ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"เดียวก่อนสิพ่อลำเภา ได้ขนมแล้วก็ทิ้งกันเลยหรือ ชั่งใจร้ายยิ่งนัก"พญารามสูรรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเร่งก้าวเท้าแกร่งตามเด็กน้อยน่ารักตรงหน้าไป น้ำเสียงที่เอื้องเอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความน้อยใจแต่ก็มิได้จริงจังนัก
"...ท่านยังมีธุระอันใดอีก"ลำเภาจันทร์เอ่ยถามพญาอสุราเสียงนิ่งด้วยความสงสัย ดูจากที่นำขนมมาให้เขาแล้ว คงมิใช่ว่ามีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่ด้วยหรอกหนา เมื่อคิดเช่นนั้นลำเภาจันทร์ก็เหลือบนัยน์ตาสีนิลมองพญารามสูรด้านข้างด้วยสายตาว่างเปล่าทันที
"เจ้าอย่าได้มองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นเลย ข้าเพียงแค่จะพาเจ้าไปรู้จักกับบริวารของข้าผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น"พญารามสูรที่เห็นสายตาเช่นนั้นของคนตัวเล็กก็รีบเอ่ยอธิบาย น้ำเสียงที่ใช้ทั้งอ่อนโยนปนหว่านล้อมอยู่ในที
"ให้รู้จักกับผู้ใดกัน? ในวังนี้มิใช่ว่าข้าเคยพบเจอกับบริวารของท่านมาหมดแล้วหรอกหรือ?"ลำเภาจันทร์เอ่ยถามพญายักษ์ด้านข้างเสียงนิ่ง ในแววตาไม่มีความสนใจเลยสักนิด
ดูเหมือนว่าพญายักษ์จะอยากพาเขาไปพบกับภูตเงา เพราะตลอด ๑ เดือนที่ผ่านมานี้ กระจกในห้องหรืออะไรก็ตามที่สามารถสะท้อนเป็นกระจกได้ เขานั้นล้วนทำลายและนำไปทิ้งจนในห้องตอนนี้ไม่มีที่ให้ภูตเงาได้ใช้สอดแนมแล้ว
ถึงอย่างนั้น ลำเภาจันทร์เองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายมันหลอก แต่จะให้เรียกว่าเป็นการละเมอทำจะถูกกว่า เพราะยามหลับเขาจะไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้ๆ หรือรุกล้ำในที่ส่วนตัว อีกสิ่งหนึ่งคือ มันเป็นสัญชาตญาณของเขา และมันก็มักจะมีประติกิริยาเมื่อมีสิ่งใดที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเขาเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขา
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจทำ แต่ก็ใช้ว่าเขาจะชอบให้เจ้าก้อนกลมๆ ดำๆ คอยลอยติดตามเขาไปทั่วหรอกหนา
แค่ยอมให้มันลอยตามด้านนอกห้องก็เพียงพอแล้ว
"ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ตัวอยู่แล้ว ว่ามีสิ่งหนึ่งในกระจกค่อยลอบติดตามเจ้าอยู่ เจ้าสิ่งนั้นคือภูตรับใช้ของข้า หากว่ามันทำให้เจ้ามิสบายใจ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยหนาพ่อลำเภา"พญารามสูรเอ่ยกับเด็กน้อยตรงหน้าด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ใบหน้าหล่อเหล่าดูหงอยลงไปหลายส่วนจนไม่เหลือมาดพญายักษ์ผู้มากพลังและทรงอำนาจบารมี
ใบหน้าเช่นนี้ ถึงขนาดที่ทำให้ภูตเงาซึ่งแอบดูอยู่ในกระจกอดอึ้งมิได้
เจ้านายของมันที่ทั้งโหดเหี้ยม เด็ดขาดและเฉียบคมผู้นั้น! ขอโทษเด็กน้อยมนุษย์ที่มีอายุน้อยกว่า! ทั้งยังทำสีหน้าเช่นนี้อีก!? เห็นทีข่าวลือที่ยักษ์ในวังหลวงลือกัน จะเป็นเรื่องจริงที่ดูเป็นไปได้ขึ้นมาเสียแล้ว!
"ท่านคงหมายถึงเจ้าก้อนดำๆ ที่อยู่ในกระจก"ลำเภาจันทร์เอ่ยเสียงนิ่ง พร้อมทั้งเอียงศีรษะไปมองพญายักษ์ข้างกายที่เดินเคียงคู่กันมาเงียบๆ ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดไปหรืออะไร จึงทำให้เขาได้เห็นหูกับหางที่ลู่ลงเหมือนเจ้าหมาตัวโตที่กำลังรู้สึกผิด
ลำเภาจันทร์ส่ายหน้าไปมาเบาๆ เขาคงจะตาลาย พญายักษ์ที่ยิ่งใหญ่และปกครองเมืองยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดจะมาทำหน้าหงอยเป็นหมาเหงาทำไม
ถ้าให้คิดในแง่ดี อีกฝ่ายคงรู้สึกผิดจริงๆ
แต่ถ้าให้คิดให้แง่ลบ การที่อีกฝ่ายมาเอ่ยขอโทษเขาเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นแค่วิธีที่พยายามทำให้เขายอมใจอ่อนจนยอมเอากระจกเข้าไปไว้ในห้องเท่านั้น
แต่เมื่อเขาได้สบกับนัยน์ตาสีเหล็กกล้าของพญายักษ์ ลำเภาจันทร์ก็มองมิเห็นถึงความประสงค์ร้ายในแววตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่แววตาลึกลับ ที่ทั้งอ่อนโยน และ...ห่วงใย
"ใช่แล้วล่ะ"พญารามสูรก้มหน้าลงขณะเอ่ย"มันคือภูตเงาของข้า เจ้าโกรธหรือไม่ที่ข้าให้มันคอยติดตามเจ้าเช่นนี้"
"...."ลำเภาจันทร์ยังคงไม่ละสายตาไปจากพญายักษ์ ฝ่ามือเล็กหยิบขนมในถาดเข้าปากไปหลายชิ้น เคี้ยวหนึบหนับจนแก้มกลมๆ ขยับขึ้นลงดูน่ารักไม่น้อย "ข้ามีทำถามอยากเอ่ยถามท่าน"
"อ อันใดหรือ"พญารามสูรพยายามอดกลั้นที่จะไม่ยืนมือไปบีบแก้มกลมๆ นุ่มนิ่มนั้น อาา น่ารักเกินไปแล้วหนาเด็กน้อยของข้า ในใจพญายักษ์แอบนึกดีใจและคิดว่าคุ้มยิ่งนักที่ตนออกไปซื้อขนมมาให้เด็กน้อยถึงเมืองมนุษย์ด้วยตนเอง
เพราะแม้ว่าเด็กน้อยจะมิเคยเอ่ยปากบ่นว่าอยากกิน แต่เหล่าพี่ชายของเจ้าตัวก็เคยเผลอเอ่ยออกมาว่าคนตัวเล็กชื่นชอบการกินขนมมากเพียงใด
และเมื่อตนเห็นว่าเด็กน้องอารมณ์ดีหลังจากได้ทานขนมเช่นนี้ มันก็ยิ่งทำให้ตนอยากออกไปซื้อขนมมาให้เด็กน่ารักบ่อยๆ ยิ่งนัก!
"เหตุใดจึงได้ให้มันตามดูข้า"ลำเภาจันทร์เอ่ยถามพญายักษ์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆ ก่อนนัยน์ตาสีนิลจะเหลือบมองไปที่เจ้าก้อนดำๆ ในกระจกซึ่งกำลังแอบมองดูพวกเขาอยู่ และพอมันรู้ตัวว่าเขาเห็นมัน มันก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ จนรีบลอยหนีหายเข้าไปแอบด้านหลังกระจกด้วยความรวดเร็ว
เหตุผลที่เขาพอคิดได้คือ ถ้าตัดเรื่องความระแวงออก ก็คงจะเป็นความสงสัยในความสามารถของเขา พญายักษ์จึงได้ใช้ให้มันตามดูพฤติกรรมของเขาเป็นพิเศษ
"เรื่องนั้น เป็นเพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานของข้าที่สุ-"พญารามสูรหยุดชะงักและอยากจะตีปากของตนเองที่เผลอพูดความในใจออกไป ยามนี้น้องยังมีอายุเพียง ๑๐ ปีเองหนา หากเด็กน้อยหวาดกลัวตนจนหนีหายออกไปจะทำเช่นไร!
"...."ลำเภาจันทร์กินขนมไปก็รอฟังสิ่งที่พญาอสุราจะเอ่ยไปด้วย ขาเล็กๆ สั้นๆ ของเด็กชายวัย ๑๐ ขวบเดินไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน
เรื่องการเป็นที่โปรดปรานอะไรนั้น เขาก็เห็นพี่ๆ ที่อิจฉาพูดกันบ่อยๆ สำหรับตัวเขา เขาคิดว่าที่พญายักษ์ให้ความเป็นอยู่และดูแลเขาดีที่สุด คงเป็นเพราะแค่อยากตอบแทนหรือไม่ก็แค่อยากขอบคุณที่เขาเคยช่วยเหลือเอาไว้ก็เท่านั้น
ซึ่งมันก็สมเหตุสมผล
"...คือว่าในวังหลวงยามนี้"พญารามสูรลอบมองเด็กน้อยข้างกาย เมื่อมิเห็นท่าทีที่ติดใจอันใดของเด็กน้อยตัวเล็ก พญายักษ์ก็คิดว่าเด็กน้อยคงยังเด็กมาก คงยังมิเข้าใจที่ตนเอ่ยถึง เมื่อเห็นเช่นนั้นพญายักษ์ก็เบาใจก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ"หากเจ้าสังเกต ก็คงจะเห็นว่าบรรยากาศในวังของข้ายามนี้มิสู้ดีนัก เพราะในวังมียักษ์ที่มิประสงค์ดีต่อตัวข้ามากมาย และเจ้าที่ข้าให้ความสนใจที่สุด ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตรายดังนั้นจึงได้ให้มันคอยติดตามดูเจ้าตลอดเวลา"
"...."ลำเภาจันทร์เหลือบมองพญายักษ์เล็กน้อยหลังจากที่ฟังอีกฝ่ายเอ่ยจบ หากให้เขาคิดตามมันก็เป็นจริงอย่างที่พญายักษ์เอ่ยมา
เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาซึ่งเป็นนังฆ่าจะสัมผัสไม่ได้ถึงบรรยากาศกระอักกระอ่วนภายในวัง
ยามนี้เขารู้แล้วว่าพญาอสุราหวังดีจริงๆ จึงได้เผลอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
"อันที่จริงแล้ว เรื่องความสามารถที่มากมายของเจ้าแรกๆ ข้านั้นก็อยากรู้เช่นกัน แต่ทว่ารู้จากปากผู้อื่นแล้วอย่างไร มันคงมิดีเท่าได้รู้จากปากของเจ้าเองดอกหนา ขอโทษเจ้าที่ข้านั้นมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย"พญายักษ์สารภาพออกมาจนหมด ตนมิอยากทำให้คนน้องมิสบายใจหรืออึดอัดใจเมื่ออยู่กับตน ดังนั้นต่อแต่นี้ตนจึงมิคิดพยายามล้วงความลับของอีกฝ่ายอีก
แต่ตนจะพยายามเพื่อให้ได้เป็นคนสำคัญของคนตัวเล็กแทน เพราะตนอยากให้เด็กน้อยเอ่ยบอกกับตนด้วยตัวของตนเองเสียมากกว่า
"...ข้าให้อภัยท่าน"ลำเภาจันทร์เอ่ยให้อภัยเพราะใจอ่อน อีกอย่างคือเขาสัมผัสไม่ได้ถึงความประสงค์ร้าย และพญายักษ์เองก็เอ่ยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา บวกกับท่าทางหงอยเหงานั้นที่ไม่เหมาะกับยักษ์รูปร่างใหญ่โต มันก็ยิ่งทำให้เขาเอาผิดไม่ลง
อีกอย่างความลับของเขามันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร มันก็แค่ว่าเขาเป็นนักฆ่าแล้วก็หลุดเข้ามาโลกแห่งนี้ก็เท่านั้น และที่เขาเคยกล่าวว่าต้องการบอกความลับนี้ให้แก่คนที่เขาให้ความสำคัญเท่านั้นก็เพราะ เขาต้องการบอกให้แก่ผู้ที่เชื่อมั่นในตัวเขาหรือเชื่อในคำพูดของเขาต่างหาก
เพราะถึงเขาจะไม่แคร์ แต่ว่าเขาก็ไม่อยากถูกหาว่าเป็นบ้า มันน่ารำคาญจะตายไป
สิ่งที่เขาไม่พอใจแต่ก็พอให้อภัยได้ ก็เห็นจะเป็นการรุกล้ำพื้นนี้ส่วนตัวของเขา เพราะเขาก็ไม่ค่อยชอบ
"จริงหรือ ขอบใจเจ้ามากหนา เจ้าใจดีและอ่อนโยนอย่างที่ข้าคิดไว้"พญารามสูรเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้นมาทันที จนลำเภาจันทร์เหมือนตาฝาดมองเห็นหูกับหางที่สะบัดไปมาด้วยความดีใจอีกครั้ง
"....เรามาทำข้อตกลงกัน แล้วข้าจะยอมให้ท่านเอากระจกเข้าไปไว้ในห้องนอนของข้าสักอันก็ย่อมได้"ลำเภาจันทร์เอ่ยกับพญารามสูร แต่สายตากับจ้องมองถาดขนมที่ใกล้จะหมดลงเพราะระหว่างที่เดินหรือพูดคุยกันอยู่นั้นเขาหยิบมันขึ้นมากินไม่หยุด จนตอนนี้จากขนมที่มีอยู่เต็มถาด เหลืองอยู่ไม่ถึงครึ่งถาดแล้ว
"อันใดหรือ"พญารามสูรเอ่ยถามทั้งๆ ที่พอขาดเดาในใจได้แล้ว และมันก็คงมิโผล่ขนมที่เจ้าตัวกำลังมองมิวางตาในถาดทองสลักอย่างแน่นอน ท่าทางที่ราวกับมิอยากให้มันหมดไปเช่นนั้น ช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก! จนพญายักษ์เผลอมองอย่างอดเอ็นดูมิได้!"เจ้าต้องการอันใดเอ่ยออกมาได้เลย เพราะข้าจะหามาให้เจ้าทุกอย่างแน่นอน"
"เช่นนั้น ข้าขอเป็นขนมอาทิตย์ละ ๕ ครั้ง แล้วข้าจะยอมให้โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนของข้ามีกระจก"ลำเภาจันทร์เอ่ยพร้อมกับเงยหน้ามองพญายักษ์ตัวใหญ่ไปด้วย ขนมในถาดใกล้จะหมดแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการให้มันหมด เพราะงั้นเขาก็ขอใช้วิธีนี้ก็แล้วกัน
อีกอย่าง ภูตเงาในกระจกไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว และถ้ามีมันบางทีเขาอาจหลอกใช้งานมันได้ด้วย เพราะงั้นเมื่อคิดดูดีๆ การมีภูตเงาไว้ในห้องนอนก็ดูจะสะดวกและไม่ได้เสียหายอะไร
"๕ ครั้งเลยหรือ"ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของพญารามสูรเหงื่อตก จะให้ตนออกไปซื้อขนมอาทิตย์ละ ๕ ครั้งเห็นทีมีหรือจะไหว หากจะฝากยักษ์ตนอื่นไปซื้อให้ ตนก็มิต้องการให้ผู้ใดมาแย่งความดีความชอบของตนไปนัก เพราะพญายักษ์คงทนดูมิไหวหากเด็กน้อยไปสนิทสนมกับยักษาตนอื่น"๓ ครั้งต่ออาทิตย์ได้หรือไม่พ่อลำเภา"
"๖ ครั้ง"ลำเภาจันทร์กล่าวเสียงนิ่งที่ดูเอาแต่ใจ เมื่อเห็นว่าพญายักษาตรงหน้าจะมาลดจำนวนขนมของตน!
"เปลี่ยนเป็น ๖ ครั้งเลยเชียวหรือ"พญารามสูรเริ่มหนักใจ เพราะตนมิคิดเลยว่าเด็กน้อยจะชื่นชอบการทานขนมหวานมากถึงเพียงนี้
"๗ ครั้ง ขนม ๗ ครั้งต่ออาทิตย์"ลำเภาจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและจริงจัง อยากช้าดีนัก เขาอุตส่าห์ใจดีไม่กินขนมตั้ง ๒ วันต่ออาทิตย์แล้วแท้ๆ
"๗ ๗ ครั้งต่ออาทิตย์ ข้าเข้าใจแล้ว"พญารามสูรลนลานรีบตอบรับเด็กน้อยทันที ก่อนที่จำนวนขนมครั้งต่อไปมันจะมีจำนวนเยอะมากกว่านี้
"ก็เท่านั้น ท่านสัญญาแล้วนะ ว่าจะให้ข้าทานขนมทุกวัน"ลำเภาจันทร์เอ่ยกับพญายักษ์ด้านข้างด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีมิน้อย ก่อนจะยื่นถาดที่ไร้ซึ่งขนมให้พญายักษ์ตัวใหญ่"คืนให้ท่าน ขอบคุณท่านมาก"
จากนั้นก็เดินอารมณ์ดีเข้าห้องนอนของตัวเอง วันนี้อย่างน้อยๆ ก็มีอะไรดีๆ เกิดขึ้น อย่างเช่นการหลอกพญายักษ์ให้นำขนมที่เขาชื่นชอบมาให้ทุกวัน ใครใช้ให้เมืองยักษ์มิมีขนมกัน
ด้านหน้าห้องบรรทมของเด็กน้อย พญาอสุรายังคงยืนอยู่กับที่เพราะยังตกตะลึงกับรอยยิ้มที่แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ตนรู้สึกอยากมองมันอีกครั้งนัก
"ไปแจ้งแก่พ่อครัว ว่าให้ไปร่ำเรียนการทำขนมที่แดนมนุษย์เสีย"พญารามสูรเอ่ยกับภูตเงาที่กำลังลอยตัวอยู่ในกระจกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่สายตาคมกับยังคงไม่ลดละไปจากบานประตูห้องบรรทมของเด็กน้อยตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
ยามนี้พญายักษ์คิดแล้วว่าหากเด็กน้อยชื่นชอบสิ่งใด ตนก็จะทำให้ในนครของตนมีของสิ่งนั้น
เพราะตนต้องการให้เด็กน้อยของตนอยู่ในนครยักษ์และวังยักษ์ของตนอย่างเป็นสุข
น้องจะได้อยู่กับตนไปนานๆ
และพญายักษ์ก็ยังอยากจะเห็นรอยยิ้มที่กว้างมากกว่านี้ ร่าเริงมากกว่านี้ สดใสยิ่งกว่านี้ เพราะดวงหน้าที่ทั้งงดงามและน่ารักปายนั้น มันช่างเหมาะสมกับรอยยิ้มที่สดใสมากกว่าสิ่งใด
'ร รับทราบพ่ะย่ะค่ะ ต แต่ฝ่าบาท กระหม่อมขอรายงาน ระหว่างที่ฝ่าบาททรงออกไปเมืองมนุษย์ พระโอรสเภาได้มีเรื่องกับพระโอรสองค์ที่ ๕ และ ๑๐ พ่ะย่ะค่ะ พวกเขาพูดจาประชดประชันพระโอรสเภาด้วยความอิจฉาที่ได้รับความโปรดปรานมากกว่า หลังจากนั้นพระโอรสเภาจึงยิงหน้าไม้ใส่พวกเขาจนได้แผลที่แขนกันคนละแผลพ่ะย่ะค่ะ' ภูตเงาเอ่ยรายงานถึงสถานการณ์วุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อมินานมานี้ 'จะทรงลงโทษพระโอรสทั้งสองอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ'
เหตุที่ภูตเงาต้องเอ่ยเช่นนี้ ก็เป็นเพราะรู้แจ้งว่าพระโอรสเภานั้นเป็นที่โปรดปรานและเป็นที่รักมากเพียงใดของเจ้านายมัน ดังนั้นมันจึงปล่อยผ่านไปมิได้เด็ดขาด เพราะหากเจ้านายของมันมารับรู้ในภายหลัง มันคงได้ตายเป็นแน่
"อันใดนะ"พญารามสูรเอ่ยถามเสียงเหี้ยมขึ้นมาทันที ก่อนจะนึกไปถึงใบหน้าของเด็กมนุษย์สองคนที่ทุกวันสาวใช้ที่ตนแต่งตั้งให้เป็นแม่นมมักจะมาเอ่ยรายงานตนตลอดว่าพวกเขาต้องการสิ่งอันใดบ้าง
และก็มิเคยมีครั้งใดเลยที่ตนจะมิสั่งให้สาวใช้นำไปให้
เหตุก็เพราะตนต้องการที่จะทำให้พี่ๆ ของเด็กน้อยอยากอยู่ในเมืองยักษ์ของตน เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กน้อยของตนก็จะมิหนีหายไปที่ใดเพราะเห็นว่าพี่ๆ อยู่สุขสบายดี
ด้วยเหตุนี้พญาอสุราจึงพยายามเอาใจใส่พวกเขา แม้ว่ามันจะน้อยกว่าเด็กในห้องบรรทม แต่พญายักษ์ก็มิเคยปล่อยปละละเลยอันใด
อยากได้ผ้าไหมผ้าแพรตนก็สั่งช่างมากฝีมือมาตัดให้ หากอย่างได้เครื่องประดับที่หรูหราตนก็ให้สาวใช้ส่งให้ทุกอาทิตย์ แล้วนี่อะไร? ยังจะอิจฉาและรังแกเด็กน้อยของตนอีก
ช่างมิสมกับที่เด็กน้อยของตนพยายามปกป้องเอาเสียเลย
"ไปแจ้งแก่มาดามไมซี่ว่าให้มาอบรมสั่งสอนมารยาทแก่พวกเขาเสีย จนกว่านิสัยต่ำทรามขี้อิจฉาของเด็กพวกนั้นจะหายไป"พญารามสูรสั่งภูตรับใช้ในกระจกด้วยน้ำเสียงเข้มดุดันและเหี้ยมกริบ กลิ่นอายรอบกายสูงใหญ่บึกบึนปล่อยแรงกดดันออกมาจนกระจกที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว เป็นเหตุให้ภูตเงาที่อยู่ในกระจกตัวสั่นงึกๆ และลอยไปลอยมาอย่างทำตัวมิถูก
ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อย ๒ ที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับนายทหารอีก ๒ ตนยังต้องรีบคุกเข่าคำนับพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากราชาผู้เป็นใหญ่
'ก กระหม่อมทรงเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เช่นนั้นกระหม่อมขอไปทำตามหน้าที่!!'ภูตเงาที่มิอาจทนต่อแรงกดดันของผู้เป็นนายไหวรีบหาทางหนีทีไร้ทันที และเมื่อมันได้รับคำอนุญาตจากการพยักหน้าของผู้เป็นเจ้านาย มันก็ไม่รอช้ารีบลอยหนีหายออกไปจากกระจกละแวกนั้น มันลอยตรงไปที่เรือนของมาดามไมซี่ ซึ่งเป็นภรรยาของขุนนางยักษ์ตระกูลใหญ่ และเจ้านายของมันก็ไว้วางใจมากมิน้อย
"มีเรื่องอันใ-"พญารามสูรกำลังจะหันไปเอ่ยถามขุนพลยักษ์ทหารตนสนิทที่เดินเข้ามาคุกเข่าคำนับตน แต่ตนก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่ออยู่ๆ บานประตูห้องบรรทมของเด็กน้อยก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
ปัง!!
"นี้ท่าน คงมิพอใจที่ข้าให้ท่านนำขนมมาให้ทุกวันมากเลยสิหนา ถึงได้ปล่อยแรงกดดันออกมาข่มขู่ข้าเช่นนี้??"
TBC