ามาจับต้องตัวข้านะเจ้าเด็กสกปรก ถอยไป" เบญจเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดมิพอใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีเด็กเนื้อตัวสกปรกจากที่ใดก็มิรู้มาจับผ้าโจงกระเบนของตน เบญจสะบัดเด็กผู้นั้นจนล้มแล้วกดสายตามองแรง



"พี่เบญจ ท่านถอยออกมาก่อนขอรับ" ทศรักษ์เดินไปประคองพี่ชายคนที่ ๕ ให้เดินออกห่างจากเจ้าเด็กสกปรก โดยแววตาที่ใช้มองเด็กตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยความดูถูกแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา



"ฮึก หิว ข้าหิวขอรับ" เด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมร้องไห้โยเยเมื่อโดนผลักจนล้ม แม้จะมิได้ร้องเสียงดังนัก แต่บนใบหน้าก็มีน้ำมูกน้ำตาไหลออกมา จนเบญจและทศรักษ์ต้องถอยห่างออกไปมากกว่าเดิมเพราะความรังเกียจ



"เด็กน้อย เจ้าหิวมากหรือ เช่นนั้นสิ่งนี้ ข้าให้เจ้าหนา" นวรัตน์มิได้มีท่าทีรังเกียจ ใบหน้าที่ยิ่งโตก็ยิ่งฉายแววอ่อนหวานยิ้มใจดี ก่อนจะยื่นขนมที่ตนพึ่งซื้อมาให้เด็กน้อย



"ข ขอบพระคุณขอรับพี่ชายคนงาม" เด็กน้อยปาดน้ำตาอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบรับขนมด้วยสีหน้าดีใจ ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องมองคนงามที่ทั้งใจดีและอ่อนโยน ก่อนจะหน้าแดงแล้วก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย



"กินให้อร่อยล่ะ" นวรัตน์ลูบหัวเด็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พอเห็นเด็กน้อยเดินจากไปแล้ว นวรัตน์ก็เดินไปหาเบญจและทศรักษ์ที่ยืนรออยู่เงียบๆ



"มิเห็นต้องให้มัน" เบญจเอ่ยอย่างมิพอใจก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง โชคดีที่ผ้าโจงกระเบนของตนมิเปื้อน ดังนั้นการปล่อยเจ้าเด็กสกปรกผู้นั้นไปก็ถือว่าตนเมตตามากแล้ว "ขนมนั่นเจ้าใช้เงินครึ่งหนึ่งที่ท่านพ่อให้มาซื้อเลยมิใช่รึ?"



"คนเราช่วยกันไว้ ในอนาคตย่อมต้องได้พึ่งพากัน มาเถิดท่านพี่เบญจ น้องทศรักษ์ ข้านัดทัดดาวเอาไว้ นางเอ่ยว่าท่านพี่แทนคุณและพี่ทันคุณจะมาด้วย  อะ? นั่นกลุ่มของน้องลำเภาจันทร์มิใช่หรือ?" นวรัตน์ที่พยายามเอ่ยให้พี่ชายคนที่ ๕ ใจเย็นลงหันไปเห็นกลุ่มของน้องชายคนเล็กด้วยความบังเอิญพอดี



เบญจและทศรักษ์หันไปมองพี่น้องของตัวเองอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนเลือกซื้อของอยู่ที่ร้านขายดาบไม้ ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันไปเอ่ยถามนวรัตน์ในเรื่องที่พวกตนอยากรู้



"ท่านพี่แทนคุณหรือ? แล้วเจ้านัดไว้ยามใด?" เบญจเอ่ยถามน้องชายคนที่ ๙ ด้วยความใคร่รู้



"ใกล้แล้วขอรับ ประเดี๋ยวคงได้เจอกันแล้ว" นวรัตน์เอ่ยตอบพี่ชายคนที่ ๕ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นสหายที่เดินมาพร้อมกับพี่ชายทั้งสอง นวรัตน์จึงรีบเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น "อะนั่น มากันแล้วขอรับ ทัดดาว พวกเราอยู่ทางนี้"



ทัดดาวยิ้มหวานทักทายสหาย ก่อนจะเผลอเหลือบสายตามองไปทางด้านข้างแล้วสบตาเข้ากับคนที่ตนนั้นกำลังแอบคบหาอยู่พอดี ด้วยความเขินอายทัดดาวจึงรีบหลบตาแล้วเดินไปเกาะแขนสหายเพื่อลดความประหม่าของตน "ขอโทษพวกเจ้าด้วยหนา รอกันนานหรือไม่"



"มิเป็นอันใด พวกเราก็พึ่งจะมาถึง" นวรัตน์เอ่ยตอบสหายด้วยน้ำเสียงไพเราะ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานทักทายพี่ชายทั้งสองคนของสหาย "สวัสดีขอรับท่านพี่แทนคุณและพี่ทันคุณ"



"อื้ม" แทนคุณพยักหน้าตอบรับ ก่อนสายตาจะเหลือบมองไปที่เบญจและทศรักษ์ที่เดินมาขนาบข้างตนทั้งสองฝั่ง มุมปากหยักยกยิ้มอย่างหล่อเหลาจนทำให้ทั้งเบญจ นวรัตน์และทศรักษ์อดใจสั่นมิได้



"ท่านพี่แทนคุณ" เบญจเอ่ยเสียงหวานด้วยท่าทีเหนียมอาย ก่อนจะเอ่ยถามเพราะต้องการชวนคนที่ตนชอบพอพูดคุย "มาเดินตลาดหรือขอรับท่านพี่แทนคุณ"



"ใช่ ข้ามาเป็นเพื่อนทัดดาว" แทนคุณเอ่ยตอบเบญจแต่สายตาคมกลับเหลือบมองไปที่ใครบางคนซึ่งมีเส้นผมสีอ่อนงดงามและกำลังเลือกซื้อของบางอย่างอย่างสนใจ แต่ทว่าแทนคุณทิ้งสายตาเพียงมินานก็ต้องรีบหันไปให้ความสนใจต่อคู่สนทนา



"เช่นนั้นท่านพี่แทนคุณไปเดินเล่นกับพวกเราหนาขอรับ" ทศรักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง โดยมือทั้งสองข้างก็เกาะแขนอีกฝ่ายไว้แน่นอย่างแนบเนียน



"จริงสิขอรับ ข้าเห็นว่ามีอาวุธใหม่ๆ จากต่างเมืองมาขายเยอะแยะนัก ปีหน้าท่านพี่แทนคุณก็จะเข้าฝากตัวเป็นทหารแล้ว มิลองไปเลือกดูเป็นอาวุธประจำกายล่ะขอรับ เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านพี่เลือกด้วย" นวรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ดวงตาที่มองคนพี่อ่อนโยนเป็นมิตร รอยยิ้มที่แย้มออกมาก็น่ารักน่าเอ็นดู ดูแล้วสบายใจยิ่งนัก



"ไปด้วยกันเถิดหนาขอรับ พวกเราอยากให้ท่านพี่แทนคุณไปด้วย" เบญจเกาะแขนอีกข้างของคนพี่ไว้ แล้วเอ่ยเชิงออดอ้อน เหลือบดวงตาที่เฉี่ยวขึ้นมองผู้ที่สูงกว่า ก่อนจะยิ้มเขินอายออกมาเมื่อสบตากัน



"อืม เอาสิ" แทนคุณตอบตกลง และนั่นก็ทำให้ทั้งเบญจ นวรัตน์และทศรักษ์ยิ้มหวานดีใจออกมาทันที



"เฮ่ เฮ่ อย่าลืมข้ากันสิ" ทันคุณเอ่ยกับกลุ่มคนน่ารักด้วยน้ำเสียงน้อยใจ 



"คิกคิก ใครจะลืมพี่ทันคุณได้ขอรับ ไปกันเถิดไปเดินเล่นกัน" นวรัตน์หัวเราะเสียงใส ก่อนจะพาทั้งพี่น้องของตนและพี่น้องของสหายไปเดินเล่นทั่วตลาดป่าไผ่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม







"เจ้าเตี้ย เจ้าสนใจเข็มนี้รึ?" โททวีเอ่ยถามน้องชายคนเล็กด้วยสีหน้าฉงน เพราะเข็มที่ว่ามันยาวแปลกๆ และมิมีรูให้สอดใส่เส้นด้ายเลยสักรู



"คุณชายน้อยท่านนี้สายตาช่างแหลมคมยิ่งนัก ชุดเข็มที่คุณชายน้อยสนใจเป็นชุดเข็มที่เหล่าแพทย์แผนจีนใช้ทำการรักษา ตัวเข็มทำจากแร่เงินชั้นดี ข้าตั้งใจซื้อมาฝากสหายของข้าที่เปิดโรงหมออยู่หมู่บ้านข้างเคียง แต่ทว่าเขากลับมาเล่นชู้กับภรรยาของข้า ข้าจึงได้เจ็บใจแล้วนำมันมาวางขายอยู่เช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นการใช้เข็มพวกนี้หากมิมีความรู้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายได้ เพราะฉะนั้นข้าน้อยคงต้องขอเตือนคุณชายน้อยว่ามิควรซื้อไปเล่นหนาขอรับ แต่หากจะซื้อไปให้คนรู้จักที่เป็นวิชาแพทย์แผนจีนอยู่บ้างก็ย่อมได้ขอรับ" พ่อค้าชาวจีนเอ่ยออกมายาวเหยียดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร



"...ท่านขายเท่าใดหรือขอรับ" ลำเภาจันทร์ถามพ่อค้าชาวจีน ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขากำลังตามหา ในอนาคตมันจะสามารถช่วยเขาได้มาก ทั้งเรื่องการใช้ป้องกันตัวและการใช้รักษาตน



"เห็นแก่คุณชายน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดู ข้าน้อยจะขายให้ในราคาเพียง ๒ เฟื้องเท่านั้นขอรับ" พ่อค้าชาวจีนยิ้มยินดี ก่อนจะชูนิ้วมือหยาบกร้านขึ้นมาสองนิ้วให้กับเด็กน้อย



"๒ เฟื้องเท่ากับ ๑,๖๐๐ เบี้ย" ลำเภาจันทร์พึมพำออกมาเสียงเบา



"ใช่ขอรับ คุณชายน้อยคำนวณเลขเร็วยิ่งนัก ข้าขอชื่นชม" พ่อค้าชาวจีนเอ่ยชมเด็กน้อยอย่างเป็นกันเอง



"แพงขนาดนั้นเชียวรึ ท่านเห็นพวกเราเป็นเด็กแล้วคิดจะเอาเปรียบกันหรือ?" เอกาทศเอ่ยถามกับพ่อค้าชาวจีนด้วยน้ำเสียงติดขุ่นเคือง



"ข้าเปล่าเสียหน่อย ชุดเข็มนี้ข้าซื้อมาในราคาหลายสิบตำลึง ที่ยอมขายให้ในราคาเพียงเท่านี้ก็เพราะข้าเจ็บใจจากสหายเท่านั้น ดังนั้นราคานี้นับว่าถูกมากแล้ว ต่อให้ไปหาซื้อที่เมืองของข้าทั่วทั้งแคว้น ราคาเช่นนี้ย่อมหามิได้อีกแล้วหนา" พ่อค้าชาวจีนเอ่ยตอบเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กล้ากล่าวหาตนเสียงขรึม





"..ท่านพี่ ข้าอยากได้ขอรับ" ลำเภาจันทร์จับชายเสื้อพี่ชายคนที่ ๑๑ เอาไว้เพื่อหวังห้ามปรามเมื่อเห็นว่าพี่ชายกำลังจะเถียงพ่อค้าชาวจีนอีกครั้ง 

เอกาทศถอนหายใจแรงและพยายามสงบสติอารมณ์





"ข้านำเบี้ยมาเพียง ๑,๐๐๐ เบี้ยเท่านั้น พวกท่านมีให้ข้าหยิบยืมก่อนหรือไม่ขอรับ" ลำเภาจันทร์เอ่ยถามพี่ๆ และนำถุงเบี้ยที่ตนพกมาด้วยวางไว้บนโต๊ะ



"หากน้องเภาอยากได้ก็ซื้อเถิด มิต้องคืน นานๆ เจ้าจะอยากได้อันใดสักครั้ง" เอกาทศเอ่ยกับน้องชายสุดน่ารักของตน ก่อนจะวางถุงเบี้ยของตนเองลงบ้าง "ของข้ามี ๓๐๐ เบี้ย โททวีเจ้ามีให้น้องเภาอีก ๓๐๐ เบี้ยหรือไม่"





"มิมี ข้ามีเพียง ๒๐๐ เบี้ยเท่านั้นเพราะพึ่งจะซื้อกระบี่ไม้ที่ร้านข้างๆ ไป" โททวีเอ่ยพร้อมกับวางถุงเงินที่เหลือของตนลง "อีก ๑๐๐ เบี้ยคงต้องไปถามเจ้าฉะและเจ้าอัฐแล้ว"



"ถามอันใดหรือ?" ฉะเอ่ยถามพี่ชายคนที่ ๒ เมื่อตนเดินเข้ามาได้ยินพอดี



"น้องเภาอยากได้ชุดเข็มเหล่านี้ พวกเจ้าพอจะมีเบี้ยซื้อให้น้องเภาอีก ๑๐๐ เบี้ยหรือไม่" เอกาทศเอ่ยถามพี่ชายคนที่ ๖ และคนที่ ๘ นานๆ น้องเภาจะเอ่ยปากว่าอยากได้ของสักชิ้น น่าเสียดายที่ตนมีเบี้ยมิเยอะนักจึงตามใจน้องชายของตนได้มิเต็มที่



"เช่นนั้นก็ให้ข้ากับเจ้าอัฐออกกันคนละ ๕๐ เบี้ยเถอะ" ฉะเอ่ยกับน้องชายคนที่ ๑๑ ก่อนจะวางถุงเบี้ยของตนลง ซึ่งมันเป็นเบี้ยที่ตนได้มาจากท่านพ่อในงานวันเกิดทั้งหมด "นานๆ เจ้าเภาจะเอ่ยขอสิ่งใด พวกเราพี่ชายจะมิตามใจได้หรือ" ฉะเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน พร้อมกับแย้มยิ้มละมุนให้น้องชายคนเล็กอย่างใจดี



"ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกันกับพี่ฉะ" อัฐเอ่ยกับพี่น้องของตนก่อนจะวางถุงเบี้ยของตนลงบ้าง แม้น้องชายคนเล็กจะเย็นชาไปบ้างแต่ก็มิเคยกลั่นแกล้งตนเลยสักครั้ง หนำซ้ำหากมีเด็กบ้านอื่นมารังแกตน น้องชายผู้นี้ก็มักจะคอยปกป้องตนอยู่เสมอ ดังนั้นมีหรือที่ตนผู้เป็นพี่ชายจะมิยอมตามใจ



"ขอบพระคุณขอรับ" ลำเภาจันทร์แย้มยิ้มหวานให้กลุ่มพี่ชายบางๆ เขารู้สึกตื้นตันใจเพราะเหล่าพี่ชาย ล้วนทำเพื่อน้องชายเช่นเขาด้วยความจริงใจ ก่อนลำเภาจันทร์จะหันไปเอ่ยกับพ่อค้าชาวจีนว่า "ของชิ้นนี้ข้าขอซื้อขอรับ"



หลังจากจ่ายเบี้ยและได้ของที่ต้องการมาแล้ว พวกเขาทั้งห้าคนก็พากันเดินตรงกลับเรือนในทันที เพราะยามนี้มิมีผู้ใดเหลือเบี้ยให้ซื้อของอีกแล้ว โดยระหว่างที่เดินกลับเรือนก็มีทั้งเสียงหัวเราะและหยอกล้อกันไปตลอดทาง แลดูครื้นเครงและเป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับเด็กทุกคนยิ่งนัก



"ว่าแต่เจ้าเตี้ย เจ้าใช้มันเป็นหรือ ได้ยินว่าหากใช้ผิดจะเกิดอันตรายได้เลยมิใช่หรือ?" โททวีเอ่ยถาม แม้ตนจะตามใจจนยอมออกเบี้ยให้ แต่ก็อดห่วงความปลอดภัยของน้องชายตัวเตี้ยผู้นี้มิได้เช่นกัน อันที่จริงตนมิอยากซื้อให้ตั้งแต่ได้ยินว่ามันอาจเป็นอันตรายแล้ว แต่เพราะได้ยินน้องชายคนเล็กเอ่ยว่าอยากได้ โททวีจึงมิกล้าปฏิเสธ



"ใช้เป็นขอรับ" ลำเภาจันทร์พยักหน้างึกๆ ตอบพี่ชายคนที่ ๒ "ข้าเคยหยิบหนังสือในห้องหนังสือของท่านพ่อออกมาอ่านอยู่บ้างขอรับ"



"อื้ม เอาไปทำอันใดก็ช่าง แต่เจ้าอย่าใช้แทงผิวของตัวเองเป็นพอ" โททวีเอ่ยกับน้องชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะใช้ฝ่ามือลูบหัวไปด้วยอย่างอ่อนโยน



"เป็นห่วงข้าหรือขอรับ" ลำเภาจันทร์อมยิ้มให้กับความเป็นห่วงและความเอาใจใส่ของพี่ชายผู้นี้ แม้บางครั้งอีกฝ่ายจะปากแข็งไปบ้าง แต่ก็เป็นพี่ชายที่สามารถพึ่งพาได้คนหนึ่งเลยทีเดียว



"เป็นห่วงอันใดกัน ข้าก็แค่กลัวว่าเจ้าจะร้องไห้งอแงหากผิวกายเป็นรอยก็เท่านั้น" โททวีกอดอกพร้อมหันหน้าหนีมิยอมรับ



"ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นหรือขอรับ" ลำเภาจันทร์ถามเย้าพี่ชายคนที่ ๒ 



"ก็ใช่น่ะสิ ผิวกายของเจ้าขาวเนียนไร้ร่องรอยด่างพร้อย มิใช่ว่าเจ้าตั้งใจดูแลอย่างดีหรอกหรือ" โททวีตอบกลับน้องชายคนเล็กอย่างมั่นใจ "หากเป็นแผลก็คงมิพ้นร้องไห้งอแงหาข้า"



"ไปหาเจ้ารึ? เหอะ! น้องเภาจะมาหาข้าต่างหาก น้องเภา หากเจ้าเจ็บที่ตรงใด มาหาพี่ได้ทุกเมื่อเลยหนาเข้าใจหรือไม่ พี่จะดูแลเจ้าเอง" เอกาทศเอ่ยอย่างกระแทกกระทั้นกับพี่ชายคนที่ ๒ ในช่วงแรก ก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงอ่อนโยนกับน้องชายสุดน่ารักในประโยคถัดมา



"ขอรับท่านพี่" ลำเภาจันทร์ตอบรับพี่ชายคนที่ ๑๑ ด้วยหัวใจที่สุขล้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น นัยน์ตากลมสีนิลเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มด้วยแววตาที่มีชีวิตชีวามากขึ้น เหล่ามวลวิหคต่างพากันบินกลับรังและส่งเสียงร้องคลอไปกับธรรมชาติ ทำให้เขารู้สึกสงบและมีความสุขกับบรรยากาศยามนี้ยิ่งนัก ลำเภาจันทร์รู้สึกดีใจมากที่มีพี่น้องและอยากจะให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป







หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงเรือน ทุกคนก็พากันแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวของตนเอง 

ลำเภาจันทร์ตั้งใจเดินขึ้นห้องเพื่อไปเก็บเข็มฝังจุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ยามนี้เป็นช่วงเย็นและเริ่มมืดค่ำแล้วจึงทำให้ในห้องค่อนข้างมืด เขาจึงเลือกที่จะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้พอมีแสงส่องผ่านเข้ามา จึงบังเอิญได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินจากไปพร้อมกับเกวียนของท่านพ่อและท่านแม่ ซึ่งพวกท่านก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง



"...."







TBC