ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ทุ่งทานตะวันเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตาปรากฏตรงหน้า มองไปทางใดก็งดงามอย่างมิน่าเชื่อราวกับภาพวาดในความฝัน แม้เขาจะเคยเห็นผ่านๆ เมื่อนานมาแล้วแต่มันก็เทียบมิได้เลยกับการได้ลงมาสำรวจอย่างใกล้ชิดจริงๆ วันนี้ต้องมีเรื่องสนุกแน่
ลำเภาจันทร์หยิบผ้าคลุมออกมาจากกระเป๋าผ้าวิเศษใบน้อย ก่อนจะทำการสวมมันแล้วเริ่มออกสำรวจทันที เขาเดินผ่าทุ่งทานตะวันไปเรื่อยๆ จนเจอกับทางเดินเท้าเล็กๆ จึงได้ใช้เส้นทางนั้นนำทางต่อไปเพราะอยากรู้ว่ามันจะพาเขาไปที่ใด
เมื่อเดินไปได้สักพักใหญ่ๆ เขาก็พบสิ่งมีชีวิตที่คงเป็นยักษ์เพราะที่นี่คือเมืองยักษ์ อีกฝ่ายอยู่ในร่างมนุษย์อายุประมาณเท่าเขาเห็นจะได้ บรรยากาศรอบตัวดูหม่นหมองแปลกๆ คล้ายกับว่าบนโลกนี้มิมีเรื่องอันใดที่น่ายินดีหรือน่าตื่นตาตื่นใจเลย ประกอบกับเส้นผมสีทองหม่นๆ ที่ทำให้อีกฝ่ายดูเป็นคนไร้ชีวิตชีวา ยิ่งมีร่างกายผอมแห้งยิ่งพาให้ทุกอย่างดูหดหู่เศร้าสร้อยตามไปหมด
"...." ลำเภาจันทร์ยืนนิ่งมองยักษ์ในร่างมนุษย์ผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่งจนเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเขาแล้วจึงได้มีอาการหลบหน้าหลบตาเช่นนั้น หลังผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดยักษ์ตรงหน้าก็ทนแรงกดดันไม่ไหวยอมเปิดปากเอ่ยถามผู้มาใหม่ก่อน
"จ เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดมาอยู่ในทุ่งทานตะวันที่ข้าดูแล" น้ำเสียงหวาดหวั่นไม่เต็มเสียงถูกเปล่งออกมา
"ข้า ..หลงทาง" ลำเภาจันทร์โกหกหน้าตาย ครั้นมองสีหน้าของยักษ์ที่มีอาการมิสู้คนก็ดูเหมือนจะหลงเชื่อง่ายๆ เสียด้วย
"เช่นนั้นบ้านเจ้าอยู่ที่ใด ให้ข้าไปส่งหรือไม่"
"ตกลง" ลำเภาจันทร์พยักหน้าตอบรับทันที เขามิได้คิดที่จะให้อีกฝ่ายพากลับวังจริงๆ หรอกแต่จะหลอกให้บอกข้อมูลของเมืองยักษ์แห่งนี้ให้ฟังต่างหาก อีกอย่างเขาเองไม่คุ้นพื้นที่หากเดินสะเปะสะปะก็อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ มิสู้มีอีกฝ่ายไปด้วยคงช่วยได้เยอะ
"ช เช่นนั้นบ้านเจ้าอยู่ไหนหรือ" ดนูหรือยักษ์ผู้มีนิสัยเก็บตัวถามคนตรงหน้าที่สวมผ้าคลุมปกปิดมิดชิดจนตนมิอาจเห็นว่าหน้าตาเป็นเช่นไร แม้กระนั้นดนูก็พอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นทายาทของตระกูลผู้ร่ำรวยแน่นอน หากตนมิช่วยเหลืออาจเกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง ดังนั้นรีบช่วยรีบจากกันจะดีกว่า
"ข้าไม่รู้เพราะมิเคยออกมาดูโลกภายนอก เจ้าจะช่วยข้าตามหาได้หรือไม่" ลำเภาจันทร์ยังคงแต่งเรื่องต่อไป และยักษ์ตรงหน้าก็พยักหน้าขึ้นลงหลงเชื่อง่ายๆ อีกครั้ง ช่างซื่อบื้อเหมือนพี่ชายคนที่ ๘ ของเขาไม่มีผิด "ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรรึ? ข้าลำเภาจันทร์"
"ข้าชื่อว่าดนู" ดนูเอ่ยแนะนำตัวเองระหว่างที่เดินนำไปถนนหลักด้วยคิดว่าถ้าตนพาลำเภาจันทร์ไปที่นั่นบางทีอาจจะเจอใครที่รู้จักหรือออกมาตามหาอีกฝ่ายก็เป็นได้
ลำเภาจันทร์เดินตามดนูไปเรื่อยๆ โดยมิได้เอ่ยอะไรอีก ดวงตาเฉี่ยวคมงดงามภายใต้ผ้าคลุมลอบมองสำรวจไปรอบๆ เพื่อจดจำเส้นทางไปด้วย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังนำทางเขาเข้าสู่ตัวเมืองยักษ์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่เขาต้องการพอดี จากข้อมูลที่หามา เขตตะวันออกเป็นเขตที่สงบสุขที่สุดและยักษ์ที่นี่มีวิถีดำรงชีวิตคล้ายๆ มนุษย์ ดังนั้นเขาจึงเลือกสำรวจเมืองทางฝั่งนี้ก่อน
เมื่อเข้าไปในถนนสายหลัก ลำเภาจันทร์ก็เห็นยักษ์ทั้งในร่างมนุษย์และร่างยักษ์เดินขวักไขว่เต็มไปหมด สองข้างทางถนนมีร้านรวงมากมายทั้งของต่างๆ ที่วางขายก็ดูน่าสนใจมิน้อย
"มิเดินต่อรึ" ลำเภาจันทร์ถามยักษ์นำทางผู้มีบรรยากาศหม่นหมองเพราะอยู่ๆ อีกฝ่ายก็หยุดเดินแล้วยืนก้มหน้ามิขยับเขยื้อนไปที่ไหนอีก
"ข้ามาส่งได้เพียงเท่านี้" ดนูตอบมิเต็มเสียง ตนหวาดกลัวการอยู่ในที่ชุมชนจนเริ่มมีอาการประหม่าอย่างที่เห็น
"...." ลำเภาจันทร์มองสำรวจยักษ์ตรงหน้าอย่างพิจารณา อีกฝ่ายมีน้ำใจเดินมาส่งเขาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากแล้ว "เช่นนั้นแยกย้ายกันตรงนี้ ขอบใจเจ้ามากที่นำทางมา"
"ขอให้เจ้ากลับถึงบ้านโดยปลอดภัยหนา" ดนูเอ่ยลาพร้อมมองส่งลำเภาจันทร์ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมและค่อยๆ เดินหายเข้าไปในฝูงชน
ลำเภาจันทร์เดินสำรวจต่อไปเรื่อยๆ ร้านไหนที่มีของน่าสนใจเขาก็หยุดดูมันสักพักก่อนจะเดินสำรวจต่อ และพอใกล้ถึงยามเย็นเขาก็แอบกลับเข้าวังไปอย่างเงียบๆ เขาทำแบบนี้อยู่เกือบเดือนโดยที่พญายักษ์ซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการตามล่ายักษ์ที่ลักลอบค้าเผ่าพันธุ์อื่นมิรู้เลยสักนิด จนตอนนี้เขาจดจำเมืองฝั่งนี้ได้เกือบทั้งเมืองแล้ว
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ลำเภาจันทร์จะออกไปสำรวจนอกวัง เขาใช้เส้นทางเดิมในการออกจากกำแพงวังโดยมิได้สังเกตเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่ไกลๆ
ลำเภาจันทร์เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเดิมที่มักใช้เป็นประจำ ทว่าหลังจากเดินไปเรื่อยๆ ได้สักพักเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังหาเรื่องกันอยู่ไม่ไกล พอไปถึงจุดเกิดเหตุที่เป็นต้นตอของเสียงลำเภาจันทร์ก็พบกับยักษ์บุรุษสี่ห้าตนกำลังกลั่นแกล้งและทำร้ายดนูอยู่
"พวกเจ้าทำอันใด ปล่อยเขาลงเดี๋ยวนี้" ลำเภาจันทร์แผดเสียงนิ่งขณะที่ดวงตาจ้องเขม็งไปยังยักษ์หนุ่มวัยรุ่นซึ่งกำลังใช้มือกำคอเสื้อของดนูเอาไว้แน่น
"โอ๊ะ ลูกพี่ นั่นมันคนแปลกๆ ที่เดินเที่ยวไปทั่วเมืองของเรามิใช่รึ?" ลูกน้องยักษ์ตนที่ ๑ เอ่ย
"จริงด้วยลูกพี่ ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา น่าสงสัยจริงๆ" เสียงของลูกน้องยักษ์ตนที่ ๒
"เป็นสายจากต่างเมืองหรือเปล่าลูกพี่" ลูกน้องยักษ์ตนที่ ๓ ตั้งข้อสงสัย
"ดูเหมือนจะรู้จักกับเจ้าครึ่งมนุษย์ด้วยว่ะลูกพี่" ลูกน้องยักษ์ที่ ๔ เสริมขึ้นบ้าง
ลำเภาจันทร์มองสำรวจพวกมันทั้ง ๕ ตนโดยเฉพาะตนที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าที่สุด พวกมันเหมือนจะเป็นยักษ์วัยรุ่นที่กำลังคึกคะนองดูแล้วมิน่าจะจัดการยากนัก เว้นเสียแต่ยักษ์หัวหน้าซึ่งคงมีฐานะมิน้อยเพราะการแต่งกายดูภูมิฐานดั่งบุตรขุนน้ำขุนนาง
"เจ้าบอกให้ข้าปล่อยมันรึ ได้!" ยักษ์อันธพาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะโยนครึ่งยักษ์ครึ่งมนุษย์ที่อยู่ในกำมือไปทางคนใต้ผ้าคลุมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บหรือไม่
ตุบ!
ลำเภาจันทร์ก้มมองดนูที่ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งมิเอ่ยวาจาใด ใบหน้างดงามขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะหันไปจ้องกลุ่มยักษ์ตรงหน้าตาเขม็ง "หมาหมู่"
"ปากดี เจ้าคงมิรู้ว่าข้าเป็นลูกใคร" ยักษ์อันธพาลผู้เป็นหัวหน้ากอดอกพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ "ข้าคือดำรง เป็นบุตรชายเพียงตนเดียวของขุนนางฉกา ผู้ดูแลเมืองฝั่งทิศตะวันออกอย่างไรเล่า"
"อ๋อ ขุนนางฉกา ใช่ขุนนางที่ทรยศจนถูกลดขั้นและถูกยึดทรัพย์สินที่มีไปเกินกว่าครึ่งหรือไม่ หากข้าจำมิผิดก็ประมาณนี้" ลำเภาจันทร์ตอกกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เจ้า!!" รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!!! ดำรงเอ่ยต่อในใจและหลุดมาดจองหองทันทีหลังจากที่ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเช่นนั้น หัวคิ้วหนาขมวดเข้ากันเพราะเรื่องนี้เป็นความลับที่หากมิใช่คนใกล้ชิดก็จะมิรู้เลย เนื่องจากมันอาจทำให้ประชาชนตระหนกตกใจทั้งยังลดทอนความน่าเชื่อถือในตำแหน่งขุนนางอีกด้วย "เจ้าเอ่ยอันใด! กล้าใส่ร้ายตระกูลข้าเชียวรึ?!! รีบจับมันไว้!! หากวันนี้ข้าลงโทษเจ้ามิได้ก็อย่ามาเรียกข้าว่าดำรง!!"
TBC