คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
— ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม —
Genre : Fantasy • Sci-fi • NanoPunk • Action • Coming of age • Adventure
เนื้อหานิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
⚠️ Content Warning ⚠️
การทดลองมนุษย์ , ค้ามนุษย์ , ลักพาตัว , การฆ่าคน , Toxic Relationship , จิตใจที่แตกสลาย
(ถ้ามีอีกมากกว่านี้จะมาอัพเดตนะคะ แต่โดยส่วนมากจะระบุหัวข้อใหญ่ๆในตอนนั้นอยู่แล้วนะคะ อ่านตรงนั้นควบคู่ไปได้ค่ะ)
#อัพเดทคำเตือน : Feb 28 2023
เรื่องย่อ
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม เด็กชายที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยเหตุฆาตกรรมยกครัว เขาจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างดี ทั้งเสียงและท่าทางที่แสนไร้เยื่อใยนั้นมันติดอยู่ในหัวเขาไปตลอดกาล ริช ไม่ยอมให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองลอยนวลแน่นอน เขาจะต้องตามหาแล้วมาล้างแค้นในสิ่งที่คนร้ายทำให้ได้
สวัสดีค่ะ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ พึ่งเขียนแนวออริจินัลครั้งแรกเลย แถมเป็นแฟนตาซีซะด้วย!?! ถ้าชอบก็คอมเม้นกดเลิฟเรื่องนี้ได้นะคะ ขออนุญาตฝากแท็ก #ตราบนานชั่วนิรันดร์ #CodeHaeven ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ช่องทางการติดตามทั้งหมด
“คุณรู้ไหมว่าตัวเองมาไปนอนอยู่ตรงนั้นได้ไง?”
คำถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มได้ถามเป็นภาษาอังกฤษกับชายหนุ่มเจ้าของผมสีดำ นัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมสีเขียวตาซ้ายและสีฟ้าตาขวาคนละข้าง ผิวพรรณผ่องขาวซีดพร้อมกับแผลตามตัวที่ยังสดใหม่แม้จะไม่เยอะแต่ก็ดูรู้ว่าเขาโดนทำร้ายมา และรูปลักษณ์หน้าตาที่โดดเด่นบ่งบอกถึงชาติกำเนิดที่ใครต่างอิจฉาของเขา นั่นก็คือ ‘อัลฟ่า’ ซึ่งมองยังไงก็เป็นอัลฟ่าและเป็นคนต่างชาติด้วย แต่เจ้าตัวนั้นยังมองตาเจ้าหน้าที่ด้วยแววตาที่นิ่งไร้อารมณ์ใดๆ
“พูดภาษาไทยได้ครับ ผมพูดภาษานี้ได้”
การออกเสียงคำที่ชัดเจนทั้งสระและการเน้นน้ำหนักในคำพูด การใช้ภาษานี้ถ้าไม่เห็นหน้าก็นึกว่าเป็นคนไทยแท้ๆเลยก็ว่าได้ สำหรับเจ้าหน้าที่แล้วมันสะดวกมากๆที่อัลฟ่าหนุ่มต่างชาติคนนี้พูดภาษาไทยได้
“อา..เหรอครับ คุณรู้ไหมว่าตัวเองมาไปนอนอยู่ตรงนั้นได้ไง ”
“จำไม่ได้แล้ว”
“ใครทำร้ายคุณเหรอครับ พวกติดยาแถวนี้ไหม?”
“ถ้าจำไม่ผิดที่ผมนอนสลบไม่มีคนพวกนี้ครับ”
อัลฟ่าหนุ่มตอบ เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็แปลกใจที่เจ้าตัวพูดออกมาเหมือนรู้ว่าตรงที่เขาสลบจะไม่มีคนพวกนั้น ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
“ถึงไม่มีแต่เราต้องถามเพื่อความปลอดภัยในอนาคตครับ สรุปคือไม่มีใช่ไหม?”
“ครับผม”
“แล้วที่พักล่ะครับ จำได้ไหมพวกเราจะไปส่งคุณครับ”
“ที่พัก…บ้านเหรอ”
ชายหนุ่มนึกคำตอบก่อนที่ถอนหายใจเบาๆแล้วมองเจ้าหน้าที่อีกครั้งด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์เช่นเคย
“จำไม่ได้แล้วล่ะ”
“จริงเหรอ? ไม่มีที่พักเลยหรือครับ?”
“ครับ”
รู้สึกได้ถึงเกินเยียวยามาก เพราะอีกฝ่ายท่าทางคงโดนทำร้ายร่างกายมาเยอะมากจากที่เห็นตามที่ต่างๆ รู้ได้เลยว่าอัลฟ่าต่างชาติคนนี้เขามีกำแพงที่หนาพอตัว ดังนั้นต้องช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดเพื่อภาพลักษณ์ของประเทศและชื่อเสียง
“รู้ไหมครับ พวกเราที่ได้ไปเจอคุณนั้น สภาพคุณนอนเหมือนรอความตายเลยครับ อาจจะก้าวก่ายไปพอสมควรแต่พวกเราไม่สามารถนิ่งดูดายได้เลยครับที่จะให้คนๆหนึ่งเป็นอะไรไปโดยที่เราไม่ได้ทำอะไร”
เจ้าหน้าที่ที่นั่งตรงข้ามชายหนุ่มอัลฟ่าพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและจริงใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไร้การตอบสนองยินดียินชอบให้จากชายหนุ่มต่างชาติคนนี้
“ตอนนี้ผมขอทราบอีกอย่างให้แน่ใจ คุณได้ทำพาสปอร์ตหายไหมครับ เราจะได้ให้สถานทูตประเทศนั้นๆช่วย แล้วคุณมาจากประเทศไหนครับ?”
เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ยืนอยู่อีกคนได้ถามเพราะเขามีแผลตามตัวแม้เสื้อผ้าที่ใส่จะเป็นเสื้อแขนยาวคอเต่าสีดำและมีเสื้อนอกสีน้ำเงินเข้มดูเลอะดินมีรอยขาดบางจุดแถมไม่มีข้าวของอะไรเลย ดูยังไงก็ถูกปล้นแล้วโดนทำร้ายแน่นอนจากที่เห็นแผลตามใบหน้าและร่างกายของเขา
“พาสปอร์ตเหรอ…ไม่มีครับ”
“แล้วเข้าของคุณถูกขโมยมีอะไรบ้างครับ”
“ไม่มีครับ”
“ถ้าไม่มีแล้วคุณนอนตรงนั้นทำไมครับ”
“ผมแค่เหนื่อยน่ะเลยนอนไปเฉยๆ”
“ข้างถนนเนี่ยนะ?”
“ใช่”
คำพูดคำจาหน้าตายอีกรอบ ไร้สีหน้าแววตาที่ว่างเปล่าของหนุ่มอัลฟ่าคนนี้ ดูก็รู้ว่าเขาไม่ให้ความร่วมมืออะไรเพราะไม่เชื่อใจในฝีมือของหน่วยรักษาความปลอดภัยประเทศไทยแน่นอน ถึงอย่างนั้นถ้าเกิดอะไรเข้าตาจน หน่วยงานปกป้องจากภัยร้ายก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“ผมเข้าใจนะครับ..คุณกำลังกลัว เพราะนี่มันก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของคุณ แต่โปรดไว้ใจ”
“ไม่มีของแบบนั้น…อะไรทั้งนั้นครับ”
ชายหนุ่มพูดเสียงชัดแทรกและน้ำเสียงที่เปร่งนั้นมันช่างไร้อารมณ์อีกครั้ง แต่รอบนี้มีอารมณ์ที่กดดันจากชาติกำเนิดอัลฟ่าแทรกเข้ามาด้วย เจ้าหน้าที่สองคนแอบหัวเสียเล็กน้อยคิดว่าจะทำผลงานสักหน่อย เขาถอนหายใจแล้วมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูผลักไสและเหมือนไม่ให้ความร่วมมืออะไรให้
“คุณกำลังทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากนะครับ แล้วคุณเป็นผู้เสียหายดูจากแผลตามตัว คุณถูกทำร้ายมา เจ้าหน้าที่รบกวนขอให้คุณแจ้งรายละเอียดมาเลยครับ”
เขามองตาไปที่สีเฮเซลนัทสวยของอีกฝ่าย ถึงจะอยากสร้างผลงานยังไงแต่การช่วยเหลือนั้นก็สำคัญเหมือนกัน
“ไม่ต้องกังวลไปนะครับ พวกเราพร้อมช่วยเหลือคุณ ขอแค่คุณบอกว่าเกิดอะไรขึ้น…”
“ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม ชื่อนี้ผมเกือบลืมมันไปแล้ว”
“อาร์เจนตัม? คุณเป็นลูกครึ่งเหรอครับ?”
“ใช่ครับ ไทย-อิตาเลี่ยน”
“นามสกุลนี้ผมรู้จักนะครับ เมื่อ20ปีก่อนเขาทำงานเป็นดิสแมนเทิล (dismantle) หรือหน่วยรื้อถอนซาก เขาชื่อ…” เจ้าหน้าที่หนุ่มที่นั่งกำลังนึกชื่อเขา
“ฟลิกก์ อาร์เจนตัม”
ริชพูดแทรกชื่อเขาทันทีแต่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยรวมไปถึงแววตาทั้งสอง แม้จะเป็นแบบนั้นแต่น้ำเสียงเขาดูผ่อนคลาย เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ยืนอยู่ก็ขอสลับตัวกันมานั่งสอบถามแทนคนเมื่อกี้พร้อมกับหยิบสมุดปากกาและที่อัดเสียงขึ้นมาทันที
“ชื่อนี้เป็นชื่อของเจ้าหน้าที่มากฝืมือ เขาเป็นคนที่แปลกแต่ก็แข็งแกร่งคอยจัดการพวกเออเนเบิล (Enable) นอกเขตกั้นชายแดนไปมากแต่นั่นเป็นแค่อดีต…”
“...”
ปฏิกิริยาของริช อัลฟ่าหนุ่มดูเปลี่ยนไปหลังจากที่พูดถึงฟลิกก์ อาร์เจนตัมนั่นเอง เจ้าหน้าที่เห็นภาพรวมแล้วต้องได้สอบถามแน่นอน เขายิ้มบางและมองตาสองสีเฮเซลนัทฟ้าเขียวคนละข้าง
“ตอนนี้คุณพร้อมที่จะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วใช่ไหมครับ?”
เขาถามหนักแน่นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจให้กับริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
“ถ้าจะให้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเล่ายาวเลยล่ะ คุณพอมีเวลาฟังผมไหม?”
“ได้สิครับ หน้าที่ของพวกเขาคือช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว”
สีหน้าของริช เจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวได้ระบายยิ้มออกมา บรรยากาศในที่นี่ดูจรรโลงใจไร้ความกดดันทันทีซึ่งต่างจากตอนแรกเป็นอย่างมาก
“ในประเทศไทยมีคดีโดนพวกปีศาจเออเนเบิ้ล (Enable) ได้ยกรังมาฆ่ากินทั้งหมู่บ้านเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และคนที่รอดจากเหตุการณ์นั้นมีแค่คนเดียวคือ ลูกชายของฟลิกก์ อาร์เจนตัมที่ทำงานหน่วยดิสแมนเทิล (dismantle)”
“เด็กคนนั้นในช่วงเวลานั้นได้ตกเป็นจำเลยของสังคมเพราะเขารอดอยู่คนเดียว เลยมีการกล่าวถึงว่าผู้เป็นพ่อได้ปกป้องลูกตัวเองคนเดียวไว้และไม่ช่วยเหลือคนอื่น….” เจ้าหน้าที่หนุ่มที่นั่งอยู่พูดเสริม
“ครับ หลังจากนั้นเขาได้หายตัวไปหลังจากที่รักษาสภาพจิตใจที่ใครๆต่างก็บอกเด็กคนนั้นกลายเป็นคนวิกลจริต”
“หายตัวไปเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ขมวดคิ้วเขาพอจำคดีนี้ได้ เหตุการณ์นั้นได้สร้างสะเทือนขวัญไปทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยและที่อยู่อาศัย จนประชาชนตั้งคำถามให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าจะทำยังไงกับเรื่องราวนี้
“คดีนี้เรียกว่าหมู่บ้านโลหิตคลั่งซากเกลื่อน ที่ให้ชื่อนี้เพราะหมู่บ้านเต็มไปด้วยเลือดและศพมากมายก่ายกองตามหมู่บ้าน”
ริชพูดต่อแต่เจ้าหน้าที่หนุ่มยืนนั้นกำลังคิดว่าอัลฟ่าหนุ่มคนนี้คงไปเรื่อยมากกว่าให้ความร่วมมือ เพราะดูยังไงก็ไม่น่าเกี่ยวกับเขาแน่นอน
“เออ คุณครับ…ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่คุณประสบ—”
เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ยืนอยู่แสดงออกถึงความเหนื่อยใจที่เขาเล่าอย่างอื่นแต่อีกคนที่นั่งก็ยกมือห้ามปาง เป็นการบอกว่าให้เขาหยุด แล้วให้เจ้าของตาเฮเซลนัทสองสีได้เล่าไป
“คุณอย่าบอกนะว่าเด็กคนนั้นคือคุณ?”
“ฟลิกก์ อาร์เจนตัมและวิไลลักษณ์ อาร์เจนตัมกับลูกชาย 1คน ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม…” ริชเว้นระยะเสียง “และหมู่บ้านแถวสุขาภิบาล5 เด็กชายที่รอดคนเดียว…คนนั้นคือผมเอง”
“แต่เมื่อ 20ปีก่อนในข่าวบอกว่าลูกชายหายตัวไปนี่ครับ…”
ให้พูดตรงๆเขาไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงละก็ข่าวที่ถูกรื้อทิ้งไปไร้การต่อสู้จนหมดอายุความเพราะลูกชายที่เป็นหลักฐานคนสำคัญได้หายตัวไป ถ้าเกิดเป็นอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าจริงล่ะก็สมการทั้งหมดจะคลี่คลายว่า เหตุการณ์นั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซึ่งเมื่อ 20ปีก่อนได้มีเหล่าปีศาจเออเนเบิ้ล (Enable) ที่ยกทั้งรังมาบุกฆ่ายกหมู่บ้านแถวสุขาภิบาล5 กลายเป็นทะเลเลือดและกองซากศพตาย อีกทั้งยังไล่ฆ่าทุกคนในหมู่บ้านโดยที่แห่งนั้นห่างไกลจากตัวรังยักษ์เออเนเบิ้ล สร้างแรงสะเถือนขวัญผวาให้คนทั้งประเทศในช่วงเวลานั้น ทุกคนตายหมดยกเว้นลูกชายวัย 4ขวบของฟลิกก์ อาร์เจนตัม ที่สภาพจิตใจราวกับเป็นคนวิกลจริตอย่างสัมบูรณ์ ที่ไม่สามารถให้สอบปากคำอะไรได้เลย
ในเหตุการณ์สยองนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ทำการสืบสวนรวมไปถึงตามหาร่องรอยว่า ‘ทำไมสถานที่ห่างไกลรังเออเนเบิ้ลถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้’ อีกทั้งเด็กชายผู้เหลือรอดคนเดียวได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน ในตอนนั้นได้คาดเดาไปต่างๆนาๆว่า อาจจะตายไปแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลปิดข่าว
จนมีชื่อคดีขึ้นหน้าหลักทุกแพลตฟอร์มออนไลน์และทั่วโลกในชื่อว่า หมู่บ้านโลหิตคลั่งซากเกลือน
“มันอาจจะยาวไปสักหน่อย….”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเฮเซลนัทมองเจ้าหน้าที่และปล่อยหลังพิงเบาะด้วยท่าทีสงบบรรยากาศรอบด้านผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้งเหมือนเขาเป็นคนควบคุมทุกอย่างและรังสรรให้ทุกอย่างรอบด้านสงบตามใจนึก เจ้าหน้าที่หนุ่มทั้งสองเข้าใจทันทีว่าพวกเผ่าพันธ์ุพิเศษมันต่างจากคนอื่นยังไง
"เพราะว่าในเหตุการณ์จริง มันเออเนเบิ้ลไม่ได้มาเอง..แต่ถูกเรียกมาโดยใครคนหนึ่งต่างหาก”