ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ
"หากมิโดนพญารามสูรจับได้ วันพรุ่งข้าอาจจะมาเที่ยวเล่นด้วยอีก" ลำเภาจันทร์เอ่ยกับดนู ยามนี้พวกเขาทั้งคู่ได้ตกลงเป็นสหายกันแล้ว เกือบทั้งวันหลังจากที่ตกลงเป็นเพื่อนกันลำเภาจันทร์ก็เลือกที่จะอยู่เล่นที่ไร่ทานตะวันของอีกฝ่ายทั้งยังได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเมืองยักษ์เพิ่มเติมด้วย
"กระหม่อมจะรอพระองค์" ดนูเอ่ยตอบคนตรงหน้าที่อาสามาเป็นสหายของตน ดวงตาที่เคยหม่นหมองเพลานี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ลำเภาจันทร์ร่ำลาดนูอีกเล็กน้อยก่อนจะใช้ของวิเศษเหาะทะยานกลับเข้าวัง วันนี้เขาเผลอกลับช้ากว่าปกติจึงรู้สึกสังหรณ์ใจมิค่อยดี พอกลับเข้าไปภายในวังลำเภาจันทร์ก็กวาดตามองไปรอบๆ ว่ามีใครอยู่แถวนั้นหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกเขาจึงรีบเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร ทว่าพอไปถึงลำเภาจันทร์กลับเห็นพญารามสูรนั่งทำหน้ายักษ์อยู่หัวโต๊ะ
"มานั่งสิพ่อลำเภา ได้เวลารับประทานมื้อเย็นแล้วหนา" พญารามสูรมองไปที่คนงามด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม "พี่สั่งพ่อครัวเตรียมอาหารไว้รอเจ้าแล้ว"
ลำเภาจันทร์เม้มปากก่อนจะเดินไปนั่งที่ประจำของตนซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของพญายักษ์
"รีบทานเถิดเดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียก่อน มีแต่ของโปรดเจ้าทั้งนั้นเลยหนา" พญารามสูรตักอาหารน่ารับประทานตรงหน้าให้คนงามอย่างที่ทำเป็นประจำ ก่อนจะหันไปรับประทานของตนเองเงียบๆ
ลำเภาจันทร์เหลือบมองพญายักษ์ที่นั่งข้างกัน วันนี้อีกฝ่ายดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดจนใบหน้างามเริ่มเคร่งเครียดเพราะคิดว่าบางทีพญายักษ์อาจจะรู้แล้วว่าเขาแอบหนีไปเที่ยวนอกวัง เพียงแค่รอให้เขาสารภาพออกมาเอง
"มิหิวหรือ" พญารามสูรถามคนงามเมื่อมิเห็นอีกฝ่ายลงมือรับประทานอาหารตรงหน้าเสียที
"ข้า... แอบหนีออกไปนอกวังมา" ลำเภาจันทร์เงยหน้าสบตากับพญายักษ์ก่อนจะเอ่ยสารภาพความผิดของตัวเองออกมา
พญารามสูรมองคนงามด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะวางช้อนในมือลงแล้วหันไปพูดคุยกับอีกฝ่ายดีๆ
"เหตุใดจึงออกไป" พญารามสูรเอ่ยถามถึงเหตุผลโดยมิได้ใช้อารมณ์ ตนรู้จักและเลี้ยงดูลำเภาจันทร์มาเป็นเพลานานนับ ๖ ปีมีหรือที่จะมิรู้ว่าอีกฝ่ายทั้งดื้อและซนมากเพียงใด แม้ที่ผ่านมาจะมิเคยว่ากล่าวแต่ในครานี้จำเป็นต้องตักเตือนและลงโทษกันบ้าง
"เบื่อ ...แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าเมืองยักษ์เป็นเช่นไร" ลำเภาจันทร์เอ่ยบอกความจริงเพียงบางส่วนเพราะหากเขาบอกพญายักษ์ว่าออกไปดูลาดเลาสำหรับการหลบหนีเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
"รู้หรือไม่ว่าเจ้าทำพี่เป็นห่วง ออกไปเพียงลำพังเช่นนั้นมันอันตรายมากเลยหนา" พญารามสูรเอ่ยตักเตือนคนงามที่ยามนี้นั่งก้มหน้าซึมจนน่าเอ็นดู ทว่าคราวนี้พญายักษ์ห้ามใจมิให้ตนเองใจอ่อนโดยเด็ดขาดเพราะแม้อีกฝ่ายจะรู้วิชาป้องกันตัวแต่ยักษ์ด้านนอกนั้นมิเหมือนยักษ์ภายในวัง อุปนิสัยก็หลายหลาก คนตัวเล็กไปคนเดียวเช่นนี้จะมิให้ตนเป็นห่วงได้อย่างไร
"ข้าขอโทษ" ลำเภาจันทร์กล่าวขอโทษเพราะรู้ตัวว่าคราวนี้ตนทำผิดจริงๆ
"คราวหลังอย่าทำอีก หากอยากออกไปวันใดถ้าพี่ว่างพี่ก็จะไปด้วย แต่หากไม่แล้วเจ้าก็จำเป็นต้องมีทหารคอยอารักขา" พญารามสูรเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในแววตาคมมีแต่ความเอ็นดูและความยินดีที่คนงามตัวน้อยเริ่มใส่ใจในคำกล่าวของตน ก่อนพญายักษ์จะยื่นฝ่ามือหนาไปลูบศีรษะของคนงามเบาๆ "แต่ครานี้เจ้าต้องโดนลงโทษกักบริเวณในเขตวังหลวงครึ่งเดือนหนา"
ลำเภาจันทร์เบิกตาโตเมื่อการกักบริเวณครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งไหนๆ คนงามทำแก้มพองลมทว่าก็ยอมรับการลงโทษแต่โดยดี ทันทีที่เขากลับถึงห้องนอนหลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็เห็นเจ้าภูติเงาตัวน้อยในกระจกกำลังจ้องเขาตาใส
"ผู้ที่ทูลฟ้องฝ่าบาทคือองค์ชาย ๙ พ่ะย่ะค่ะ และผู้ที่บอกข้อมูลแก่องค์ชาย ๙ ก็คือนางละออที่เป็นสาวรับใช้ขององค์ชาย ๙ พ่ะย่ะค่ะ" ภูติเงากล่าวรายงานอย่างรู้ใจคนงามหน้ากระจก ในยามนี้เจ้าภูติเงาตัวน้อยโดนคนงามล่อลวงจนเกือบจะเป็นภูติรับใช้ของคนตรงหน้าไปเสียแล้ว พญายักษ์จะเรียกใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีหน้าที่ที่สำคัญมากจริงๆ เท่านั้น
"...." ลำเภาจันทร์นิ่งฟังจนจบโดยมิได้เอ่ยอันใดออกมา ดวงตาเฉี่ยวคมฉายแววเย็นชาแวบหนึ่งก่อนจะทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
เช้าวันต่อมา
"องค์ชาย ๙ เพคะ ทรงทราบข่าวเกี่ยวกับองค์ชาย ๑๒ หรือยังเพคะ" ละออกระซิบกระซาบคล้ายกำลังเอ่ยเรื่องที่มิควรเอ่ย
"ข่าวอันใดอีก" นวรัตน์เริ่มนึกเบื่อข่าวจากสาวใช้ข้างกาย ตั้งแต่ที่กลับมาจากไปหาเจ้าผู้ครองวังนวรัตน์ก็ไตร่ตรองจนพอจะเดาได้แล้วว่าสาวใช้ของตนอาจจะมีบางสิ่งที่ทำให้บุรุษผู้นั้นมิชอบใจจนพาลมามิชอบตนไปด้วย
"ก็ข่าวที่องค์ชาย ๑๒ ทรงโดนสั่งกักบริเวณนานกว่าปกติเช่นไรเพคะ"
"นานเท่าใด" นวรัตน์ขมวดคิ้วสงสัย แต่ในขณะที่เอ่ยปากถามมือเรียวก็ลองสร้อยข้อมือกับแขนของตัวเองไปด้วย
"ครึ่งเดือนเพคะ" ละออตอบ
"แค่ครึ่งเดือนเองรึ ..ข้าหมายถึงน้องเภาทำผิดเช่นนั้น โดนเสด็จพ่อรับสั่งลงโทษเพียงเท่านี้จะหลาบจำได้หรือ หากวันหน้าเล่นซุกซนอีกจะทำเช่นไร"
"นั่นสินะเพคะ ฝ่าบาททรงตามพระทัยองค์ชาย ๑๒ ยิ่งนัก"
"...."
ทางด้านของลำเภาจันทร์
"ฝากแม่ทัพศรุตย์ส่งจดหมายให้สหายครึ่งมนุษย์ครึ่งยักษ์ของข้าที่เขตทิศตะวันออกทีหนา เขาเป็นเจ้าของทุ่งทานตะวัน มีนามว่าดนู" ลำเภาจันทร์ยื่นจดหมายให้อดีตคนไข้ของเขาที่ยืนยิ้มอยู่ที่ประตูหน้าห้องบรรทม วันนี้อีกฝ่ายกลับมาเข้าเฝ้าพญายักษ์เพื่อรายงานความคืบหน้าต่างๆ เกี่ยวกับการสืบเรื่องยักษ์ที่ค้าเผ่าพันธุ์อื่นในช่วงนี้ หลังจากรายงานเสร็จศรุตย์จึงได้ตรงมาทักทายเขา
"ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบนำไปส่งให้ถึงมือเลย" ศรุตย์รับจดหมายจากพระโอรสตรงหน้ามาด้วยความยินดี ก่อนจะทูลลาเพื่อไปทำภารกิจแรกในปีนี้ให้พระโอรส พอไปถึงจุดหมายศรุตย์ก็ถึงกับชะงักค้างเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อไปทางหวานของใครอีกคน แม่ทัพใหญ่แห่งนครอัสดงยืนหน้าแดงก่ำอยู่อย่างนั้น ยิ่งพออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตากันก็ยิ่งทำตัวมิถูกเข้าไปใหญ่ "ค คือว่า พระโอรสลำเภาจันทร์ทรงส่งสิ่งนี้มาให้ผู้ที่ชื่อว่าดนู"
"งั้นหรือ" ใบหน้าหม่นหมองคลี่ยิ้มบางด้วยความดีใจก่อนจะรีบรับจดหมายแล้วเปิดอ่านในทันที "โดนสั่งทำโทษ ถูกสั่งกักบริเวณครึ่งเดือน" หลังจากอ่านจบใบหน้าหล่อหวานก็เศร้าซึมลงเมื่อสหายเพียงคนเดียวของตนมิอาจมาเที่ยวเล่นได้อีกนานถึงปานนั้น "เขาโดนลงโทษด้วยวิธีรุนแรงหรือไม่"
"อย่าห่วงไปเลย พระโอรสลำเภาจันทร์ทรงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทนัก ดังนั้นมิมีสิ่งใดทำให้พระองค์ทรงบาดเจ็บได้อย่างแน่นอน"
"ดีจริง เช่นนั้นขอบคุณท่านมากเลยหนาที่เป็นธุระให้ หากมิรังเกียจโปรดรับสิ่งนี้ไว้ด้วยเถิด ถือเสียว่าตอบแทนที่นำจดหมายมาส่ง" ดนูหันไปเลือกดอกทานตะวันในตะกร้าที่ตนพึ่งตัดเสร็จก่อนจะยื่นมันให้ยักษ์หนุ่มตรงหน้า
"ข้าจะกล้ารังเกียจดอกไม้ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของนครได้อย่างไร" ศรุตย์รับดอกทานตะวันจากอีกฝ่ายมาด้วยความยินดี "ขอบใจเจ้ามากเลยหนา ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี"
หลังจากที่ศรุตย์ร่ำลากับอีกฝ่ายเสร็จ แม่ทัพหนุ่มก็เดินยิ้มไปพลางมองดอกทานตะวันไปพลาง กว่าจะรู้ตัวว่าถึงวังก็ยามที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบข้างที่เย็นยะเยือกผิดปกติ
"ในวังเกิดเรื่องอันใดขึ้นรึ?" ศรุตย์รีบเดินเข้าไปถามตุลย์ที่เพลานี้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยที่ ๒ ด้วยความสงสัย อีกฝ่ายยืนเกาะกำแพงมุมหนึ่งพร้อมแอบโผล่หน้าเข้าไปดูอะไรบางอย่างในห้องโถงใหญ่ของวัง
"หัวหน้า แย่แล้ว มียักษ์ตนหนึ่งมาสู่ขอพระโอรสลำเภาจันทร์ขอรับ ฝ่าบาททรงกำลังกริ้วมากเลย"
"ฮะ?!"
TBC