คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม

Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์ - ตอนที่ 2 เด็กชายประหลาด (1) โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย

รายละเอียด

คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ

คู่โชคชะตาของฉัน
คือคนที่ฆ่าครอบครัวของฉัน 

— ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม —



Genre : Fantasy • Sci-fi • NanoPunk • Action • Coming of age • Adventure




เนื้อหานิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 


⚠️ Content Warning ⚠️


การทดลองมนุษย์ , ค้ามนุษย์ , ลักพาตัว , การฆ่าคน , Toxic Relationship , จิตใจที่แตกสลาย


(ถ้ามีอีกมากกว่านี้จะมาอัพเดตนะคะ แต่โดยส่วนมากจะระบุหัวข้อใหญ่ๆในตอนนั้นอยู่แล้วนะคะ อ่านตรงนั้นควบคู่ไปได้ค่ะ)


#อัพเดทคำเตือน : Feb 28 2023




เรื่องย่อ


ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม เด็กชายที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยเหตุฆาตกรรมยกครัว เขาจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างดี ทั้งเสียงและท่าทางที่แสนไร้เยื่อใยนั้นมันติดอยู่ในหัวเขาไปตลอดกาล ริช ไม่ยอมให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองลอยนวลแน่นอน เขาจะต้องตามหาแล้วมาล้างแค้นในสิ่งที่คนร้ายทำให้ได้




สวัสดีค่ะ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ พึ่งเขียนแนวออริจินัลครั้งแรกเลย แถมเป็นแฟนตาซีซะด้วย!?! ถ้าชอบก็คอมเม้นกดเลิฟเรื่องนี้ได้นะคะ ขออนุญาตฝากแท็ก #ตราบนานชั่วนิรันดร์ #CodeHaeven ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ



ช่องทางการติดตามทั้งหมด

AllMyLink


สารบัญ

Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์-ตอนที่ 1 20ปีก่อน,Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์-ตอนที่ 2 เด็กชายประหลาด (1),Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์-ตอนที่ 2 เด็กชายประหลาด (2),Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์-ตอนที่ 3 : ดิสแมนเทิล (1),Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์-ตอนที่ 3 : ดิสแมนเทิล (2)

เนื้อหา

ตอนที่ 2 เด็กชายประหลาด (1)

ตอนที่2 : เด็กชายประหลาด (1)


วันที่ 16 มกราคม ในปีพุทธศักราช 3562 หรือ คริสต์ศักราช 3019 

ณ ประเทศไทย จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตสุขาภิบาล5 หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่บ้านหลังเล็กๆและอยู่ในสุดของหมู่บ้านแห่งนี้ มีครอบครัวชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยได้อาศัยพร้อมกับลูกชายตัวน้อยหนึ่งคนในวัย 4ขวบ

หลายคนในระแวดใกล้เคียงมักจะชอบเรียกลูกชายของบ้านหลังนี้ว่า ‘เจ้าหนูตาสวย’ เพราะลูกชายของบ้านหลังนี้เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี ที่มีนัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวข้างซ้ายและสีเฮเซลนัทแกมฟ้าข้างขวาคนละข้างได้อย่างเด่นชัด แม้จะอยู่ในที่แสงปกติก็ยังสามารถเห็นสีของดวงตาได้อย่างชัดเจน ผิดพ่อผิดแม่ไปเยอะมากแต่เด็กชายคนนี้เป็นลูกของพวกเขาจริงๆ มีสิ่งเดียวที่เหมือนพ่อแม่คือผมสีดำสนิทแวววับสวยดั่งหินเฮมาไทด์ แต่ก็พิเศษกว่าพ่อแม่เขาเช่นเดียวกัน

และเด็กคนนี้เป็น อัลฟ่า

ยิ่งทำให้เขาโดดเด่นและเป็นที่พูดถึงทุกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าริช ภวินท์ อาร์เจนตัมเป็นอัลฟ่าเลย เพราะว่าลูกบ้านนี้ไม่ยอมออกมาไปเที่ยวข้างนอกหรือแม้แต่จะมาเล่นหน้าบ้าน ทุกคนจึงเข้าใจว่าเขานั้นอาจจะมีปัญหาสุขภาพ คงไม่พ้นการที่ใครๆก็มองว่าเป็นโอเมก้าเสียมากกว่า

ทั้งหมดเกี่ยวกับเจ้าหนูตาสวยคนนี้ เป็นเพียงการโดนเจอแค่ครั้งเดียวของคนที่เดินผ่านเท่านั้น

“ริช หนูดูอะไรอยู่เหรอ?”

วิไลลักษณ์ อาร์เจนตัม เจ้าของเรือนผมสีดำยาวมัดหางม้าผู้เป็นมารดาของเด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวสวยคนนี้

“ผมกำลังดูการ์ตูนอยู่”

“งั้นเหรอ ถ้าหนูว่างมาช่วยแม่หยิบขนมที่พ่อซื้อมาให้ในครัวหน่อยสิลูก”

“ได้ครับ”

ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม ลูกครึ่งไทย-อิตาลีที่เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ แม้เขาจะเกิดมามีลักษณะเด่นคือสีตาที่ไม่เหมือนใครเลยทั้งพ่อและแม่ แต่นั่นไม่เคยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอะไร เพียงแค่เขาไม่เหมือนคนอื่นและไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองนัก

'อยากไปเล่นบอลจัง’

นี่คือความต้องการเด็กน้อยที่ไม่สามารถเอ่ยขอกับพ่อแม่เขาได้ ส่วนสาเหตุที่ทำไม่ได้นั้นตัวริชเองก็ไม่เข้าใจรู้แค่ว่า ริชเป็นเด็กไม่เหมือนคนอื่นกลัวจะถูกรังแก เขาได้ยินแบบนี้เสมอ

“อยู่ไหนนะ ใช่อันนี้รึเปล่า?”

และเขาเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและชอบกินขนมเป็นของโปรดเป็นที่สุดเลย ยิ่งแม่ของเขาให้ไปเอาขนมแบบนี้แล้ว ริชจะดีดตัวเองอย่างไวเลยในเรื่องพวกนี้ ขนมที่วางอยู่บนชั้นของเคาน์เตอร์ครัวถึงส่วนสูงนั้นจะไม่มากสำหรับเด็ก

แต่เด็กชายวัย4ขวบ ที่มีดวงตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวฟ้าคนละข้างได้มองไปยังขนมนั้นแล้วตาของเขาได้ส่องประกายวับ ขนมที่วางอยู่บนเคานต์เตอร์ไม่ไกลได้ลอยมาหาเขาจนถึงมืออย่างไร้รอยขีดข่วน

“ขนมคุ้กกี้ถ้วยแดงนี่น่า”

ของโปรดของเด็กน้อยคนนี้เลย ไม่รอช้าเขาก็ไปหาแม่เขาที่วางจานบนโต๊ะเรียบร้อย นัยน์ตาของริชได้ส่องประกายอีกครั้งแล้วฝาขนมแดงได้เปิดออกเอง ขนมคุ้กกี้ได้ลอยออกมาเรียงวางจานบนโต๊ะ วิไลลักษณ์ถึงกับถอนหายใจให้กับลูกชายของเธอที่ใช้พลังวิเศษตามใจ

“ริช แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้พลังมั่วซั่ว หากไม่จำเป็น”

“ขอโทษครับ ผมแค่อยากให้มันวางสวยๆน่ะ”

“ลูกอย่าลืม ลูกไม่เหมือนคนอื่นหากใครมาเห็นเขาจะทำร้ายลูกได้”

“ครับแม่ ผมขอโทษครับ”

เด็กชายไม่อยากให้แม่เสียใจ เขารีบขอโทษทันทีแล้วมือเล็กๆก็หยิบขนมคุ้กกี้เข้าปากแล้วกินคำเล็กๆ อย่างน้อยการกินขนมก็เป็นช่วงเวลาที่ริชมีความสุขกับการอยู่บ้านเฉยๆ เขาเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากนับว่าเป็นข้อดีของเด็กน้อยคนนี้

ด้วยความที่พ่อแม่ของเขามักจะทำให้เขาไม่มีอะไรขาดแม้แต่นิดเดียว เลยมีของเล่นเต็มบ้านแล้วก็หนังสือนิทานมากมาย

แต่ห้ามออกไปข้างนอก.. 

นี่คือคำเด็ดขาดที่พ่อแม่ให้เขาไว้ ซึ่งเด็กชายริช ภวินท์ อาร์เจนตัมนั้นเชื่อฟังเป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่ทำตามแล้วล่ะก็ เขาจะถูกขังในห้องเก็บของใต้บันไดแทน มันทำให้เด็กน้อยกลัวมากๆถ้าหากมันเกิดขึ้นอีก ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของวิไลลักษณ์ดังขึ้นเจ้าตัวรับสายแนบหูทันที

“ค่ะ ของมาส่งเหรอคะ”

ระหว่างที่แม่คุยกับคนส่งของ เด็กชายตัวน้อยก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาอยู่แล้วหยิบรีโมตเปิดTV แล้วเลือกการ์ตูนที่อยากดูเหมือนเคย

“ริช ไปข้างในนะลูกเดี๋ยวพี่ขนส่งเขาจะมาแล้ว”

“ตอนนี้เลยเหรอครับ?”

ริชทำหน้าเสียดายเพราะเขาอยากดูการ์ตูนมากกว่า

“ใช่ ไปข้างในนะ ในนั้นมีของเล่นเยอะมากๆลูกเล่นได้ตามใจเลย”

“ผมเล่นหมดแล้วครับ มีของใหม่ไหม?”

“ไม่มี ไว้วันหลังแม่จะซื้อเพิ่มให้นะ ไปได้แล้ว”

แม่ของเขากระดิกนิัว แล้วตัวเด็กชายก็ลอยไปที่ห้องข้างในที่มีแต่ของเล่นและเต็นท์เด็กที่ไปนอนเล่นได้ วิไลลักษณ์ก็เป็นคนที่มีพลังวิเศษเช่นเดียวกัน

พลังที่ริชเห็นส่วนมากจะเป็นทำให้เสียงเงียบหรือไม่ก็เลือกสิ่งของให้ลอยได้ตามใจ ซึ่งริชคิดว่าการที่เขาทำให้ของลอยได้อย่างใจนึกคงเป็นเพราะได้พลังแม่มาถึงเขา

“จะเล่นอะไรดี…”

ริชได้ลอยลงพื้นอย่างปลอดภัยพร้อมกับประตูที่ปิดให้สนิท และได้ล็อกจากด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย

“วันนี้ก็ล็อคงั้นเหรอ จะได้ออกไปตอนไหนนะ?”

เพราะว่าการที่เด็กชายอยู่ในห้องนี้ คือต้องเล่นของเล่นที่มันเดิมๆซ้ำๆด้วยตัวคนเดียวโดยที่พ่อเขาจะกลับมา หรือไม่ก็เขาหลับไปนั่นเอง

แต่เพราะห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง เสียงรบกวนไม่มี ริช ภวินท์ อาร์เจนตัมจะได้เจอเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงที่ตัวสูงกว่าเขา มีผมสีดำยาวถึงกลางหลังและไม่เห็นใบหน้าของเธอเลย และยังสวมชุดนอนสีขาวกระโปรงยาวเลยเข่า บรรยากาศรอบตัวเธอก็เย็นมากๆ

“พี่นาตาชา วันนี้รอผมมาที่นี่เหรอ?”

ริช วิ่งไปหาเธอที่ยืนอยู่มุมห้องคนเดียว บรรยากาศยังคงเหมือนเดิมเลยสำหรับเขา เงียบเหงาและเศร้าโศก

“วันนี้พี่ขนส่งจะมา แม่ให้ฉันมาอยู่ห้องนี้น่ะ ของเล่นก็เล่นหมดแล้ว น่าเบื่อ…”

“...”

“พี่นาตาชา เราจะเล่นอะไรกันดี?”

“...”

“พี่นาตาชาครับ…เราเล่นต่อจิ๊กซอว์ด้วยกันไหม”

ท่าทางเธอนิ่งเงียบใส่ ปกติแล้วเธอจะตอบบ้างแต่นี่ไม่เลย ริชที่เป็นห่วงพี่สาวตรงหน้าก็ได้เข้าไปหาเธอที่นั่งเงียบๆ เด็กชายก็สวมกอดนาตาชาพร้อมกับมองเธอที่แม้ผมจะยาวปิดหน้าและตัวเธอเย็นชืดก็ตาม

“ไม่สบายเหรอวันนี้?”

“...”

“บอกผมได้นะ เผื่อขอแม่ให้เอายามาให้ได้”

ริชเป็นห่วงนาตาชา แต่เขาก็หยิบดินสอสีและสมุดภาพมาวางกางตรงหน้า มือน้อยๆก็จับปลายแขนเสื้อนาตาชาซึ่งเธอก็หันมาอย่างช้าๆ

“วาดรูปกันเถอะนะ”

“...”

“เมื่อคืนริชฝันแปลกๆด้วยล่ะฝันว่าตัวเองเห็นท้องฟ้าสีส้มแบบนี้เลย และมีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางเหมือนเขากำลังร้องไห้เลย ทะเลก็เป็นสีส้ม อ๋อท้องฟ้ามันเป็นกลางคืนแต่ก็มีสีส้มด้วย”

ริชอธิบายภาพและวาดไปพร้อมกัน ซึ่งภาพก็เป็นเพียงแค่ลายเส้นขีดเขียนของเด็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวที่เห็นภาพนั้นเอามือมาลูบหัวเด็กชายตัวน้อยของเขาอย่างเอ็นดู

“ไป..ข..ข้างนอก..กัน”

นาตาชาได้พูดขึ้นมาสั้นๆ หญิงสาวในชุดนอนสีขาวนั้นได้ลุกขึ้นเต็มส่วนสูง แล้วยกแขนขาวซีดขึ้นมาประตูนั้นก็เปิดออกมาเอง เด็กชายที่เห็นผลลัพธ์ก็ตกใจไม่น้อยเขาตาค้างเหวอเมื่อเห็นแบบนี้

ที่สำคัญคือประตูมันล็อคจากด้านนอก

ถึงอย่างไรถ้าเกิดแม่มาเห็น คงโดนดุหนักแน่ๆแล้วเขาก็นึกถึงตัวเองที่อยู่ในที่มืดๆจากการถูกลงโทษที่จะตามมาทีหลัง

“พี่นาตาชา ทำไม–”

“ข้างนอก..รอเรา…อยู่”

“รอเราเหรอ?”

เท้าน้อยๆได้เดินออกไปด้วยเสียงที่เบาที่สุดพร้อมกับปิดประตูล็อคไว้ด้วย เขาเดินเลยมาห้องโถงทางเดินระหว่างบันไดก็เห็นแม่ของเขาที่อยู่ชั้นพักเท้าและคุยโทรศัพท์คนเดียว ริชหยุดเดินและซ่อนตัว นาทีนี้หัวใจเขาเต้นไม่หยุดเลย

ไม่เข้าใจเลยทำไมเขาต้องซ่อนตัวจากแม่ตัวเองด้วย

ริชได้แต่สงสัยในสิ่งที่ตัวเองทำแถมพี่นาตาชาคนนั้นก็ยืนตรงบันไดมองแม่ของเขาตรงชั้นพักเท้าโดยไม่กลัวถูกจับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“พี่นาตาชา…เดี๋ยวแม่ก็เห็นหรอก”

เด็กชายกระซิบเตือนพี่นาตาชาแต่เธอดูไม่สนใจเลย

“เธอ…”

“ครับ?” ริชเอียงคอ

“ไปแล้ว…เรา..ข้างนอก”

จากนั้นร่างกายหญิงสาวในชุดขาวก็จางหายไป แล้วไฟตรงทางเดินมันก็ติดๆดับๆ

“พี่นาตาชา…”

พอเห็นว่าร่างได้เรือนหายไป ซึ่งมันเป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว เขาพอจับใจความได้ว่าพี่สาวคนนี้เขาพูดอะไรออกมา เด็กชายได้เลิกซ่อนตัวและมองไปที่ชั้นพักบันไดที่ไม่เจอแม่ตัวเองแล้ว

‘ขึ้นไปแล้ว’

เมื่อรู้สึกมั่นใจเขาได้รีบไปหน้าบ้านแล้วเปิดประตูออกมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไปหลากหลายความรู้สึก เด็กชายริช ภวินท์ อาร์เจนตัมไม่เคยได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่ในบ้านมาตลอดแม้กระทั้งหน้าบ้านก็เช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้คือตอนย้ายเข้ามาที่นี่ใหม่ๆเท่านั้น

เท้าน้อยๆได้สัมผัสพื้นดินด้วยเท้าเปล่า สิ่งที่ต้อนรับเขาคือลมเย็นๆที่พัดโชยมาหาเด็กน้อย นัยน์ตาสองสีเฮเซลนัทฟ้าเขียวคนละข้างได้ประกายวาววับ ข้างนอกที่เขาอยากเห็นมานาน ทุกคำสั่งสอนและข้อห้ามที่พูดกรอกหูทุกวันนั้น

มันแทบหายไปหมดจนเหลือแต่ความอยากรู้อยากเห็นทั้งสิ้น

เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปจากพ้นประตูด้วยเท้าเปล่าที่สัมผัสพื้นดิน หัวใจเขาก็เต้นรัวเป็นอย่างมาก เขาจะได้เห็นโลกภายนอกก็ต่อเมื่อผ่านประตูบานนี้เท่านั้น จังหวะที่ก้าวเท้าออกไปเรื่อยๆเสียงหัวใจก็ไม่ลดละ ทุกสิ่งรอบตัวริช ภวินท์ อาร์เจนตัมไม่สามารถห้ามให้เขาหยุดความอยากรู้อยากเห็นได้เลย

ทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมาริชจะเห็นโลกภายนอกผ่านกระจกทั้งนั้น แม้ตอนย้ายบ้านริชก็ไม่ได้เห็นโลกภายนอกอะไรรู้อีกทีคือเขาก็มาอยู่ที่ใหม่โดยที่ตัวเองนั้นโดนปิดตาหรือไม่ก็…ให้ทานอะไรบางอย่างที่เด็กชายตัวน้อยนอนนานกว่าปกติ

แต่ตอนนี้ตัวเด็กน้อยได้มาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว มือเล็กๆเปิดประตูเลื่อนพลางหัวใจที่เต้นไปพร้อมกัน สิ่งแรกที่เขาได้รับคือสายลมพัดผ่านเข้ามาจนผมสีดำขลับเงาสวยดั่งหินเฮมาไทด์ได้สั่นไหวไปตามลม

ไม่เหมือนลมในบ้านที่มาจากพัดลม

มันมีกลิ่นบางอย่างที่เด็กชายน้อยคนนี้ไม่เข้าใจ

ทั้งอบอุ่นและหอมอย่างน่าอัศจรรย์

ริชชอบมันโดยไม่ต้องหาเหตุผล

ความรู้สึกนี้มันได้สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เจ้าของนัยน์ตาเฮเซลนัทสองสีฟ้าและเขียวได้ประกายแวววับ มันแปลกมากสำหรับเด็กชายจนเท้าน้อยๆได้เดินออกไป พื้นซีเมนต์ที่เขาไม่เคยได้เหยียบ ณ ตอนนี้มันสัมผัสมาที่เนื้อเท้าเปล่าเต็มๆ เขากลั้นรอยยิ้มชอบใจนี้ไม่อยู่ 

“พื้นอะไร แปลกจัง…”

ริชไม่รู้จักเลยพื้นที่เขาเหยียบช่างต่างในบ้าน เด็กชายมองไปรอบๆก็เจอรั้วประตูที่เหมือนนิทานที่เขาเคยอ่านว่ามันมีไว้กันขโมย แต่นั่นก็เป็นทางเดียวที่เขาจะได้เจออะไรที่ตื่นเต้นมากกว่านี้ ไม่รอช้าเด็กชายไปตรงนั้นและริชก็ได้ใช้พลังตัวเองที่ดวงตาสองสีจะส่องประกายแวววับจากนั้นมันก็ให้เขาลอยเหนือพื้นข้ามพ้นรั้วออกไปได้

“พื้นตรงนี้ก็แปลก”

เด็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้นแต่มันก็ร้อนเท้าขึ้นมาเสียอย่างน้ัน ริชตกใจจนใช้พลังอีกครั้งแล้วตาสองสีของเขาก็ประกายทำให้เท้าตัวเองเย็นพอที่จะสามารถไม่ร้อนได้

“ดีขึ้นแล้ว…”

ริชยิ้มกับผลลัพธ์นี้ และเขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มฟ้าครึ้มฝนจนมีแสงสว่างได้มาสาดส่องมาที่ตัวเด็กน้อยจนเขาหลับตาแน่นด้วยเหตุว่าเขาแสบตา ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างจากที่อึมครึ้มมันก็ได้สว่างให้เห็น เด็กชายคนนี้จำได้จากนิทานสมุดภาพว่าสิ่งนี้คือ…

“แสงแดด แสงอาทิตย์ มันเป็นแบบนี้เองเหรอ”

พอเห็นแสงส่องสว่างแล้วเด็กชายตัวน้อยวิ่งไปตามแสงนั้นโดยเอามือคว้าสูงไปเพื่อที่จะได้ไปจับมันด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นแต่มันก็ร้อนและแสบตาจนริชหลับตาอีกครั้ง เด็กชายตัวน้อยหยุดวิ่งแล้วให้ดวงตาปรับการมอง

“ตื่นเต้นจัง ว่าแต่…ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”

ริชมองไปรอบๆก็เจอแต่บ้านรูปร่างทรงคล้ายๆกันเต็มไปหมด เด็กชายน้อยเริ่มใจหล่นมาหน่อยหนึ่งเพราะรอบด้านเหมือนกันไปหมด ทว่าสายลมก็ได้พัดแรงให้เขารู้สึกสดชื่นอีกครั้งและเหมือนมีบางอย่างที่เด็กน้อยสัมผัสได้ คือสายลมที่พัดบอกทางให้กับริช

“คุณสายลมจะพาผมไปไหนเหรอ?”

เขาถามอย่างตื่นเต้นและสายลมก็พัดทิศทางให้อย่างที่ถามจริงๆ ริชไม่รอช้าก็เดินตามสายลมที่โหมพัดมา โดยนั้นไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหนถึงอย่างนั้นเขาก็อยากออกไป อยากตามหาบางสิ่งที่เด็กน้อยนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน


To be continued

เปิดมาเป็นเรื่องราวของพระเอก นี่คือจุดเริ่มต้นทั้งหมดนะคะ เรามารอดูคุณริชเติบโตไปด้วยกันนะคะ