ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
"ถวายบังคมองค์ชายทั้ง ๓ พ่ะย่ะค่ะ" วิภู ผู้เป็นพี่ชายของยักษ์ข้างๆ และลูกน้องตนสนิทของสุทัศน์หรือขุนพลหน่วย ๑ เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน ข้ามิยักจะเคยเห็น" เอกาทศเอาตัวเองมาบดบังลำเภาจันทร์เอาไว้ เมื่อดวงตาขวางๆ เห็นสายตาของพวกมันจ้องมองมาที่น้องชายตัวน้อยของตนอย่างเปิดเผย
"พวกกระหม่อมเป็นทหารจากหน่วย ๑ พ่ะย่ะค่ะ เพราะมีสงครามเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หน่วยที่ ๒ และฝ่าบาทจึงต้องเร่งออกเดินทางไปสู้รบ พวกกระหม่อมหน่วย ๑ จึงต้องจัดกองกำลังรักษาและตรวจตราทั่วทั้งพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ" วิภากล่าวตอบกลับอย่างลื่นไหล
"สงคราม!?" เอกาทศทำหน้าตกใจเมื่อพึ่งรู้ว่าพ่อบุญธรรมไปออกศึก
โททวีที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างน้องชายคนเล็กขมวดคิ้วคมแน่นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกังขา "แล้วพวกเจ้าหน่วย ๑ มิไปสู้รบกับพวกเขารึ เท่าที่ข้าได้ยินมา หน่วย ๑ มีความสามารถมากกว่าหน่วย ๒ มิใช่หรือ?"
"..." วิภูและวิภายิ้มมุมปาก ก่อนวิภาจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ส่อพิรุธใดๆ "แค่เพียงสงครามเล็กๆ พ่ะย่ะค่ะ ทหารหน่วยที่ ๒ เองก็มีความสามารถมากเช่นกัน ย่อมต้องจัดการปัญหาได้ดีอยู่แล้ว ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้พวกเราหน่วย ๑ อยู่ดูแลพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นรึ" เอกาทศเอ่ยเสียงห้วนอย่างไม่ไว้วางใจ
"พ่ะย่ะค่ะ" วิภูยักษ์ตนพี่ยิ้ม
"เช่นนั้นพวกกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ ทูลลาพระโอรสทั้ง ๓ พ่ะย่ะค่ะ" หลังวิภาเอ่ยจบ สองยักษาหนุ่มพี่น้องในร่างมนุษย์ก็พากันเดินออกไปทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย
"...แปลกจริงๆ" โททวีเอ่ยขณะพาน้องชายเดินต่อ
"นั่นสิ ข้าสัมผัสได้ว่าพวกมันมองน้องเภาแปลกๆ" เอกาทศเห็นด้วย
"ข้าว่าช่วงนี้ให้เจ้าตัวเล็กมานอนที่เรือนของพวกเราก่อนดีหรือไม่" โททวีออกความเห็น พ่อบุญธรรมมิอยู่เช่นนี้ ตนมิวางใจให้น้องชายคนเล็กต้องไปนอนห่างไกลเช่นนั้น
"ข้าเห็นด้วย แต่จะให้น้องเภาไปนอนห้องของผู้ใดกันล่ะ" เอกาทศพยักหน้ารับ ทว่าเมื่อคิดถึงจุดนี้ ทั้งโททวีและเอกาทศก็หันมองหน้ากันทันที เนื่องด้วยพวกตนต่างก็เป็นบุรุษที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มและวัยกำลังโต แต่ลำเภาจันทร์นั้นทั้งตัวเล็ก บอบบาง และมีใบหน้าที่งดงามเกินสตรี แม้จะบอกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ก็คงดูมิเหมาะสมหากว่าพวกเขา ต้องมานอนร่วมกัน
"เจ้าตรีไตรเป็นเช่นไร" โททวีเสนอ เมื่อนึกถึงเจ้าน้องชายขี้แย แม้ว่าความงดงามของตรีไตรจะสู้น้องชายคนเล็กไม่ได้ แต่ก็ตัวบางและมีใบหน้าที่น่ารักอยู่พอควร
"ข้าเห็นด้วย" เอกาทศพยักหน้าสนับสนุนทันควันโดยไม่ถามความเห็นของน้องชายคนเล็กที่เดินอยู่ตรงกลางเลยสักนิด
"...." ลำเภาจันทร์ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ในใจก็เห็นตรงกันกับพี่ๆ ตอนนี้ในวังไม่ปลอดภัย ยิ่งพวกเขาทั้ง ๑๒ คนเป็นเป้าหมาย เขาก็ยิ่งต้องระวังตัวเข้าไปใหญ่ "ข้าจะไปคุยกับพี่ตรีไตรเองขอรับ"
"จะดีรึ? เจ้านั่นยังหวาดกลัวเจ้าอยู่เลยนะ" โททวีถามน้องชายคนเล็กพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"มิเป็นอันใดขอรับ ข้าพอมีวิธี" ลำเภาจันทร์ตอบ ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีเวลาคุยกับพี่ชายคนที่ ๓ เสียที ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลัวอะไรเขานักหนา ที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะพูดคุยกันนับครั้งได้เลย
"ตรีไตรแม้จะขี้ขลาดตาขาวจนน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็มิใช่คนขวางโลกเช่นสามคนนั้น" เอกาทศเอ่ยถึงพี่ชายคนที่ ๓ ที่นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้โยเย แม้ยามโตขึ้นจะเพลาๆ ลงไปบ้างแล้ว ทว่าเมื่อใดที่ฝันร้ายก็ยังร้องลั่นเรือนพักอยู่ตลอดเช่นเดิม เดือดร้อนให้พี่ชายคนโตหรือแม่นมต้องมาคอยกล่อมนอนเสียทุกครั้ง
"แต่จะว่าไปมันก็น่าแปลก เพราะเจ้านั่นมิเคยร้องไห้ต่อหน้าเจ้าตัวเล็กเลยสักครั้ง เจ้าว่าหรือไม่" โททวีหันไปถามน้องชายคนที่ ๑๑ ในขณะเดินเข้าห้องโถง
"ข้าจะไปรู้รึ" เอกาทศยักไหล่ ก่อนจะพาน้องชายตัวน้อยไปนั่งที่เก้าอี้ประจำ
"...." ลำเภาจันทร์ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเงียบมาตลอดทาง ลำเภาจันทร์พอจะรู้สาเหตุที่พี่ชายคนที่ ๓ ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขา นั่นอาจเป็นเพราะเขาเคยข่มขู่อีกฝ่ายในสมัยเยาว์วัย เขาเองแอบรู้สึกผิดที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องฝังใจ แต่เพราะพี่ชายผู้นั้นร้องไห้ทั้งวัน หากมิขู่ก็มิหยุดเสียที ตอนนั้นเขาพึ่งมาที่นี่ใหม่ๆ ทั้งยังมิเคยข้องเกี่ยวกับเด็กหรือเข้ากับเด็กได้เลยด้วยซ้ำ มันจึงมีบ้างที่นึกรำคาญเสียงร้องของพี่ชายคนที่ ๓
เที่ยงวันนี้ พี่น้องทั้ง ๑๒ คนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และเพราะเป็นวัยที่กำลังโต เสียงเจี๊ยวจ๊าวจึงดังเป็นระยะระหว่างที่สาวใช้กำลังจัดโต๊ะอาหาร
"เจ้าเภา มิได้เจอกันเสียนาน เป็นเช่นไรบ้าง" ฉะเอ่ยทักทายน้องชายคนเล็กอย่างอารมณ์ดี เนื่องจากตนหลงใหลในเครื่องดนตรี ตลอดหลายวันมานี้จึงอาศัยอยู่ที่ห้องดนตรีเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงเวลาแม่นมก็จะเตรียมสำรับไปให้ ตนจึงมิได้ออกมารับประทานข้าวกับพี่น้องเลย
"สบายดีขอรับ" ลำเภาจันทร์ตอบพี่ชายคนที่ ๖ พร้อมกับมองสำรวจพี่ชายผู้นี้ไปด้วย อายุเพียงแค่ ๑๒ ปี แต่ก็ฉายแววหนุ่มหน้ามนสะอาดสะอ้านออกมาแล้ว โตขึ้นอีกนิดคงไม่พ้นถูกมองว่าเป็นหนุ่มหล่อเจ้าสำราญเป็นแน่
"เช่นนั้นก็ดีเลย บ่ายนี้เจ้าว่างหรือไม่ ข้าจะเล่นเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่าระนาดเอกให้ฟัง" ฉะเอ่ยด้วยความตื่นเต้นเมื่อพูดถึงเครื่องดนตรี
"ว่างขอรับ" ลำเภาจันทร์พยักหน้าตอบพี่ชายคนที่ ๖ เบาๆ ถ้าได้ผ่อนคลายสักหน่อยก็คงดีเช่นกัน
"เช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย" เอกาทศเอ่ย น้องชายตัวน้อยของตนไปที่ใด ตนที่เป็นพี่ชายผู้แสนดีก็ย่อมต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว
"ข้าก็ด้วย/เช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย" โททวีและอัฐเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"ดี ดีเลย" ฉะยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง เมื่อเห็นว่าจะมีคนไปฟังเสียงดนตรีของตนเสียหลายคน
หลังจากที่พวกเขาพี่น้องทานมื้อเที่ยงเสร็จ ลำเภาจันทร์ก็เดินไปหาพี่ชายคนที่ ๓ ก่อนที่จะไปห้องดนตรี
"พี่ตรีไตร คืนนี้ข้าขอพักที่ห้องของพี่ด้วยได้หรือไม่" ลำเภาจันทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทั้งที่พยายามอ่อนโยนแล้วแต่ก็ยังฟังดูไร้อารมณ์อยู่ดี
"ค คืนนี้เลยหรือ" ตรีไตรสะดุ้งตั้งแต่ที่น้องชายคนเล็กเดินเข้ามาหาแล้ว และเมื่อได้ยินคำขอของน้องชายคนเล็ก ผู้เป็นพี่ชายคนที่ ๓ ก็อดจะรู้สึกขลาดกลัวและประหม่ามิได้
"ใช่ขอรับ" ลำเภาจันทร์ยืนยันเสียงนิ่ง ก่อนจะยื่นผลมะม่วงที่เขาไปเก็บมาให้กับพี่ชายคนที่ ๓ ผลของมันมีสีเหลืองนวลน่ารับประทาน ทั้งรสชาติก็ยังหอมหวานลึกล้ำ
ลำเภาจันทร์เข้าไปเก็บในสวนพฤกษชาติของพระราชวังที่เขาเคยไปนั่งจิบชา ที่นั่นมีพันธุ์ไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด รวมถึงไม้ผลซึ่งที่เขาพบกับมีแค่ต้นมะม่วงเท่านั้น
เขาจำได้ว่าสหายนาคของเขาเคยเอ่ยถึงผลไม้วิเศษ แต่เขากลับมิเคยเห็นผลไม้ที่ว่านั่นเลยสักครั้ง มีเพียงแค่ต้นมะม่วงธรรมดาที่เขาไปเก็บกินบ่อยๆ สงสัยมันยังไม่ออกผล หรือไม่พญายักษ์ก็อาจจะเก็บซ่อนมันเอาไว้ที่ใดสักที่ภายในวัง
"ห ให้ข้าหรือ ขอบใจนะ" ตรีไตรรับผลไม้มาด้วยสีหน้าดีใจ ผลของมันเหลืองนวลน่าทานนัก ทำเอาลืมไปเสียสนิทว่าตนหวาดกลัวน้องชายผู้นี้
ลำเภาจันทร์ยืนมองพี่ชายคนที่ ๓ นิ่งๆ น่าเสียดายที่เขาเผลอเก็บผลผลิตในปีนี้กินหมดแล้ว จึงเหลือมอบให้พี่ชายคนนี้ได้แค่ผลเดียวเท่านั้น
"อร่อยยิ่ง! หอมหวานนัก!" ตรีไตรกัดผลมะม่วงคำใหญ่อย่างห้ามใจไม่อยู่ และเมื่อรสชาติหวานของมะม่วงแทรกซึมไปทั่วปาก ดวงตาของตรีไตรก็วาววับเป็นประกาย ตรีไตรรีบก้มลงกัดกินมันจนหมดภายในเวลาไม่นาน "อร่อยมาก! ข้าชอบมันมากเลย"
"...." ลำเภาจันทร์มองพี่ชายคนที่ ๓ ที่แก้มกลมใสเต็มไปด้วยรอยเลอะจากการทานมะม่วงมูมมาม ริมฝีปากสีหวานยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สาวใช้เตรียมไว้ให้เช็ดมุมปากของพี่ชายคนที่ ๓ อย่างเบามือ "เปื้อนหมดแล้วขอรับ"
TBC