ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ณ ห้องบรรทมของพญารามสูร
"เหตุใดท่านมิไปรักษาบาดแผลที่หอคอยแพทย์" ลำเภาจันทร์ถามขณะประคองพญายักษ์ร่างใหญ่ให้นอนลงบนเตียงกว้างเพื่อตรวจบาดแผลลึกและห้ามเลือด ก่อนหน้านี้เขาได้ดึงหอกออกจากท้องพญารามสูรก่อนเข้ามาในห้องแล้ว โชคดีที่ระหว่างทางที่เดินมาลำเภาจันทร์พบสาวใช้ของตนที่กำลังลนลานอยู่พอดี จึงได้สั่งให้พวกนางไปเตรียมชุดทำแผลมาให้เรียบร้อยแล้ว
"ทางมันไกล ข้าเดินต่อมิไหวแล้ว" พญารามสูรแสร้งตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาพาดปิดดวงตาคล้ายกับว่าต้องการพักผ่อน
"...." ลำเภาจันทร์ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ พอตรวจแผลและห้ามเลือดเสร็จ เขาก็ใช้สมุนไพรที่มีอยู่รักษาอาการเบื้องต้นไปก่อนระหว่างรอสาวใช้นำสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพสำหรับยักษ์มาให้ เพราะสมุนไพรของเขามันดีสำหรับมนุษย์และมีจำนวนไม่มาก หลังจากนั้นลำเภาจันทร์จึงเดินเข้าไปในห้องสรง (ห้องน้ำ) โดยมีพญารามสูรแอบยกแขนออกเพื่อลอบดูว่าคนตัวเล็กจะหนีตนไปหรือไม่ พอเห็นว่าอีกฝ่ายนำกะละมังไม้ใส่น้ำใบเล็กและผ้าชุบน้ำออกมาก็แกล้งไร้เรี่ยวแรงต่อทันที
"ข้าจะเช็ดตัวให้ ส่วนชุดที่ท่านสวมอยู่ถอดออกได้หรือไม่มันเช็ดตัวลำบาก" ลำเภาจันทร์ถามขณะวางกะละมังน้ำไว้ข้างเตียง
"ได้" พญารามสูรตอบเสียงแผ่วพร้อมพยักหน้าเบาๆ ลำเภาจันทร์ได้ยินดังนั้นจึงช่วยอีกฝ่ายค่อยๆ ถอดชุดที่ทั้งใหญ่และหนักอย่างทุลักทุเลก่อนจะเริ่มเช็ดคราบเลือดที่อยู่บริเวณรอบๆ บาดแผลอย่างเบามือ
อันที่จริงแม้ลำเภาจันทร์ไม่คิดดูถูกความหวังดีของพญารามสูรและนึกขอบคุณอีกฝ่ายที่ยอมบาดเจ็บเพื่อช่วยชีวิตเขา แต่คิดหรือว่าหอกเล่มนั้นจะสามารถทิ่มแทงเขาได้ ด้วยระยะที่ห่างกันมากแม้จะรวดเร็วแต่มีหรือที่เขาจะหลบไม่พ้น
ก๊อก ก๊อก
ลำเภาจันทร์เหลือบนัยน์ตาไปทางประตูก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่ง "เข้ามา" เป็นสาวใช้ทั้งสองที่เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาอย่างสงบเสงี่ยม ในมือของพวกนางมีทั้งผ้าพันแผลและผงสมุนไพรต่างๆมากมาย
คราวแรกพวกนางตกใจมากยามที่เห็นพระโอรสทรงพระดำเนิน (เดิน) มาพร้อมกับฝ่าบาทในร่างที่แท้จริง ทว่าเมื่อพวกนางครุ่นคิดให้ดีแล้ว คงจะเป็นไปมิได้ที่จะปกปิดความลับเรื่องเผ่าพันธุ์กับพระโอรสที่ทรงซุกซนไปทั่ววัง หรือไม่พระโอรสก็ทรงทราบอยู่ก่อนแล้วจึงทรงพระดำเนินมาอย่างสนิทสนมกับผู้เป็นพระราชาของเมืองเช่นนั้น
"วางไว้แล้วออกไปเสีย" พญารามสูรเอ่ยเสียงเยียบเย็นกับสาวใช้ทั้งสองด้วยกลัวว่าเด็กน้อยจะใช้พวกนางทำแผลให้ตน
"พ เพคะ" เปรมและผ่องเอ่ยตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบวางของไว้ที่โต๊ะแล้วเดินออกไปจากห้องทันที "ท ทูลลาเพคะ"
"...." ลำเภาจันทร์มองตามสาวใช้ของตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะกดสายตามองพญายักษ์ที่ยามนี้ยังคงแสดงท่าทางอ่อนแรง ทั้งที่เมื่อครู่ยังทำเสียงเข้มออกมาได้ เฮ่อ! แม้เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าจะเป็นคนช่วยทำแผลให้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ต้องการลูกมือเสียหน่อย ช่างเถอะ รีบทำแล้วรีบกลับห้องดีกว่า เวลานี้เลยเที่ยงคืนมานานมากแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน หลังจากนี้เรื่องน่าปวดหัวคงจะจบลงแล้วสินะ หวังว่าในอนาคตพวกเขาจะอยู่ในเมืองยักษ์ได้อย่างสงบ
"...." พญารามสูรเฝ้ามองเด็กน้อยที่ทำแผลให้ตนพลางหาวนอนพลางด้วยความเอ็นดู ในใจนึกไปถึงคราแรกที่พบเจอกันเมื่อสองปีก่อน เพลานั้นเด็กน้อยดูเป็นคนที่ขี้ระแวงนัก ทั้งยังไร้ช่องโหว่ใดๆ ให้ตนได้เข้าหา มายามนี้ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะสามารถทำตัวได้สมวัยมากยิ่งขึ้น ทั้งเล่นซน พักผ่อนและไร้ความกังวล จนเผลอเปิดช่องโหว่ให้ตนได้ทำลายกำแพงความระแวงพวกนั้น "...เผลอหลับไปแล้วรึ?"
พญารามสูรลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคมจ้องมองเด็กน้อยที่อยู่ๆ ก็นั่งฟุบหลับไปกับเตียงด้วยความอ่อนโยน "วันนี้เจ้าคงอ่อนเพลียและกังวลมากเลยสิหนาพ่อลำเภา ข้าขอโทษเจ้ามากจริงๆ ที่เมืองของข้าทำให้เจ้ารู้สึกมิปลอดภัย" เอ่ยจบพญายักษ์ก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะร่ายคาถาให้คราบเลือดบนเตียงหายไปในพริบตา จากนั้นจึงค่อยๆ อุ้มเด็กน้อยวางบนเตียงที่มิเคยมีใครได้นอนนอกจากผู้เป็นเจ้าของ และจัดท่านอนให้ด้วยอย่างเบามือ ก่อนพญาอสุราจะขึ้นไปนอนข้างๆ ในท่ากอดอกแล้วหลับตามไปในที่สุด
ที่พญารามสูรต้องกอดอกเอาไว้นั้นเพราะกลัวว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติลำเภาจันทร์หากเขาเผลอแตะต้องอีกฝ่ายโดยมิรู้ตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็อยากอยู่กับเด็กน้อยให้นานสักนิดหลังจากที่มิได้พบหน้ากันมาหลายเพลาเพราะมีเรื่องราวถาโถมเข้ามามากมาย พญารามสูรรู้สึกสบายใจยิ่งนักยามที่มีเด็กน้อยผู้นี้อยู่ใกล้ๆ ลำเภาจันทร์สามารถทำให้พญายักษ์เผลอหลับไปได้ง่ายๆ ทั้งที่เขานั้นหลับยากมากด้วยสัญชาตญาณและนิสัยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
เช้าวันรุ่งขึ้น
พญารามสูรเป็นผู้ตื่นขึ้นมาก่อน ที่จริงเขาอยากที่จะเฝ้ามองเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับสบายให้นานกว่านี้นัก ทว่าด้วยหน้าที่พญายักษ์จึงต้องรีบไปสะสางเรื่องที่คั่งค้างและจัดระเบียบภายในวังใหม่ทั้งหมด เขามิอยากให้เมืองของตัวเองเป็นสถานที่อันตรายสำหรับเด็กน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ อีกต่อไปแล้ว
พญารามสูรลุกขึ้นไปแต่งตัวเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่พอเปิดประตูออกไปพญายักษ์ก็เห็นสาวใช้ของคนที่นอนหลับสบายอยู่ในห้องยืนก้มหน้ารออยู่ด้วยท่าทางนอบน้อมจึงได้เอ่ยรับสั่งว่า " พ่อลำเภานอนหลับอยู่ ให้เขานอนไปก่อน หากตื่นแล้วพวกเจ้าค่อยไปปรนนิบัติรับใช้เขา"
"เพคะฝ่าบาท/เพคะฝ่าบาท" เปรมและผ่องเอ่ยและถวายคำนับพร้อมกัน พญารามสูรเห็นดังนั้นก็พยักหน้าพอใจแล้วเอ่ยประโยคทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปเพื่อปฏิบัติภารกิจของตน "อย่าเซ้าซี้ถามอันใดให้เขาลำบากใจเด็ดขาด"
"พ เพคะ/เพคะ"
พญารามสูรจัดระเบียบภายในวังใหม่ทั้งหมด ขุนนางที่เคยเป็นปรปักษ์กับตนส่วนใหญ่ล้วนถูกบงการบังคับด้วยปรสิต ส่วนผู้ที่ไม่โดนเองก็จะเป็นภรรยาหรือบุตรหลานที่ถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองและข่มขู่ มันช่างเป็นวิธีที่สกปรกน่ารังเกียจสิ้นดี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มิอาจพ้นผิด และต้องรับโทษฐานขี้ขลาดมิกล้าสารภาพแผนการร้ายนี้ของพวกสุทัศน์
หลังจากสอบสวนขุนนางนามฉกาที่มีส่วนร่วมมือกับสุทัศน์จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายถูกบังคับโดยมีบุตรสาวเป็นเครื่องต่อรอง ร่างกายของหญิงสาวถูกปรสิตกัดกินจนผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก นางนอนซมอยู่บนเตียงมาหลายเดือนแล้วทั้งยังมีอาการทุรนทุรายและเจ็บปวดเป็นพักๆ หากขุนนางฉกามิยอมทำตามพวกมันก็จะมิได้รับยาเพื่อต่ออายุขัยของนาง เขามิอาจเสี่ยงโดยใช้ชีวิตของบุตรีเป็นเดิมพันได้จึงต้องหักหลังผู้ที่ตนคอยถวายงานรับใช้มาโดยตลอด
บทลงโทษของเหล่ายักษ์ที่โดนบังคับไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต สำหรับขุนนางและทหารจะถูกลดตำแหน่งและให้งานราชการที่หนักมากขึ้นเป็นร้อยเท่าเป็นระยะเวลา ๑๐๐ ปี แต่สำหรับยักษ์ที่กระทำผิดโดยเจตนาจะถูกส่งตัวไปตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง บางตนก็ถูกทรมานอย่างแสนสาหัสจนตาย บทลงโทษที่เบาที่สุดสำหรับยักษ์กลุ่มนี้คือถูกส่งตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองใต้ดินตลอดชั่วชีวิต
ส่วนหน่วยทหาร ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้ศวุตย์เป็นแม่ทัพใหญ่สามารถสั่งการและฝึกทหารได้ทั่วทั้งนคร อำนาจทางทหารของเขาเป็นรองเพียงพญารามสูรเท่านั้น ส่วนตุลย์และฌานซึ่งเป็นทหารตนสนิทของศวุตย์ เพราะสร้างผลงานในการโค่นล้มบัลลังก์ของนครโลกาและนครพยัคฆ์ฟ้า จึงได้รับการเลื่อนขั้นเป็นรองแม่ทัพทั้งคู่ มีหน้าที่คอยช่วยเหลือแม่ทัพศวุตย์ดูแลเมืองอัสดงทั้งเขตตะวันตกและเขตตะวันออก นอกจากนี้ยังมีการจัดหน่วยทหารขึ้นมาอีกเป็น ๑๐ หน่วยเพื่อให้ดูแลทั้งเมืองได้อย่างทั่วถึงทุกจุด
ส่วนแหล่งบันเทิงหรือย่านเริงรมย์ที่สุทัศน์หรืออดีตขุนพลหน่วย ๑ เป็นผู้สร้างขึ้น พญารามสูรมิได้ยกเลิกหรือทำลายเพราะมันเป็นแหล่งรายได้ส่วนหนึ่งของเมือง แต่พญายักษ์เลือกที่จะให้หญิงสาวหรือชายหนุ่มตัดสินใจกันเองว่าจะเดินเส้นทางสายนี้ต่อหรือไม่ โดยกำหนดกฎที่เคร่งครัดอยู่หลายข้อหลักๆ คือห้ามค้ามนุษย์ที่เป็นเหมือนการซื้อขายชีวิต แต่ให้ถือเป็นการทำอาชีพอย่างหนึ่งเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวในนครแห่งนี้
เรื่องทุกอย่างสามารถคลี่คลายได้ในเพลาอันรวดเร็วทำให้ยามนี้ความร่มเย็นเป็นสุขอย่างแท้จริงกลับคืนสู่นครอัสดงอีกครั้ง
TBC