ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ณ โต๊ะเสวย (โต๊ะอาหาร)
"เอ่อน้องเภา เจ้าทำสิ่งนี้เองเลยหรือ" นวรัตน์ก้มมองถ้วยซุปตรงหน้า ใบหน้าหวานดูมีความลำบากใจอยู่เล็กน้อยเพราะน้ำเหลวๆ ในถ้วยเงินใบงามมีหน้าตาที่มิน่ารับประทานนัก ทั้งกลิ่นที่ฉุนจมูกและสีสันก็ยากจะบรรยาย
"...ขอรับ" ลำเภาจันทร์เหลือบตามองพี่ชายคนที่ ๙ ซึ่งได้ขอตามมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยในระหว่างที่เขาและพี่ชายทั้งสี่คนกำลังเดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร พี่ชายคนนี้มีหน้าตาหวานหยดย้อย กิริยามารยาทอ่อนช้อยสมดั่งที่ร่ำเรียนและฝึกฝนมาอย่างดี ทุกท่วงท่าหรือการขยับตัวก็ช่างน่ามอง วาจาสละสลวย ทั้งนัยน์ตาที่มักฉายแววใสซื่อบริสุทธิ์คู่นั้นยังทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนคุณชายในห้องหอที่ถูกทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี
ลำเภาจันทร์มิได้สนิทกับนวรัตน์ ทว่าก็พอรู้มาว่านอกจากวิชามารยาทที่อีกฝ่ายตั้งใจร่ำเรียนแล้ว พี่ชายผู้นี้มิคิดใส่ใจวิชาอื่นๆ เลย ส่วนใหญ่จะแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ทุกวัน ทำตัวเหมือนชีวิตสุขสบายเช่นนี้จะคงอยู่กับตนเองตลอดไป
"มิไหวเลยหนา เจ้าเข้าครัวยามใดมีแต่สร้างความเดือดร้อนให้เสด็จพ่อทุกที เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากวันใดเจ้าคิดจะเข้าครัวอีก ข้าจะขอให้ท่านพี่จตุรงค์เป็นผู้คอยสอนเจ้าเอง เจ้าอาจจะมิเก่งด้านนี้แต่ก็ใช่ว่าจะเรียนรู้มิได้ จริงหรือไม่" นวรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ดูหวังดีนักหนา "เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์เสวยมิได้ก็อย่าทรงฝืนเลย ข้าจะสั่งสาวรับใช้ของข้าให้ไปบอกแก่ห้องเครื่องให้เตรียมสำรับใหม่มาใ-"
"ผู้ใดว่าข้าทานมิได้" พญารามสูรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขมวดคิ้วแน่นก่อนฝ่ามือหนาจะใช้ช้อนตักซุปในถ้วยขึ้นมาแล้วจ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น ได้ข่าวว่าอาหารนี้ทำมาจากปลามงคลที่หายาก แม้จะสงสัยว่าคนงามตัวน้อยของตนไปได้มันมาจากที่ใด แต่ก็มีเรื่องเล่าหนึ่งที่กล่าวขานมาเนิ่นนานว่านอกจากเนื้อปลายักษ์ที่ชื่อติมิรปิงคละจะสามารถฟื้นบำรุงร่างกายได้แล้ว มันยังเป็นวัตถุดิบที่ปรุงง่าย มิว่าปรุงแบบใดก็ล้วนมีเนื้อสัมผัสที่น่าจดจำ ถ้าเช่นนั้นพญายักษ์เช่นตนคงสามารถกินอาหารของคนงามตรงหน้านี้ได้อย่างแน่นอน หลังจากนั่งทำใจอยู่สักพักซุปในช้อนก็ถูกนำเข้าปาก เพียงมินานนัยน์ตาคมก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง "อร่อย"
"เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ พระองค์อย่าทรงฝืนเลย พระองค์จะตามใจน้องเภาเกินไปแล้วหนาพ่ะย่ะค่ะ อาหารของน้องเภาแต่ละครั้งมิว่าอร่อยหรือไม่พระองค์ก็ทรงฝืนเสวยมันจนหมดทุกคราว จนมีหลายครั้งที่ต้องประชวร" นวรัตน์ที่รอราชาหนุ่มเจ้าของวังเสวยอาหารพิสดารของน้องชายคนเล็กเสร็จเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ต้องขอบคุณสาวใช้ข้างกายซึ่งตนได้เอ่ยขอกับบุรุษตรงหน้าในตอนอายุครบ ๑๕ ปีที่มาเล่าเรื่องราวต่างๆ ของน้องชายคนเล็กที่มักก่อปัญหาในวังอยู่เสมอ
"เจ้ากำลังตำหนิข้ารึ?" พญารามสูรถามเสียงเหี้ยม นัยน์ตาคมจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ แววตาของพญายักษ์ที่ใช้มองคนงามกับพี่ชายของคนงามนั้นช่างแตกต่างทำให้คนที่ได้รับสายตาน่ากลัวตัวสั่นงั่กๆ เป็นลูกนกจนเอาแต่ก้มหน้ามิกล้าสบตาอีก
เป็นเรื่องจริงที่พญารามสูรรับประทานอาหารของลำเภาจันทร์หมดทุกคราว มิว่าจะกี่ครั้งตนก็ยินดีรับประทานอาหารของอีกฝ่ายเพราะตนรับรู้ถึงความเอาใจใส่ของคนตัวเล็กที่ตั้งใจทำให้ทุกอย่าง ทั้งการหาวัตถุดิบเองและวิธีการปรุง สมุนไพรแต่ละอย่างที่ใส่ลงไปก็ล้วนมีสรรพคุณบำรุงร่างกายของตนทั้งสิ้น เช่นนี้แล้วจะมิให้ตนเอ็นดูคนงามได้อย่างไร เพียงแต่ตนต้องมีตัวช่วย และตัวช่วยที่ว่าก็กำลังนั่งหน้าซีดอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะอย่างไรเล่า
"มาดูกันว่าชีวิตข้าจะมาได้เพียงเท่านี้หรือไม่" โททวีตักซุปตรงหน้าขึ้นมาก่อนจะหันมองพี่น้องทั้งสามคนของตน "พร้อมกันนะ"
"เจ้าก็พูดเกินไป อาหารของน้องเภายอดเยี่ยมทุกครั้ง" เอกาทศตักซุปตรงหน้าขึ้นมาบ้างพลางเอ่ยแก้ต่างแทนน้องชายสุดน่ารักของตน
"ข้าเห็นเจ้าสลบก่อนใครเพื่อนมิใช่รึ?" อัฐเอ่ยออกมาเสียงเบา ฝ่ามือหนาที่กำลังสั่นเทาตักซุปขึ้นมาเตรียมพร้อมรับประทาน
"ครั้งนี้อาจจะพอทานได้ก็ได้" ฉะเอ่ยเหมือนให้กำลังใจทุกคนก่อนจะค่อยๆ ตักซุปสีแปลกขึ้นมาบ้าง
เมื่อทั้งสี่คนตักซุปกันครบแล้วจึงได้นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วเอาเข้าปากพร้อมกัน มินานนัยน์ตาทั้งสี่คู่ก็เบิกกว้าง "ใช้ได้/อร่อย!/รสดีมาก/มิเลวเลย"
ศรุตย์มองเด็กหนุ่มมนุษย์ทั้งสี่คนด้วยสายตามิอยากเชื่อ แต่เมื่อเห็นนายเหนือหัวและพวกเขาทั้งสี่คนยังคงตักซุปเข้าปากอยู่เรื่อยๆ แม่ทัพใหญ่แห่งนครอัสดงที่ถูกลากมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยอย่างไม่ทันตั้งตัวจึงต้องลองเปิดใจกินอาหารตรงหน้าดู และปฏิกิริยาก็มิต่างจากคนที่ลองชิมก่อนหน้านี้ "อร่อยนัก"
"มิจริง!" นวรัตน์อุทานออกมาเสียงเบาหลังจากที่รอดูปฏิกิริยาของทุกคนบนโต๊ะอาหารแล้ว ขอเพียงมีสักคนที่แสดงอาการว่าอาหารตรงหน้ามิได้เรื่อง เช่นนั้นคำกล่าวก่อนหน้านี้ของตนก็จะมีน้ำหนักแล้วแท้ๆ และบุรุษผู้อยู่หัวโต๊ะก็จะได้รับรู้ว่าที่ตนเอ่ยเป็นเพราะห่วงใยจริงๆ มือเรียวหยิบช้อนแล้วตักซุปขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ ทันทีที่เอาของเหลวในช้อนเข้าปาก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกกว้างไปด้วยอีกคนอย่างมิอยากเชื่อ นวรัตน์ก้มมองสีสันแล้วพิจารณารสชาติที่ขัดกับหน้าตาอย่างตกตะลึง ก่อนจะหันใบหน้าหวานไปยิ้มฝืนๆ ให้น้องชายคนเล็ก "ครั้งนี้น้องเภาทำอาหารอร่อยยิ่งนัก"
"...ขอบคุณสำหรับคำชมขอรับ" ลำเภาจันทร์ตอบรับพี่ชายคนที่ ๙ เสียงนิ่งแล้วเริ่มลิ้มลองอาหารที่ตัวเองทำบ้าง พอรับประทานเข้าไปหนึ่งคำใบหน้างดงามก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างพอใจ ก่อนจะทานต่อไปเรื่อยๆ จนหมด
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารตรงหน้าเสร็จก็ได้เอ่ยชมอาหารมื้อนี้มิขาดปาก แม้สีสันจะดูมิน่ารับประทานและเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครัวไป แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับว่าอาหารมื้อนี้ของพระโอรสอร่อยกว่าครั้งไหนๆ จริงๆ ทว่าผ่านไปมินานท้องไส้ของทุกคนยกเว้นลำเภาจันทร์ก็เริ่มปั่นป่วน ทุกคนมิเว้นแม้แต่พญายักษ์ต่างลุกกันพึ่บพั่บก่อนจะออกตัววิ่งแข่งกันไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด
"...จะว่าไปแล้วมีสมุนไพรตัวหนึ่งที่เป็นยาระบายอ่อนๆ เพื่อขับพิษอยู่ด้วยนี่นะ" ลำเภาจันทร์เท้าคางมองทุกคนด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนริมฝีปากบางจะยกยิ้มอย่างนึกขำ เขามัวแต่คำนึงถึงสรรพคุณดีๆ ในการฟื้นบำรุงร่างกาย และตัวเองมิเคยมีอาการจากฤทธิ์อ่อนของพืชจนลืมเรื่องนี้เสียสนิท ร่างเล็กยืนขึ้นเพื่อจะเดินกลับห้องของตัวเองบ้าง "เห็นทีคราวหน้าคงต้องเปลี่ยนสูตรใหม่"
TBC