ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ในเช้าวันใหม่ที่อากาศแจ่มใส
"องค์ชายเพคะ วันนี้หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลด้วยเพคะ" เปรมเอ่ยในขณะที่มือก็จัดแต่งพระเกศาของพระโอรสอย่างตั้งใจ
"เรื่องอะไรรึ?" ลำเภาจันทร์ถามพร้อมจ้องมองตัวเองหน้ากระจกบานหนึ่งที่ด้านในมีเจ้าภูติเงาตัวกลมลอยไปลอยมาอย่างสนุกสนานอยู่ตนเดียว
"เรื่องนี้หากทรงทราบแล้วต้องทรงระวังพระองค์นะเพคะ" เปรมป้องปากกระซิบแต่ใบหน้ากลับแสดงออกว่าอยากเอ่ยออกมาเต็มทนจนผ่องที่จับจีบโจงกระเบนอยู่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจกับสหาย "ในวังของเรามียักษ์สาวที่เป็นยักษ์รับใช้เหมือนพวกเราแอบชอบฝ่าบาทอยู่เพคะ"
"เรื่องนี้กระหม่อมเคยได้ยินเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ! เหมือนนางจะชื่อว่าละออ ตอนนี้กำลังถวายตัวรับใช้พระโอรสองค์ที่ ๙ อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ" ภูติเงาตัวน้อยในกระจกที่ได้ยินเรื่องสนุกก็ร่วมเอ่ยนินทาด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย
"พญารามสูรทรงหล่อเหลาและมากไปด้วยอำนาจ คงมิแปลกหากมีผู้ใดต้องใจเขา" ลำเภาจันทร์กล่าวอย่างมิคิดอันใด แต่เปรมและผ่องกลับสบตากันแล้วยิ้มออกมาเหมือนถูกใจเรื่องบางอย่าง
"แต่ยักษ์สาวตนนั้นเคยปีนเตียงฝ่าบาทเลยนะเพคะ นางคงคิดว่าหากนางสามารถให้กำเนิดบุตรผู้เป็นทายาทของราชวงศ์แล้วจะได้เป็นพระมเหสี แต่ช่างโชคดีนักเพคะที่ฝ่าบาททรงทราบมารยาของนางและทรงจับนางได้ พระองค์ทรงสั่งโบยนางนานถึงสามวันสามคืนเลยนะเพคะ ทั้งยังมีข่าวลือว่าที่นางยังทำงานในวังต่อได้ก็เป็นเพราะมารดาที่เป็นหัวหน้าสาวรับใช้และบิดาผู้เป็นหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ในห้องเครื่องได้เข้าไปคุกเข่าก้มหัวขอร้องต่อฝ่าบาทด้วยตัวเอง" เปรมเอ่ยนินทายักษ์สาวเพื่อนร่วมงานอย่างออกรสออกชาติ หลายครั้งหลายคราวนักที่นางผู้นั้นมักทำตัวเย่อหยิ่งและหยาบคายใส่นางและสหาย นางคงคิดว่าตัวเองเป็นบุตรสาวเพียงตนเดียวของหัวหน้าแม่บ้านซึ่งมีอายุมากกว่า ๙๗๕ ปีและยังเคยรับใช้พระมเหสีผู้เป็นพระราชมารดาของฝ่าบาทแล้วจะเหนือกว่าผู้ใด สงสารก็แต่ยายผิงและตาจ้าวที่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้ทั้งที่ทั้งคู่อายุมากแล้ว
"แต่ข้ารู้มาว่านางเป็นเพียงบุตรบุญธรรมเท่านั้นนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะหัวหน้าแม่บ้านผิงมีบุตรยาก พ่อครัวจ้าวจึงไปขอลูกสหายจากต่างเมืองมาเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ" ภูติเงาในกระจกเอ่ยเสริมถึงข้อมูลความจริงนี้ มันอยู่ในกระจกและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในวังจึงรู้ทุกเรื่อง ช่างสมกับที่เป็นหน่วยข่าวกรองของนายเหนือหัวยิ่งนัก
"...แล้วที่ว่าข้าต้องระวังตัวคืออะไรรึ?" ลำเภาจันทร์ถามขณะที่นั่งนิ่งๆ ให้นางผ่องสวมเครื่องประดับมุกให้
"นั่นเพราะนางเคยมีวีรกรรมตามตบยักษ์มิว่าบุรุษหรือสตรีที่เข้าใกล้ฝ่าบาทเพคะ ทั้งมารยาสาไถยหรือก็มาก ดัง
นั้นองค์ชายต้องทรงระวังเพราะความอิจฉามิเข้าใครออกใครนะเพคะ" เปรมกล่าวกับพระโอรสของนางด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
"เข้าใจแล้ว" ลำเภาจันทร์พยักหน้าเบาๆ เพื่อแสดงว่ารับฟังคำเตือนของอีกฝ่าย จะว่าไปก็มีอยู่หลายครั้งนักที่มีสาวรับใช้นางหนึ่งมองมาทางเขาอย่างไม่เป็นมิตร ยิ่งตอนเขาอยู่ใกล้พญายักษ์ก็ยิ่งชัดเจนว่านางมิชอบเขา "..วันนี้ข้าจะเที่ยวเล่นนานหน่อย"
"เพคะ ช่วงนี้ฝ่าบาททรงยุ่งกับการตามล่ายักษ์ที่ก่อปัญหา องค์ชายต้องทรงดูแลพระองค์เองและอย่าทรงซุกซนมากนะเพคะ" ผ่องเอ่ยพร้อมรอยยิ้มละมุนในขณะที่ตาก็คอยสอดส่องดูความเรียบร้อยให้พระโอรสของนาง
"ข้าโตแล้ว ทั้งยังมิเคยซุกซน" ลำเภาจันทร์เอ่ยเถียง ใบหน้างดงามพองลมเล็กน้อยเพราะมิมีครั้งใดเลยที่เขาคิดว่าตัวเองซน วิญญาณของเขาเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้วจะไปซนได้อย่างไร
"โตแล้วก็โตแล้วเพคะ" ผ่องยิ้มเอาใจ ต้องบอกว่าตั้งแต่มีพระโอรสประทับในพระราชวัง วังหลวงแห่งนี้ก็มิเคยเงียบเหงาอีกเลย มิใช่เพราะพระองค์ทรงเกเรรังแกผู้อื่นไปทั่ว แต่เป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นที่เอ็นดูของเหล่ายักษ์ทั้งหลายภายในวังต่างหาก ด้วยมิทรงถือพระองค์และมิทรงหวาดกลัวที่จะเข้าหาและรับสั่งกับยักษ์ตนอื่น แม้ส่วนใหญ่จะมิรู้ว่าพระโอรสทรงล่วงรู้ความลับเรื่องเมืองยักษ์แล้ว แต่เหตุการณ์รักษายักษ์หลายตนด้วยยาฆ่าไข่ปรสิตก็ได้ซื้อใจยักษ์เกือบทุกตนให้เอ็นดูพระองค์นับแต่นั้นมา
ลำเภาจันทร์ออกจากห้องบรรทมมุ่งหน้าไปทางหอคอยแพทย์ จุดมุ่งหมายในครั้งนี้ของเขาน่าตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ เพราะเขาจะแอบออกไปสำรวจนอกกำแพงวังครั้งแรกอย่างไรเล่า อนาคตมิมีอะไรแน่นอน ทั้งเวลาที่เหล่าพี่ชายของเขาจะต้องหนีออกจากเมืองยักษ์ก็ใกล้เข้ามาเต็มที หากมิสำรวจเส้นทางไว้ก็ดูจะประมาทเกินไปหน่อย เขาไม่ได้อ้างเพราะอยากออกไปเที่ยวเองจริงๆ นะ และที่ต้องมาทางหอคอยแพทย์ก็เพราะเขาเจอซอกเล็กๆ ให้พอแอบออกไปได้นั่นเอง
"เภา" ตรีไตรเอ่ยเรียกน้องชายคนเล็กเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ "เจ้ามาทำอะไรแถวนี้หรือ"
"พี่ตรี ข้า..มาเดินเล่นขอรับ" ลำเภาจันทร์เลือกที่จะโกหกพี่ชายคนที่ ๓ เพราะหากบอกความจริงอีกฝ่ายต้องไม่ยอมให้เขาหนีออกไปไหนแน่ ความคืบหน้าอย่างหนึ่งที่น่ายินดีคือพี่ตรีไตรเริ่มที่จะมิหวาดกลัวเขาแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาไปขอนอนด้วยครั้งนั้นพวกเราก็สนิทกันมากขึ้น แม้จะมีบางครั้งที่อีกฝ่ายเขินอายเวลาทักทายเขาก่อนแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นห่างเหินกันเหมือนครั้งยังเป็นเด็ก และที่อีกฝ่ายมาอยู่บริเวณหอคอยแพทย์นั่นเพราะพี่ชายคนนี้กำลังร่ำเรียนวิชาแพทย์อยู่ โดยมีผู้นำหอคอยแพทย์ตนใหม่เป็นผู้สอน ซึ่งก็คือหมออรัณย์ลูกศิษย์ของหมออาวุโสวศิณผู้ที่เคยคิดแผนชุบชีวิตภรรยาเมื่อ ๓ ปีก่อน ช่างน่าเสียดายนักที่อีกฝ่ายชิงกินยาพิษฆ่าตัวตายก่อนที่พญารามสูรจะสั่งลงโทษ ส่วนหมออรัณย์หลังจากที่รู้ว่าผู้มีพระคุณทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นลงไป เจ้าตัวทั้งเศร้าใจและเข้าใจในเหตุผลของพ่อบุญธรรม ในเมื่อผู้เป็นพ่อทรยศหมออรัณย์จึงได้ทำการสาบานต่อพญารามสูรว่าจะถวายความภักดีคอยรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์ และจะมิคิดหักหลังดั่งที่ผู้เป็นพ่อเคยกระทำ ยามนี้เจ้าตัวก็กำลังจะมีเจ้าตัวน้อยกับภรรยาแล้ว
"เช่นนั้นเดินเล่นให้สนุกหนา พี่ต้องไปร่ำเรียนแล้ว" ตรีไตรยิ้มใสซื่อให้น้องชายคนเล็ก
"ขอรับ" ลำเภาจันทร์มองตามหลังพี่ชายคนที่ ๓ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าหอคอยแพทย์ไปแล้วเขาจึงเดินต่อไปยังจุดหมายของตัวเองทันที
TBC