ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

นาย๑๒ - 11 สับสน โดย Jring. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นาย๑๒

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL

รายละเอียด

ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

ผู้แต่ง

Jring.

เรื่องย่อ

เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน 


เขาเป็นน้องเล็กสุดที่มีชื่อว่า ลำเภาจันทร์

น่าแปลกที่พวกเขาทั้ง ๑๒ คนนั้นเป็นบุรุษทั้งๆที่ตามเนื้อหาแล้วควรเป็นสตรี



หลังจากที่โดนท่านพ่อและท่านแม่ทอดทิ้งไว้ในป่า ลำเภาจันทร์ก็บังเอิญเดินไปพบเข้ากับพญายักษ์

จากวันนั้นคนงามก็โดนพญายักษาตัวใหญ่ไล่ตามวอแวไม่เลิก

 

"ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย"



เอาเถอะ ยังไงเสียเด็กๆทั้ง ๑๑ คนที่ถึงแม้ว่าจะมีอายุมากกว่าเขาแค่ ๑ หรือ ๒ วิ แต่เขาที่มีจิตวิญญาณที่โตกว่าจะดูแลไม่ให้สูญเสียลูกตาเหมือนกับเนื้อเรื่องในวรรณคดีเอง

ถ้าทำตัวดีล่ะนะ



พญารามสูร×ลำเภาจันทร์

สารบัญ

นาย๑๒-1. โลกใบใหม่,นาย๑๒-2 ตลาดท่าจันทคาม,นาย๑๒-3. การเติบโต,นาย๑๒-4 ผู้ใดมาเกี้ยวน้องเภาของข้า!,นาย๑๒-5 ท่านพ่อโดนยึดเกวียน,นาย๑๒-6 โดนทิ้งอีกครั้งก็พบเจอเข้ากับยักษา,นาย๑๒-7 กลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย,นาย๑๒-8 คิดเลี้ยงไว้กินหรือไร,นาย๑๒-9 ล่อลวงเข้าเมืองยักษ์,นาย๑๒-10 ห้องนอนข้างกัน,นาย๑๒-11 สับสน,นาย๑๒-12 เรียกพี่รามสูร,นาย๑๒-13. คงมิพอใจข้ามากสิหนา,นาย๑๒-14 เข้าใจข้าผิดแล้ว,นาย๑๒-15 ยาอายุวัฒนะ,นาย๑๒-16 ประลอง,นาย๑๒-17 ไปฟ้องเสด็จพ่อกัน,นาย๑๒-18 รักษา,นาย๑๒-19 รักษา 2,นาย๑๒-20 ข้าจะเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-21 แอบเข้าป่าต้องห้าม,นาย๑๒-22 รักษานาค,นาย๑๒-23 สหายคนแรก,นาย๑๒-24 สงคราม,นาย๑๒-25 เริ่มทำยา,นาย๑๒-26 บรรยากาศแปลกๆ,นาย๑๒-27 แข่งขี่ม้ายิงธนู,นาย๑๒-28 สายตาหน้าขยะแขยง,นาย๑๒-29 หลอกล่อพี่ชายคนที่ ๓,นาย๑๒-30 พี่กล้วข้ามากเลยหรือ,นาย๑๒-31 โดนจับตัวไป,นาย๑๒-32 รู้จุดมุ่งหมายของพวกมัน,นาย๑๒-33 เริ่มปรุงยา,นาย๑๒-34 แปรผัน,นาย๑๒-35 ดวลชิงบันลังก์ 1,นาย๑๒-36 ดวลชิงบันลังก์ 2,นาย๑๒-37 เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย,นาย๑๒-38 ลำเภาจันทร์เข้าครัว,นาย๑๒-39 รักต่างเผ่าพันธุ์,นาย๑๒-40 ผลไม้ที่กินมาตลอดคือผลไม้วิเศษ,นาย๑๒-41 ปลามงคล,นาย๑๒-42 ชวนพี่ชายทานอาหาร,นาย๑๒-43 อร่อยที่สุดเท่าที่เลยทำ,นาย๑๒-44 แอบออกนอกวัง,นาย๑๒-45 อันธพาลแห่งนคร,นาย๑๒-46 ทูล (ฟ้อง) เสด็จพ่อ,นาย๑๒-47 มียักษ์มาสู่ขอพระโอรสลำเภาจันทร์,นาย๑๒-48 รู้ทันแผนทำให้พี่น้องแตกคอ,นาย๑๒-49 มนุษย์ที่ถูกขัง,นาย๑๒-50 นางยักษ์,นาย๑๒-๕๑. แผนการหลบหนี

เนื้อหา

11 สับสน

"ข้าจะพักผ่อนแล้ว ท่านเองก็ไปพักผ่อนเถิด"ลำเภาจันทร์เอ่ยกับพญายักษ์ตัวใหญ่ที่เริ่มทำสีหน้าแปลกๆ ในใจคิดว่าอีกฝ่ายคงเหนื่อยมากและบาดแผลคงยังมิหาดีกระมัง



"อ อื้ม เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้สบายเถิดหนา"พญารามสูรพยักหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเด็กน้อย"วันพรุ่งข้าจะให้เจ้าเลือกสาวใช้ส่วนตัว เอาไว้คอยดูแลเจ้า"



"....มิรบกวนมากถึงเพียงนั้น"ลำเภาจันทร์เอ่ยเสียงเรียบ เขาชอบอยู่คนเดียว และการที่อีกฝ่ายเอาผู้อื่นหรือคนของตัวเองมาอยู่ข้างกายเขาเช่นนี้ก็คงมิโผล่ให้มาจับตามอง

น่ารำคาญเกินไป เขามิชอบ

และเมื่อไม่มีอะไรให้ต้องพูดคุยกันแล้ว ลำเภาจันทร์จึงเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูบานใหญ่ทันที



หลังจากที่บานประตูห้องบรรทมของเด็กน้อยปิดลง พญารามสูรที่เห็นเช่นนั้นก็มิได้ติดใจอันใด ไว้ค่อยหาวิธีทำให้เด็กน้อยยอมรับสาวใช้ไว้ข้างกายก็ย่อมได้ 

พญายักษ์เองก็มิอยากบังคับหรือทำอันใดให้เด็กน้อยตัวเล็กอึดอัดทุกข์ใจนัก เพียงแต่เด็กน้องผู้นี้เป็นที่ถูกใจของตน

ดังนั้นหากกบฏในเมืองของตนรู้เข้า มิแน่ว่าเด็กน้อยอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องการให้มีผู้ติดตามข้างกายเด็กน้อยตัวเล็กเอาไว้ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา จะได้มีผู้อื่นคอยช่วยเหลือ



'ฝ่าบาท! ฝ่าบาททรงกลับมาแล้ว! กระหม่อมดีใจยิ่งนักที่พระองค์ทรงปลอดภัยจากมนุษย์ชั่วเหล่านั่นพ่ะย่ะค่ะ ...อะ  กะ กระหม่อมทรงทำงานผิดพลาด ขะ ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมมิอาจสามารถตามทหารไปช่วยเหลือฝ่าบาทได้ทันเวลา' ภูตเงาที่แอบดูอยู่ในกระจกมาตลอดปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่เห็นว่าเด็กน้อยมนุษย์ผู้นั้นได้เข้าห้องบรรทมไปแล้ว มันลอยอยู่ในกระจกด้วยท่าทีดีใจในช่วงแรกเมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันนั้นแคล้วคลาดปลอดภัยจนกลับมาถึงพระนครอัสดง แต่มันก็ต้องเอ่ยเสียงหงอยออกมาในช่วงหลังเพราะรู้สึกหวาดกลัว เมื่อมันนึกถึงหน้าที่ของมันที่ทำมิสำเร็จ 'ก กระหม่อมอธิบายได้หนาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท'



"เงียบเสีย"พญารามสูรเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจและเคร่งขรึม ใบหน้าคมสันหล่อเหลาตวาดตามองไปที่ภูตเงาซึ่งเป็นภูตรับใช้ของตนด้วยสายตาดุดัน ซึ่งมันเป็นสายตาที่แตกต่างจากสายตาที่ตนใช้มองเด็กน้อยในห้องลิบลับ



'พะ พ่ะย่ะค่ะ' ภูตเงาตัวจ้อยตัวสั่นงึกๆ ร่างกลมๆของมันสั่นจนเป็นเกลียวคลื่นสีดำดูแปลกตา รูปร่างกลมๆดำๆของมันมีเพียงดวงตาดวงโตสองดวงเท่านั้นและยามนี้ก็อ่อคลอไปด้วยน้ำตาเม็ดใหญ่ เพราะมันหวาดกลัวว่าจะโดนลงโทษจากผู้เป็นนายของมันยิ่งนัก



"...จับตาดูเด็กน้อยผู้นี้ไว้ให้ข้า หากมีสิ่งใดมิปกติให้รีบมาแจ้งข้าทันที"พญารามสูรสั่งภูตเงาหรือบริวารรับใช้ของตนด้วยน้ำเสียงดุดันมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วคมเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเคร่งขรึมต่อ"หลังจากนี้ เจ้าค่อยมาแจ้งข้า ถึงการกระทำของฝ่ายนั้น"



'พะ พ่ะย่ะค่ะ!'ภูตเงารับคำสั่งผู้เป็นนายของมันทันทีด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นสดใสขึ้น ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับหน้าที่ใหม่



พญายักษ์เองหลังจากที่สั่งการเรียบร้อย ร่างกายองอาจสูงใหญ่ก็หันหลังเดินจากไปเพื่อไปสถานที่แห่งหนึ่งทันที ซึ่งมันเป็นหอคอยสูง และห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเด็ดขาด

หอคอยการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในดินแดน







"ถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงกลับมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้กระหม่อมดีใจยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ"แพทย์ยักษ์วัย ๙๘๕ ปี ซึ่งเป็นแพทย์ยักษ์ที่อาวุโสที่สุดในหอคอยเอ่ยทำความเคารพผู้เป็นราชาของพระนครด้วยน้ำเสียงนอบน้อมอบอุ่น"ให้ข้าช่วยดูแผลให้หนาพ่ะย่ะค่ะ"



"รบกวนท่านหมอวศินด้วย"พญารามสูรนั่งลงในที่ประจำของตน ซึ่งเป็นโซฟาหนังสัตว์หายากและพบเห็นได้เพียงในป่าต้องห้ามเท่านั้น 



"มิรบกวนเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทรงยิ่งดียิ่งที่ได้รับใช้พระองค์"หมออาวุโสวศิณเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดังผู้เฒ่าผู้มีเมตตา ใบหน้าเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นที่รักและที่เคารพของเหล่าแพทย์ยักษ์ด้วยกันเสมอ"ต้องขออภัยแทนลูกศิษย์ของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะที่มิสามารถมารับใช้ฝ่าบาทได้ พอดีว่าเขากับภรรยาพึ่งออกไปเก็บและศึกษาสมุนไพรในป่าต้องห้ามเมื่อสองสามวันก่อนพ่ะย่ะค่ะ"



"มิเป็นอันใด"พญารามสูรเอ่ยอย่างมิถือสา แต่ในใจกับคิดว่า เจ้านั้นมันจะไปเก็บสมุนไพรจริงแน่หรือ คงมิใช่ว่าแอบไปพลอดรักกับเมียมันในป่าดอกหนา

หึ..มิอยู่ก็ดี ขัดหูขัดตาข้าพญายักษ์ผู้นี้



"เด็กๆทั้ง ๑๒ คนที่ฝ่าบาททรงพามาด้วย พวกเขาใช้ได้ทีเดียวเลยพ่ะย่ะค่ะ แต่ยามนี้ดวงตาของเด็กๆ เหล่านั้นยังมิถึงเวลาที่จะใช้การได้ ยังต้องรอให้พวกเขามีอายุขัยถึง ๑๖ ปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ"หมออาวุโสวศิณทำแผลไปพลางเอ่ยไปพลางกับนายเหนือหัวของตน"กระหม่อมทรงเห็นด้วยที่ฝ่าบาทรับเลี้ยงพวกเขา แต่กระหม่อมคงมิสามารถอยู่ได้ถึงวันที่จะปรุงยาให้พระองค์ แต่ทว่าฝ่าบาททรงอย่าได้เป็นกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ เพราะลูกศิษย์ของกระหม่อมสามารถปรุงยาอายุวัฒนะให้ฝ่าบาทได้อย่างแน่นอน"



"...."พญารามสูรนิ่งงัดเมื่อได้ยินสิ่งที่แพทย์ยักษ์อาวุโสเอ่ย อีกฝ่ายเป็นแพทย์ยักษ์ที่มีอายุมานานกว่าตน ๘๕ ปี ดังนั้นอีกฝ่ายจึงมีรูปร่างและใบหน้าที่แก่ชราไปตามวัยเมื่อมีอายุเข้าสู่ปีที่ ๙๐๐ ของช่วงอายุขัยในเผ่ายักษ์  

และพญายักษ์เองก็เริ่มที่จะเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน เพราะพญารามสูรมีอายุขัยถึง ๙๐๐ ปีแล้ว แต่เพราะยังมิได้มีบุตรผู้สืบทอดบัลลังก์ ดังนั้นจึงต้องเร่งหาวิธีเพื่อต่ออายุขัยของตน อย่างการทำยาอายุวัฒนะในตำราโบราณ ซึ่งเป็นยาที่เป็นตำนานและหายสาบสูญมาช้านานแล้ว

แต่การที่จะทำยาอายุวัฒนะได้นั้น ต้องมีส่วนผสมที่สำคัญมากอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นคือ ดวงตาของเด็กมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกันถึง ๑๒ คน

และที่พญายักษ์ไปเมืองมนุษย์ เหตุก็เพราะเหตุผลเช่นนี้แล



แม้จะดูเป็นวิธีที่ป่าเถื่อน แต่หากว่าเมืองยักษ์ไร้ผู้ปกครองเผ่าพันธุ์ เมืองก็จะไร้ที่พึ่งและอาจจะกระจัดกระจายออกไปทำร้ายเหล่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆได้ ด้วยเหตุนี้หน้าที่ของผู้ปกครองนครยักษ์จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะหากจากไปด้วยอายุขัยและไร้ผู้สืบทอดตำแหน่ง มันก็คงมิพ้นความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน



แต่พญายักษ์ในยามนี้กับรู้สึกสับสน

เรื่องมันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่ ยามนั้นที่ตนคิดรับเลี้ยงเด็กน้อยคราวแรกก็เป็นเพราะเห็นสนใจ ในใจคิดแค่ว่าเด็กบุรุษทั้ง ๑๒ คนคงเป็นญาติพี่น้องที่อายุไล่เลี่ยกันเพียงเท่านั้น มิคิดว่าจะเป็นเด็กแฝด ๑๒ คน ที่มีนัยน์ตาซึ่งสามารถใช้ทำยาอายุวัฒนะได้

แต่ทว่า นัยน์ตาที่งดงามราวกับมีดวงดาวนับล้านนับพันเต้นระบำอยู่ในนั้น ตนจะต้องนำมันออกมาใช้จริงๆหรือ?



"ฝ่าบาท มีเรื่องอันใดที่ทรงมิพอพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ยามนี้แก้ไขปัญหาเรื่องผู้สืบทอดได้แล้ว มิทรงดีพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ?"หมออาวุโสวศิณเอ่ยถามผู้เป็นราชาอย่างมิมั่นใจ เมื่อพบว่าบรรยากาศรอบกายของพญาอสุราผู้สูงส่งตรงหน้านั้นเริ่มที่จะเย็นเยือก อีกทั้งแรงกดดันยังมีมหาศาล



"...ท่าน"พญารามสูรเหลือบสายตาคมมองไปที่ใบหน้าเหี่ยวย่นของหมออาวุโสวศิณ ก่อนจะเอ่ยคำถามออกมา"ความรู้สึกรัก เป็นเช่นไรรึ?"



"อ อันใดนะพ่ะย่ะค่ะ?"หมออาวุโสวศิณทำหน้าฉงนทันที ก่อนจะตกตะลึงกับคำถามของผู้เป็นราชา

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหมออาวุโสวศิณเป็นแพทย์หลวงมาเกือบทั้งชีวิต มิเคยพบเห็นฝ่าบาทผู้นี้ยุ่งเกี่ยวหรือสนใจเรื่องราวรักใคร่เลยตั้งแต่เยาว์วัย

จนเป็นสาเหตุให้มิมีผู้สืบทอดเช่นนี้

และการที่ฝ่าบาททรงเอ่ยถามเรื่องนี้ จะมิให้ยักษ์แก่เช่นตนตกใจได้เลยหรือ?



"ข้าถามว่าความรู้สึกรักคืออันใด?"พญารามสูรเอ่ยถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น ทว่านัยน์ตาคมสีเหล็กกับเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันโดยมิรู้ตัว เมื่อพญายักษานึกถึงเรื่องราวในอดีตของตน"...ความรักที่เสร็จแม่ของข้าเคยเอ่ยถึง มันคืออะไร?"







ทางฝั่งของลำเภาจันทร์

ในยามนี้ลำเภาจันทร์กำลังนอนแพร่มองเพดานอยู่บนเตียงกว้างนิ่งๆ ในหัวกำลังคิดว่าเนื้อเรื่องต่อจากนี้มันจะดำเนินต่อไปอย่างธรรมดาๆ ใช่หรือไม่?

ในตอนนี้พวกเขายังมีอายุเพียง ๑๐ ปี ยังเหลือเวลาอีก ๖ ปีจนกว่าจะถึงเนื้อเรื่องหลัก แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้เขาจะสามารถมั่นใจได้หรือไม่ว่าภายใน ๖ ปีนี้ พวกเขาจะอยู่กันได้อย่างปลอดภัย

เพราะถึงอย่างไรก็มิสามารถประมาทได้เลยจริงๆ

แม้ว่าพญารามสูรหรือพญายักษ์ตนนั้นจะมิได้รับบทบาทเป็นนางสนธมารตามที่คาดการณ์เอาไว้ แต่มิว่ายังไงดวงตาของพวกเขาทั้ง ๑๒ คนก็ยังสามารถใช้ทำยาอายุวัฒนะได้อยู่ดี

เพราะแม้ว่าเพศจะเปลี่ยน แต่ว่าโครงเรื่องหลักๆมันก็ยังคงอยู่ อีกอย่างบางทีการทำยาอายุวัฒนะนี้ ก็อาจจะไม่ใช่ความลับอะไรของเผ่ายักษ์ด้วย

ถ้าเป็นแบบนั้น มิใช่ว่ายักษ์ตนใดที่เจอพวกเขาแลัวรู้ว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดทั้ง ๑๒ คนที่มีดวงตาเป็นวัตถุดิบใช้ทำยาวิเศษได้ มันก็คงมิพ้นต้องเจออันตรายอยู่ดีมิใช่หรือ?

ยังดีที่โครงเรื่องกล่าวไว้ว่าดวงตาจะใช้การได้ก็ต่อเมื่อมีอายุครบ ๑๖ ปี เพราะเช่นนี้เขาจึงรู้สึกเบาใจลงที่เลือกมาอยู่ในเมืองยักษ์เช่นนี้



"...."นัยน์ตาสีนิลเหลือบมองไปที่กระจกข้างห้องซึ่งถูกตกแต่งไว้มากมายเป็น ๑๐ อันนิ่งๆ ดูแล้วค่อนข้างน่าสงสัย แอบรู้สึกมาสักพักแล้วว่าเหมือนมีอะไรกำลังเฝ้ามองเขาอยู่มาสักระยะแล้ว ซึ่งถ้าให้เดามันก็คงจะเป็นภูตเงาของยักษาตนนั้น 



"หาวว"ลำเภาจันทร์อ้าปากหาววอเล็กน้อยหลังจากที่นอนกลิ้งไปมาอยู่นาน วันนี้ไม่ได้นอนมาเกือบทั้งคืน งั้นเขาก็ขอนอนพักสักหน่อยแล้วกัน 

ลำเภาจันทร์ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มถึงคอ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อนอนพักผ่อนเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มกลืน  ไม่นานลมหายใจก็เข้าออกสม่ำเสมอ



'...หลับไปแล้วหรือ? เช่นนั้นข้าไปหาฝ่าบาทดีกว่า' ภูติเงาตัวกลมๆ ดำๆ ที่อยู่ในกระจกเอ่ยเสียงเบา ดวงตากลมๆของมันมองสำรวจไปที่ร่างของเด็กน้อยมนุษย์ตัวขาวเพื่อความแน่ใจ และเมื่อมันเห็นว่าเด็กมนุษย์ผู้ที่ฝ่าบาททรงให้มันมาเฝ้าดูหลับใหลไปแล้วจริงๆ มันจึงรีบลอยออกไปอย่างรวดเร็วทันที เพื่อที่จะไปรายงานให้เจ้านายของมันทราบ



"...."ลำเภาจันทร์ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่สัมผัสได้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นได้ออกไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะเดาถูกจริงๆว่ามันเป็นภูตเงาของพญาอสุราตนนั้น เช่นนั้นก็แน่ชัดแล้วว่าพญารามสูรได้รับบทเป็นนางสนธมารจริงๆ

งั้นเนื้อเรื่องของนางสิบสองก็ยังคงอยู่ในเส้นเรื่องสินะ งั้นที่อีกฝ่ายไปเมืองมนุษย์ก็คงเพราะออกตามหาดวงตาของเด็กที่เกิดมาพร้อมกับ ๑๒ คน

หลังจากที่คิดและทบทวนอะไรอยู่ในหัวสักพัก ลำเภาจันทร์ก็หลับไปจริงๆด้วยความอ่อนเพลีย วันนี้พักก่อน ยังไงก็สามารถมั่นใจได้ว่าตลอด ๖ ปีนี้พวกเขาจะยังคงอยู่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน







ฝั่งของพญารามสูร

หลังจากออกจากหอคอยการแพทย์ พญายักษ์ก็เดินเตร่สำรวจรอบวังที่แม้ว่ายามนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตาม แต่เพราะความว้าวุ่นในใจจึงทำให้พญายักษ์รู้สึกมิง่วงเลยแม้แต่น้อย ในอกแกร่งมีทั้งความรู้สึกคาใจ อึดอัดและสับสน

ปะปนกันไปหมดจนรู้สึกปวดหัว ก่อนพญายักษ์จะนึกถึงคำตอบของหมอแพทย์อาวุโสวศิณในยามนั้นที่ตนเอ่ยถาม



'ความรักหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจนัก แต่ทว่าในยามที่กระหม่อมได้อยู่กับภรรยา กระหม่อมรู้สึกมีความสุขยิ่งพ่ะย่ะค่ะ' หมออาวุโสวศิณกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แม้ว่าในดวงตาเหี่ยวย่นจะมีความโศกเศร้าซ่อนไว้อยู่ก็ตามที

'ท่านมีคนรักเป็นมนุษย์ แต่มนุษย์นั้นมีอายุขัยน้อยเพียง ๑๐๐ ปีเท่านั้น ทั้งๆที่ท่านรู้ว่านางจะจากท่านไป เหตุใดท่านจึงเลือกที่จะรักนางอยู่' 

'เพราะกระหม่อมรักนางสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียง ๑๐๐ ปีหรือ ๑๐ ปี แต่ทว่าในชีวิตนี้ กระหม่อมมีความสูขยิ่งที่ได้อยู่เคียงข้างนางพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจะเสียใจในยามที่นางจากไป แต่ทว่ากระหม่อมนั้นดีใจมาก ที่ในชาตินี้ได้ครองคู่และครองรักกับนางพ่ะย่ะค่ะ'

'...ความรักของท่าน คงเป็นรักที่บริสุทธิ์ดั่งที่เสด็จแม่ของข้าเอ่ยถึงสินหา'

'เมื่อท่านพบเจอผู้ที่ทำให้ท่านรักสุดหัวใจ จนยอมแลกได้แม้กระทั่งชีวิต ท่านก็จะเข้าใจเองว่าความรักที่บริสุทธิ์นั้น มันมิอาจสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลยพ่ะย่ะค่ะ'

'....'



"ยอมแลกได้แม้กระทั่งชีวิตรึ?"พญารามสูรคิดไปก็เดินไปเรื่อยๆ อยู่นานภายในเขตวังหลัก

จนกระทั่งพบเข้ากับหัวหน้าพลทหารตนสนิทที่พญารามสูรไว้วางใจที่สุด อีกฝ่ายวิ่งหอบกระเสือกกระสนมาแต่ไกล ดูแล้วคงออกตามหาตนไปทั่ววัง



"ฝ่าบาท! แฮ่กๆ กระหม่อม กระหม่อมทรงดีใจยิ่งนัก ที่ ที่พระองค์มิเป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ!"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ หลังจากที่วิ่งมาถึงก็จับเข่าหอบหนักแต่ก็ยังคงฝืนเอ่ยด้วยท่าทีดีใจปนกระตือรือร้น สักพักเมื่อหายเหนื่อยก็คุกเข่าลงทำความเคารพอย่างรวดเร็ว"กระหม่อมกำลังจะไปตามหาพระองค์ที่เมืองมนุษย์เลยพ่ะย่ะค่ะ! ต้องขออภัยที่กระหม่อมนั้นมิรอบคอบ เจ้าภูตเงาเองก็หนีตายจนหลุดออกมาแจ้งข่าวกับกระหม่อมได้เมื่อมิกี่ยามนี้ ครั้งนี้พวกมันเล่นแรงนักพ่ะย่ะค่ะ!"

ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ เอ่ยไปก็รู้สึกฉุนเฉียวไป เพราะครั้งที่ฝ่าบาททรงออกไปตามหาบางอย่างที่เมืองมนุษย์ ศวุตย์นั้นก็มิอาจสามารถติดตามไปรับใช้ด้วยได้ เพราะถ้าหากตนไปด้วย ภายในวังหลวงก็จะมิมีผู้ใดดูแลและจับตามองเลย

หากเป็นเช่นนั้นมันก็คงมิพ้นเปิดโอกาสให้พวกกบฏแทรกซึมเข้ามาในวังโดยง่าย

ดังนั้นศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ จึงเลี่ยงมิได้ที่จะต้องอยู่ดูแลวังหลวง



"...ไปรายงานสถานการณ์ที่ห้องทำงานของข้า"พญารามสูรเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มดุดัน นัยน์ตาคมสีเหล็กกล้าจ้องมองพลทหารใต้อานิสของตนที่เพียงมองธรรมดาก็แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ก่อนจะก้าวขายาวเดินนำไปที่ห้องทำงานในวังอย่างมั่นคง



"พ่ะย่ะค่ะ!"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อย ๒ ขานรับทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วก้าวเดินตามนายเหนือหัวของตนไป





หลังจากที่เข้ามาในห้องทำงานของพญายักษ์ พญารามสูรก็เริ่มไล่เรียงสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในวังทันที โดยวางเรื่องที่ตนกำลังสับสนอยู่ไว้ก่อน เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ตนพบเจอในเมืองมนุษย์และเกิดรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

ขึ้นชื่อว่ามนุษย์และยักษ์ พละกำลังล้วนแตกต่างกันมากอย่างมิต้องสงสัย 

แต่ที่พญายักษ์ต้องมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนั้น ก็เป็นเพราะมีคุณไสยต้องห้ามซึ่งสามารถเรียกคนตายให้กลับลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกครั้งอย่างมิรู้จักที่สิ้นสุด ฆ่าทิ้งก็มิได้ ปล่อยไปก็มิได้ เป็นไสยศาสตร์โสมงที่ทั้งโสโครกและใช้ได้เพียงกับศบของมนุษย์เท่านั้น

เพราะส่วนใหญ่มนุษย์มีจิตวิญญาณที่มิแน่มินอนที่สุด สามารถแปรผันได้โดยง่าย เพียงแค่มีสิ่งใดมาล่อตาล่อใจ จิตใจก็ไขว้เขวเสียแล้ว



"เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ จะจัดการเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ เอ่ยถามผู้เป็นราชาของตน



"..เพียงแค่ข้อสันนิษฐานยังมิเพียงพอที่จะเอาโทษเจ้านั้นได้ ฐานอำนาจของมันมีมากขึ้น เราจะกระทำโดยมิระวังมิได้เด็ดขาด"พญารามสูรเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะนวดขมับอย่างปวดหัว"ตัวประกันที่รอบส่งข่าวและสอนไสยศาสตร์ให้แก่พวกมนุษย์ก็โดนฆ่าไปแล้ว พวกมันช่างรอบคอบยิ่งนัก"



"พ่ะย่ะค่ะ! แต่ทว่าก็น่าโมโหยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!"ศวุตย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ"กระหม่อมจะพยายามเต็มที่ เพื่อรวบรวมหลักฐานเอาผิดพวกมันให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!"



"อืม ดี"

หลังจากที่พญารามสูรรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทั้งคู่ก็รีบหารือกันทันทีว่าจะทำเช่นไรให้พวกมันโผล่หางออกมา โดยที่มิทำให้ประชาชนต้องล้มตาย

เวลานี้พญารามสูรผู้ปกครองนครอัสดงได้กลับมาแล้ว พวกมันคงจะพากันระวังตัวและเงียบกันไปได้สักพักใหญ่ๆ จึงเป็นโอกาสดีที่จะวางกลยุทธ์กำราบกบฏในช่วงนี้

หลังจากคุยธุระกันเสร็จ ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ ก็เอ่ยทูลลานายเหนือหัวของตน





ในกระจกบานใหญ่บนกำแพงหนาสีเทาเข้ม มีภูตเงาตัวน้อยที่มาต้อมๆมองๆสักพักแล้ว เพราะมันเห็นว่าเจ้านายของมันกำลังพูดคุยธุระอยู่ มันจึงมิกล้าเข้าไปเอ่ยขัดเพราะกลัวโดนผู้เป็นนายดุ

"พ่อลำเภาเป็นเช่นไรบ้าง เหตุใดเจ้ามิอยู่เฝ้าต่อ"พญารามสูรเอ่ยถามก้อนกลมในกระจกด้วยน้ำเสียงเสียงเคร่งขรึมมิพอใจ กลิ่นอายทรงอำนาจเริ่มเย็นยะเยือกจนภูตรับใช้ตัวสั่นงึกๆอย่างน่าสงสาร



'กะ กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ พะ เพียงแต่พระธิดาลำเภาจันทร์ทรงบรรทมแล้วพ่ะย่ะค่ะ' ภูตเงาตัวน้อยเอ่ยรายงานเจ้านายของมันเสียงสั่น ร่างกายกลมๆดำๆของมันสั่นงึกๆ เมื่อมันรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่น่ากลัวของผู้เป็นเจ้านาย



"...พ่อลำเภาหาใช่สตรีไม่"พญารามสูรลดแรงกดดันลง ก่อนจะเอ่ยแก้ไขในสิ่งที่ภูตเงาเข้าใจผิด



'อะ อันใดหนาพ่ะย่ะค่ะ? มะ มิใช่สตรีหรือพ่ะย่ะค่ะ' ภูตเงาหมุนหัวกลมๆของมันลงเมื่อรู้สึกสงสัยแม้ว่ามันจะกลัวมาก แต่มันก็อดเอ่ยถามผู้เป็นนายของมันเสียงสั่นมิได้ มันนึกถึงใบหน้าที่น่ารักงดงามราวกับอัปสรสวรรค์ตัวน้อย ก็มิอาจจะเชื่อได้เลยว่าเด็กน้อยมนุษย์ผู้นั้นจะเป็นอื่นนอกจากสตรี

อันเนื่องมาจากเผ่าพันธุ์ยักษ์นั่น บุรุษเพศเกือบทุกผู้ล้วนมีร่างกายที่บึกบึนและสันทัดเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นบุรุษยักษ์ที่มีกายอ้อนแอ้นดั่งสตรีและยิ่งมีใบหน้าที่งดงามนั่น จึงหาได้ยากยิ่งนัก



"..หึ"พญายักษ์ยกยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานหยดที่แสนเย็นชาของเด็กน้อยตัวเล็ก ยามใดที่ตนจ้องมอง เด็กน้อยก็เอาแต่ส่งสายตาข่มขู่มาให้ตนทุกคราว เห็นหน้าหวานเช่นนั้นแต่กับดุร้ายมิน้อยเลยหนา"ฟังให้ดี  ข้าจะสั่งงานเจ้า"



'ฝะ ฝ่าบาทมิทรงลงโทษที่กระหม่อมทรงงานพลาดหรือพ่ะย่ะค่ะ' ภูตเงาตัวน้อยเอ่ยเสียงเบา เมื่อนึกถึงความผิดของมัน



"ข้าได้ยินมาจากเจ้าศวุตย์แล้วว่าเจ้าโดยฝ่ายนั้นจับขังไว้ในห้องมืด แต่ก็ใช่ว่าความผิดของเจ้าจะมิมีดอกหนา เจ้าผิดที่มิระวังตน ดังนั้นก็จงทำงานชดใช้ความผิดของเจ้าเสีย"พญารามสูรเอ่ยเสียงเข้มและเต็มไปด้วยอำนาจบารมี พญายักษ์เช่นตนมีเหตุมีผลมากพอ ดังนั้นเมื่อตนรู้ถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายผิดพลาด ตนก็มิอาจใจร้ายคิดลงโทษบริวารผู้ซื่อสัตย์ได้



'ขะ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!' ภูตเงาตัวน้อยมีท่าทีร่าเริงขึ้นมาทันควัน หากว่ามันมีปาก ก็คงฉีกยิ้มกว้างให้เห็นไปแล้ว!'ฝ่าบาททรงสั่งการกระหม่อมมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะทำให้ได้!"



"อือ ข้าจะใช้ให้เจ้าไปป่าวประกาศให้ทั่วพระนครของข้าว่า ตัวข้านั้นได้รับเลี้ยงดูแลลูกมนุษย์ ๑๒ คนเอาไว้ ดังนั้นจึงมีเหตุให้ต้องเก็บเรื่องเผ่าพันธุ์ยักษ์เป็นความลับ เพราะงั้นจงไปบอกให้ประชาชนทั้งหมดของข้าจำแลงกายเป็นมนุษย์เสีย "พญารามสูรเอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทั้งทรงอำนาจและดุดัน



'พ่ะย่ะค่ะ!' ภูตเงาตัวน้อยรับคำสั่งเสียงดังฟังชัดก่อนจะรีบลอยหายไปทันทีด้วยความรวดเร็ว



"...."พญารามสูรเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าพอใจ 

ที่ตนต้องเอ่ยสั่งภูตเงาเช่นนี้ก็เป็นเพราะยามที่พญายักษ์พาเหล่าเด็กมนุษย์ทั้ง ๑๒ คนมาในเข้าวัง พญายักษ์นั้นทำเพียงแค่สั่งให้ยักษาภายในวังจำแลงกายเป็นมนุษย์เพียงเท่านั้น เพราะเวลาค่อนข้างกระชั้นชิดดังนั้นตนจึงป่าวประกาศไปทั่วนครมิได้

และเพื่อมิให้ความลับรั่วไหลจนเหล่าพี่ชายของเด็กน้อยตื่นตระหนกแล้วพาเด็กน้อยของตนหนีออกไป ดังนั้นตนจำต้องระมัดระวังเอาไว้เสียก่อน

แม้จะยังสับสนกับความรู้สึกของตน แต่ทว่าพญายักษ์ก็ยังอยากที่จะรู้จักและอยากอยู่กับเด็กน้อยให้นานที่สุด







TBC