ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ตกเย็นวันนั้น
ลำเภาจันทร์เดินออกมาจากห้องซ้อมมวยของพี่ชายคนที่ ๘ หลังจากที่สอนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแก่อีกฝ่ายไปคร่าวๆ ซึ่งเขาก็ให้พี่ชายคนที่ ๒ และคนที่ ๑๑ ได้เรียนรู้ด้วย เผื่อว่าอาวุธหลุดมือ อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ยังพอจะเอาตัวรอดได้บ้าง
ตอนนี้พี่ชายทั้ง ๓ คนกำลังนอนสลบเหมือดเพราะโดนเขาเคี่ยวเข็ญนานเป็นชั่วโมง และเมื่อลำเภาจันทร์เดินออกมาก็เห็นสัตภัณฑ์ยืนหอบรอเขาอยู่
"แฮก แฮก ข้า ข้าล้างคอกม้าเสร็จแล้ว" สัตภัณฑ์เอ่ยไปหอบไป ต้องย้อนกลับไปตอนที่ตนเอ่ยออกมาคราวนั้น เจ้าน้องชายน่าชังผู้นี้ก็ได้สั่งให้ตนไปล้างคอกม้าทั้งหมดที่อยู่ในเขตทิศตะวันออก ซึ่งมีจำนวนมิน้อยเลย โชคยังดีที่ไม่มีม้าอยู่
"อื้ม" ลำเภาจันทร์มองสำรวจพี่ชายคนที่ ๗ ที่เนื้อตัวสกปรกเต็มไปด้วยกลิ่นมูลม้า ก่อนจะเบือนหน้าหนี "เช่นนั้นก็พอเถอะ ข้าจะกลับห้องนอนแล้ว" เอ่ยจบลำเภาจันทร์ก็เดินจากไปทันที
"ครั้งหน้าข้าชนะเจ้าได้แน่!" สัตภัณฑ์ตะโกนไล่หลัง
"หึ ข้าจะรอดู" ลำเภาจันทร์ยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้หันหลังกลับไปมองเลยสักนิด แต่เลือกที่จะเดินตามทางต่อไป
เมื่อออกมาจากเขตเรือนพัก ลำเภาจันทร์ก็เห็นสาวใช้ทั้ง ๒ ของตนยืนรออยู่
"ไปกันเถอะเพคะ พวกหม่อมฉันเตรียมพระกระยาหารและอ่างสรงให้แล้วเพคะ" เปรมเอ่ยกับองค์ชายของนาง
"อื้ม"
ณ ห้องบรรทม
หลังจากอาบน้ำและรับประทานมื้อเย็นเสร็จ ลำเภาจันทร์ก็เริ่มเอะใจ เพราะปกติจะมีพญายักษ์ร่วมโต๊ะมาโดยตลอด ทว่าวันนี้กลับไม่พบเห็น
"งานเยอะหรือ" ลำเภาจันทร์พึมพำกับตัวเอง ยิ่งตอนนี้ทางฝ่ายนั้นเริ่มเคลื่อนไหว ผู้เป็นเจ้านครเองก็คงจะเลี่ยงงานที่ถาโถมเข้ามาไม่ได้ เขาหันไปมองสาวใช้ "เรื่องยาเป็นเช่นไรบ้าง"
"ยาดีมากเพคะ ท่านศวุตย์ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ยามนี้ไปช่วยฝ่าบาทแล้วเพคะ" เปรมกล่าวตอบองค์ชายของนางด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
"ส่วนผู้ที่โดนปรสิต ท่านหมออรัณย์ ได้เร่งทำการรักษาให้หลายรายแล้วเพคะ เหลือเพียงแค่รอดูผลหนึ่งอาทิตย์ตามที่พระองค์เคยตรัสไว้" ผ่องรายงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแลภูมิใจเช่นกัน
"อื้ม ดีมาก" ลำเภาจันทร์พยักหน้าพอใจ ก่อนจะเดินไปที่ชั้นหนังสือเพื่อหาหนังสืออ่านก่อนนอน "พวกเจ้าไปพักเถอะ"
"เพคะ/เพคะ"
ลำเภาจันทร์หยิบหนังสือที่เกี่ยวกับภูมิภาคต่างๆ และถิ่นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นมา ก่อนจะเดินไปนั่งอ่านที่โซฟาตัวโปรด แต่ทว่าอ่านเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีสมาธิเลย
"ทำไมวันนี้ไม่โผล่หน้ามาเลยนะ"
ณ สนามรบเขตทิศตะวันตกเฉียงใต้
"ฝ่าบาท ข้าศึกถอยทัพหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ควรยกกำลังตามไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ตุลย์วิ่งเข้ามารายงานกับผู้เป็นราชาหรือเจ้าแห่งยักษ์ทั้งปวงในกระโจม
เนื้อตัวของพญาอสุราชุ่มไปด้วยเลือดสีเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยามนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งบรรยากาศก็เย็นยะเยือกจนน่าขนลุก นัยน์ตาคมที่เรียบนิ่งนั้นทำให้ยักษ์ทหารที่โดนเพื่อนสนิทหัวฟูด่าว่าขี้เหร่อยู่บ่อยครั้งอดสั่นกลัวมิได้
"ตามไปถล่มวังของพวกมัน ในเมื่อพวกมันกล้ามาท้าทายอำนาจของข้า เช่นนั้นมันก็ต้องโดนดี!" พญารามสูรเอ่ยเสียงเหี้ยม ก่อนจะเดินออกจากกระโจมไปทั้งที่พึ่งเข้ามาพักได้มินาน "เตรียมกำลังพล! โจมตีวังพยัคฆ์ฟ้า!!"
"พ่ะย่ะค่ะ!!!!" เสียงทหารยักษ์แสนกว่าตนดังลั่นสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งป่า ปลุกใจให้นายทหารหลายตนฮึกเหิมไม่น้อย
นัยน์ตาคมเรียบนิ่งของพญารามสูรเหลือบมองสำรวจเหล่าทหาร ก่อนที่ร่างสูงใหญ่กำยำจะกระโดดขึ้นบนหลังอาชาสีดำด้วยท่วงท่ามั่นคง แล้วนำทัพไปถล่มวังของศัตรูในทันที
ยิ่งเสร็จศึกทางนี้เร็วเท่าไร ตนก็ยิ่งสามารถกลับไปปกป้องเด็กน้อยของตนได้เร็วเท่านั้น รอก่อนเถิดหนาพ่อลำเภา
อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
"หัวหน้า พวกเราจับเชลยได้ครบทุกคนแล้วขอรับ" ฌานหรือยักษ์ทหารหัวฟูรายงานหัวหน้าหน่วยของตน
"ดี ฝ่าบาทให้พวกเราเข้ายึดราชบัลลังก์ของพวกมัน ฉะนั้นต้องเร่งเดินทาง!!" ศวุตย์หรือขุนทัพหน่วยที่ ๒ เอ่ยสั่งทหารในหน่วยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง
"ขอรับ!!!!"
ศวุตย์นำทัพบุกโจมตีกำแพงวังอย่างดุเดือด นครโลกาเป็นนครเล็กๆ ที่มีกำลังพลไม่มาก แต่ผู้ปกครองเมืองกลับโลภมาก ดังนั้นการเอาชนะจึงมิยากเท่านครพยัคฆ์ฟ้าที่ใหญ่รองมาจากนครอัสดง
หลังจากที่ศวุตย์ได้รับยาฆ่าไข่ปรสิตและกำลังฟื้นคืนมา ยักษาหนุ่มไฟแรงก็เร่งออกเดินทางทำศึกสงครามในทันที โดยมีเจ้าภูตเงาตัวกลมคอยช่วยส่งสารถึงฝ่าบาทให้
ฝ่าบาทตรัสสั่งให้ตนมาประจำการที่เขตทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และให้เป็นผู้นำทัพโค่นล้มราชวงศ์โลกาให้สิ้น
เช้าวันต่อมา
ลำเภาจันทร์สังเกตเห็นแล้วว่าในวังตอนนี้มันเงียบผิดปกติ ทั้งเจ้าภูตเงาเองก็ไม่โผล่หน้าออกมาเลย
"พญารามสูรไปไหน?" ลำเภาจันทร์เอ่ยถามสาวใช้ทั้งสอง เขาลองเข้าไปดูในห้องทำงานของอีกฝ่ายแล้ว ส่วนใหญ่พญายักษ์จะเข้าไปทรงงานที่ห้องนั้น และอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน แต่วันนี้เมื่อเขาเข้าไป กลับไม่พบเห็นอีกฝ่ายแม้แต่เงา
"อ เอออ ฝ่าบาททรงไป.." เปรมเลิ่กลั่กไม่กล้าเอ่ยความจริง
"ฝ่าบาททรงไปทำศึกสงครามเพคะ" เป็นนางผ่องที่กล่าวเพราะรู้ดีว่าอย่างไรก็มิอาจปิดบังได้
"...ไปทำสงคราม?" ลำเภาจันทร์เอ่ยทวนเสียงเรียบ หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว "เหตุใดเขามิมาบอกข้าเลย"
"องค์ชายเพคะ อย่างทรงเป็นกังวลไปเลย ฝ่าบาททรงพระปรีชามาก จะต้องเอาชัยมาได้อย่างแน่นอนเพคะ" เปรมเอ่ยปลอบองค์ชายของนาง
"...ใครเป็นกังวลกัน" ลำเภาจันทร์หันหน้าหนีก่อนจะเดินไปหาพี่ชายที่เรือนพักทางฝั่งตะวันออก พญารามสูรไม่อยู่ในวัง ก็ยิ่งเสี่ยงที่พวกมันจะทำอันตรายพวกเขาพี่น้อง ทั้งพญายักษ์ยังต้องไปทำศึกในเวลาเช่นนี้ มันจะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?
"..../...." เปรมและผ่องสบตากันยิ้มๆ ก่อนจะเร่งเดินตามองค์ชายของพวกนางไป
ลำเภาจันทร์มาดวลดาบกับพี่ชายคนที่ ๒ และคนที่ ๑๑ ตลอดช่วงเช้า แม้ยังมิมีสิ่งใดที่ดูน่าสงสัย แต่ทว่าสัญชาตญาณของเขากลับบอกว่ายามนี้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใดนัก
ยามเที่ยง ระหว่างที่ลำเภาจันทร์และพี่ชายกำลังจะเดินไปห้องโถงสำหรับรับประทานอาหาร ลำเภาจันทร์ก็สังเกตเห็นว่ามีทหารจากหน่วย ๑ เดินขวักไขว่ไปทั่วพื้นที่เขตทิศตะวันออกเต็มไปหมด
"...."
"แปลกจริง ทหารเข้ามาใหม่รึ? ข้ามิเคยเห็นหน้ามาก่อนเลย" โททวีเอ่ยขึ้น พร้อมมองสำรวจทหารโดยรอบไปด้วย
"จะว่าไปในวังก็ดูเงียบพิกล น้องเภาว่าหรือไม่" เอกาทศเอ่ยขึ้นบ้าง
แต่ทว่าลำเภาจันทร์ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของพี่ชายคนที่ ๑๑ นายทหารสองนายที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีว่าเป็นลูกน้องตนสนิทของขุนพลหน่วย ๑ ก็เดินเข้ามาขวางหน้าเสียก่อน
ทั้งคู่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันมาก ทั้งยังเป็นนายทหารยักษ์ตนสนิทของสุทัศน์ที่คอยติดตามไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และทุกครั้งที่ลำเภาจันทร์พบเจอทั้งคู่ สายตาที่พวกเขามองมาก็ทำให้เขาอดรู้สึกสะอิดสะเอียนไม่ได้ น่าขยะแขยงชะมัด!
TBC