ผมจำได้ว่าผมนั่งทำงานอยู่นะแล้วเหมือนจะวูบ พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันแปลกไปหมด นี่ผมมาอยู่ที่ไหนเนี่ยย

ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว - 5 แมวยักษ์ทั้งสอง โดย เมี๊ยว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ผจญภัย,slice of life,ชีวิตประจำวัน,เลี้ยงสัตว์,ปลูกผัก,ทะลุมิติ,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

slice of life,ชีวิตประจำวัน,เลี้ยงสัตว์,ปลูกผัก,ทะลุมิติ,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL

รายละเอียด

ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว โดย เมี๊ยว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผมจำได้ว่าผมนั่งทำงานอยู่นะแล้วเหมือนจะวูบ พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันแปลกไปหมด นี่ผมมาอยู่ที่ไหนเนี่ยย

ผู้แต่ง

เมี๊ยว

เรื่องย่อ

          ผม มาร์ติน เป็นชายหนุ่มที่เช้าไปทำงาน เลิกงานกลับบ้าน สังสรรค์กับเพื่อนงั้นเหรอ เหอะ แทบไม่ได้ไปไหนเลยน่ะสิ ทำไมผมถึงไม่ไปงั้นเหรอ คงเพราะตังผมที่ไม่ค่อยชอบที่ที่คนเยอะ แต่ผมชอบไปนั่งดูเพื่อนๆดื่มนะ มันสนุกดี แต่ก็นั่นแหละพอได้มาทำงานใหม่ไกลเพื่อนๆก็แทบไม่ไปไหนเลย กลายเป็นคนเงียบๆ 


          ชีวิตผมสำหรับคนอื่นมันอาจจะดูน่าเบื่อไม่มีสีสันเท่าไหร่ แต่สำหรับผม ผมชอบนะ เงียบๆแบบนี้ แต่แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไป เย็นวันนั้นผมนั่งทำงานปกติแล้วเหมือนจะวูบตรงหน้าคอม พอตื่นขึ้นมาผมกลับอยู่ที่ไหนไม่รู้ รอบข้างมันมีแต่ป่า มีบ้านอยู่หลังหนึ่งเท่านั้นเลย

"นี่กูมาอยู่ที่ไหนเนี่ย"


สารบัญ

ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว-1 ฟุบปุ๊บ วาปปั๊บ,ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว-2 อยู่ๆก็กลายเป็นคนดัง,ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว-3 หน่วยสำรวจ+1,ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว-4 เริ่มสำรวจ,ข้ามมิติมาเป็นเจ้าของดวงดาว-5 แมวยักษ์ทั้งสอง

เนื้อหา

5 แมวยักษ์ทั้งสอง



"หยุดนะ!!!"


          ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายทั้งสองตัวจะชะงักกับเสียงของใครอีกคน จึงเปิดช่องให้อีกคนที่เหลือได้วิ่งออกมา แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะสัตว์ร้ายสีขาวกำลังจะกระโดดตะปบร่างนั้น


"หยุดนะ หยุดเลย"


          ไม่รู้ตอนนี้คนตัวเล็กนั้นเดินเข้ามาประจันหน้ากับสัตว์ร้ายทั้งสองทำเอาคนที่อยู่ตรงนี้หวาดเสียว


"มาร์ติน มาร์ตินอย่าเข้าไปใกล้ ถอยออกมา"


"ออกมาครับคุณมาร์ติน"


          แต่ดูเหมือนเสียงของทั้งสองจะไม่ได้เข้าหูของคนตัวเล็กเลย


"ทำไมพวกนายทำแบบนี้ คนพวกนี้เขามาดีนะ"


          แถมยังสั่งสอนเจ้าสัตว์ร้ายทั้งสองนี่อีก ที่แปลกเลยคือสัตว์ทั้งสองกลับนั่งเก็บน้อง หูตกทันที


"ผมผิดเองที่ไม่ได้ฝากคนอื่นมาบอกพวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่ควรทำแบบนี้สิ เห็นคนที่เจ็บออกไปมั้ยใครเป็นคนทำ"


"ครืด"


          เสียงของสัตว์ร้ายตัวดำดังขึ้นเหมือนตอบคำถามของคนตัวเล็กตรงหน้า


"คุณเหรอ เอามือมา"


เพี๊ยะ


"แง๊ว!"


"แค่ผมตีแค่นี้คุณยังเจ็บแล้วคนที่คุณตะปบไปล่ะ"


          ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านคนนี้จะสามารถจัดการกับสัตว์ร้ายตรงหน้าได้ ไม่อยากจะเชื่อ ตอนแรกก็ตกใจเรื่องที่เอากวางมาส่งของแล้วนะ นี่ยังต้องมีตกใจกับการสั่งสอนสัตว์ร้ายที่ทำเอาพวกเราหมดสภาพ เป็นเจ้าบ้านที่น่ากลัวจริงๆ


"เอาล่ะตอนนี้พวกคุณคงไม่ทำอะไรพวกเราแล้วใช่มั้ย"


"ครืด"


"เห้อ ผมตกใจแทบแย่ตอนที่คุณจะตะปบพวกเขานะ 


          พวกเขาเป็นแขกของผม เป็นคนมาสำรวจดาวดวงนี้ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ให้ใครมาบอก"


          เมื่อพูดจบก็เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองตัวมากขึ้นพร้อมกับยื่นมือเข้าไปลูบขนสีดำกับสีขาวนั่น


"ไม่ค่อยนุ่มเลย ไปอยู่กับผมมั้ย ผมอยู่คนเดียวเหงามากเลย"


          นี่ถึงขนาดที่เอ่ยบอกให้สัตว์ร้ายไปอยู่ด้วยเลย คนคนนี้แปลกเกินไปแล้ว


"เดี๋ยวก่อนมาร์ติน เธอจะเอาสัตว์ร้ายไปอยู่ด้วยไม่ได้"


"ไม่เป็นไรครับ พวกเขาไม่ทำร้ายผม พวกเขารู้ว่าผมคือใคร"


"แต่ว่า...."


"ไม่เป็นไรจริงๆครับ งั้นวันนี้ก็กลับก็นเถอะครับ คงเหนื่อยแย่เลย"


          ก็จริง เหนื่อยเพราะต้องมาวิ่งล่อให้คนเจ็บ คนเจ็บ จริงสิ


"คุณมาร์ตินเห็นสองคนที่ออกไปก่อนหน้ามั้ยครับ"


"อ๋อ เห็นครับ ผมให้คนไปส่งที่บ้านแล้ว สบายใจได้"


"งั้นเหรอ ขอบคุณ ครับ"


"ครับ เอาล่ะตอนนี้ เราก็กลับกันเถอะครับ ทั้งสองคนคงเดินไม่ไหวแล้ว ขึ้นหลังพวกเขาได้เลยครับ"


          ห๊า!!! ให้ขึ้นหลังเจ้าตัวที่เพิ่งใล่ตะปบกัน เนี่ยนะ


"ไม่ต้องกลัวครับ ตอนนี้พวกเขาไม่ทำอะไรพวกคุณแล้วครับ"


          ในเมื่อเจ้าบ้านบอกแบบนั้นพวกเราคงวางใจได้สินะ เพราะคอนนี้เจ้าบ้านคนนั้นก็ได้กระโดด ขึ้นนั่งบนหลังของตัวสีดำเรียบร้อยแล้ว


"เด็กดี พาพวกเรากลับบ้านทีนะครับ"


"โฮก!"


          เมื่อพูดจบเจ้าตัวดำก็วิ่งไปทันที เหมือนพวกมันจะรอเวลาได้ออกจากที่นี่เหมือนกันน่ะ เพราะดูจากการวิ่งที่เหมือนแมวที่ได้ออกจากบ้านแล้วก็มองไม่เห็นคราบของสัตว์ร้ายก่อนหน้านี้เลย


          ใช้เวลาในการกลับไม่นานเนื่องจากมีเครื่องช่วยทุ่นแรง ตอนนี้ต้องรีบไปดูคนเจ็บเสียก่อนโชคดีที่ดูเหมือนทุกทีมจะกลับกันมาแล้ว ไม่รู้ว่ามาร์ตินไปบอกพวกสัตว์ให้พาทุกคนกลับมาหรอเปล่า


"ไม่มีใครบาดเจ็บใช่มั้ยครับ"


"ครับ"


"คือว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมๆอยู่พวกสัตว์ถึงได้พาพวกเรากลับ"


"คงเพราะบาดแผลของเพื่อนพวกคุณมั้งครับ เห็นว่าคงต้องได้รับการรักษาทันทีเขาคงไปพาพวกคุณมาเผื่อจะมีคนที่เป็นหมออยู่ในนั่น"


          นอกจากความเงียบตอนนี้ก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ไม่อยากจะเชื่อเด็กคนนี้สามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ แถมพวกสัตว์เองก็รู้เรื่องด้วย แบบนี้มันเกินที่มนุษย์ทำได้แล้ว


"ขอบคุณนะครับ"


"ไม่เป็นไรครับ พวกคุณไปพักเถอะครับเดี๋ยวอาหารเสร็จผมจะไปเรียกนะ"


          เมื่อบอกแบบนั้นเหล่าทีมสำรวจก็แยกย้ายไปพักที่ยาน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อออกมาแล้วเจอบรรดาสัตว์ต่างๆยืนอยู่ที่หน้าบ้าน


"โอ้ ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ช่วยวันนี้ เอาไว้ว่างๆผมจะไปเล่นด้วยนะ วันนี้แยกย้ายไปพักได้ครับ


          ส่วนพวกคุณวันนี้นอนที่ห้องโถงนะครับ พรุ่งนี้ผมจะอาบน้ำให้"


"โฮก ครืด"


          ว้าว วันนี้ทุกคนได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์ครบทุกคนเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคนตัวเล็กคนนี้สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้


.


.


.


เช้าวันต่อมา


          วันนี้ทุกคนเหมือนพร้อมใจกันตื่นสาย เนื่องจากมีเรื่องที่มันสะเทือนใจหลายเรื่องเกินไป ทั้งเรื่องที่มนุษย์ที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ แถมยังรู้เรื่องอีกด้วย ไหนจะเรื่องที่สัตว์ร้ายทั้งสองที่ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านของคนตัวเล็กนี่อีก 


"หัวหน้า"


"เป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย"


"ครับ ดีขึ้นมากเลยครับ ถ้าไม่ได้สมุนไพรจาก เอ่อ คุณกวางที่มาส่งผมน่าจะแย่"


"กวาง?"


"ครับตอนที่คุณมาร์ตินมาเจอเขาขี่กวางมาครับ"


"อ่า งั้นเหรอ พักเถอะ"


"ครับ"


          ไม่อยากจะเชื่อว่าคนคนนี้ทำได้ ทั้งเรื่องที่มีดาวที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไหนจะเรื่องที่ทำอาหารได้อร่อยสุดๆ เรื่องที่คุยกับสัตว์รู้เรื่องนี่อีก นี่มันแปลกไปมั้ย


ก็อก ก็อก ก็อก


"ฉันเอง"


"เข้ามา"


"เป็นไงบ้าง"


"แค่แผลถลอก"


"ราฟ ฉันว่ามันมีบางอย่างแปลกๆนะ"


"แปลก? เรื่องของเด็กคนนั้นนะเหรอ"


"ใช่ ทั้งประวัติครอบครัวอะไรก็ไม่มี แต่มีเอกสารถูกต้องว่าเป็นเจ้าของดาวดวงนี้ ไหนจะเรื่องที่คุยกับสัตว์ได้นั่นอีก นายไม่คิดว่าแปลกงั้นเหรอ"


"ไม่หรอก เรื่องคุยกับสัตว์คงไม่แปลกเท่าเรื่องที่ไม่มีประวัติครอบครัวของอีกคนเลย เหมือนถูกปิดไม่ก็ถูกระบบปิดกั้นขั้นสูง"


"หรือว่ามาร์ตินจะเป็นชนชั้นสูงงั้นเหรอ"


"ไม่น่าใช่"


"งั้นอะไรล่ะ"


"ไม่รู้สิ แต่อย่างน้อยดาวนี้ก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา"


.


.


.


          ดูเหมือนว่าวันนี้ผมต้องจัดการกับเจ้าแมวยักษ์ทั้งสองนี่ก่อนเลย ก่อนอื่นเลยนะจับอาบน้ำก่อนเลย ดีหน่อยที่มีผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เลยเลือกเอาเป็นครีมอาบน้ำของแมว ไดร์เป่าขนล่าสุดด้วย เล่นซะกระเป๋าแฟบอีกแล้ว


"เอาล่ะถ้าอยากขึ้นไปนอนด้วยต้องอาบน้ำก่อน"


          ขออย่ากลัวน้ำเลยนะ ไม่งั้นอาบยากแน่ ผมพาทั้งสองมาที่หลังบ้าน ปูพื้นด้วยพลาสติกเพื่อที่เด็กๆทั้งสองจะไม่เปิดตอนอาบเสร็จ


"อยู่นิ่งๆนะผมจะอาบน้ำให้"


          ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าพวกสัตว์นั้นฟังผมรู้เรื่อง แถมยังฉลาดอีกด้วย สัตว์ที่ดาวนี้ฉลาดทุกตัวเลยหรือเป็นเราที่แปลกกันนะที่คุยกับสัตว์ได้เนี่ย แต่ก็ช่างมันแล้วกัน


          ผมอาบน้ำให้เจ้าแมวยักษ์ทั้งสองตัว ถึงจะดื้อบ้างบางทีแค่สุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆให้อาบ จะว่าไปพอดูดีสองตัวนี้ก็น่ารักเหมือนกันนะ ก็นะเสือมันก็เป็นแค่แมวตัวใหญ่เท่านั้นเอง งั้นแค่ทริปจะใช้กับสองตัวนี้ได้มั้ยนะ อาจจะได้หรือไม่ก็ได้


"เอาล่ะเสร็จแล้ว"


          ที่ว่าเสร็จคืออาบน้ำนะเหลือเป่าขนอยู่ แล้วสิงตัวนี้ก็ตัวใหญ่ด้วยสิไม่ได้จะใช้เวลาเป่าเท่าไหร่ถึงจะแห้งเลย จะให้ทีมสำรวจมาช่วยก็ยังไงๆอยู่ 


"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ"


"คุณราฟ ครับเสร็จแล้ว"


"มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย"


"จะดีเหรอครับ"


          ถึงจะถามแบบนั้นแต่ตอนนี้คงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตอนนี้ตัวเองตาเป็นประกายเชียว


"ดีสิ ถือว่าตอบแทนที่ช่วยพวกเรา"


"ไม่เห็นต้องตอบแทนอะไรเลย ยังไงถ้าบาดเจ็บผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว"


"งั้นเหรอ เอาเถอะเดี๋ยวฉันช่วยดีกว่า"


"ขอบคุณนะครับ งั้นคุณไปเป่าขนให้ตัวสีดำนะ"


"ได้สิ ยังไม่มีชื่องั้นเหรอ"


"ครับ ตอนนี้ยังไม่มี"


          ดูเหมือนคนตัวเล็กจะชอบเจ้าสองตัวนีมากเลยสินะ ตอนเป่าขนให้ก็พูดเจื้อยแจ้วกับเจ้าตัวสีขาวกันอยู่สองคน ส่วนผมกับเจ้าตัวดำก็ทำแค่อยู่เงียบๆแล้วเป่าขนให้เสร็จก็พอ


"เสร็จสักที"


"พออาบน้ำแล้วก็หอมจังเลย เหลือแค่ชื่อสินะ"


          ชื่อเด็กๆสองตัวนี้เอาชื่ออะไรดีละ มีสีขาวกับสีดำ จะให้ชื่อไวท์กับแบล็คก็ดีธรรมดาเกินไปหน่อย แต่จะให้ชื่อไทยๆก็เดี๋ยวจะแปลกๆ ถ้าเป็นชื่อแนวของกิน...


"คุกกี้ ลาเต้"


"หือ"


"สีขาวชื่อคุกกี้ สีดำชื่อลาเต้"


"ชื่อของเจ้าสองตัวนี้งั้นเหรอ"


"ใช่แล้ว ชอบมั้ย"


          ดูเหมือนคนตัวเล็กจะคิดชื่อได้แล้ว แถมยังเป็นเหมือนชื่อของกินสักอย่าง


"ของกินงั้นเหรอ"


"ใช่แล้วครับ คุณอยากลองชิมมั้ยผมทำให้ได้นะ"


"ไม่เป็นไรฉันไม่อยากรบกวนเธอ"


"ผมบอกแล้วไฝว่าไม่รบกวนเลย อีกอย่างคุกกี้ทำครั้งหนึ่งก็ได้หลายชิ้นครับไม่ต้องห่วง"


"งั้นเหรอ"


"อื้อ ถ้าคุณกลัวผมเหนื่อยก็มาช่วยผมสิครับ ยังไงตอนนี้ก็ว่างกันอยู่"


"นั่นสิ เอาสิ"


          จากนั้นก็พากันเดินเข้ามาในครัว เพื่อที่จะทำขนมที่เรียกว่าคุกกี้


"เดี๋ยวผมไปเตรียมของก่อนนะครับ"


          ว่าจบก็เดินหายเข้าไปให้ห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องเก็บของทำครัว


"เอาล่ะ วันนี้จะทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพนะครับ"


"ช็อคโกแลตชิพ?"


"5555เดี๋ยวคุณก็เห็นเองแหละครับ เรามาเริ่มทำดีกว่า"


          เอาล่ะตอนนี้เรามาเริ่มทำขนมดีกว่า ดูเหมือนว่าจะทำขนมมากกว่าอาหารอีกนะเนี่ย ช่างเถอะ เรามาเริ่มดีกว่า เริ่มจาก นำเนย น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดงใส่ลงในอ่างผสม ตีจนน้ำตาลละลายกับเนย จากนั้นให้ใส่ไข่ไก่กับกลิ่นวานิลลา ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน ต่อมาให้ร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือใส่ลงในอ่างผสมที่มีเนยน้ำตาลอยู่ ตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ดาร์กช็อกโกแลตชิพกับวอลนัทลงไป ผสมให้เข้ากัน เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันหมดแล้วให้ตัก 1/4 ถ้วยของแป้งคุกกี้ต่อคุกกี้ 1 ชิ้น เสร็จแล้วปั้นมห้คุกกี้เกือบหลม นำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที เมื่อครบเวลาให้เอาแป้งคุกกี้ที่เตรียมไว้ไปอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-18 นาที พอเสร็จก็เอาออกมาพักไว้ให้คลายร้อนประมาณ 5 นาที เป็นอันเสร็จ


"เสร็จแล้วครับ หอมมั้ย"


"หอมมาก หอมเนยมากๆ"


"ใช่มั้ยล่ะครับ ถ้าได้กินกับนมนะ ผมกินแทนข้าวไปมื้อหนึ่งเลยล่ะ"


"เธอจะกินขนมแทนข้าวไม่ได้นะ"


"ผมชินแล้วล่ะครับ เอาไปให้ทุกคนกันดีกว่าครับ"


"อืม ไปสิ"


           และเป็นเหมือนเดิม พอได้ของอร่อยคนพวกนี้ก็มักจะทำสีหน้าขอบคุณอย่างที่สุด พร้อมกับหยิบขนมไปกินกันอย่างอร่อย บางคนก็หยิบไปสองชิ้น สงสัยกลัวจะหมดละมั้ง


"อยากได้นมกันมั้ยครับ"


"...."


"ถ้าได้กินกับนม อร่อยอย่าบอกใครเลย"


"เอาครับ!!"


"ผมด้วยๆ"


"55555 รับทราบครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะครับ"


          รู้สึกเอ็นดูพวกเขาอยู่เหมือนกันนะ เพราะสมัยนี้พวกอาหารปรุงสุกหรือขนมต่างๆหากินได้ยาก ถ้าไม่ใช่ตระกูลใหญ่ๆหรือคนที่พอจะมีเงินมากหน่อยก็จะหากินได้ยาก ก็นะถ้าจะเข้าร้านอาหารปรุงสุกแต่ละทีต้องมีเงินเหลือใช้แต่เดือนมาก็พอควรเลยล่ะ


"ก่อนพวกคุณ จะกลับเดี๋ยว ผมทำขนมหลายๆอย่างให้นะครับ"


"เอ๋ ไม่เป็นไรครับคุณมาร์ติน"


"ใช่ครับ แค่นี้พวกผมก็ได้กินจนพอแล้วครับ "


"ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ"


"ถ้ากลับไปคงคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ"


"ใช่ อากาศก็ดี แถมยังสงบอีกด้วย"


"ถ้าอยากมาพักก็มาได้นะครับ สำหรับ พวกคุณ เท่านั้นนะ"


"จริงเหรอครับ "


"ครับ อ้อแล้วก็เลิกเรียกผมว่าคุณมาร์ตินอะไรนั่นได้แล้วครับ ผมว่าผมน่าจะอายุน้อยกว่าพวกคุณนะครับ"


"จะดีเหรอครับ"


"ดีครับ"


"งั้นก็ขอบคุณนะ มาร์ติน"


"ยินดีครับ"


          เหมือนว่าถ้าคนกลุ่มนี้กลับไปผมเองก็คงจะเหงาแน่ๆ ก็นะอยู่ด้วยกันมาตั้งเกือบอาทิตย์ถ้ากลับกันไปที่นี่คงเงียบมาก จะเหลือก็แต่เรากับพวกสัตว์เท่านั้น ถึงจะเหงาแต่ทุุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง ยังไงเราเองก็อนุญาตให้ทีมนี้มาพักที่ดาวนี้ได้ หวังว่าพวกเขาจะมานะ


"งั้นถ้าเธออยากไปที่ดาวอื่น ก็บอกนะ"


"หือ"


"ทักมา เดี๋ยวฉันมารับเอง"


"...." เหล่าทีมสำรวจที่อยู่ใกล้ๆ


"จริงเหรอครับ ขอบคุณมากๆเลยนะครับ"


"ยินดี"


         ว้าว ดูเหมือนครั้งนี้หัวใจของท่านนายพลผู้เย็นชาจะมีเจ้าของหัวใจนั่งอยู่ของในแล้วสินะ และคนที่เก็บสีหน้าไม่อยู่มากที่สุดน่าจะเป็นหัวหน้าทีมของพวกเขา กลั้นยิ้มจนจมูกบานหมดแล้วครับหัวหน้า


"อะ แฮ่ม เอาละผมว่ายังไงตอนนี้ก็สำรวจเสร็จหมดแล้ว คงจะได้เวลากลับแล้วนะ"


"ครับ...."


แหม่ เสียงหงอยเชียวไอ้พวกนี้


"งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมของทำขนมให้พวกคุณดีกว่า"


"เดี๋ยวฉันช่วย"


"คุณราฟไม่เก็บของเหรอครับ"


"ไม่จำเป็น"


"อ้อ.."


"แล้วก็...เรียกพี่ราฟ"


"หือ"


"เรียกแค่พี่ราฟ"


"ได้ครับพี่ราฟ"


"อืม-/////-"


          ฮ่า ดูท่าคนที่จะหงอยที่สุดคงหนีไม่พ้นเพื่อนของเขาคนนี้เสียแล้วสินะ แหม่ ให้เรียกพี่รงพี่ราฟบอกหน้านิ่งแต่หูเนี่ยแดงเชียวนะ แหม่ๆ


.