ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
ชาย-ชาย,ไทย,ย้อนยุค,รัก,แฟนตาซี,อ่านสบายๆ,พีเรียดไทย,พระเอกเป็นยักษ์,นายเองเป็นนักฆ่า,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,นาย๑๒,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นาย๑๒ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่ง นักฆ่าผู้มีฉายาว่าดอกไม้งามไร้หัวใจ จะหลุดเข้าไปในวรรณคดีที่เพื่อนสาวเอามาให้อ่านได้ "ในเมื่อท่านเป็นยักษ์ ท่านก็ควรกลับเมืองยักษ์ของท่านไปเสีย" #พญารามสูร×ลำเภาจันทร์
เทาเภา นักฆ่าหนุ่มมากความสามารถที่อยู่ๆก็หลุดเข้าไปในวรรณคดีไทยเรื่องที่เพื่อนสาวแนะนำให้อ่าน
พญารามสูรกดตามองต่ำไปที่ร่างยักษ์วัยเยาว์ที่บังอาจหาญกล้ามาสู่ขอคนงามต่อหน้าต่อตาตน มันคิดว่ามันเป็นผู้ใด ตนเฝ้าเลี้ยงดูและทะนุถนอมพ่อลำเภามาดั่งดวงใจมีหรือจักยอมยกให้ผู้อื่นง่ายๆ มันผู้นี้ช่างมิกลัวตายนัก
"เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ" พญายักษ์ถามเสียงเหี้ยมเพื่อให้โอกาสมันพูดใหม่อีกครั้ง นัยน์ตาคมดุดันสีเหล็กกล้าจ้องมองมันราวกับจะฆ่าได้ในทันที
"ฝ ฝ่าบาท กระหม่อมชมชอบพระโอรสตั้งแต่คราแรกที่พบและสบตากัน พอมิได้เห็นหน้าพระองค์กระหม่อมก็ทุกข์ทรมานใจนัก กินมิได้นอนมิหลับ มันราวกับกระหม่อมได้เจอกับรักแรกพบพ่ะย่ะค่ะ"
ดำรงเอ่ยพร่ำเพ้อถึงคนงามที่ตนได้พบเจอเมื่อคราวก่อน แม้จะเจอกันเพียงช่วงเพลาสั้นๆ ทว่าหัวใจมันกลับถวิลหาแต่คนงาม แม้จะพยายามหักห้ามใจแต่เสียงของหัวใจก็นำพาตนให้มาในที่แห่งนี้
"กระหม่อมรู้ว่ากระหม่อมอาจจะยังมิคู่ควร แต่ด้วยฐานะของกระหม่อมในยามนี้ กระหม่อมสามารถเลี้ยงดูพระโอรสให้สุขสบายได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสัญญาว่าจะรักมั่นเพียงหนึ่งเท่านั้น แม้อายุขัยของยักษ์กับมนุษย์จะต่างกัน แต่กระหม่อมก็จะขอรักเพียงพระองค์ จะมิทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"
"มึงเพ้อพอรึยัง"
พญารามสูรเอ่ยด้วยสีหน้าอำมหิต กลิ่นอายรอบกายกดดันจนยักษ์วัยเยาว์ที่กำลังคิดถึงมนุษย์คนงามต้องชะงักและหน้าซีด ยิ่งพญายักษ์ทนฟังนานเท่าใดก็ยิ่งต้องการฆ่ามันให้รีบตายตกไปมากเท่านั้น ในเมื่อมันทำตัวรกหูรกตานัก
"น้ำหน้าเช่นมึงหรือจะสามารถเลี้ยงดูคนงามของกูได้ อันธพาลที่มิคิดทำงานทำการใดๆ คอยแต่จะสร้างปัญหาให้บิดาเช่นมึงมีหรือจะคู่ควรกับคนงามของกู มึงรีบไสหัวของมึงออกไปก่อนที่กูจะโมโห และอย่าได้คิดโผล่หน้าของมึงมาให้กูเห็นอีก"
พญารามสูรตวาดไล่อีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายถมึงทึงเมื่อโทสะพุ่งพรวดจนแทบทนมิไหว
ดำรงละล่ำละลักรีบคลานหนีออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย ตนมิคิดเลยว่าแค่เด็กมนุษย์ที่มีเพียงใบหน้างดงามจะทำให้พญายักษ์หวงแหนได้ถึงขนาดนี้
ทั้งที่คนงามเป็นเพียงมนุษย์ที่อีกฝ่ายเลี้ยงไว้เพื่อแก้เบื่อ และยังมีจำนวนถึง ๑๒ คน กับแค่คนคนเดียวเหตุใดจึงต้องหวง ตนตั้งใจจะช่วยลดภาระให้แล้วแท้ๆ บุตรชายของตระกูลขุนนางยศสูงมีหรือที่จะมีผู้ใดมิอยากอยู่ข้างกาย
พญายักษ์มองตามหลังดำรงด้วยสายตาอำมหิต พออีกฝ่ายพ้นสายตาพญารามสูรก็ยืนทำใจให้เย็นลงอยู่พักใหญ่ก่อนจะกวาดตามองไปที่ลูกน้องยักษ์ทั้งสองที่ยืนเกาะกำแพงอยู่มิไกล น้ำเสียงทุ้มเหี้ยมสั่งการ
"ไปบอกแก่ขุนนางฉกาเสียว่าให้ดูแลบุตรชายให้ดี หาไม่แล้วข้าจะทำให้ตำแหน่งขุนนางของเขาหายไปเสีย"
"พ่ะย่ะค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ" ศรุตย์และตุลย์คุกเข่าคำนับ ก่อนจะรีบออกไปทำตามรับสั่ง
ด้านหนึ่งของวังในเขตทิศตะวันออก
"เครื่องประดับชุดนี้เป็นผลงานชิ้นใหม่ของข้า ท่านพี่เบญจคิดว่าพวกมันเป็นอย่างไรบ้างขอรับ ข้าว่าเครื่องประดับชุดนี้ดูเข้ากับชุดที่พี่ออกแบบและตัดเย็บเมื่อครั้งก่อนยิ่งนัก"
ทศรักษ์ถือกล่องไม้สลักงดงามที่ด้านในมีชุดเครื่องประดับที่ตนทำขึ้นมาด้วยความประณีต ก่อนจะถามพี่ชายคนที่ ๕ ซึ่งนั่งเย็บผ้าอยู่อีกฝั่ง
"งดงามมาก ผลงานชิ้นนี้ของเจ้าประณีตมิน้อย ข้าชอบยิ่งนัก ทำให้ข้าสักชุดสิ"
เบญจจ้องมองเครื่องประดับที่น้องชายคนที่ ๑๐ เป็นผู้ออกแบบด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะก้มลงตัดเย็บผ้าของตนเองต่อด้วยท่าทางผ่อนคลาย
"ย่อมได้แน่นอนขอรับเพราะเป้าหมายของข้าคือการทำเครื่องประดับที่งดงามที่สุด" ทศรักษ์ชูแขนขึ้นสูงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
"ข้าเองก็เช่นกัน เสื้อผ้าของข้าจะต้องงดงามหาผู้ใดเทียบมิได้ แต่ยามนี้ข้าขอทำชุดให้เจ้าสัตภัณฑ์ก่อน วันก่อนมาขอร้องให้ข้าช่วยทำชุดสวยๆ แต่ใส่ยิงธนูได้ บอกกล่าวเสร็จก็ไป ช่างขอหน้าตายเสียจริง"
แม้เบญจจะบ่นถึงน้องชายคนที่ ๗ ซึ่งชอบทำตัวขัดใจตนตลอดแต่ยังคงตั้งหน้าตั้งตานั่งตัดเย็บผ้าให้อีกฝ่าย
"เช่นนั้นข้าเองจะลองทำเครื่องประดับให้เขาบ้างดีหรือไม่ขอรับ"
ทศรักษ์เสนอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นอกจากจะทำเครื่องประดับให้ตนเองสวมใส่แล้ว ทศรักษ์ยังชื่นชอบการทำเครื่องประดับให้ผู้อื่นเพราะยามที่มีคนชื่นชมผลงาน ตนรู้สึกดีอย่างบอกมิถูกและรู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเองอย่างยิ่งด้วย
"เจ้านั่นจะยอมใส่หรือ ข้าเคยบังคับเขาให้แต่งตัวแต่สุดท้ายสร้อยข้อมือที่ให้ไปก็ถูกวางไว้ที่เดิมในห้องอยู่ดี"
"เช่นนั้นก็ทำเครื่องประดับที่พี่ ๗ อยากใส่สิขอรับ ถ้าทำได้เช่นนั้นก็แสดงว่าฝีมือของข้าพัฒนาขึ้น"
เบญจและทศรักษ์มองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา เนื่องจากทั้งคู่อิจฉาลำเภาจันทร์ที่ได้สวมใส่เครื่องประดับและเสื้อผ้าที่งดงามกว่าตนเอง
จึงได้มีความคิดที่ว่าหากมิได้มาก็ทำสวมใส่เองเสียเลย ซึ่งดูเหมือนทั้งคู่จะมาถูกทางนักเพราะทั้งเบญจและทศรักษ์มีความสุขยิ่งกับสิ่งที่พวกตนทำในเพลานี้
"ท่านพี่เบญจ น้องทศรักษ์ทำอันใดกันอยู่หรือ"
นวรัตน์เดินเข้าไปหาทั้งสองคนที่นั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลาริมน้ำข้างเรือนพักของพวกเขา พอร่างเพรียวบางเดินอย่างอ่อนช้อยไปถึงก็นั่งลงข้างน้องชายคนที่ ๑๐ ทันทีก่อนจะพูดคุยเสียงหวานกับทั้งคู่
"วันนี้ทั้งสองคนแต่งตัวงดงามยิ่งนัก ข้าอยากรู้เคล็ดลับแล้วสิ"
"แน่นอน เพราะพวกเรา-" เบญจยังมิทันได้เอ่ยจบประโยค สาวใช้ของน้องชายคนที่ ๙ ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
"องค์ชาย ๕ องค์ชาย ๙ องค์ชาย ๑๐ ถวายบังคมเพคะ"
ละออก้มคำนับมนุษย์ทั้งสามคนอย่างมิเต็มใจนักก่อนจะหันใบหน้าดั่งหญิงสาวธรรมดาไปหามนุษย์ที่ตนรับใช้อยู่ ช่างโชคดีเสียจริงที่อยู่พร้อมกันทั้งสามคน ตนจะได้มีมนุษย์โง่ๆ ให้หลอกใช้เพิ่มขึ้นอีก "องค์ชาย ๙ "
"มีเรื่องอันใดอีก"
นวรัตน์กรอกตามองบนอย่างไม่เก็บกิริยาเพราะตนเริ่มเบื่อหน่ายสาวใช้ข้างกายที่วันๆ เอาแต่วิ่งไปโน่นมานี่ มิเห็นจะเหมือนสาวใช้ข้างกายของน้องลำเภาจันทร์ที่ดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ยิ่งหลังจากบอกชื่อนางให้บุรุษผู้นั้นรู้ก็ยิ่งมิชอบใจนาง หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้มีหรือที่ตนจะเลือกนางไว้เป็นสาวรับใช้ข้างกาย
ละออที่เห็นท่าทีเช่นนั้นก็นึกมิพอใจทว่าต้องรีบเก็บอาการแล้วเอ่ยเรื่องสำคัญออกมา "คือว่าวันนี้มีบุรุษเข้ามาสู่ขอองค์ชาย ๑๒ เพคะ ได้ข่าวว่าเป็นบุตรของขุนนางชนชั้นสูง องค์ชาย ๑๒ ช่างโชคดียิ่งนัก"
"...น้องเภาออกไปเที่ยวเล่นซนภายนอกวัง ทั้งหน้าตาก็งดงามหาใครเทียบมิได้ หากมีบุรุษมากมายมาชมชอบก็มิเห็นแปลกมิใช่หรือ"
นวรัตน์ที่เห็นโอกาสจึงใส่ไฟลำเภาจันทร์ด้วยท่าทีใสซื่อบริสุทธิ์ จนละออแอบลอบยิ้มในใจ หึ สุดท้ายก็เป็นไปตามแผนของนาง ช่างโง่เขลาเสียจริง
"....แล้วฝ่าบาททรงว่าเช่นไร พระองค์ทรงหวงแหนเจ้าเภาเสียขนาดนั้น บุรุษผู้นั้นมิตายตกไปแล้วรึ"
เบญจเอ่ยอย่างมิคิดใส่ใจ ยามนี้ตนโตขึ้นแล้ว หากให้ไปนั่งอิจฉาเหมือนดั่งวัยเด็กคงได้ทุกข์ใจไม่เว้นวัน
"นั่นสิ แต่เจ้าเภานี่ก็ซนเสียจริง สมแล้วที่โดนลงโทษ"
ทศรักษ์อดตำหนิน้องชายคนที่ ๑๒ มิได้ อยู่ในวังดีๆ มิชอบช่างหาเรื่องใส่ตัวนัก ตนไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าของวังติดใจอันใดน้องชายผู้นี้
"คงมิใช่ว่าองค์ชาย ๑๒ ทรงไปยั่วยวนเขาเข้านะเพคะ" ละออที่เห็นท่ามิดีจึงทำทีกระซิบกระซาบพร้อมเอ่ยยุยง
"อย่ามาเอ่ยวาจาเหลวไหล เจ้าเภามิได้มีนิสัยเช่นนั้น เป็นเพียงแค่สาวรับใช้อย่าได้มาเอ่ยคำดูถูกเขาที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่า"
เบญจจิกตามองสาวใช้นามว่าละออ แม้น้องชายคนที่ ๑๒ จะมีนิสัยที่ไม่ถูกใจตนนักแต่อย่างไรก็เป็นน้องชายแท้ๆ ร่วมสายเลือดเดียวกัน หากมิปกป้องน้องจะให้ปกป้องมันที่เป็นคนนอกแล้วมาเอ่ยใส่ความน้องชายของตนหรือ
"จำใส่หัวเจ้าไว้"
"นั่นสิพี่เบญจ แม้เจ้าเภาจะมีใบหน้าที่งดงามจนข้าอิจฉา แต่นิสัยหยาบคายและเย็นชาเช่นนั้นมีหรือจะมัดใจชายใดได้ เห็นทีบุรุษผู้นั้นจะตาบอดเสียเองที่มาหลงชอบเจ้าเภา" ทศรักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ติดเย่อหยิ่ง
นวรัตน์และละออหน้าชาเล็กน้อย ละออหันไปมองมนุษย์ที่ตนรับใช้อยู่อย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่มีหรือที่นวรัตน์จะอยู่ข้างนางในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
"นั่นสิ สาวใช้ของข้าเหตุใดวันนี้จึงได้เอ่ยมิงามกัน น้องเภาจะไปทำเรื่องสกปรกเช่นนั้นได้อย่างไร"
นวรัตน์มองละออด้วยหางตาทว่ายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน "ออกไปซะ เจ้าทำเสียบรรยากาศหมด ข้าจะคุยเล่นกับท่านพี่เบญจและน้องทศรักษ์ต่อ"
"ช เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ"
ละออรีบเดินหนีออกไป ในใจกรุ่นโกรธยิ่งนักที่ยามนี้ตนทั้งเสียหน้าและยังโดนมนุษย์ชั้นต่ำด่าโดยมิสามารถทำอันใดได้เลย ละออเดินไปคิดไปเรื่อยๆ ด้วยความเจ็บใจก่อนจะสะดุ้งเมื่อเผชิญกับพญายักษ์ผู้มากอำนาจ
"มึงอย่าคิดว่ากูมิรู้ว่ามึงตั้งใจจะทำให้พี่น้องแตกคอกัน"
TBC