สุดารัตน์ สาวออฟฟิศที่ถูกเลิกจ้าง ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเธอได้เจอกับเพื่อนเก่าอย่างธีรกรเจอหน้ากันครั้งเเรกก็ไม่ชอบกันเเล้วมาดูกันว่าสองคนนี้จะลงเอยกันแบบไหน
ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ยัยเพื่อนเก่า,ธีรกร,สุดารัตน์,เพื่อนเก่า,บ้านไร่,เพื่อน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
"เกิดอะไรขึ้นคะน้องดา ว้าย ตายแล้วบอส!"
"ยังไม่ตายหรอค่ะพี่ปลา แต่ถ้าอยากตายดาช่วยได้นะ"
สายตาสวยเฉี่ยวเหลือบมองตัวช่วย ทำให้คนที่ไม่อยากตายจริง แหกปากดิ้นพราดๆ
"เอามันออกไป ไล่ออก! ไล่มันออก อิหมาบ้า อิควายป่า"
"หึ! ไม่ต้องก็ไม่อยู่มันเเล้วโว้ย บริษัทเฮงซวย เจ้านายก็ห่วยแตกหัวงูแบบนี้ ทำงานจนตายก็ไม่มีวันรุ่ง"
"เฮ้ย อิบ้าจะทำอะไร ช่วยด้วยด้วย ใครก็ได้เรียกตำรวจทีอ๊าก! "
บอสเมื่อเห็นฉันเข้ามาใกล้ก็กลัวเเละร้องออกมาเสียงดังลั่นห้อง
"อีกสักหมัดดีไหมคะ"
พลั่ง...คร่อก!
พอขาดคำฉันก็กำ กำปันชกใส่หน้านายชีกอจนสลบเหมือดคาที่ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเหล่าไทยมุงหน้าห้องและคุณเลขาที่ยืนหน้าซีดด้วยความตกตะลึก ก่อนเเหกปากลั่น
"ตายแล้วบอส"
ผลมากจากการชกหน้าไอ้หัวงูนั้นจนสลบคาที่ในครั้งนี้ทำให้สุดารัตน์ต้องขึ้นโรงพักครั้งเเรกในชีวิตและโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย มีหรือเธอจะยอมซวยคนเดียวไม่ใช่เธอที่ผิดคนเดียวสักหน่อย หญิงสาวเลยงัดหลักฐานเด็ดออกมาสู้ ยื่นคลิปเสียงให้ตำรวจฟังและเเจ้งความจับเจ้านายหัวงูเสียเลย
แม้สุดท้ายจะโดนปรับอยู่ดี
เธอไม่เสียดายเงินหรอนะ
เธอสะใจมากกว่าที่ได้ชกคนหัวงูจนสลบคาที่
หนอยกล้าดียังไงมาขอจับก้นเเละนมเธอ ไอ้คนบ้ากาม หน้าก็เหมือนปลาลิ้นหมา ยัยต้าเอาไปได้ยังไงก็ไม่รู้
ถึงจะอยากได้ตำแหน่งนั้น แต่ฉันก็ไม่ยอมลดตัวทำเรื่องบัดสีเเบบนั่นเเน่
ดูเหมือนว่ายัยต้าคงถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องจ่ายเพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนในบริษัทเธอก็โทรมาเม้าท์ให้ฟังว่ารายนั้นได้ตำเเหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปครองเเทนเธอสมใจ
ส่วนสุดารัตน์นั้นได้ซองขาวจากบริษัทเฮงซวยนั่นไปครองเเทนพร้อมเงินเดือนสี่เดือนสุดท้ายที่เกือบไม่ได้ถ้าเธอไม่ขู่เอาเรื่องไปลงเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และสื่อต่างๆ อย่าถามถึงโบนัสเลย แถมเธอยังถูกแบล็กลิสต์จากบริษัทเป็นการตอบเเทนความทุ่มเทตั้งใจทำงานสายตัวแทบขาดให้มาเกือบหกปีอย่างน่าเจ็บใจ
แล้วฉันจะไปหางานที่ไหนทำละ
"เฮ้อ"
พูดเเล้วก็เจ็บไอ้บอสเฮงซวยนั้น
"มะม๊า "
"มะม๊า"
"....."
สุดารัตน์มั่วแต่คิดเจ็บใจไอ้บอสบ้ากามนั้จนไม่ได้สนใจที่น้องก้องเรียก
"ห๊ะ อะไรครับน้องก้องคนเก่งของน้า
พูดจบฉันก็ยิ้มกว้าง
แล้วยกน้องก้องลอยขึ้นฟ้าและโยนน้องก้องขึ้นลงสองสามครั้ง
น้องก้องยิ้มหัวเราะพอใจที่ฉันทำแบบนั้น
"คงหิวละสิครับ เอ๊ะ กี่โมงเเล้วนะ"
พูดจบสุดารัตน์ก็ยกข้อมือขึ้นมาดูว่ากี่โมงเเล้ว
"เที่ยงยี่สิบเเล้วนี่น่า "
"ปะน้องก้องเดี๋ยวน้าทำข้าวต้มหมูที่น้องก้องชอบให้ทานนะครับ"
"ค่าบ "
พูดแล้วก็ตบมือดีใจ ที่จะได้กินของโปรดของตัวเอง
อยากรู้ใช่ไหมละว่าน้องก้องมาอยู่กับฉันได้ยังไงทำไมไม่ไปอยู่กับพ่อแม่
คืองี้พี่สาวฉัน ชื่อโร และ พี่เขยชื่อคิน นั้นประสบอุบัติเหตุเมื่อปีที่เเล้วตอนนั้นน้องก้องอายุสามขวบแล้ว
พี่โรเเต่งงานกับนักธุรกิจก็คือพี่คินนั้นเอง และมีลูกชายด้วยกัน วันหนึ่งพี่โรกับพี่คินขับรถจะกลับบ้านและเลิกงานดึกพี่โรทำงานที่บริษัทของพี่คินทำงานด้วยกัน วันนั้นก็ห้าทุ่มกว่าเเล้วตอนออกจากบริษัทฝนก็ตกหนักลมเเรงมากก็เลยมองไม่เห็นรถสิบล้อที่อยู่ข้างหน้าและถนนก็ลื่น เเถวนั้นก็ไม่มีแสงไฟรถของพี่คินชนท้ายรถสิบล้อเข้าอย่างจังสภาพรถพังยับเยินเสียชีวิต
พ่อแม่ของฉัน และพ่อแม่พี่คินก็เสียใจมาก พ่อแม่และน้องชายพี่คินก็บินกลับมาเมืองไทยทันทีที่
รู้ข่าวการตายของลูกชายคนโต พ่อกับแม่พี่คินและน้องชายอยู่กินและทำงานที่ประเทศแคนนาดาไม่ได้กลับประเทศไทยหลายปีแล้วตอนเเรกพี่คินก็อยู่กับพ่อแม่ที่เเคนนาดา แต่ว่าพี่คินแต่งงานกับพี่โร เลยย้ายมาอยู่ด้วยที่ไทย เพราะว่าพี่โรไม่อยากไปอยู่แคนนาดากับพี่คินเพราะไม่อยากอยู่ไกลพ่อกับแม่
และหลังจากนั้นพ่อแม่ของพี่คินบอกฉันว่าจะยกน้องก้องให้ฉันเลี้ยงเเล้วก็จะส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ฉันเดือนละสามหมื่นบาท
และค่าเหนื่อยที่ฉันต้องเลี้ยงดูน้องก้องอีกหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
บอกว่าพ่อกับเเม่ไม่มีเวลาเลี้ยงเพราะทำงานไม่มีใครดู จะจ้างพี่เลี้ยงก็ดูจะไม่ปลอดภัยเพราะพี่เลี้ยงอาจจะทำร้ายเด็กตอนที่ที่เราไม่เห็นก็ได้ บางคนอาจจะไม่ชอบเด็กและมาทำงานนี้เพราะอยากได้เงินเยอะก็ได้ ที่ทำงานของพ่อกับแม่น้องชายพี่คินอยู่ไกลจากบ้านยี่สิบปวดกิโลเมตร และถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เดินทางไกลกลับมาดูอีก และวันไหนที่เหนื่อยเเละกลับดึกก็จะนอนที่นั้นเป็นประจำนานๆทีถึงจะกลับมาบ้านถ้าเอาไปที่ทำงานด้วยก็ไม่ได้เพราะที่บริษัทมีกฎห้ามเอาเด็กเข้ามาที่บริษัทเพราะมันจะวุ่นวายและทำให้พนักทุกคนจะทำงานไม่เสร็จ ก็เลยตัดปัญหาด้วยการยกให้ฉันเลี้ยง แต่ฉันก็มาคิดๆดูแล้วมันก็ดูลำบากจริงๆอย่างที่แม่พี่คินว่า ก็เลยถามคุณจิตตรากับคุณนวัฒน์ซึ่งเป็นพ่อของฉันเอง ว่าจะเอาไงกันดี พ่อกับเเม่ฉันก็เห็นด้วยกับคุณอรและคุณสุชาติพ่อแม่ของพี่คิน
ฉันก็ตอบตกว่าฉันจะรับเลี้ยงน้องก้องเพราะน้องก็เป็นหลานของฉันเหมือนกัน
และวันไหนน้องชายของพี่คินว่างจะบินมาหาหลานชาย แม่ของพี่คินบอกไว้ก่อนจะกลับแคนนาดา
ตอนนี้น้องก้องก็อายุสี่ขวบแล้วฉันเลี้ยงน้องก้องมาหนึ่งปีแล้วแต่ฉันก็จ้างพี่เลี้ยงที่รู้จักกันดี
เพราะป้านาเป็นป้าของนทีเพื่อนชายของฉันเอง ไอ้ทีมันถามว่าหางานให้ป้าของมันหน่อย งานหายากมากสำหรับคนอายุห้าสิบห้าปี
"แกจะหางานให้ใคร"
"ป้านา"
"หรอ..."
สุดารัตน์คิดอะไรดีๆออกแล้วจึงพูดขึ้นอย่างดีใจว่า
"ป้าของแกเลี้ยงเด็กสามขวบได้ไหม"
"ได้ ทำไมวะ"
นทีถามออกมาอย่างสงสัย
"ก็ฉันจะให้ป้าของแกมาเลี้ยงหลานฉันไง ฉันให้เลยนะเก้าพันบาทต่อเดือน ถ้าทำงานเกินเวลาก็ชั่วโมงละสิบห้าบาท
ถ้าตอบตกลงตอนนี้ให้เลยจ๊ะ
แต่ถ้าช้าก็ลดลงมาเดือนละ เจ็ดพันห้า เพราะฉันต้องการคนมาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องก้องวัน
พรุ้งนี้เลย เพราะฉันไม่มีเวลา"
"เดี๋ยวฉันโทรถามตอนนี้เลย"
"โอเค"
หลังจากนั้นป้านาก็ตอบว่าเลี้ยงเด็กได้ เลี้ยงเด็กนี้งานถนัดเลย