คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Code Heavn; ตราบนานชั่วนิรันดร์คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
— ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม —
Genre : Fantasy • Sci-fi • NanoPunk • Action • Coming of age • Adventure
เนื้อหานิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
⚠️ Content Warning ⚠️
การทดลองมนุษย์ , ค้ามนุษย์ , ลักพาตัว , การฆ่าคน , Toxic Relationship , จิตใจที่แตกสลาย
(ถ้ามีอีกมากกว่านี้จะมาอัพเดตนะคะ แต่โดยส่วนมากจะระบุหัวข้อใหญ่ๆในตอนนั้นอยู่แล้วนะคะ อ่านตรงนั้นควบคู่ไปได้ค่ะ)
#อัพเดทคำเตือน : Feb 28 2023
เรื่องย่อ
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม เด็กชายที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยเหตุฆาตกรรมยกครัว เขาจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างดี ทั้งเสียงและท่าทางที่แสนไร้เยื่อใยนั้นมันติดอยู่ในหัวเขาไปตลอดกาล ริช ไม่ยอมให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองลอยนวลแน่นอน เขาจะต้องตามหาแล้วมาล้างแค้นในสิ่งที่คนร้ายทำให้ได้
สวัสดีค่ะ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ พึ่งเขียนแนวออริจินัลครั้งแรกเลย แถมเป็นแฟนตาซีซะด้วย!?! ถ้าชอบก็คอมเม้นกดเลิฟเรื่องนี้ได้นะคะ ขออนุญาตฝากแท็ก #ตราบนานชั่วนิรันดร์ #CodeHaeven ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ช่องทางการติดตามทั้งหมด
การเล่นซ่อนแอบ เป็นสิ่งที่เด็กชายวัย4 ขวบอย่างริช ภวินท์ อาร์เจนตัมได้เห็นผ่านหนังสือมาหลายเล่ม เขาได้ค้นพบเรื่องน่าสนใจและอยากทำมานานคือ
การตามหาคนที่ซ่อนอยู่
ริชเป็นเด็กที่หาของเจอเก่งมาก ทุกครั้งที่พ่อแม่เขาลืมของไว้ที่ไหน เด็กคนนี้จะเจอมันตลอดเพียงแค่เอ่ยถามหรือบอกว่าสิ่งของเหล่านั้นเป็นแบบไหน ริช ภวินท์ อาร์เจนตัมก็จะสามารถหามันเจอได้ราวกับว่ามันไม่เคยซ่อนเลยถ้าเกิดเด็กชายคนนี้คิดจะตามหา แต่การละเล่นแบบเด็กๆที่เขาจะเจอผ่านหนังสือนิทานในบ่อยครั้งนั้น
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัมไม่เคยสัมผัสมันเลยสักครั้ง…ว่าการเล่นซ่อนหากับคนมันเป็นยังไง
“นับถอยหลังจบแล้วนะ ฉันจะตามหาแล้วนะทุกคน”
ริชได้เอามือลงแล้วมองไปยังสนามเด็กเล่นที่ตอนนี้เด็กทุกคนไปซ่อนตัวกัน และท้องฟ้าก็เย็นจนมีแสงสีส้มสวยกระทบกับเครื่องเล่น ความสวยงามของธรรมชาติที่เด็กชายอัลฟ่าเจ้าของดวงตาเฮเซลนัทสองสีเขียวฟ้าคนละข้างมองแล้ว เหมือนทุกอย่างอยู่ในหนังสือภาพที่พ่อแม่เขาซื้อมาให้อ่านตลอด รวมไปถึงความฝันที่เขาไม่อาจลืมไปได้เช่นกัน….
“แสงสีส้ม พระอาทิตย์ตกดิน…”
เป็นเรื่องที่เด็กชายคนนี้พบเห็นด้วยตาตัวเองและสัมผัสมันเป็นครั้งแรก เพราะเขาจะต้องนอนก่อนนาฬิกาเข็มสั้นชี้เลข5 ก่อนท้องฟ้าจะปิดแล้วเท่านั้น
ความรู้สึกที่เปี่ยมแน่นในอกของเด็กตัวน้อยๆคนนี้ที่อยากสัมผัสอีก เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะได้พบเห็นอีกไหม เพราะฉะนั้นเกมซ่อนหานี้ เขาจะเล่นด้วยความรู้สึกสนุกที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในส่วนของเด็กที่ซ่อนตัวอยู่นั้นเขาก็อยู่ในจุดที่คาดว่าตัวเองน่าจะถูกจับยากที่สุด เจย์ เด็กชายอัลฟ่าที่ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นอัลฟ่าในหมู่บ้านนี้คนเดียวได้ซ่อนตัวในอุโมงค์สไลเดอร์ของเล่น เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ทำไมถึงต้องเล่นตามอีกฝ่าย
“ตาสองสีนั่น…ของจริงรึเปล่านะ?”
เจย์คิดแต่ก็ไม่อะไรเพราะว่าเด็กคนนั้นในสายตาเจย์ เขาน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก รวมไปถึงความรู้สึกที่เกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูกด้วยเช่นกัน ยิ่งตอนที่ริชขอให้พวกเขาทุกคนเล่นด้วยกันมันเหมือนถูกสั่งให้ทำตามโดยไม่สามารถขัดขืนได้ เจย์ไม่เข้าใจเลยในส่วนนี้
“เจย์ ซ่อนตรงนี้ด้วยคนสิ”
เสียงของเด็กหญิงดังขึ้นแล้วสไลด์อุโมงค์ลงมาใกล้กับเด็กชาย
“ขวัญเองเหรอ ตกใจหมดเลยนึกว่าโดนจับได้ซะแล้ว”
“ขอโทษนะ เขาคนนั้นเขาหาเพื่อนๆเจอหมดเลย”
“จริงเหรอ ริชหาเก่งจัง”
เจย์ยิ้มเบิกบานใจปลื้มทันทีเมื่อรู้ว่าริชหาเจอได้เกือบทุกคน ซึ่งขวัญที่เป็นเด็กหญิงโอเมก้าก็เอียงคอมอง เธอพึ่งเคยเห็นเจย์ทำหน้าชอบใครแบบนี้ครั้งแรก
“ริช? ชื่อเขาเหรอ”
“ใช่ เป็นโอเมก้าน่ะเหมือนขวัญเลย”
“โอเมก้าเหรอ…”
ขวัญคิดตามแต่พอนึกเห็นใบหน้าของริช แม้มองจากที่ไกลสายตาขวัญก็รู้ได้ว่า ริชเป็นคนที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใครแถมน่าดึงดูดสายตามากๆ
“ก็ว่าอยู่ทำไมถึงละสายตาไม่ได้เลย”
“เจอแล้ว!”
เสียงสดใสของริชตะโกนออกมา ทำเอาขวัญและเจย์สะดุ้งตกใจเพราะเสียงมันใกล้มากแต่มันไม่ใช่
“ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเจย์แล้วล่ะ” ขวัญบอก
“ริชเนี่ย บางทีก็แปลกๆนะ”
“ยังไงเหรอเจย์?”
“ก็ริช…เหมือนเขาไม่ใช่คนน่ะ…”
เด็กชายบอกความรู้สึกจากใจไปให้เด็กหญิงขวัญ พอได้ยินแบบนี้แล้วบรรยากาศรอบด้านกลับเงียบลงมีแต่ความหวาดผวาเข้ามาแทน เธอเองก็รู้สึกได้เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวกำลังเล่นชิงช้ากับน้องชายเธออยู่เลย แต่ขวัญก็อยากมาเล่นซ่อนแอบเสียอย่างนั้น จนได้มาเจอกับเด็กชายที่มีตาสองสีกับเรือนผมสีดำแล้วผิวขาวซีดผ่องตรงหน้า
ความรู้สึกของขวัญในตอนนั้นเหมือนทำอะไรไม่ได้มีแต่ต้องทำตามที่เขาสั่งหรือขอร้องเท่านั้นเลย จนมาได้เล่นซ่อนแอบและขวัญก็เห็นเขาเจอเพื่อนทุกคนในเวลาไม่นาน
“ฉันก็คิดเหมือนกัน”
“เจย์อยู่ไหนน้าาา”
เสียงของริชที่ตะโกนร่าเริงได้พูดขึ้น ความรู้สึกขนลุกและเย็นหวาบไปถึงหลังทีเดียว
“เขาจะเจอเราแล้วเหรอ?”
“ใจเย็นน่า ขวัญแค่เกมซ่อนแอบเอง ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
“อืม..”
ขวัญรู้สึกเบาใจ เธอคิดถูกแล้วที่แอบหลบจากที่เดิมในพุ่มต้นไม้มาที่เจย์ซ่อนตัวอยู่
ในทางของริชที่เล่นหาเจอทุกคน เขาก็มองไปรอบๆของสนามนี้แล้วสายตาเขาก็ไปหยุดที่เครื่องเล่นตรงหน้าที่มีสไลด์เดอร์อุโมงเป็นวนๆ เด็กชายจำได้ว่าเขายังไม่ได้ไปหาตรงนั้นหลังจากที่เจอเพื่อนคนล่าสุดที่หลบหลังพุ่มไม้
ทั้งผู้ปกครองและเด็กทุกคนต่างมองเด็กชายเจ้าของดวงตาสีสวยคู่นี้และมีบางคนนึกออกเริ่มจำได้ว่ามีบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเขามีครอบครัวที่ลูกชายของเขามีดวงตาที่สีสวยมากคาดว่าน่าจะเป็น เด็กชายคนนี้ที่เล่นเกมซ่อนแอบ โดยเขาเป็นฝ่ายหา
ทุกสายตาได้มองมายังริช ภวินท์คนนี้ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ด้วยแรงกดดันที่มาจากริชซึ่งทุกคนในทีแรกเห็นอาจจะเป็นแค่ โอเมก้า ด้วยใบหน้าที่แสนสวยและหวานน่ามอง ทว่าเหมือนจะไม่ใช่…
“มีคนซ่อนตรงนั้นแน่ๆ”
ริชที่ไม่สนใจต่อสายตารอบข้าง เท้าเปล่าๆได้เดินขึ้นไปยังสไลด์เดอร์แล้วเจออุโมงค์ข้างใน เด็กชายตาประกายเมื่อเห็นอะไรแบบนี้เขาก็ยิ้มมุมปากด้วยความตื่นเต้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็รีบพาตัวเองไปตรงนั้นแล้วปล่อยกายเข้าไปข้างใน จากนั้นตัวเด็กน้อยก็สไลด์ลงไปจนไปทางออก
และไม่เจอใคร…
“เอ๊ะ เขาไปไหน เหลือแต่เจย์นี่น่าถ้าจำไม่ผิด”
ความสงสัยและความสนุกก่อตัวขึ้นในหัวใจของเด็กชายวัย 4ขวบคนนี้ ริชที่ตื่นเต้นมากกว่าครั้งไหนๆ เขามีความรู้สึกที่อยากจะหาพวกเขาให้เจอ เกมซ่อนแอบนี้เขาอยากจะจบมันด้วยการหาคนให้ครบแต่เหมือนพระอาทิตย์ที่สาดแสงสีส้มเริ่มจะหายไปจนมีแต่ความมืดที่ใกล้เข้ามา
ส่วนทางด้านเจย์กับขวัญที่ออกมาซ่อนหลังสไลด์เดอร์พวกเขาหายใจเฮือกใหญ่พอรู้ว่าริชขึ้นมาแล้วลอดเข้าไปในอุโมงค์ ทั้งสองรีบออกมาแล้วหลบซ่อนหลังสไลด์เดอร์อย่างที่เห็น
‘ทำไมกันนะ ทำไมเราต้องหลบด้วย อัลฟ่าปกติจะไม่ต้องกลัวนี่’
เจย์ มักจะได้ยินว่าชนชาติกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างพวกเขาคือ อัลฟ่า ที่ใครๆต่างก็เกรงกลัวและอัลฟ่าเหนือกว่าทุกอย่างไม่ว่าจะหน้าตาหรือร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปและที่ชัดเจนไปมากกว่านั้นคือ
อัลฟ่านั้นยิ่งใหญ่และเป็นที่รักของพระเจ้าที่สรรสร้างให้พวกเขาโดดเด่นกว่าใคร โดยมิอาจมีผู้ใดเหนือไปกว่าพวกเขา ยกเว้นอัลฟ่าด้วยกันเองเท่านั้น
แต่มันก็ได้เกิดความรู้สึกขัดแย้งเมื่อมาเจอกับเด็กชายที่มีตาสองสีเฮเซลนัทฟ้าและเขียวคนละข้างแบบเขาที่เหมือนจะไม่ใช่คนแบบนี้ และรูปร่างก็ไม่เหมือนอัลฟ่าเลยทั้งตัวเล็กกว่าเจย์และดูอ่อนแอ
มันไม่มีทางเป็นแบบนี้ดูยังไงก็เป็นโอเมก้า
เจย์ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนกดแบบนี้มาก่อน เขาไม่สามารถหาคำตอบมันได้เลย มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมดถึงจะชอบมาแค่ไหน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ปกติอยู่ดีสำหรับริชที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกล่า
“เจอแล้ว ซ่อนเก่งจังเลย”
เสียงอันร่าเริงของริชได้พูดขึ้นมา เจย์ได้หลุดภวังค์นัยน์ตาเขาได้สบตากับอีกฝ่ายที่เหมือนโดนดูดไปในโลกที่ไม่สามารถคาดเดาได้
“เราเล่นกันอีกไหม?”
ริชพูดขึ้นมา แววตาเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังกับคำตอบ
“มันดึกแล้วนะริช”
“ใช่ ไว้พรุ่งนี้ได้ไหม?” ขวัญเสริม
“ได้สิ!”
ริชตอบด้วยเสียงร่าเริง ใบหน้าเขาก็ยิ้มแย้มสดใส แม้พระอาทิตย์จะลาลับฟ้าแล้วไฟในสนามเด็กเล่นก็เปิดสว่าง ก็ไม่สามารถละสายตาจากรอยยิ้มเด็กคนนี้ได้เลย ริชไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์มาก เพียงแค่ยิ้มให้ทำให้สองหนุ่มสาวเด็กน้อยนั้น ถึงกับตาค้างไปเลย
ริช เป็นเด็กหน้าตาดี
เป็นสิ่งที่เจย์กับขวัญรู้ดีแม้จะเริ่มไม่แน่ใจริชเป็นเพศชาติกำเนิดอะไร เพราะว่ารอบตัวและบรรยากาศของริชนั้นทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้ ทั้งทีอยู่ใกล้ขนาดนี้แท้ๆ
“คือว่าริชเป็นโอเมก้าเหรอ” ขวัญถาม
“โอเมก้าคืออะไรเหรอ?”
“ก็แบบฉัน…น่ะ” เด็กหญิงเองก็ไปไม่เป็นพอเจอแบบนี้
“ไม่รู้สิ น่าจะเป็นโอเมก้ามั้ง”
ริชตอบความจริงไป ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าคำถามนี้มีความหมายในด้านใด
“ริช!”
เสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนชื่อเด็กชายออกมาอย่างดังจนคนในสนามเด็กเล่นหันไปหมด ก็ได้เจอชายหนุ่มเจ้าของผมทองและนัยน์ตาสีเขียวสวย เขาอยู่ในชุดสูทที่เหมือนพึ่งกลับไปทำงานมาและรูปลักษณ์ที่สูงใหญ่องอาจ ใบหน้าที่แสนงดงามของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาคนนี้คือ อัลฟ่า เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลย ริชรู้จักดีแล้วเขาได้ยิ้มทันที
“ป่ะป๊า!”
ริชวิ่งไปหาพ่อของเขาด้วยความดีใจ ทว่าฝ่ามือของพ่อนั้นก็ได้มาตบที่หน้าเด็กน้อยที่วิ่งมาหาจนล้มไปกับพื้น เป็นภาพที่สร้างความตกใจให้ไม่น้อยเลย
“ออกมาข้างนอกทำไม?”
ฟลิกก์ถามเสียงนิ่งและสิ่งรอบด้านตัวชายหนุ่มได้ปล่อยออร่าความกดดันที่เต็มไปด้วยความโมโหของเขา จนผู้คนแถวนั้นรู้สึกปวดหัวและเกรงกลัวจนตัวสั่นไปตามกัน
“ผม…”
เด็กชายมองหน้าคนเป็นพ่อที่มองเขาด้วยแววตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากแม้จะนิ่งใส่ ริชรู้ได้เพียงแค่มองครั้งเดียว
‘ป่ะป๊ากำลังโกรธมากๆ’
ริชสั่นเทาเมื่อได้สบตาพ่อตัวเองเพราะครอบครัวเขาจะย้ำเสมอว่า ห้ามออกไปข้างนอก แต่ริชนั้นได้ทำลายในส่วนนี้ไปคือการออกมาข้างนอกโดยที่ละเมิดคำสั่งที่ไม่ควรจะทำ เพราะชายคนนี้คือ ฟลิกก์ อาร์เจนตัม พ่อของริชที่เป็นคนตั้งเงือนไขนี้ขึ้นมาเพื่อคุมเด็กน้อยให้อยู่ในกรอบที่เขาต้องการ
“กลับบ้าน”
ฟลิกก์ไม่คิดจะถามหรืออะไร เขาสั่งเด็กชายที่ล้มไปกับพื้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง ผู้คนในสนามเด็กเล่นต่างรู้สึกกลัวและไม่กล้าทำอะไรเพราะอัลฟ่าคือชนชั้นที่แข็งแกร่งและสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นชนชั้นที่น่ากลัวหากพวกเขาไม่พอใจ
เจย์ที่เป็นเด็กชายอัลฟ่าได้มองริชที่เดินกลับบ้านไปจากทีแรกร่าเริงสดใส แต่พอเจอพ่วตัวเองนั้นริชก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างสิ้นเชิง มันช่างทำให้เจย์ทนเห็นภาพนี้ไม่ได้จริงๆเพราะใบหน้าของริชแสดงออกถึงความกลัวและเจ็บปวดที่หน้าสวยนั้นอย่างได้ชัด
“คือว่า อย่าดุริชเลยนะครับ”
เจย์ตะโกนออกไปด้วยเสียงที่สั่นกลัวเล็กน้อย ฟลิกก์หันมาก็เจอเด็กอัลฟ่าที่ท่าทีจะดูกลัวเขา
“เขาเป็นลูกฉัน..” ฟลิกก์แผ่ความกดดันใส่ จนเข่าเด็กชายแตะพื้นจนล้มดัง
“เจย์!!”
“ลุงบอล ผม..ปวดหั…ว อ๊อก!!”
ลุงบอลตกใจที่เห็นหลานล้มและเจย์ก็ร้องไห้ปล่อยโฮ นอกจากเด็กชายล้มไม่พอเจ้าตัวก็ปวดหัวจนอ้วกออกมาด้วย คนเป็นลุงที่เห็นก็จะต่อว่าที่กล้าทำกับเด็กแบบนี้ ทว่า…นัยน์ตาสีเขียวนั้นกำลังส่องประกาย และรอบตัวเขาเหมือนไม่ใช่คน…
“ดิสแมนเทิล..” ลุงบอลเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาหลังจากที่เห็นฟลิกก์
“พ่อ…อุ้มหน่อย”
แขนเล็กบางน้อยๆได้ชูขึ้นมา ฟลิกก์ ชายหนุ่มผมทองได้มองมาที่ลูกชายตัวเอง ที่ริชทำหน้ายิ้มและอ้อนมากๆ นัยน์ตาของเขาหยุดส่องประกายและคนเป็นพ่อก็ทำตามคำขอนั่นคืออุ้มลูกตัวเองสู่อ้อมแขน
“ขอโทษด้วยที่สร้างปัญหา ต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่ทำอีก”
พูดเสร็จฟลิกก์ได้เดินจากไปพร้อมกับริช ลูกชายตัวเองทุกคนในสนามทั้งผู้ใหญ่และเด็กหลายคนก็รู้สึกโล่งอกที่ไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้น
“เจย์ เป็นไงบ้าง”
“ผมหายปวดหัวแล้วครับ”
เจย์พูดพร้อมกับสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ดีแล้ว ไม่เป็นไรนะวันต่อไปไม่ต้องไปเล่นกับริชแล้วนะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็เขาไม่ใช่อัลฟ่าทั่วไป แต่เป็นอัลฟ่าที่เป็นพวกดิสแมนเทิล เขาไม่เหมือนพวกเรา”
“ลุงบอลครับ อันนั้นมันงานวีรบุรุษไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ พอได้เห็นพลังของเขาถึงได้รู้ว่าพ่อของริชเป็นอัลฟ่า ที่ทำงานดิสแมนเทิล”
“จริงเหรอครับ เท่ห์จัง” อยู่เจย์ก็รู้สึกหายโกรธ
“แต่ก็น่ากลัวและอันตรายอยู่ดี เพราะหน้าที่ของเขาคือจัดการพวกสิ่งแปลกปลอมที่มาโลกเรานั่นก็คือพวกเออเนเบิ้ล”
ลุงบอลบอกหลานตามความจริงไป ถึงพวกเขาจะได้ชื่อวีรบุรุษคอยปกป้องพวกเขา แต่ก็เป็นตัวตนที่อันตรายด้วยพลังที่บางคนไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งพลังเหล่านั้นมีหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งธาตุธรรมชาติหรือแรงที่ไม่เหมือนมนุษย์ แน่นอนว่าสิ่งที่หลานชายเขาเจอนั้นก็เป็นหนึ่งในพลังของพวกดิสแมนเทิลด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคนจำพวกนี้ต้องทำงานในเมืองและศูนย์ราชการที่สร้างไว้ให้
ที่สำคัญหมู่บ้านที่แห่งนี้มันห่างไกลจากอันตรายของพวกเออเนเบิ้ล
ดิสแมนเทิลจะไม่อยู่ที่แบบนี้อาจจะกระทบต่องานได้จำเป็นต้องประจำการณ์ในเมืองและทางกั้นระหว่างเขตแดน คนที่ทำงานนี้จะไม่มีใครมาอยู่ในที่ห่างไกลอย่างแน่นอน ซึ่งลุงบอลเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะดูจากทรงของพ่อริชแล้วต้องเป็นพวกแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยนิสัยที่ไม่สนใจคนรอบข้าง พฤติกรรมที่ไม่มีความเอื้ออารี จะเป็นคนที่ทำตำแหน่งสูงเท่านั้น
“คนที่ย้ายเข้ามาใหม่เมื่อหลายปีก่อน คือดิสแมนเทิลเหรอเนี่ย”
มันช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน คนที่ย้ายเข้ามาใหม่ที่ปรับแต่งบ้านไม่เหมือนหลังอื่นจนผิดหวงจุ้ยและมีลูกชายที่ใบหน้ากับรูปลักษณ์แสนงดงามแต่ไม่เคย
ให้ออกไปไหน ตอนแรกไม่ใส่ใจเพราะคงเป็นพวกแปลก ซึ่งมันก็แปลกจริงๆเพราะดิสแมนเทิลเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้นี่เอง
คุณพ่อฟลิกก์เรามีบทแล้วววววว อยากจะบอกว่าเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่นะคะเพราะเขาเป็นดิสแมนเทิลยังไงล่ะ!