เมื่อโรงเรียนนี้ ไม่ได้มีแค่ "คน"...
ลึกลับ,ไทย,เล่าประสบการณ์,เรื่องสั้น,อื่นๆ,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สวัสดีค่ะนักเรียนทุกวัน วันนี้ทุกคนเป็นอย่างไรสบายดีไหม? อากาศวันนี้ไม่ร้อนมากดีที่มีเมฆหนาๆมาบังแดดไว้ให้ พยากรณอากาศวันนี้บอกว่าจะมีฝนตอนบ่าย นักเรียนที่ไม่ได้เอาร่มมาระวังจะเปียกฝน ไม่สบายเอานะคะ ครูคิดว่าคงไม่มีใครอยากไปนอนที่ห้องพยาบาลคนเดียวหรอก
หึหึ ทำไมทุกคนทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ? อ้อ คงหมายถึงข่าวลือแปลกๆในห้องพยาบาลสินะคะ ครูว่าเรามาเช็คชื่อกันดีกว่านะนักเรียน แล้วหัวหน้าห้องจ้ะ ครูขอบใจมากนะจ้ะที่รวบรวมสมุดการบ้านของเพื่อนๆมาส่งครู คนไหนที่มาสายรีบเอามาส่งครูเลยนะจ้ะ
เอาล่ะๆนักเรียน ไม่ต้องเถียงกันเสียงดัง แล้วก็ อมรรัตน์นั่งที่ให้เรียบร้อย นิชา ครูเห็นยางลบหนูตกไปอยู่ใต้โต้ะมนตรีแล้ว มนตรีดีมากที่เธอเก็บของให้เพื่อนนะ ในเมื่อเรียบร้อยกันแล้ว เรามาสัญญากันก่อนนะ ว่าถ้าครูเล่าเรื่องห้องพยาบาลตึกประถมให้ฟังแล้ว พวกเธอจะไม่กลัวจนเก็บไปฝันร้ายนะ ถ้าอยากรู้จริงๆครูจะเล่าให้ฟัง คนไหนกลัวก็ปิดหูทั้งสองข้างไว้จนกว่าครูจะให้สัญญาณว่าเล่าจบแล้วนะ เอาล่ะ จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ…
นักเรียนทุกคนคงรู้นะคะว่าโรงเรียนของเราสร้างมาเกือบร้อยปีแล้ว ครูว่าแล้ว ว่าทุกคนต้องอุทานออกมาพร้อมๆกัน ใช่ค่ะ โรงเรียนนี้มีประวัติมายาวนาน ขนาดอาคารเรียนยังเป็นอาคารไม้เลย นักเรียนคงไม่ค่อยชอบเพราะตะปูที่พื้นกระดานมันจะคอยมาเกี่ยวถุงเท้าจนแหว่งเป็นรู ไหนใครเคยโดนตะปูที่พื้นกระดานเกี่ยวถุงเท้าขาดบ้าง อืม...เป็นกันทุกคนเลย นิติโดนคุณแม่ดุด้วย แย่เลยนะคะ ทุกคนจ้ะเราต้องไม่หัวเราะเยาะเพื่อนสิคะ กระดานขัดมันเงาเพราะนักเรียนช่วยกันเวรทุกวัน ความจริงมันเงางามมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
ทำไมครูรู้?ครูเคยเป็นนักเรียนที่นี่ค่ะ ครูเรียนจนถึงมัธยมปลายเลยนะคะ รุ่นของครูยังเป็นเลขสองตัวอยู่เลย สมัยนั้นครูเป็นเด็กเรียนไม่เก่งเลย
หึหึ ครูไม่ได้โกหกค่ะ ครูอยู่ในห้องกิจกรรม เพื่อนร่วมห้องครูมีคนที่เป็นนางรำของโรงเรียนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นมีคนที่โดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถด้านการรำ
เธอชื่อ กุลธิดา...
ครูจำได้ลางๆว่าแม่เธอเป็นครูสอนนาฎศิลป์ในวิทยาลัยครู มันคงทำให้กุลธิดาโดนแม่สั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ครูชอบมองเวลาเธอรำบนเวทีมากๆเลยเพราะเธอสวยที่สุดในคณะที่รำด้วยกัน กุลธิดาเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันนาฎศิลป์ทุกครั้งเลย
อ่อ เปล่าเลย ไม่มีใครอิจฉาเธอหรอก มีแต่คนเป็นห่วงเธอ ครูลืมบอกไป นิสัยของเธอเป็นคนจริงจังยิ่งเฉพาะเวลาซ้อมรำ เธอจะมองกระจกและจัดวางท่าทางกับสีหน้าไปด้วย ครูยังทึ่งในตัวกุลธิดาเลย ว่าทุ่มเทให้กับการรำถึงขนาดนั้น ตอนครูถามเธอถึงความฝัน เธอยิ้มให้ครูแล้วบอกว่าเธออยากเป็นครูสอนรำแบบแม่เธอ ครูยังบอกกลับเลย ว่าต้องทำได้แน่
มีช่วงหนึ่งโรงเรียนจัดงานวิชาการ และเพราะเพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดนาฎศิลป์ระดับประถมมา คุณครูประจำชั้นของครูจึงแจ้งว่าจะจัดแสดงรำชุดที่ไปชนะเลิศมาคู่กับการแสดงรำอีกชุดนึง กุลธิดากับเพื่อนๆที่ไปรำด้วยกันเลยต้องฝึกซ้อมรำกันทุกวันจนค่ำมืด บางทีถ้าครูมาแต่เช้า ก็จะเห็นกุลธิดาซ้อมรำโดยที่ใส่ชุดนักเรียนสีขาวกับจงกระเบนสีแดงสด อยู่ในห้องนาฎศิลป์คนเดียว
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมคะ?
หลังจากนั้น ผ่านไปจนถึงวันงานวิชาการ วันที่ทุกคนเฝ้าฝึกซ้อมเพื่อการแสดงนั่น ปรากฎว่า กุลธิดาเกิดป่วยขึ้นมา เธอเหมือนจะปวดท้องไม่รู้ว่าเพราะเครียดหรืออะไรก็ตาม ทำให้เธอถูกพาส่งห้องพยาบาลเพื่อไปนอนพัก เพื่อนครูอิดออดอยู่พักใหญ่ ร้องไห้เสียใจเพราะซ้อมกันมาอย่างหนัก พวกเพื่อนๆที่รำกับเธอเข้ามาหาที่ห้องพยาบาลพร้อมสัญญาว่าจะรำให้ดี
ครูดูออกนะคะว่ากุลธิดาเจ็บใจตัวเองมากแค่ไหน ที่ดันมาป่วยในเวลาสำคัญ คุณครูประจำชั้นเลยบอกว่าถ้าเธอรู้สึกดีขึ้นจนรำไหว ค่อยให้เธอแต่งตัวขึ้นเวที โดยให้เพื่อนสนิทที่รู้สึกจะชื่อ ชื่ออะไรนะ… สมมุติว่าน้ำฝนแล้วกัน ให้น้ำฝนเฝ้าไว้ให้ น้ำฝนอยู่เฝ้ากุลธิดาที่ห้องพยาบาล แล้วพวกเพื่อนๆที่ซ้อมรำกันมาก็ไปแต่งตัวรอรอบการแสดงของตัวเอง
ส่วนครูก็เดินเล่นดูงานวิชาการฆ่าเวลา เพราะกว่าห้องครูจะรำกันก็อีกตั้งชั่วโมง
ครูรีบวิ่งฝ่าผู้คนทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง จนแล้วจนรอดคนตัวเล็กๆแบบครูก็อยู่ได้แค่บันไดทางขึ้นหอประชุมเท่านั้น ครูเป็นคนมีความพยายามนะคะ ด้วยความอยากเห็นเพื่อนครูรำมาก เรียกได้ว่าอยากจะเอาไปโม้ให้ที่บ้านฟังว่าเพื่อนตัวเองรำสวยขนาดไหน คิดไปคิดว่าครูนึกขึ้นมาได้ นักเรียนเห็นโรงยิมข้างๆหอประชุมไหม สมัยก่อนน่ะ มันมีระเบียงที่สามารถมองเห็นเวทีหอประชุมจากทางขวาได้อย่างชัดเจน แต่พอมีคนตกลงมาทางโรงเรียนเลยทุบทิ้งไปแล้ว
นั่นแน่ อยากรู้เรื่องระเบียงโรงยิมเหรอคะ? ไว้คราวหน้าแล้วกัน
ครูเปลี่ยนแผนไปที่โรงยิมทันที ที่ระเบียงมีคนมารอดูการแสดงอยู่กันก่อนแล้ว ครูเลยเริ่มหาที่ยืนเพราะหูได้ยินเสียงดนตรีไทยดังขึ้น บรรเลงเป็นจังหวะไพเราะพร้อมๆกับเพื่อนนางรำห้องครูที่เดินออกมาจากทางซ้ายขวาของเวทีอย่างที่ฝึกซ้อมกันไว้ ครูดูเพลินๆไปได้ซักพัก ครูเริ่มแปลกใจขึ้นมา เพราะคนที่รำอยู่ตรงกลางเวทีคือ กุลธิดาในชุดรำเต็มยศ ไม่ใช่เหรอ?
ครูขยี้ตามองอีกครั้ง ก็ยังเป็นเพื่อนครูคนเดิม คำถามในใจครูคือ อ้าว หายแล้วเหรอ? อาจจะกำลังฝืนอยู่ก็ได้นะ แต่ภาพที่ครูเห็นเพื่อนครูก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดจากอาการปวดท้องเลย มินำซ้ำ เธอยังยิ้มเชิดฉายร่ายรำได้สวยงาม เหมือนที่ครูแอบมองทกวัน ทั้งตัวเธอ ทั้งรอยยิ้มเธอ ท่วงท่าการรำก็สว่างไสวจนทุกคนในหอประชุมตั้งใจดูการแสดงรำครั้งนี้จนจบ เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วหอประชุมปลุกให้ครูตื่นจากฝัน ครูตอนนั้นปลาบปลื้มใจมาก ขนาดครูไม่ได้รำเองแค่เป็นเพื่อนร่วมห้องยังรู้สึกขนาดนี้ คนที่รำอยู่ก็คงดีใจมากกว่าครูหลายเท่าตัวแน่ๆ
หมดการแสดงของห้องตัวเองแล้ว ครูยังอ้อยอิ่งดูการแสดงห้องอื่นอีกสักพัก ก่อนจะลงจากระเบียงโรงยิม มองหาเพื่อนสนิทตัวเองแต่ก็ไม่เจอ ครูเลยเดินคนเดียวเรื่อยเปื่อยดูนั่นดูนี่ จนใครบางคนมาจับมือครูข้างหลัง ครูตกใจหันไป ก็เจอหน้าซีดๆของเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง เขาถามหาครูประจำชั้นของครู ซึ่งครูบอกตามตรงว่าไม่รู้ เขาได้ยินแล้วกำลังจะวิ่งออกไป ครูที่งงๆเลยดึงเขาไว้แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนครูตอบกลับมายาวเหยียดแต่ครูจับใจความได้แค่คำว่า ห้องพยาบาล…
ครูวิ่งไปถึงก็สวนทางกับครูพยาบาลที่วิ่งอุ้มใครสักคนผ่านครูไป พร้อมกับน้ำฝนที่กำลังร้องไห้
พอเช้าครูเลยรู้ข่าวว่ากุลธิดาตายแล้ว ตายเพราะหัวใจล้มเหลว น่าจะเพราะว่าโหมซ้อมรำหนักมาตลอดสามเดือน ครูคิดว่าที่เขาบอกว่าปวดท้อง น่าจะเจ็บที่หน้าอกมากกว่า ส่วนน้ำฝนก็ไม่มาโรงเรียนอีกเลย เด็กอายุ10กว่าขวบตอนนั้นคงขวัญเสียน่าดู ทุกคนในห้องร้องไห้กันเกือบทุกคน ครูก็พึมพำว่าดีแล้วก่อนตายยังได้รำ...
คณะนางรำมองหน้าครูแล้วบอกว่า ไม่ใช่นะ พวกเขารำโดยไม่มีกุลธิดา
อ้าว...แล้วที่ครูเห็นบนเวทีล่ะ
เท่านั้นล่ะขนครูลุกทั้งตัวเลย
มาถึงตรงนี้แล้ว ให้ครูหยุดเล่าดีไหม? ค้างคาใจกันหรือคะ? งั้นก็ได้ค่ะ ครูจะเล่าให้ฟัง
ห้องพยาบาลปิดมาจนถึงเทอมใหม่ พวกเรารู้ก็เลยไม่มีใครอยากป่วยสักคน แล้วก็มีนักเรียนใหม่คนนึงที่ไม่สบาย น่าจะเป็นไข้เลยได้ไปนอนในห้องพยาบาลนั่น...
เตียงห้องนั้นมีสี่เตียงกั้นแยกกันด้วยม่านสีขาวบางๆ น้องคนนั้นนอนได้ซักพักก็ได้ยินเสียงหายใจหอบๆดังมาจากเตียงทางขวา หันไปมองเธอก็เห็นเด็กผู้หญิงผมยาวนอนห่มผ้าหันหลังให้ น้องเลยถามออกไปว่าเป็นอะไรไหม คนนอนเตียงนั้นก็ตอบกลับมาว่าหายใจไม่ออก หายใจไม่ออกซ้ำๆอยู่อย่างนั้น น้องเด็กใหม่เธอเลยเลิกม่านจะเข้ามาดู…
เธอรู้สึกแปลกๆ นิ่งคิดอยู่นานทบทวนความแปลกประหลาดนั่นในสมอง ก่อนจะกรีดร้องเรียกครูพยาบาลเสียงหลง
ที่เธอรู้สึกแปลกๆ...คือเมื่อเลิกม่านไป
เด็กหญิงผมยาวยังนอนหนุนหมอนอยู่เหมือนเดิม แต่ช่วงล่างตั้งแต่คอลงไปที่อยู่ใต้ผ้าห่ม...กลับแนบสนิมกับเตียงราวกับไม่มีร่างกาย
ราวกับมีเพียงลำคอ...
ที่วางอยู่บนหมอน...เท่านั้น
หึหึ ครูเตือนแล้วว่ามันน่ากลัว รู้สึกหนาวกันขึ้นมาเลยใช่ไหม? ระวังจะไม่สบายกันนะคะ
ขอให้สนุกกับการเรียนวันนี้นะคะ สวัสดีค่ะ