ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"นี้ท่าน คงมิพอใจที่ข้าให้ท่านนำขนมมาให้ทุกวันมากสิหนา ถึงได้ปล่อยแรงกดดันออกมาข่มขู่ข้าเช่นนี้"ลำเภาจันทร์เอ่ยกับพญายักษ์ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเย็นชาและมิพอใจ ดวงตากลมโตเรียบนิ่งว่างเปล่ามากกว่าเดิมเมื่อยามมองพญายักษ์ ก่อนน้ำเสียงหวานใสติดเย็นชาจะเอ่ยกับอีกฝ่าย"หากมิอยากนำมาให้ ท่านก็มิจำเป็นต้องทำ"
ปัง!!
หลังเอ่ยจบลำเภาจันทร์ก็ปิดประตูใส่หน้าพญายักษ์ด้วยความโมโห
ก็แค่ขนมหวานอาทิตย์ละ ๗ ครั้ง อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นถึงพญายักษ์จะสั่งให้บริวารตนอื่นไปซื้อมาให้ไม่ได้เลยเชียวหรือ ใจดำจริงๆ และหากมิพอใจกันก็แค่ต้องบอกดีๆ จะมาปล่อยบรรยากาศกดดันหน้าห้องเขาทำไม นี่มันหวังข่มขู่เขาที่อยู่ในห้องชัดๆ
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
ลำเภาจันทร์ตวาดสายตามองไปที่ประตูสลักงดงามบานใหญ่เมื่อมีเสียงเคาะคล้ายร้อนรนดังขึ้น เขาไม่สนใจเสียงนั้น โชคดีที่ห้องนอนของเขาค่อนข้างเก็บเสียง ดังนั้นมันจึงมิค่อยดังนักและเขาก็มิได้ยินเสียงที่พญายักษ์ร้องตะโกนเท่าไหร่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ลำเภาจันทร์ไม่สนใจ ดวงตากลงโตเหลือบสายตามองไปที่ชั้นหนังสือใหญ่โตภายในห้อง ซึ่งตลอดมานี้เขาก็พยายามหยิบหนังสือพวกนั้นขึ้นมาอ่านอยู่ตลอด เพื่อจะศึกษาเกี่ยวกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะสมุนไพรที่เขาไม่รู้จัก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตำรายาพิษในนี้ ไม่งั้นคงดีมิน้อย
ลำเภาจันทร์ไล่สายตามองชั้นหนังสือที่จัดเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบตรงหน้าไปเลื่อยๆ โดยไม่สนใจเสียงเคาะประตูที่เริ่มเบาลง ก่อนสายตาของเขาจะสะดุดเข้ากับหนังสือเล่นหนึ่ง ซึ่งหน้าปกเขียนชื่อหนังสือไว้ว่า'เผ่าพันธุ์ทั้งหลายทั่วแดนพิภพ' เขาสนใจจึงหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เพื่ออ่านหนังสือที่หยิบมาดีๆ ในใจยามนี้ความขุ่นมัวเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดว่ายังมีพี่ๆ ที่จะทำขนมมาให้เขากินอยู่ดี
เขาไม่ง้อขนมจากพญายักษ์หรอก
ด้านหน้าประตูห้องบรรทมของลำเภาจันทร์
พญารามสูรยืนมองบานประตูห้องบรรทมของเด็กน้อยตัวเล็กด้วยใบหน้าหงอยเหงา พญายักษ์พยายามเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่เด็กน้อยก็มิคิดจะออกมาหาตนเลย
"พ่อลำเภาจันทร์ เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้วหนา"พญารามสูรเอ่ยเสียงเบาที่หน้าประตูห้องบรรทมของเด็กน้อย ในใจร้อนรนนักว่าจะทำอย่างไรดีจนมิสนใจบริวารยักษ์ทหารตนสนิทหรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ และลูกน้อยที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นกันอยู่เงียบๆ มิคิดกล้าขยับตัวขึ้นมามองดูนายเหนือหัวของพวกตนเลยแม้แต่น้อย
พญารามสูรมีสีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะหันไปมองบริวารยักษ์ทหารตนสนิท และพลทหารยักษ์ที่เป็นลูกน้องของอีกฝ่าย ๒ ตนซึ่งกำลังนั่งคุกเข่ามิกล้าเงยหน้าขึ้นมา และเมื่อพญารามสูรนึกขึ้นได้ว่ามีผู้อื่นอยู่ด้วย จึงรีบสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะพยายามทำตัวเคร่งขรึมดั่งเจ้านครยักษ์ผู้มากอำนาจบารมี แม้ว่าภายในยามนี้จะร้อนรุ่มมากเพียงใดก็ตาม
"ตามข้าไปที่ห้องทรงงาน"พญารามสูรเอ่ยกับพลทหารบริวารด้วยน้ำเสียงที่ติดมิพอใจอยู่หลายส่วน เพราะพญายักษ์ต้องการใช้เวลาพูดคุยกับเด็กน้อยในห้องบรรทมให้หายโกรธมากกว่า ตนอุตส่าห์พยายามหาวิธีมาเอ่ยขอโทษเด็กน้อยจนยอมหายโกรธแล้วแท้ๆ แต่ทว่ายามนี้ดันมีเรื่องใหม่ที่หนักยิ่งกว่าเดิมโผล่ขึ้นมาเสียอีก
หากมิใช่ว่าเรื่องราวการรายงานของพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเด็กน้อยตัวเล็ก พญายักษ์ก็คงจะปล่อยผ่านแล้วให้พวกเขาไปจัดการกันเองเสียแล้ว
"พ่ะย่ะค่ะ!/พ่ะย่ะค่ะ!/พ่ะย่ะค่ะ!"ยักษ์พลทหารทั้งสามตนเอ่ยขานรับราชาผู้เป็นใหญ่ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วก้าวเดินตามนายเหนือหัวของพวกตนไปทันที
แม้ภายในใจจะแอบตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่มาก เพราะแม้พวกตนจะมิได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็สัมผัสได้ว่าพระโอรสลำเภาจันทร์นั้นทรงมีความสำคัญมากเพียงใดต่อฝ่าบาท เห็นทีข่าวลือจะเป็นจริงตามที่ว่า
เพราะตั้งแต่มีพระโอรสลำเภาจันทร์เข้ามา ฝ่าบาทก็ทรงยิ้มมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ทรงมีอารมณ์หลายๆด้านมากขึ้น แม้จะทำให้เห็นเพียงต่อหน้าพระโอรสลำเภาจันทร์เท่าทัน แต่ทว่าก็ย่อมดีกว่าแต่ก่อนที่พระองค์ทรงจะฝืนทรงงานเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่และภาระที่ต้องแบกรับไว้
เห็นทีพวกตนคงต้องให้ความสนใจและดูแลพระโอรสลำเภาจันทร์ให้มากกว่านี้เสียแล้ว เพราะหากพระโอรสเภาทรงเป็นอันใดขึ้นมา พวกตนก็มิกล้าคิดว่าจะเกิดสิ่งอันใดขึ้น
หลังจากที่เข้าไปในห้องทรงงานของพญายักษ์ พญารามสูรก็สั่งให้พวกของศวุตย์เอ่ยรายงานทันที ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ เริ่มเอ่ยรายงานถึงสถานการณ์ยามนี้
"เป็นจริงดังที่ฝ่าบาทว่าไว้พ่ะย่ะค่ะ ยามนี้พวกมันมิได้กระทำสิ่งใดโจ่งแจ้งและมิได้เคลื่อนไหวอันใดที่ดูน่าสงสัย สายของกระหม่อมยากนักที่จะหาหลักฐานมาเอาผิดพ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ เอ่ยรายงานนายเหนือหัวของตนด้วยน้ำเสียงชัดเจน แม้ภายในใจยามเอ่ยถึงเรื่องนี้จะขุ่นมัวมากเพียงใดก็ตาม
"กระหม่อมนายทหารฌานของรายงานฝ่าบาท"ยักษ์ทหารตัวสูงหัวฝูด้านหลังศวุตย์คุกเข่าคำนับ และเมื่อได้รับการพยักหน้าอนุญาตจึงได้เอ่ยรายงานทันที"เมื่อ ๒ เดือนก่อนฝ่าบาทจะทรงออกไปทำธุระนอกวัง กระหม่อมได้เฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของยักษ์ตนนั้นตลอดเรื่อยมา แต่กับมิเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ เลยแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพยายามสืบค้นว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเคยติดต่อกับผู้ใดหรือไม่ แต่ทว่าหลักฐานนั้นช่างมีน้อยนักพ่ะย่ะค่ะ"
"...."พญารามสูรนั่งนิ่งฟังที่อีกฝ่ายเอ่ยรายงานบนเก้าอี้สีทององอาจ ในหัวก็คิดไปถึงน้องชายร่วมบิดาที่ตนไว้ชีวิตเพราะเห็นใจสงสาร แต่อีกฝ่ายกับทะเยอทะยานนึกอยากเป็นใหญ่ต้องการบัลลังก์ของตนที่ตนนั้นครอบครองอยู่
ยามนี้อีกฝ่ายผูกมิตรกับขุนนางรุ่นหลังมากมายส่งเสริมให้มีอำนาจมากขึ้น จนตนลงมือจัดการได้ยากยิ่ง
เพลานี้ตนมิคิดเห็นใจหรือสงสารอีกฝ่ายแล้ว แต่ที่ตนยังมิลงมือก็เป็นเพราะน้องชายร่วมบิดาผู้นั้นมีจิตใจที่เหี้ยมโหดนัก ฆ่าฟันมิเลือกถูกผิด ดังนั้นตนเกรงว่าหากลงมือมิรอบคอบ อีกฝ่ายอาจลงมือสังหารชาวเมืองของตนได้ เพราะผู้ที่ให้ท้ายมันก็มิใช่น้อยๆ
ยามนี้ตนมิรู้ว่ามีตระกูลขุนนางใดบ้างที่ให้ความร่วมมือแก่มัน ดังนั้นพญายักษ์จึงทำการประมาทมิได้โดยเด็ดขาด
"กระหม่อมตุลย์ขอรายงานฝ่าบาท"ตุลย์คุกเข่าคำนับเมื่อต้องการเอ่ยรายงาน และเมื่อได้รับการพยักหน้าอนุญาตจากผู้เป็นราชา นายทหารตุลย์ก็รีบเอ่ยรายงานทันที"กระหม่อมสืบหาข้อมูล พบว่าอีกฝ่ายติดต่อกับขุนนางฉกาพ่ะย่ะค่ะ"
"ขุนนางฉการึ?"พญารามสูรขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีหลังจากที่ฟังการรายงานของอีกฝ่ายจบ ขุนนางฉกาเป็นอีกหนึ่งตระกูลขุนนางที่ตนค่อนข้างไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเป็นตระกูลที่มีความใกล้ชิดกับเสด็จแม่มากที่สุด
พญายักษ์กำมือแน่นขึ้นด้วยความโกรธ พร้อมปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กน้อยความโมโหก็เริ่มเบาบางลง"เอ่ยเหตุผลมา"
"เหมือนจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันพ่ะย่ะค่ะ"ตุลย์ก้มหน้าลงเพราะความเกรงกลัวต่อแรงกดดัน แต่เมื่อตนสัมผัสได้ว่ามันเบาบางลง ก็รีบเอ่ยตอบคำถามของผู้เป็นใหญ่ทันที
"...อืม ออกไปและจับตาดูไว้ ความโลภจะทำให้พวกมันโผล่หางออกมาเองสักวัน ข้าจะดูว่าพวกมันจะรอได้อีกสักกี่น้ำ"พญารามสูรเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมดุดัง ก่อนจะโบกมือไล่พวกเขาให้ออกไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่เมื่อพญายักษ์นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาจึงรีบเอ่ยเรียกบริวารยักษ์ทหารตนสนิทให้อยู่ต่อก่อน"ศวุตย์เจ้าอยู่ก่อน"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนออกไปรอด้านนอก ก่อนจะหันไปคุกเข่าคำนับต่อนายเหนือหัว"ฝ่าบาททรงมีเรื่องอันใดให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ"
"...ข้าทำพ่อลำเภาโกรธ"พญารามสูรเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าเมื่อครู่อยู่หลายขุม จนศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ ซึ่งนั่งคุกเข่าคำนับอยู่ทำหน้างงงวย
"พ่ะย่ะค่ะ?"
"ข้าจะนำสิ่งใดไปขอโทษพ่อลำเภาดี เจ้าช่วยข้าคิดเสียว่าจะทำเช่นไร"พญารามสูรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนจะส่งสายตากดดันไปให้เมื่อเห็นสีหน้างงงวยที่มากกว่าเดิมของพลทหารยักษ์ตนสนิท
"ก กระหม่อมคิดว่า ฝ่าบาททรงควรเอ่ยพูดคุยกันให้รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ เพราะถึงอย่างไรพระโอรสลำเภาจันทร์ก็ทรงแค่เพียงเข้าใจฝ่าบาทผิดเท่านั้น พระโอรสลำเภาจันทร์ทรงน่ารักและใจดีมาก จะต้องเข้าใจและหายโกรธพระองค์อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ เอ่ยให้คำแนะนำต่อนายเหนือหัวของตนอย่างตรงไปตรงมาโดยสลัดความคิดอื่นทิ้งไปจนหมด
"...เจ้าดูเชี่ยวชาญนัก ทั้งๆที่ยังมิมีเมีย"พญารามสูรเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเขร่งคลึมปกติ นัยน์ตาสีเหล็กกล้าหลี่ลงอย่างจ้องจับผิด"ข้ายังมิอนุญาตให้เจ้าแต่งเมียก่อนข้าดอกหนา เดี๋ยวจะมิเอาการเอางานเหมือนดั่งเจ้าอรัณย์ บานนี้มันยังมิคิดออกจากป่าต้องห้าม คงตายคาป่ากับเมียมันไปแล้วกระมัง"
"กระหม่อมทรงยังมิคิดถึงเรื่องนั้นพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมแค่เพียงทรงมีพี่สาวที่ป่วยและยังขี้น้อยใจ กระหม่อมจึงได้พอรู้วิธีเอาใจผู้อื่นอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ รีบเอ่ยแก่ตัวทันที เพราะมิอยากทำให้นายเหมือนหัวของตนทรงกริ้ว
"...ดี จงทำหน้าที่ของเจ้าไป อีกเรื่องคืออยากได้คิดเอ่ยชมพ่อลำเภาของข้าว่าน่ารักอีก ข้าสามารถชมเขาได้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น"พญารามสูรเอ่ยเสียงเหี้ยมขึ้นในช่วงหลัง
"พ พ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ ยิ้มแห้งกับความขี้หวงของผู้เป็นราชา นี้ขนาดยังมิแต่งหนา ทั้งพระโอรสเภาก็ยังทรงเด็กมาก หากฝ่าบาทยังทรงคิดหวงหึงมากมายถึงเพียงนี้ ตนก็มิอยากคิดเลยว่าหากพระโอรสลำเภาจันทร์ทรงเติบโตขึ้นแล้ว ฝ่าบาทจะเป็นเช่นไร
"ขอบใจเจ้ามากสำหรับคำแนะนำ กลับไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียเถอะ"พญารามสูรเอ่ยไล่บริวารยักษ์ทหารตนสนิททันทีเมื่อเห็นว่าหมดธุระของอีกฝ่ายแล้ว และตนก็อยากรีบไปหาเด็กน้อยตัวเล็กของตนเต็มทนแล้วด้วย
"พ่ะย่ะค่ะ"ศวุตย์หรือขุนทัพหน่อยที่ ๒ ยืนขึ้นก่อนจะโค้งตัวคำนับ แล้วเดินออกจากห้องไป
"...ไปซื้อขนมมาให้อีกครั้งดีหรือไม่หนา"พญารามสูรเอ่ยกับตัวเองเสียงเบาในห้องทำงาน ในหัวยามนี้กำลังคิดทบทวนว่าควรจะเอ่ยกับเด็กน้อยเช่นไรดี
'ฝ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทรงไปแจ้งแก่มาดามไมซี่เรื่องให้มาอบรมสั่งสอนพระโอรสเบญจและพระโอรสทศรักษ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ มาดามไมซี่ตอบตกลงและจะเข้าวังมาเพื่อสั่งสอนพวกเขาในวันพรุ่งพ่ะย่ะค่ะ แล้วก็กระหม่อมทรงไปแจ้งแก่ห้องเครื่องแล้วว่าให้ส่งพ่อครัวมากฝีมือไปร่ำเรียนการทำขนมที่แดนมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ'ภูตเงาลอยเข้ามาเอ่ยรายงานแก่เจ้านายของมันด้วยความประมาท เพราะก่อนที่มันจะลอยหนีออกไปเจ้านายของมันดูมีโทสะมากนัก
"ดี ทำงานได้ดี ไว้ข้าจะให้เจ้าได้พักเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น"พญารามสูรพยักหน้าพอใจ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อคิดว่าตนควรรีบไปเอ่ยขอโทษเด็กน้อยได้แล้ว "กลับไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียเถอะ"
'พ่ะย่ะค่ะ!' ภูตเงาเอ่ยตอบรับเจ้านายของมันอย่างแข็งขัน ก่อนมันจะรีบลอยตัวออกไปทำหน้าที่ของมันทันที
"ข้าเองก็ควรรีบไปหาพ่อลำเภาได้แล้ว"พญายักษ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องทำงานแล้วตรงไปที่ห้องบรรทมของเด็กน้อย
ทางด้านของลำเภาจันทร์
"...พวกพี่ทำกันเองเลยหรือขอรับ"ลำเภาจันทร์เอ่ยถามพี่ชายพร้อมกับมองขนมถั่วในถาดมากมายที่พวกท่านพี่ทำมาให้ หน้าตาของมันประหลาดๆ แต่ละอันหน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักชิ้น แต่ทว่ากับส่งกลิ่นหอมน่าทานออกมามิน้อย
"ลำพังเพียงพวกเราคงทำเองมิไหว พวกเราจึงได้ให้เจ้าขี้แยกับเจ้าอ้วนมาช่วยเหลือด้วย จึงได้ออกมาเป็นอย่างที่เจ้าเห็น"โททวีเอ่ยกับน้องชายคนเล็ก ก่อนจะนึกไปถึงน้องชายคนที่ ๓ และ ๔ ซึ่งพวกตนไปลากให้มาช่วยทำขนมในครั้งนี้ และเมื่อทำเสร็จ พวกเขาทั้ง ๔ คนก็เรียกให้สาวใช้ในวังนำทางมาที่ห้องนอนของน้องชายคนเล็กทันที
"น้องเภาลองชิมดู ชิ้นนี้ข้าเป็นคนทำเองกับมือเลยหนา"เอกาทศชี้ไปที่ขนมถั่วซึ้งตนพยายามปั้นให้เป็นรูปดอกไม้บานสวยๆ แต่ทว่ามันกับเหมือนดอกไม้แปลกประหลาดเสียมากกว่า
"...ขอบคุณพวกท่านพี่มากขอรับ"ลำเภาจันทร์รับถาดขนมมากก่อนจะส่งยิ้มหวานให้พี่ชายเล็กน้อย ดูจากสภาพของแต่ละคนที่ทั้งเปื้อนแป้งและมีเศษถั่วติดกระเด็นตามหัว มันก็ทำให้เขารับรู้ว่าทุกคนคงพยายามกันมากไม่น้อย"เข้ามาในห้องของข้าก่อนสิขอรับ"
"มิเป็นอันใดดอกเจ้าเภา พวกเราตัวเปื้อนเช่นนี้จะทำห้องเจ้าเปื้อนเอาเสียเปล่าๆ ไว้วันหลังดีกว่า"ฉะเอ่ยกับน้องชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอารมณ์ดี
"ใช่ วันหลังพวกเราจะมาเล่นห้องของเจ้าแน่ ห้องนอนของเจ้าหรูหรายิ่งนัก"อัฐเอ่ยออกมาด้วยอีกคน แม้ตนจะเสียดาย แต่ทว่าเขาคือคนที่ตัวเปื้อนที่สุด เขายังมิอยากทำให้น้องชายคนเล็กโกรธเพราะทำห้องอีกฝ่ายเปื้อนดอกหนา
"เจ้าทานให้อร่อยเถิด ไว้พวกเราจะมาเล่นด้วยใหม่ แล้วก็วันหลังไว้มาประลองดาบกับข้าด้วยเหล่า"โททวีเอ่ยกับน้องชายคนเล็ก ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบแก้มกลมที่ผอมเล็กลงไปมากเพราะห่างไกลจากการทานขนมมาเป็นเดือน ช่างบีบมิเต็มไม้เต็มมือเหมือนก่อนเก่าเสียจริง
"เจ้า! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอยากมาบีบแก้มน้องชายของข้า!"เอกาทศที่เห็นรีบปัดมือพี่ชายคนที่ ๒ ออกจากแก้มกลมของน้องชายสุดน่ารักของตนทันทีด้วยความมิพอใจ"มือเจ้าเปื้อนสกปรกเช่นนี้ ยังจะกล้ามาจับแก้มน้องเภาของข้าอีก เกิดน้องเภาเป็นผื่นขึ้นมาเจ้าจะทำเช่นไร"
"เจ้าเตี้ยมิได้บอกบางถึงเพียงนั้นเสียหน่อย"โททวีเอ่ยเถียงกับด้วยความเบื่อหน่ายปนมิพอใจ
"เฮ้ออ ทะเลาะกันอีกแล้ว"ฉะส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปยิ้มละมุนให้น้องชายคนเล็ก"พวกข้ากลับกันแล้วหนา เจ้าทานในอร่อยล่ะ"
"...ขอรับ"ลำเภาจันทร์ตอบรับพี่ชายคนที่ ๖ ก่อนจะหันมองตามพี่ฉะและพี่อัฐ ที่กำลังพากันลากพี่ชายคนที่ ๒ และคนที่ ๑๑ ให้กลับเรือนทางฝังตะวันออกด้วยความยากลำบาก เพราะทั้งคู่กำลังเถียงกันอยู่
ลำเภาจันทร์ก้มมองขนมในถาดที่ตัวเองกำลังถืออยู่ด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนมือเล็กจะหยิบหนึ่งชิ้นเข้าปาก และเมื่อได้ลองทาน ความหวานก็กระจายไปทั่วทั้งปากทันที แม้จะหวานไปหน่อย แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความพยายามของพี่ชาย
"พ่อลำเภาจันทร์ ข้ามีเรื่องต้องเอ่ยกับเจ้า คือว่าเรื่องในยามนั้นเจ้ากำลังเข้าใจข้าผิดหนา"
TBC