ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

นาย๑๒ - 10 ห้องนอนข้างกัน โดย Jring. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นาย๑๒

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL

รายละเอียด

ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

ผู้แต่ง

Jring.

เรื่องย่อ

เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน 


เขาเป็นน้องเล็กสุดที่มีชื่อว่า ลำเภาจันทร์

น่าแปลกที่พวกเขาทั้ง ๑๒ คนนั้นเป็นบุรุษทั้งๆที่ตามเนื้อหาแล้วควรเป็นสตรี



หลังจากที่โดนท่านพ่อและท่านแม่ทอดทิ้งไว้ในป่า ลำเภาจันทร์ก็บังเอิญเดินไปพบเข้ากับพญายักษ์

จากวันนั้นคนงามก็โดนพญายักษาตัวใหญ่ไล่ตามวอแวไม่เลิก

 

"ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย"



เอาเถอะ ยังไงเสียเด็กๆทั้ง ๑๑ คนที่ถึงแม้ว่าจะมีอายุมากกว่าเขาแค่ ๑ หรือ ๒ วิ แต่เขาที่มีจิตวิญญาณที่โตกว่าจะดูแลไม่ให้สูญเสียลูกตาเหมือนกับเนื้อเรื่องในวรรณคดีเอง

ถ้าทำตัวดีล่ะนะ



พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

สารบัญ

นาย๑๒-1. โลกใบใหม่,นาย๑๒-2 ตลาดท่าจันทคาม,นาย๑๒-3. การเติบโต,นาย๑๒-4 ผู้ใดมาเกี้ยวน้องเภาของข้า!,นาย๑๒-5 ท่านพ่อโดนยึดเกวียน,นาย๑๒-6 โดนทิ้งอีกครั้งก็พบเจอเข้ากับยักษา,นาย๑๒-7 กลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย,นาย๑๒-8 คิดเลี้ยงไว้กินหรือไร,นาย๑๒-9 ล่อลวงเข้าเมืองยักษ์,นาย๑๒-10 ห้องนอนข้างกัน,นาย๑๒-11 สับสน,นาย๑๒-12 เรียกพี่รามสูร,นาย๑๒-13. คงมิพอใจข้ามากสิหนา,นาย๑๒-14 เข้าใจข้าผิดแล้ว,นาย๑๒-15 ยาอายุวัฒนะ,นาย๑๒-16 ประลอง,นาย๑๒-17 ไปฟ้องเสด็จพ่อกัน,นาย๑๒-18 รักษา,นาย๑๒-19 รักษา 2,นาย๑๒-20 ข้าจะเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-21 แอบเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-22 รักษานาค,นาย๑๒-23 สหายคนแรก,นาย๑๒-24 สงคราม,นาย๑๒-25 เริ่มทำยา,นาย๑๒-26 บรรยากาศแปลกๆ,นาย๑๒-27 แข่งขี่ม้ายิงธนู,นาย๑๒-28 สายตาหน้าขยะแขยง,นาย๑๒-29 หลอกล่อพี่ชายคนที่ ๓,นาย๑๒-30 พี่กล้วข้ามากเลยหรือ,นาย๑๒-31 โดนจับตัวไป,นาย๑๒-32 รู้จุดมุ่งหมายของพวกมัน,นาย๑๒-33 เริ่มปรุงยา,นาย๑๒-34 แปรผัน,นาย๑๒-35 ดวลชิงบันลังก์ 1,นาย๑๒-36 ดวลชิงบันลังก์ 2,นาย๑๒-37 เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย,นาย๑๒-38 ลำเภาจันทร์เข้าครัว,นาย๑๒-39 รักต่างเผ่าพันธุ์,นาย๑๒-40 ผลไม้ที่กินมาตลอดคือผลไม้วิเศษ,นาย๑๒-41 ปลามงคล,นาย๑๒-42 ชวนพี่ชายทานอาหาร,นาย๑๒-43 อร่อยที่สุดเท่าที่เลยทำ,นาย๑๒-44 แอบออกนอกวัง,นาย๑๒-45 อันธพาลแห่งนคร,นาย๑๒-46 ทูล (ฟ้อง) เสด็จพ่อ,นาย๑๒-47 มียักษ์มาสู่ขอพระโอรสลำเภาจันทร์,นาย๑๒-48 รู้ทันแผนทำให้พี่น้องแตกคอ,นาย๑๒-49 มนุษย์ที่ถูกขัง,นาย๑๒-50 นางยักษ์,นาย๑๒-๕๑. แผนการหลบหนี

เนื้อหา

10 ห้องนอนข้างกัน

"โห่หห ใหญ่โตยิ่งนัก น้องเภาเจ้าดูสิ พวกเราจะได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ"เอกาทศอุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจเมื่อตนเห็นพระราชวังที่ทั้งใหญ่โตมโหฬารและงดงามอร่ามไปด้วยทองคำตรงหน้า



"ช่างงดงามตระการตายิ่ง ข้าชอบที่นี่ยิ่งนัก"เบญจเองก็ตื่นเต้นและตกตะลึงมิแพ้พี่น้องคนอื่นๆเช่นกัน ในใจคิดว่าการที่ได้มาอยู่ในพระราชวังที่หรูหราเช่นนี้มันชั่งเป็นเรื่องที่น่ายิ่งดียิ่งนัก!



"ช่างคู่ควรกับข้าผู้นี้"ทศรักษ์มองไปรอบๆด้วยแววตาลุกวาว



"เรือนใหญ่เช่นนี้ต้องมีของกินอร่อยๆมากแน่"



"เจ้านี้ช่างเห็นแก่กินจริงๆเลยหนา"เอกศึกส่ายหน้าเบาๆ ให้กลับน้องชายคนที่ ๔ ตัวกลมของตน



"ข้าอยากนอนพักยิ่งนัก เดินทางมาทั้งคืนปวดเมื่อยตัวมิน้อย"โททวีเอ่ยบ่น และมันก็มิผิดไปจากที่เจ้าตัวเอ่ยเลย เพราะพวกเขาเดินมาที่พระนครแห่งนี้กันทั้งคืนจริงๆ แม้จะยังมิเช้าแต่ก็นานมิน้อย



"เสด็จพ่อไปที่ใดกัน ทุกคนเห็นหรือไม่ขอรับ"นวรัตน์เอ่ยถามพี่น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทว่านัยน์ตากับระยิบระยับทั้งยังมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น ในใจคิดว่ามันช่างเป็นดั่งที่ตนใฝ่ฝันไว้ยิ่งนัก!!



ลำเภาจันทร์มองดูเหล่าพี่ชายที่ดูสนใจและตื่นเต้นกับพระราชวังของเมืองยักษ์จนลืมไปแล้วว่าพวกเขานั้นเดินมาที่นี่ได้ยังไง พี่ๆทุกคนดูตื่นตาตื่นใจกันมากร่วมถึงตัวเขาเองก็เช่นกัน เพียงแต่เขาแค่เก็บอาการได้ดีกว่าเพียงเท่านั้น

เพราะแม้ว่าเขาจะเคยเห็นคฤหาสน์หรูหราหลายที่เพราะต้องไปลอบสังหารเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายของเขาแต่ละคนต่างก็มิได้มีฐานะไก่กา แต่กับมีฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็มีอำนาจที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น

แต่ทว่าพระราชวังยักษ์แห่งนี้เขาเองก็ต้องของยอมรับว่าที่นี่งดงามมาก ใหญ่โตองอาจดั่งปราสาทขนาดใหญ่ กำแพงทำจากหินอ่อนขาวนวลและถูกประดับไปด้วยทองคำและเพชรนิลจินดามากมาย แลให้ความรู้สึกเรียบหรู ทั้งลวดลายบนกำแพงและเพดานยังถูกสลักเป็นลวดลายไทยงดงามและประณีต เครื่องเรือนและข้าวของทุกอย่างล้วนเป็นของที่มีราคาแพงทั้งนั้น แม้ดูแปลกตาแต่ก็มิแปลกแยก บ่งบอกถึงอำนาจของผู้ที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี



ตลอดการเดินเข้าพระราชวัง ลำเภาจันทร์ได้เห็นวิวรอบๆเมืองยักษ์แห่งนี้แล้ว เขาจึงเห็นว่าบ้านเรือนของเผ่าพันธุ์ยักษ์นั้นส่วนใหญ่ทำจากหินผสมไม้สักคล้ายยุคอังกฤษกลาง เหตุเพราะมีความแข็งแรงทนทานกว่าเรือนไม้ธรรมดาในดินแดนมนุษย์ แต่โครงสร้างของผังเมืองก็มิต่างจากเมืองมนุษย์เท่าใดนัก แต่เรื่องที่น่าแปลกมากจนลำเภาจันทร์จนต้องเอ่ยปากถามเจ้าของเมืองคือ เขาเห็นเหล่ายักษากำลังทำการเกษตร



หลังจากถาม พญายักษ์ก็เอ่ยตอบเขามาว่าเผ่าพันธุ์อสุรานั้นมิได้กินเพียงแต่เนื้อเท่านั้น ที่พวกเขาถูกเรียกว่ายักษ์ก็เป็นเพราะว่ามีร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรงกว่ามนุษย์ทั่วไป ที่สำคัญคืออายุขัยของเผ่ายักษ์นั้นมีมากเป็นพันปี ในอดีตเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์ยักษ์ล้วนเคยเป็นสหายและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่เพราะความโลภของมนุษย์มีมากขึ้นทุกวันและอยากที่จะมีอายุขัยมากขึ้นดั่งยักษา หลังจากนั้นเหล่ามนุษย์จึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เผ่าพันธุ์ยักษ์นั้นบอกถึงความลับเรื่องอายุขัยที่ยาวนานแก่พวกเขา

แต่ทว่าเรื่องของอายุขัยเกี่ยวพันกับเผ่าพันธุ์ ดังนั้นแม้เหล่ามนุษย์จะอยากมีอายุขัยที่ยืนนาน แต่ว่ามันก็มิอาจสามารถเป็นไปได้ดั่งหวัง

และเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุให้เผ่าพันธุ์ยักษ์และเผ่าพันธุ์มนุษย์แตกคอกัน มนุษย์เองก็เอาแต่แต่งเรื่องต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ไปในทิศทางที่ไม่ดี จนถึงขั้นเล่าเป็นนิทานปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่หวาดกลัวและเกลียดชังเผ่าพันธุ์ยักษ์เรื่อยมา

เผ่าพันธุ์ยักษาเองเมื่อถูกรุกรานก็ต้องเข่นฆ่าพวกที่มาก่อกวน ดังนั้นเหล่ามนุษย์จึงมองว่าเผ่าพันธุ์ยักษ์โหดเหี้ยมไปโดยปริยาย 



บวกกับที่มนุษย์นั่นมีวิวัฒนาการเรื่องการกินอาหารมากขึ้น แต่ทว่าเผ่าพันธุ์ยักษานั้นกับยังคงนิยมกินเนื้อสดอยู่ ดังนั้นมันจึงทำให้เหล่ามนุษย์ยิ่งหวาดกลัวกันเข้าไปใหญ่ ยิ่งมนุษย์มาเห็นว่าเผ่าพันธุ์ยักษ์บางตนกินเผ่าพันธุ์ตนเอง มนุษย์เหล่านั้นก็ยิ่งเคียดแค้นและรังเกียจต่อเผ่าพันธุ์ยักษามากขึ้นไปอีก



....มีเพียงเท่านี้ที่พญายักษ์ตัวใหญ่เอ่ยทิ้งไว้ ลำเภาจันทร์เองก็ฟังไปและคิดตามไป ซึ่งมันก็น่าเห็นใจและหนักใจไปพร้อมๆกัน เขาที่เคยเห็นผู้คนมาแล้วหลากหลายรูปแบบย่อมต้องรับรู้ถึงความโลภของคนว่ามีมากจนมิอาจมองข้ามไปได้มากแค่ไหน

สุดท้ายลำเภาจันทร์ก็ได้แต่เอ่ยบอกอีกฝ่ายไปว่า ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ล้วนแล้วแต่มีดีมีชั่วทั้งนั้น ดังนั้นมิจำเป็นต้องไปทำให้ตัวเองถูกมองว่าดีเลิศในสายตาผู้อื่น แค่รู้ว่าตัวเองเป็นคนเช่นใดก็พอแล้ว





"พวกเจ้าทุกคน ข้าได้ให้คนไปจัดเตรียมห้องบรรทมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว ส่วนนางผู้นี้ต่อไปจะมาเป็นแม่นมของพวกเจ้า นางจะเป็นคนดูแลพวกเจ้าทั้ง ๑๒ คน"พญารามสูรเดินมาเอ่ยกับเหล่าเด็กชายทั้ง ๑๒ คน



"ถวายบังคมเพคะพระโอรสทั้ง ๑๒ หม่อมฉันมีนามว่าบานชื่นเพคะ รับหน้าที่ดูแลพระโอรสหลังจากนี้ เชิญพระโอรสตามหม่อมฉันไปที่ห้องบรรทมเพคะ"

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็พากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ก่อนจะเดินตามแม่นมคนใหม่ซึ่งดูเป็นคุณป้าใจดีรูปร่างอ้วนท้วมไปทันที ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกันมากเมื่อคิดว่าจะได้ห้องนอนที่หรูหราเป็นของตัวเอง



"ข้าจะได้ผ้าโจงกระเบนใหม่หรือไม่นะ"เบญจเอ่ยในขณะที่กำลังเดินไปพร้อมๆ กับพี่น้องคนอื่นๆ ดวงตาสีน้ำตาลยังคงมองไปรอบๆด้วยสนใจเพราะบริเวณทางเดินเองก็งดงามเช่นกัน พื้นพรมทำจากหนังสัตว์ชั้นดีถูกขัดจนขึ้นเงา ผนังถูกสลักอย่างประณีตและฝังไปด้วยเพชรนิลจินดาที่หรูหรา และยังประดับไปด้วยกระจกกรอบทองมากมาย ซึ่งช่างเป็นเรื่องดีเพราะตนจะได้ยมโฉมใบหน้างดงามของตนเองได้ตลอดเวลา



"ข้าเองก็อยากจะได้เครื่องประดับที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีมาเช่นกันขอรับ"ทศรักษ์เอ่ยกับพี่ชายคนที่ ๕ เมื่อพินิดวิเคราะห์แล้วว่าเสด็จพ่อผู้นี้นั้นต้องร่ำรวยมากเป็นแน่ ดูจากพระราชวังที่หรูหราและเต็มไปด้วยเพชรพลอยเช่นนี้ เครื่องประดับชักชิ้นคงมิคณามือนัก



"หึ เสด็จพ่อจะต้องรักข้ามากกว่าและซื้อคันธนูดีๆให้ข้ามากมายแน่นอน"สัตภัณฑ์เอ่ยพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น แต่แววตาทั้งสองข้างกับเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อนึกถึงห้องเก็บคันธนูที่เป็นของตัวเอง"จะมีสนามซ้อมยิงธนูหรือไม่หนา"



"เหอะ เจ้านี้ช่างเข้าข้างตัวเองเสียจริง ข้าต่างหากล่ะที่เสด็จพ่อจะรักมากที่สุด"เบญจเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดประชดประชันใส่น้องชายคนที่ ๗ ก่อนจะมองด้วยหางตา



"เฮ้อ! เจ้าเองก็คิดเข้าข้างตนเองมิแพ้กัน"สัตภัณฑ์เอ่ยตอบพี่ชายคนที่ ๕ ด้วยน้ำเสียงแดกดันปนประชดประชันมิแพ้กัน



"เอาล่ะพวกเจ้าอย่าได้ทะเลาะกันเลยหนา เสด็จพ่ออุตส่าห์รับพวกเรามาเลี้ยง พวกเราควรเป็นเด็กดีกันรู้หรือไม่"เอกศึกตะเตือนน้องๆเมื่อเห็นว่าพวกเขาเริ่มที่จะทะเลาะกันเสียงดังแล้ว ยามนี้ยังมืดอยู่ หากส่งเสียงดังเกินไปจะเป็นการรบกวนผู้อื่นเอา



"ช ใช่ พวกเราจะต้องเป็นเด็กดีเสด็จพ่อจะได้มิทิ้งพวกเรานะพวกเจ้า"ตรีไตรเอ่ยบอกน้องๆ แม้ว่าตนนั่นจะมิมีความมั่นใจก็ตาม



"จะว่าไปแล้วมีผู้ใดเห็นเจ้าเภาบ้าง เหตุใดข้ามิเห็นเดินมาพร้อมพวกเราเลย"ทศรักษ์เอ่ยถามเหล่าพี่ชายด้วยความสงสัย 



"คือว่าข้าเห็นน้องเภาไปกับเสด็จพ่อ คงจะมีเรื่องต้องพูดคุยกันกระมัง"นวรัตน์เอ่ยตอบน้องชายคนที่ ๑๐ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและรอยยิ้มอ่อนโยน



"ข้าว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแน่ๆ เจ้าเภายิ่งชอบทำตัวน่าหมั่นไส้อยู่"สัตภัณฑ์เอ่ยออกมาอย่างมิพอใจ ใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงน้องชายหน้าเหม็นผู้นั้น



"ข้าว่าเจ้านั่นต้องหาวิธีทำให้เสด็จพ่อรักตัวเองมากกว่าพวกเราเป็นแน่ เจ้าเภาเห็นเช่นนั้นแต่เจ้าเล่ห์จะตายไป"เบญจเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว



"เหอะ ยิ่งออกตัวแรง เดี๋ยวเสด็จพ่อก็จะรำคาญมันเองนั่นแล"ทศรักษ์เอ่ยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง 



"เหตุใดพวกเจ้าต้องเอ่ยว่าน้องเภาของข้า! น้องเภามิได้เป็นคนเช่นนั้น อย่าได้เอานิสัยของพวกเจ้ามาเป็นที่ตั้งและคิดว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นดั่งสันดานของพวกเจ้าหนา"เอกาทศเอ่ยต่อว่าและปกป้องน้องชายของตนสุดใจ ในหมู่พี่น้องตนสนิทกับน้องเภามากที่สุดจนที่น้องชายยอมเรียกตนว่าท่านพี่เพียงผู้เดียวเท่านั้น แม้จะถูกตีตัวออกห่างอยู่บ่อยครั้งเพราะเจ้าตัวต้องไปทำอะไรแปลกๆในป่าอยู่บ่อยๆ แต่ทว่าให้หลังมานี้ตนก็อยู่กับน้องชายสุดน่ารักของตนมาตลอด ดังนั้นตนจึงรับรู้ว่าน้องชายของตนมีนิสัยที่อ่อนโยนมากเพียงใด

และหากท่านพ่อคนใหม่จะรักก็มิเห็นแปลกอันใด

เพียงแต่ตนก็มิอยากให้เป็นเช่นนั้นนัก เพราะมิต้องการให้น้องชายสุดน่ารักของตนไปสนใจผู้อื่นนอกจากตนด้วยเช่นกัน!



"นั่นสิพวกเจ้า น้องเภาเป็นคนที่เสี่ยงไปหาผลไม้มาให้พวกเราเลยหนา"จตุรงค์เอ่ยออกมาอยากเห็นด้วยกับน้องชายคนที่ ๑๑ เพราะแม้ว่าน้องชายผู้นั้นบรรยากาศรอบกายจะมิน่าคบค้านัก แต่ทว่าก็มิเคยคิดร้ายหรือให้ร้ายต่อผู้ใดเลยสักครั้ง ทั้งยังมีบ่อยครั้งที่ยอมแบ่งขนมให้ตนกินอีกด้วย



"นั่นสิ อย่ามาเอ่ยว่าหรือให้ร้ายเจ้าเตี้ยหนา หากอิจฉาก็เก็บไว้ในใจเสียบ้าง แสดงออกมาเช่นนี้มันน่าเกลียด"โททรีเอ่ยปกป้องน้องชายคนเล็กของตนมิแพ้กัน เพราะรู้สึกรำคาญกลุ่มน้องชายขี้อิจฉา เมื่อเห็นใครดีกว่าก็เป็นมิได้ต้องแขวะทุกที



"พวกเจ้า!"เบญจตวาดขึ้นมาด้วยความโมโห



"แล้วพวกข้าพูดผิดที่ตรงใดกัน เห็นๆอยู่ว่าเจ้าเภาตั้งใจแย่งความดีความชอบไปไว้แต่เพียงผู้เดียว"ทศรักษ์เอ่ยอยากมิสบอารมณ์ 



"แล้วเจ้ามีความดีความชอบอันใดให้เสด็จพ่อสนใจงั้นรึ"ฉะเอ่ยออกมาบ้างด้วยน้ำเสียงที่ติดเบื่อหน่าย



"เหอะ! พวกเจ้าก็คอยดูก็แล้วกัน"เบญจเอ่ยเสียงประชดก่อนจะเชิดหน้าหนี



"เฮ่อออ พวกเจ้าอย่าทะเลาะกันอีกสิ ข้าเพิ่งเตือนไปหยกๆ"เอกศึกเอ่ยออกมาและรู้สึกอ่อนใจเมื่อน้องชายทะเลาะกันอีกแล้ว



"...พระโอรสทั้งหลายเพคะ ถึงห้องบรรทมของพวกท่านแล้ว เลขที่อยู่หน้าประตูห้อง จะเป็นห้องที่ตรงกับตำแหน่งอายุพี่น้องของพระโอรสทุกท่านหนาเพคะ ยามนี้ดึกมากแล้วเช่นนั้นโปรดพักผ่อนได้ตามสบายเลยหนาเพคะ"แม่นมยักษ์เอ่ยด้วยใบหน้าเป็นมิตรใจดี รูปร่างอ้วนท้วมของนางเปิดทางให้เหล่าเด็กชายทั้ง ๑๑ คนได้เดินไปที่ห้องนอนของตนเอง แต่ในระหว่างที่เด็กๆเหล่านั้นเดินผ่านหน้าของนางไป สีหน้าของนางบานชื่นก็เริ่มที่จะมืดลงช้าๆ

เด็กมนุษย์ผู้นั้นเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท ดังนั้นนางจึงมิอยากได้ยินในสิ่งที่เหล่าเด็กชายบางคนในที่นี้เอ่ยออกมาเท่าใดนัก เพราะหากฝ่าบาทของนางมาได้ยินเข้า คงมิโผล่ต้องเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นเป็นแน่ 







อีกด้านหนึ่ง

"เจ้าคิดว่าพระราชวังยักษ์ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?"พญารามสูรเอ่ยถามเด็กน้อยที่เดินตามหลังตนมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุขอย่างมิรู้ตัว ก่อนจะหันไปยิ้มสดใสปนเจ้าเล่ห์ให้เด็กน้อง

จนเหล่ายักษ์ทหารที่เฝ้ายามอยู่แถวนั้นต่างพากันทำหน้าฉงนและขนลุกซู่ บางตนเกิดอาการช๊อกตาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา เมื่อเห็นนายเหนือหัวที่แสนจะดุร้ายของพวกตนยิ้ม! นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น! เด็กมนุษย์ผู้นั้นคือใคร?! เหตุใดมัจจุราชแห่งนครอัสดงจึงยิ้มเช่นนั้น!! ทั้งๆที่มิเคยเป็นมาก่อน! 

และในอนาคตอันใกล้ก็คงมิพ้นมีข่าวลือของทั้งคู่ดังกระฉ่อนไปทั่ววัง



"..ก็ดี ขอรับ"ลำเภาจันทร์เอ่ยตอบตามตรงกับพญาอสุราตัวใหญ่ เขาต้องยอมรับว่าที่นี่น่าอยู่กว่าที่คิด เพราะในหัวของเขาเมืองยักษ์ที่ว่าคงเป็นที่ที่มีแต่โครงกระดูก พื้นดินแห้งแล้ง หรือไม่ก็มีแต่ยักษ์ที่มีใบหน้าดุร้ายอยู่เต็มไปหมด เพียงแต่ที่พบเห็นในวันนี้กับงดงามเกินคาดไปมิน้อย



"มิต้องเอ่ยสุภาพก็ได้ ข้ามิถือ อีกอย่างข้ายินดีให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตเลยหนา หากเจ้าต้องการ"พญารามสูรเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อแต่ในแววตากับเต็มไปด้วยความจริงจัง และหากเด็กน้อยเดินอยู่ข้างๆก็คงได้เห็นแววตาเช่นนั้นของพญายักษ์ไปแล้ว



"....เหตุใดข้าต้องอยากอยู่ที่เมืองยักษ์ของท่านตลอดไปด้วยเล่า"ลำเภาจันทร์เอ่ยถามเสียงนิ่งติดขุ่นมัว นัยน์ตากลมโตเย็นชาจ้องมองแผ่นหลังกว้างของพญายักษ์ตรงหน้าเขม็ง 



"ก็มิแน่ ในอนาคตเจ้าอาจจะอยากอยู่ตลอดไปก็เป็นได้ มิใช่หรือ?"พญารามสูรหันไปมองเด็กน้อยน่ารักด้านหลังด้วยแววตาที่ซับซ้อน

พญารามสูรสนใจอีกฝ่ายมากขึ้นตั้งแต่คำเอ่ยที่มิแบ่งแยกของเด็กน้อยยามนั้นแล้ว คำเอ่ยที่ว่า มิว่าเผ่าพันธุ์ใดก็ล้วนมีดีมีชั่วทั้งสิ้น ทัศนคติเช่นนี้ทำให้ตนรู้สึกสบายใจยิ่งนัก ยามอยู่ด้วยก็รู้สึกเหมือนตนได้ละทิ้งความเหนื่อยล้าไปทั้งหมด

แลทำให้พญาอสุราอยากมีเด็กน้อยอยู่ใกล้ๆ และมิให้จากไปที่ใดทั้งสิ้น



"...."ลำเภาจันทร์เหลือบมองพญายักษ์ด้วยสายตาเย็นชาและว่างเปล่า ในใจไม่เข้าใจว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองมานั้นต้องการที่จะสื่อถึงอะไรกันแน่ "...ท่านจะพาข้าไปที่ใด"



พญารามสูรยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปเดินนำทางต่อดีๆ"ข้าจะพาเจ้าไปห้องบรรทมของเจ้า"



"แต่พี่ๆของข้า ห้องของพวกเขาอยู่อีกทาง?"ลำเภาจันทร์เอ่ยอย่างมิเข้าใจ



"ใช่ แต่ห้องของเจ้าอยู่ติดกับห้องบรรทมของข้า ดังนั้นจึงอยู่ในทิศทางที่ต่างกันอย่างไรเล่า"พญารามสูรเอ่ยตอบสบายๆ จนราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติและสมควรเป็น



"...แล้วเหตุใดข้าจึงมิได้ห้องนอนที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องของพี่ชายของข้าเล่า?"ลำเภาจันทร์เริ่มมิพอใจ เพราะมิรู้เลยว่าพญายักษ์ตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่



"เรือนที่พี่ๆ ของเจ้าพักเต็มหมดแล้ว ในวังของข้าก็มีเพียงแค่ห้องข้างๆ ห้องบรรทมของข้าเท่านั้นแลที่ยังว่างอยู่ ข้าให้เจ้าได้นอนห้องที่ดีกว่าพวกเขาเลยหนา เจ้ามิดีใจหรอกหรือ?"พญารามสูรเอ่ยคำแก้ตัวที่คิดว่าคงใช้ได้ แม้มันจะฟังแทบมิขึ้นเลยก็ตามที เพราะในพระราชวังที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ มีหรือที่ห้องนอนจะมิว่างและมิเพียงพอได้?



"...."ลำเภาจันทร์มองยักษาตัวใหญ่ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ในตอนกลางคืนคงมิใช่ว่าหิวแล้วจะเข้ามาในห้องของเขาหรอกนะ



"หึหึ เจ้าลดความระแวงลงเถิด แม้เมืองยักษ์จะดูสงบดีแต่ว่าก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะงั้นข้าจึงได้ให้เจ้ามาอยู่ใกล้ๆ ข้าอย่างไรเล่า"พญารามสูรพยายามเอ่ยปลอบเมื่อตนยังคงรู้สึกได้ถึงความระแวดระวังของเด็กน้อย



"...ข้าสามารถปกป้องตนเองได้ แต่ว่าพี่ๆ ของข้านั้นล้วนไม่"ลำเภาจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังนิ่งเรียบ ถ้าหากว่าเขาได้นอนห้องใกล้ๆ ห้องของพวกพี่ชาย อย่างน้อยๆ หากเกิดเรื่องขึ้นมา เขาก็น่าจะยังสามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที



"เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ข้าได้สั่งพลทหารยักษ์คอยคุ้มครองพี่ชายของเจ้าไว้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมิมีอันตรายใดที่จะเข้าถึงตัวพี่ชายของเจ้าได้อย่างแน่นอน"พญารามสูรเอ่ยปลอบคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพื่อให้คลายความกังวลลง



"....ข้าจะเชื่อท่านสักครั้งก็แล้วกัน"ลำเภาจันทร์เอ่ยเสียงนิ่ง อย่างไรในเนื้อเรื่องพวกนางสิบสองก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรในเมืองยักษ์อยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงค่อนข้างคลายความกังวลใจลงไปหลายส่วน



"ขอบใจเจ้าที่เชื่อใจข้า ข้าจะมิทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน"พญารามสูรยกมุมปากหนาอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มที่จะเชื่อใจตนแล้ว แม้ว่าตนจะสัมผัสมิได้ถึงความเชื่อใจนั้นเลยก็ตาม แต่ทว่าเด็กน้อยก็มิได้มีท่าทีกังวลดั่งเช่นเมื่อสักครู่นี้แล้ว"เอาล่ะ ถึงห้องของเจ้าแล้ว ห้องของข้าอยู่ข้างๆหากเจ้ามีเรื่องทุกข์ใจอันใดก็เข้าไปหาข้าได้ทุกเมื่อ"



"...."ลำเภาจันทร์เหลือบมองพญายักษ์ตัวใหญ่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะผลักประตูทองสลักหรูหราชั้นดีเข้าไปด้านใน และพอเปิดเข้าไปมันก็ทำให้คนร่างเล็กตกตะลึงในทันที เพราะห้องนอนห้องนี้ทั้งใหญ่โตและหรูหรากว่าที่เขาคิดไว้มาก เตียงนอนที่อยู่กลางห้องเป็นเตียงแบบเสาหินอ่อนสี่มีสีขาวนวนสะอาดตา รอบเตียงล้อมไปด้วยผ้าฝ้ายผืนบางขาวสะอาดระบายอากาศได้เป็นอย่างดี รอบๆห้องถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ทั้งตู้เสื้อผ้าไม้สักงดงาม โต๊ะทำงานและโต๊ะเครื่องแป้งที่แกะสลักอย่างประณีต มีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่โตเต็มผนังด้านหนึ่ง สุดห้องมีหน้าต่างบานใหญ่เงาวับขอบหน้าต่างทำจากหินอ่อนงดงาม พร้อมด้วยม่านหน้าต่างสีขาวบริสุทธิ์ยาวถึงพื้น ด้านข้างมีโซฟาหนังขนาดใหญ่ปูด้วยพรมขนสัตว์ดูนุ่มนิ่มน่านั่งนัก

พื้นในห้องเป็นพื้นหินอ่อนเรียบเย็น โดยถูกปูด้วยพรมสีแดงเข้ากับห้องนอนหรูหรา บนเพดานถูกประดับตกแต่งไปด้วยคริสตัลและไข่มุกมากมาย ทั้งประณีตและตระการตาไม่น้อย

...อย่างบอกนะว่าที่นี่คือห้องนอนของเขาจริงๆ? ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะได้นอนห้องนอนที่ทั้งหรูหราและเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีราคาแพงขนาดนี้



"เป็นเช่นไรบ้าง ถูกใจหรือไม่?"พญารามสูรกอดอกพร้อมกับยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อยตัวเล็ก

เห็นเช่นนี้แล้วก็คุ้มยิ่งนักที่ตนเลือกข้าวของและคุมบริวารยักษ์ให้จัดห้องนอนของเด็กน้อยด้วยตัวของตนเอง แม้จะมีความสามารถเกินเด็ก แต่ว่าเด็กที่อยู่ในวัยเพียงเท่านี้ก็ต้องชื่นชอบของที่ดูนุ่มนิ่มและดูปลอดโปร่งอยู่แล้ว 

และด้วยฐานะที่ร่ำรวยเช่นตน ในห้องจะขาดแก้วแหวนเงินทองไปได้เช่นไร



"ชอบ ขอบพระคุณท่านที่เตรียมมันให้ข้า"ลำเภาจันทร์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มอ่อนออกมาเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาขอบคุณจากใจจริงๆ



"มะ มิเป็นอันใด"พญารามสูรเอ่ยเสียงตะกุกตะกักทันทีเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่แสนน่ารักของเด็กน้อย ในอกด้านซ้ายเต้นสนั่นจนแทบจะหลุดออกมา ใบหูทั้งสองข้างร้อนผ่าวและแดงก่ำอย่างห้ามมิอยู่ พญายักษ์ที่มิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเริ่มสับสน คิดว่าตนเองอาจเป็นโรคร้ายอะไรหรือไม่

หัวใจเต้นแรงเช่นนี้ เห็นทีหลังจากนี้ตนคงต้องรีบไปหาแพทย์ยักษ์เสียแล้ว 

แม้ภายนอกพญารามสูรจะเหมือนยักษาวัยหนุ่มทั่วไป แต่ทว่าแท้จริงแล้วพญายักษ์นั้นมีอายุมากว่า ๙๐๐ ปีแล้ว และเผ่าพันธุ์ยักษานั้นล้วนมีอายุขัยได้ถึง ๑,๐๐๐ ปี ดังนั้นยามนี้จึงเหลือเวลาอีกเพียงแค่ ๑๐๐ ปีเท่านั้นก่อนที่พญารามสูรจะสูญสิ้นอายุขัยของตน

และด้วยเหตุนี้พญายักษ์จึงต้องขยันหมั่นเช็กสุขภาพกับแพทย์ยักษ์บ่อยๆ จนกว่าตนจะเจอยาวิเศษที่สามารถช่วยต่ออายุขัยของตนได้ในที่สุด







TBC