ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ สัตภัณฑ์ก็เร่งเร้าให้ลำเภาจันทร์ไปแข่งยิงธนูกับตน
"ขี่ม้ายิงธนู หากผู้ใดยิงเข้ากลางเป้ามากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ" สัตภัณฑ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย "โอ๊ะ! ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าอาจจะขี่ม้ามิเป็น จะยอมแพ้ไปเลยก็ได้นะ ข้ามิว่าอันใด"
สัตภัณฑ์เชิดคางขึ้นอย่างถือดี ตนมั่นใจมากกว่าน้องชายจะต้องยอมแพ้ตนอย่างแน่นอน เพราะตนไม่เคยเห็นน้องชายผู้นี้ขี่ม้าเลยสักครั้ง
"...." ลำเภาจันทร์มองพี่ชายคนที่ ๗ นิ่งๆ แล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาม้าสีขาวตัวหนึ่งที่กำลังยืนกินหญ้าอย่างสง่างามอยู่เพียงลำพัง มันเด่นสะดุดตาเขามาก ทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแรงยิ่งอีกด้วย
"เจ้าตัวเล็ก การขี่ม้าอันตรายนัก เจ้าสัตภัณฑ์ก็แค่ต้องการยั่วยุเจ้า เจ้ามิจำเป็นต้องใส่ใจเขา" โททวีรีบเดินเข้าไปเอ่ยห้ามปรามน้องชายคนเล็ก เมื่อคิดว่ามันอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ยิ่งยามนี้คนดูแลมิอยู่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
"ใช่ จะยอมแพ้ไปเลยก็ได้นะ ข้าเองก็มิได้บังคับอันใด เพราะถึงอย่างไรข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้า ข้าจะใจดีไม่ใช้งานเจ้าหนักหนาก็แล้วกัน" สัตภัณฑ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแดกดันอารมณ์ดี เมื่อคิดว่าครั้งนี้เป็นตนที่เหนือกว่า
"ไร้ยางอาย เจ้ากล้าทำเช่นนี้ หากน้องเภาตกหลังม้าขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบเช่นไร" เอกาทศชี้หน้าด่าพี่ชายคนที่ ๗ ด้วยความโมโห
"ถ้ากลัวก็แค่ยอมแพ้ไปเสีย" สัตภัณฑ์เอ่ยโดยไม่รู้สึกผิด
เอกาทศที่ได้ยินก็ตั้งท่าจะเข้าไปต่อยตีกับอีกฝ่าย แต่ก็โดนน้องชายที่น่ารักของตนห้ามเอาไว้เสียก่อน
"...ท่านพี่ มิเป็นอันใดขอรับ ข้าขี่ได้ มันก็แค่การขี่ม้าเท่านั้น" ลำเภาจันทร์เอ่ยกับพี่ชายคนที่ ๑๑ ในสมัยก่อนตอนที่อยู่โลกเก่า เขาเองก็เคยใช้ปืนพร้อมทั้งขี่ม้าไปด้วยอยู่บ่อยๆ เพราะต้องการฝึกเรื่องความแม่นยำและความสมดุลในร่างกาย
มือเรียวยกขึ้นไปลูบแผงคอของเจ้าม้าขาวอย่างนุ่มนวล มันมิได้มีท่าทีขัดขืนอันใด ทั้งยังเอียงคอเข้าหาเพื่อให้เขาลูบอย่างออดอ้อน "เด็กดี"
"เหอะ ปากเก่งไปเถอะ แน่จริงก็ขึ้นไปนั่งสิ" สัตภัณฑ์เอ่ยแดกดัน ปากสีคล้ำเบะคว่ำลงอย่างมิชอบใจ
"...ข้าว่าคนที่ปากเก่งเป็นเจ้าเสียมากกว่า" ลำเภาจันทร์เอ่ยเสียงเรียบกับพี่ชายคนที่ ๗ ก่อนจะหันไปรับธนูจากพี่ชายคนที่ ๘ มาถือไว้ "ขอบคุณขอรับ"
"ระวังตัวด้วย อย่างตกลงมาล่ะ" อัฐเอ่ยให้กำลังใจน้องชายคนเล็ก "ไว้เจ้าดวลเสร็จแล้ว เจ้ามาต่อยมวยกับข้าได้หรือไม่"
"ได้ขอรับ" ลำเภาจันทร์พยักหน้าตกลงเบาๆ
"ชิ! อย่ามัวแต่มากพิธี รีบๆ มาดวลกันได้แล้ว" สัตภัณฑ์เอ่ยประชดประชันพร้อมกับกรอกตามองบน
"...." ลำเภาจันทร์เหลือบมองพี่ชายคนที่ ๗ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมอยู่บนหลังม้าแล้ว หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะเดินไปหาม้าที่ตัวเองหมายตาเอาไว้ "ให้ข้าขี่เจ้าได้หรือไม่"
'ฮี้~' ม้าหนุ่มสีขาวร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มตัวลงราวกับว่าอนุญาตให้มนุษย์ตัวน้อยขึ้นขี่มันได้
"ขอบใจ" ลำเภาจันทร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นขี่หลังของมันด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เอกาทศและโททวีที่มองด้วยความเป็นห่วงเห็นดังนั้นก็เริ่มคลายกังวล พวกเขามั่นใจในตัวน้องชายว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน
"มาเริ่มกันเถอะ" ลำเภาจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ท่วงท่าที่มั่นคงบนหลังม้า ยิ่งขับให้คนตัวเล็กในชุดสีแดงลายปักทองปราณีตดูองอาจและสง่างามในเวลาเดียวกัน
"น้องเภาของข้างดงามและน่ารักที่สุด!! สู้ๆหนา! เจ้าสามารถทำได้อย่างแน่นอน!" เอกาทศตะโกนลั่นให้กำลังใจน้องชายของตนจากขอบสนามแข่งยิงธนู
"เจ้าเสียงดังเกินไปแล้ว" โททวียกมือขึ้นมาอุดหู เมื่อไอ้น้องชายข้างๆ แหกปากตะโกนเสียงดัง
"เหอะ ก็ข้าจะให้กำลังใจน้องชายของข้า ถ้าเจ้ารำคาญนักก็ไปซ้อมดาบของเจ้าสิ" เอกาทศเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนประสาทแลดูหาเรื่อง
"เจ้าตัวเล็กก็เป็นน้องชายของข้าด้วยเช่นกัน" โททวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิพอใจ ก่อนจะนึกบางอย่างออก จึงยกยิ้มยียวนออกมาอย่างเหนือกว่า "ทั้งเจ้าตัวเล็กก็ยังสนิทกับข้ามากที่สุด ข้าได้ฝึกดาบกับเขาบ่อยกว่าเจ้า และยังได้ลูบหัวเขาบ่อยกว่าอีกด้วย"
เอกาทศได้ยินก็ฉุนจัด ก่อนจะเอ่ยอย่างมิยินยอม "แต่ข้าเป็นผู้เดียวที่น้องเภายอมเรียกว่าท่านพี่ มิใช่พี่เฉยๆ เช่นเจ้า!"
"นั่นเป็นเพราะยามเด็กเจ้าบังคับเขา!"
"ข้ามิได้บังคับ! น้องเภาเต็มใจที่จะเรียกต่างหาก!!"
ทั้งคู่จ้องตากันราวกับจะมีสายฟ้าฟาดลงมา อัฐที่ยืนมองพี่ชายและน้องชายเถียงกันอยู่ใกล้ๆ ก็รีบจับทั้งคู่แยกออกจากกันด้วยความเคยชิน เพราะยามนี้การดวลธนูของพี่ชายคนที่ ๗ และน้องชายคนเล็กได้เริ่มขึ้นแล้ว
"เจ้าเภาเริ่มยิงแล้ว พวกเจ้ารีบดูเร็ว เจ้าเภาขี่ม้าเร็วนัก จะยิงได้หรือไม่" อัฐเอ่ยกับพี่น้องทั้งสองคนของตน แต่ทว่านัยน์ตากลับมองไปที่น้องชายคนเล็กอย่างลุ้นระทึก
"น่าแปลกเสียจริงที่เจ้าตัวเล็กขี่ม้าได้คล่องแคล่วเช่นนี้" โททวีลูบคางพร้อมคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับน้องชายคนเล็ก ไม่ว่าจะเป็นการฟันดาบ ยิงธนู หรือแม้กระทั่งทักษะมวยไทย น้องชายคนเล็กผู้นี้ก็เชี่ยวชาญไปเสียทุกอย่าง จนตนอดสงสัยมิได้ว่าน้องชายไปร่ำเรียนมาจากที่ใด
"เจ้าจะอยากสอดรู้เรื่องของน้องชายข้าไปทำไม น้องเภาเก่งเช่นนี้ก็ล้วนเป็นเพราะความสามารถและพรสวรรค์" เอกาทศเอ่ยด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง โดยไม่สนใจสายตาขุ่นเคืองของพี่ชายคนที่ ๒
"เจ้าตัวเล็กก็เป็นน้องชายของข้าเช่นกัน ร่วมถึงเจ้าก็ด้วย!" โททวีกัดฟันเอ่ย ก่อนหางตาจะเหลืยบไปเห็นน้องชายคนเล็กที่ง้างธนูพร้อมยิงบนหลังม้าที่กำลังวิ่งอยู่
ฟิ้ววว ปัก!
สัตภัณฑ์ขมวดคิ้ว เมื่อลูกศรดอกแรกของลำเภาจันทร์ปักตรงที่กลางเป้าพอดี ก่อนจะตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นน้องชายน่าชังยืนขึ้นบนหลังม้า พร้อมทั้งง้างธนูที่มีลูกศร ๓ ดอกในคราวเดียว
"บ้าไปแล้ว!" สัตภัณฑ์อุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะแม้ลูกศรทั้ง ๕ ดอกของตนจะปักลงที่กลางเป้ามิผิดเพี้ยน แต่ทว่าความเร็วของม้าอีกทั้งการยืนอยู่บนหลังม้าที่วิ่งอยู่เช่นนั้น ก็ยากเกินกว่าที่ตนจะสามารถยิงเข้าเป้าได้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ปัก! ปัก! ปัก!
ลูกศรทั้ง ๓ ดอกลอยบนอากาศในเวลาไล่เลี่ยกัน ก่อนจะพุ่งเข้ากลางเป้าอย่างแม่นยำ
"หึ" มุมปากสีหวานยกยิ้ม จากนั้นลำเภาจันทร์จึงค่อยๆ หยิบลูกศรดอกสุดท้ายขึ้นมา แล้วกระโดดตีลังกายิงมันเข้าที่กลางเป้าก่อนจะนั่งลงบนหลังม้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ "เท่านี้ก็น่าจะรู้ผลแล้ว"
"เจ้า! ยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่!!" สัตภัณฑ์เอ่ยอย่างหัวเสีย ทั้งยังเจ็บใจที่ไม่อาจเอาชนะน้องชายผู้นี้ได้เลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่ตนก็พยายามมาโดยตลอดแท้ๆ!
"...." ลำเภาจันทร์เหลือบตามองพี่ชายคนที่ ๗ เล็กน้อย ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า "ข้ามิคิดดูถูกความสามารถและความพยายามของเจ้าหรอกหนา แม้เจ้าจะสู้ข้าในยามนี้มิได้ แต่ก็ใช่ว่าในอนาคตจะมิมีวันชนะ ข้าขอชื่นชมจากใจจริงว่าความสามารถของเจ้านั้นดีขึ้นกว่าเดิมนัก แต่จงจำไว้ว่าอย่าใช้ความสามารถนี้เพื่อข่มขู่ผู้อื่นอีก มิเช่นนั้นเจ้าก็มิมีวันที่จะสามารถเอาชนะข้าได้" ลำเภาจันทร์เอ่ยเพียงเท่านั้นและเตรียมเดินออกไปจากสนามยิงธนู
สัตภัณฑ์กำคันธนูแน่นขึ้นอย่างเจ็บใจ ก่อนจะรีบลงจากหลังม้า "เดี๋ยวก่อน! เรื่องสัญญาที่ข้าให้ไว้! เจ้าสั่งข้ามาได้เลย ข้าพูดคำไหนคำนั้น!"
TBC