ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ลำเภาจันทร์พลันตกอยู่ในภวังค์เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้นเขาถูกพ่อแม่แท้ๆ ขายให้กับองค์กรนักฆ่าทั้งที่เขามีอายุเพียง ๔ ขวบเท่านั้น เขาจำได้ดีว่ามันน่ากลัวมาก มีชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวหลายคนมารุมล้อมคอยจับตาดูเด็กๆ ที่พวกเขาซื้อมา
ในวันแรกที่เขาถูกขายนั้น เขาจำได้ว่ามีเด็กชายคนหนึ่งก็โดนป้าแท้ๆ ของตนเองนำมาขายด้วยเช่นเดียวกัน พ่อและแม่ของเด็กคนนั้นประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต คนเป็นป้าจึงนำหลานมาขายเพื่อเอาเงินไปเล่นการพนัน และที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดู
เด็กคนนั้นชื่อว่าไม้ตรี มีอายุมากกว่าเขาถึง ๓ ปี ในหมู่เด็กที่ถูกขายเขาเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดเพียงคนเดียว นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีเด็กคนไหนอยากจะเข้าใกล้ รวมถึงเหล่าผู้ใหญ่ในองค์กรเองก็คิดว่าเขาจะไม่รอดจากการทดสอบอย่างแน่นอน จะมีก็แต่ไม้ตรีที่คอยมาพูดคุยและเล่นด้วย อีกฝ่ายตั้งตัวเป็นพี่ชายของเขา โดยที่เขาเองก็ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบรับอะไร
ไม้ตรีเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักสดใสมาก ช่างสมดั่งที่พ่อแม่คอยมอบความรักให้เจ้าตัวมาตลอด เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่แม้อีกฝ่ายจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย แต่พี่ชายผู้นี้ก็มักจะยังคงคิดบวกอยู่เสมอ ทั้งยังคอยส่งยิ้มให้กำลังใจเขาเรื่อยมา
น่าเสียดายที่ผู้นำองค์กรคนเก่าช่างชั่วช้า เห็นชีวิตคนเป็นแค่มดปลวก อยู่ๆ ก็จัดภารกิจให้เด็กในรุ่นของเขาไล่ฆ่ากันเอง ทั้งที่รุ่นผ่านๆ มาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้เลยสักครั้ง
ในตอนนั้นเขาและพี่ชายตกใจมาก แต่ก็เป็นพี่ชายของเขาเองที่คอยปลอบโยน
'ไม่ต้องกลัวนะเทาเภา พี่ชายคนนี้จะดูแลนายเอง เพราะพี่ชายของนายเป็นคนที่เก่งที่สุดในรุ่นยังไงล่ะ เพราะงั้น นายไม่ต้องกลัวนะ'
'...พี่ครับ'
ทว่าเขาโชคไม่ดีเลย เพราะพี่ชายที่เขาเห็นเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวได้เอาตัวเองมาปกป้องเขาจากเด็กคนหนึ่งที่ลั่นปืนมาทางเขาจนเสียชีวิต
ตอนนั้นเขาทั้งเสียใจทั้งโกรธมาก และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่มือเขาของเปื้อนเลือด! ในหมู่เด็กรุ่นนั้นมีแค่เขาที่รอดชีวิต เด็กอายุ ๕ ขวบที่ใครๆ ต่างก็มองว่าอ่อนแอและคงตายเป็นคนแรก แต่ยามนั้นกลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชาท่ามกลางกองศพของเด็กๆ คนอื่นมากมาย
"...พี่" ลำเภาจันทร์มองพี่ชายคนที่ ๓ ด้วยแววตาสั่นไหว ดวงตากลมโตคล้ายจะมีหยดน้ำตาไหลออกมา แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ไหล เพราะเขาพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้
แม้ลำเภาจันทร์จะไม่แน่ใจว่าตรีไตรใช่พี่ชายที่แสนกล้าหาญคนนั้นหรือไม่ เพราะนิสัยช่างต่างกันเหลือเกิน แต่เขาก็ดีใจที่ได้เป็นพี่น้องกับอีกฝ่าย ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน
'เทาเภา ..พี่ดีใจจริงๆ นะที่มีนายเป็นน้องชาย หากชาติหน้ามีจริง พี่อยากจะ อยากจะเป็นพี่ชายของนายอีกครั้ง ...ดูแลตัวเองดีๆ นะน้องพี่'
'ฮึก พี่! พี่ครับ! อย่า!! อย่าทิ้งผมไป!!!'
ลำเภาจันทร์เหม่อลอย ในหัวคิดถึงแต่เรื่องราวในอดีตที่ไม่ค่อยน่าจดจำนัก ก่อนความเหนื่อยล้าและความอ่อนเพลียจะทำให้เขาเข้าสู่นิทราไปในที่สุด
วันถัดมาในช่วงเที่ยงของวัน ลำเภาจันทร์ก็ได้มาดวลดาบกับพี่ชายคนที่ ๒ และคนที่ ๑๑ ที่สนามหญ้าหน้าเรือนพักตามปกติ
"เฮ่อออ ไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้เลย เจ้าเก่งมากจริงๆ เจ้าตัวเล็ก" โททวีเอ่ยพร้อมกับเช็ดเหงื่อที่กรอบหน้าตัวเองไปด้วย ฝึกมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าน้องชายคนเล็กของตนก็มิมีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงเลยสักนิด ทั้งที่ต้องดวลดาบกับตนและเจ้าเอกาทศพร้อมกันแท้ๆ
ทว่าพวกตนก็รับรู้ได้ว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งหลังจากที่ได้ดวลดาบกับน้องชายผู้นี้ ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยกว่าตอนที่ฝึกกับครูฝึกอยู่มาก เพราะเจ้าน้องชายคนเล็กมักจะมีท่วงท่าแปลกๆ ที่มีประสิทธิภาพมาให้พวกเขารับมืออยู่เสมอ อีกทั้งพละกำลังและจังหวะในการโจมตีก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาจับทางมิได้เลยสักครั้ง
"น้องเภาของข้าสุดยอดที่สุด" เอกาทศเอ่ยทั้งๆ ที่นอนหอบอยู่บนพื้น
"...." ลำเภาจันทร์มองพี่ชายทั้งสองคนที่พากันหมดสภาพจากการฝึกหนัก ด้วยฝีมือของโททวีและเอกาทศในตอนนี้ เขาเชื่อว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ยังพอดูแลตัวเองได้บ้างแล้วในอนาคต
และหากว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นหมั่นฝึกฝนต่อไป ภายภาคหน้าเมื่อต้องออกจากเมืองยักษ์ พวกเขาก็จะสามารถเป็นทหารในตำแหน่งดีๆ ได้แน่นอน
"พวกเจ้า!! เจ้า ๒! เจ้า ๑๑! เจ้า ๑๒! แย่แล้ว!" เอกศึกวิ่งหน้าตื่นมาหากลุ่มน้องชายที่สนามหญ้า เสียงร้องของเขาทำให้ทั้งสามคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
"พี่เอก ท่านมีเรื่องอันใดรึ วิ่งหน้าตื่นมาเชียว" โททวีเอ่ยถามพี่ชายอย่างสงสัย ยิ่งเห็นสีหน้าที่ดูร้อนรนกระวนกระวาย โททวีก็ยิ่งอยากรู้เรื่องเร็วๆ จนรอให้พี่ชายหายเหนื่อยไม่ไหว "รีบๆ เอ่ยสิ"
"แฮ่ก แฮ่ก พี่น้อง พี่น้องของเราหายตัวไป!" เอกศึกเอ่ยออกมาเสียงดังหลังจากที่ปรับลมหายใจได้แล้ว สีหน้ายังคงมีแต่ความแตกตื่นและร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
"อันใดนะ?!/เกิดอะไรขึ้น?" โททวีและเอกาทศถามขึ้นพร้อมกัน ต่างจากลำเภาจันทร์ที่ยามนี้ขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล
"เมื่อช่วงเช้าในตอนที่ข้ากับเจ้า ๓ และเจ้า ๔ กำลังนั่งอ่านตำราในห้องสมุดของเรือนพัก อยู่ๆ แม่นมบานชื่นก็ได้มาแจ้งแก่ข้าว่าเจ้า ๕ เจ้า ๙ และเจ้า ๑๐ หายไป ตอนนั้นข้าคิดว่าพวกเขาคงมิอยากร่ำเรียนมารยาทจึงได้แอบหนี แต่ทว่าพอออกตามหาข้าก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ เพราะเจ้า ๓ กับเจ้า ๔ ที่ช่วยข้าตามหาก็หายตัวไปด้วย พอข้าไปดูที่ห้องเครื่องดนตรีก็มิเห็นเจ้า ๖ อยู่เลย ทั้งเจ้า ๘ ที่ปกติมักอยู่ที่สังเวียนมวยก็มิอยู่เช่นกัน ยามนี้น่าจะเหลือเพียงแค่พวกเราเท่านั้น" เอกศึกกล่าวอธิบายสถานการณ์ที่เป็นอยู่ออกมายาวเหยียด เขาทั้งเป็นห่วงน้องชาย ทั้งยังกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกน้องๆ
"เป็นไปมิได้ พวกเขาจะหายไปได้ยั...." โททวียังเอ่ยไม่ทันจบ ทั่วทั้งบริเวณก็มีหมอกควันสีขาวปกคลุมโดยมิทราบสาเหตุ และนั่นก็ทำให้ดวงตาของพวกเขาเริ่มพร่ามัวและสูญเสียความรู้สึกตัวไป
"!!?" ลำเภาจันทร์ไหวตัวทัน รีบยกถุงสมุนไพรที่มีฤทธิ์กันยาสลบขึ้นมาสูดดมเล็กน้อยก่อนจะเก็บมันกลับลงไปอย่างแนบเนียน ดวงตากลมโตสีนิลพยายามเหลือบมองรอบข้างหาสิ่งผิดปกติ แต่ทว่าก็เห็นเพียงหมอกหนาเท่านั้น
เขาทำเป็นหมดแรงยืนมิไหวตามพี่ชายที่ตอนนี้ล้มพับไปแล้ว ก่อนจะค่อยๆ แสร้งหมดสติไปในที่สุด หลังจากหมอกยาสลบสลายไปจนหมด ก็ปรากฏยักษ์รูปร่างใหญ่โต ๔-๕ ตนยืนอยู่ล้อมรอบ
"หมดเสียที เจ้าเด็กมนุษย์พวกนี้มีจำนวนเยอะจริงๆ" วิภูอดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อยมิได้ พวกเขาตามจับเด็กมนุษย์มาตั้งแต่เช้าแล้ว จนยามนี้เข้าบ่ายกว่าก็พึ่งจะเสร็จ
"เอาเถอะ รีบเก็บใส่โหลแก้วแล้วเอาไปให้ฝ่าบาทของพวกเรากัน" วิภาผู้เป็นน้องชายเอ่ย โหลแก้วที่ว่าคือของวิเศษที่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ นายเหนือหัวของพวกตนได้มันมาอย่างยากลำบากนัก
หลังจากที่พวกเขาใช้โหลแก้วดูดร่างของเด็กมนุษย์ทั้ง ๔ คนจนครบ พวกเขาก็เร่งเดินทางไปสถานที่หนึ่งทันทีด้วยสีหน้าพึงพอใจ โดยมิรู้เลยว่ามีดวงตาสีเลือดคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองดูอยู่ ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอำมหิต แรงสังหาร และแรงกดดันราวกับว่าสามารถลงมือฆ่ายักษ์พวกนั้นได้ไม่ยาก
TBC