เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด
รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กันต์รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่จุกอยู่ในลำคอขณะเดินไปยังห้องทำงานของผู้จัดการ เสื้อเชิ้ตแขนยาวของเขาเปียกและเหลือคราบที่ล้างออกไม่หมด ข่าวเหตุการณ์เมื่อเช้าได้กระจายไปทั่วทั้งบริษัทราวกับไฟป่า ทุกคนรู้เรื่องที่มีแก๊งทวงหนี้มาดักทำร้ายเขาตรงโถงหน้าลิฟต์อาคาร และตอนนี้เขาต้องเผชิญกับผลที่ตามมา
กันต์เคาะประตูเบา ๆ และเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงอันดุดันของคุณเมธีผู้จัดการของเขา คุณเมธีเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงสง่าจัดได้ว่าดูดีกว่าผู้ชายในรุ่นราวคราวเดียวกัน สายตาและคำพูดที่เคร่งขรึมทำให้เขาเป็นที่ยำเกรงของลูกน้องทุกคน
“นั่งลงก่อนสิ” คุณเมธีพูดโดยไม่ละสายตาจากเอกสารบนโต๊ะ
ความเงียบแผ่ขยายออกมาจนชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ จนในที่สุดคุณเมธีก็เงยหน้าขึ้นมา
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” คุณเมธีเริ่มด้วยน้ำเสียงเย็นชาและหนักแน่น “พนักงานของเราชกต่อยกับบุคคลภายนอกกลางโถงอาคาร เรื่องนี้ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง รู้ไหมว่ามันกลายเป็นคลิปว่อนอยู่ในโซเชียลมีเดีย และผมไม่อนุญาตให้พนักงานของผมเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ได้”
กันต์กลืนน้ำลายลงคอ “ผมขอโทษจริง ๆ ครับผู้จัดการ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นครับ”
คุณเมธีโน้มตัวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาหรี่ลง “ไม่ว่าจะคาดคิดหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องเก็บปัญหาส่วนตัวของคุณให้ห่างจากที่ทำงาน ที่นี่เราทำงานกันอย่างมืออาชีพ และผมก็คาดหวังให้พนักงานของผมประพฤติตัวตามนั้น ถ้าหากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ผมไม่ลังเลที่จะยุติสัญญาจ้างงานของคุณทันที เข้าใจใช่ไหม คุณกันต์กวินท์”
“ครับผู้จัดการ” น้ำเสียงของเขาแทบจะเหลือแค่เสียงกระซิบ “ผมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
“ดี” คุณเมธีพูดพร้อมกับโบกมือไล่เขา “ตอนนี้คุณกลับไปทำงานได้แล้ว”
กันต์เดินออกจากห้องทำงานผู้จัดการ คำพูดของคุณเมธีหนักอึ้งอยู่บนไหล่ของเขา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานจับจ้องมาที่เขา บ้างมองด้วยความสงสาร บ้างก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงกระซิบกระซาบทำให้กันต์รู้สึกอึดอัด เขาทำได้เพียงก้มหน้าและเดินไปเรื่อย ๆ ปฏิเสธที่จะสบตาใครทั้งนั้น
กันต์กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว ชายหนุ่มจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และพยายามเพ่งความสนใจไปยังงานที่ทำอยู่ แต่จิตใจของเขายังจดจ่ออยู่กับคำพูดของคุณเมธี รู้สึกเหมือนสายตาของทุกคนในออฟฟิศกำลังมองมาที่เขา
นาทีรู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมง ในขณะที่เขาทำงานอย่างเงียบ ๆ โลกรอบตัวดูจะไม่เป็นมิตรอีกต่อไป รู้สึกพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ได้แต่หวังว่าเรื่องซุบซิบนินทาจะหมดไปและสิ่งต่าง ๆ จะกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน
“โดนหนักเลยล่ะสิ” เสียงอิทธิ์พูดอยู่ข้าง ๆ สีหน้าสงสัยใคร่รู้ “ไหวหรือเปล่าเพื่อน”
กันต์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อน “แย่สุด ๆ” เขายอมรับพร้อมกับถอนหายใจ
อิทธิ์พยักหน้าให้ “อดทนหน่อยนะ เสียใจไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไว้เราค่อยหาวิธีแก้ปัญหากันใหม่”
กันต์ลูบขมับ ความเครียดสะสมจากสถานการณ์กดดัน “ฉันรู้ แต่ฉันไม่เห็นทางออกเลย มีวิธีไหนที่จะหาเงินได้เร็วแบบไม่ต้องปั่นสล็อตหรือกู้เงินอีกไหม”
อิทธิ์หยุดคิดชั่วครู่ไตร่ตรองกับคำถาม “เอาล่ะ” เขาเริ่มช้า ๆ “วันนี้คริปโตฯ เป็นยังไงบ้าง”
“โธ่ ฉันยังติดดอยอยู่เลยเนี่ย” กันต์ปวดขมับกว่าเดิม
อิทธิ์โน้มตัวลงเล็กน้อย “ทำไมนายไม่ลองเทรดฟิวเจอร์สดูล่ะ บิตคอยน์ไม่ยอมขึ้นก็ชอร์ตมันไปเลย ใช้เลเวอเรจเยอะ ๆ เพิ่มเงินลงทุนขึ้นอีก แทงถูกครั้งเดียวรวยเละเลยนะ”
กันต์มองค้อน “ใครจะไปรู้อนาคตว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นหรือจะลง คราวก่อนนายก็บอกได้ข่าวมาจากวงในว่าเหรียญมีมจะขึ้น แล้วดูสิเป็นยังไงล่ะ จากกำไรเป็นกำปั้นเข้าลิ้นปี่จุก ๆ”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “แล้วตอนนี้ยังจะมาแนะนำให้ฉันเทรดฟิวเจอร์สอีก กลับไปทำงานเลยไป”
“ชีวิตก็คือการเสี่ยงโชคอยู่แล้วเพื่อน นายน่าจะลองเสี่ยงดวงอีกครั้งเผื่อครั้งนี้ชีวิตอาจจะดีขึ้น ไม่ลองก็ไม่มีทางรู้” อิทธิ์พูดเรียกความกล้าให้กับเพื่อนของเขา
กันต์พยักหน้าช้า ๆ ซึมซับคำพูดของอิทธิ์ “เอาเถอะ ไว้ฉันจะลองคิดดู”
อิทธิ์ยิ้มพร้อมตบไหล่เพื่อน “มันต้องแบบนี้สิ ถ้านายต้องการคำแนะนำหรือใครสักคนคุยด้วย ฉันอยู่ที่เดิมนะ”
บางทีอิทธิ์อาจจะพูดถูก ด้วยความตั้งใจใหม่ กันต์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใช้เวลาที่เหลือในช่วงเช้าเปิดดูกราฟและสกุลเงินดิจิทัลในโทรศัพท์มือถือ เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ไม่เคยคิดจะลองเลยสักครั้งเดียว มันคงไม่ง่ายนัก แต่ถ้ามีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงิน เขาก็เต็มใจจะรับมัน
หลังถูกผู้จัดการเรียกเข้าไปพบก็ไม่มีใครในออฟฟิศอยากจะยุ่งกับเขาอีก ชายหนุ่มใช้เวลากว่าชั่วโมงในการดูกราฟบิตคอยน์ พยายามทำความเข้าใจรูปแบบที่ผันผวน ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ความสิ้นหวังทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น
กันต์ครุ่นคิดอยู่ไม่กี่นาทีจึงตัดสินใจโอนเงินจากบัญชีธนาคารที่มีอยู่เข้าไปในแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล พร้อมกับขายเหรียญที่ติดดอยทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสเตเบิลคอยน์ นิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็วไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงถอนเหรียญไปยังแพลตฟอร์มซื้อขายของต่างประเทศ การทำธุรกรรมทั้งหมดผ่านไปด้วยดี หลังจากนี้คือส่วนที่ยากที่สุด
ข้อดีของการเทรดฟิวเจอร์สคือช่วยให้นักลงทุนเก็งกำไรได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง และยังสามารถใช้อัตราทดทำให้เงินมูลค่าน้อยซื้อจำนวนบิตคอยน์ในมูลค่ามากกว่าได้ เป็นการเดิมพันที่สูงมาก เขาอาจจะสูญเงินทั้งหมดหรือไม่ก็กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
“เสี่ยงมากรวยมาก เสี่ยงน้อยรวยน้อย ไม่เสี่ยงก็ไม่รวย” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองพยายามเรียกความมั่นใจออกมา นิ้วของเขาเลื่อนไปบนหน้าจอ ก่อนจะกดปุ่มเพื่อยืนยันคำสั่งการเปิดสัญญาชอร์ตในที่สุด
ทันใดนั้นกันต์ก็รู้สึกได้ถึงอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่าน หัวใจเต้นแรงราวกับกลองในอก ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือมองดูแท่งกราฟขยับขึ้นลง ในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ชีพจรของเขาเต้นเร็วขึ้น ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ อาจจะเป็นไปตามที่เขาต้องการเมื่อกราฟราคาเริ่มขยับลดลง ตอนนี้กันต์มองเห็นกำไรแล้ว
ความหวังที่จะเปลี่ยนสองหมื่นกว่าบาทให้กลายเป็นเงินแสนชัดเจนขึ้น เมื่อราคาบิตคอยน์ขยับลดลงทำให้เขาได้กำไรเกือบสามเท่าของเงินลงทุนจากการเทรดแบบใช้อัตราทด 1 ต่อ 100 กันต์เริ่มฝันหวานถึงรถยนต์ป้ายแดงคันใหม่ แต่ตอนนี้กำไรทั้งหมดยังไม่เป็นของเขาจนกว่าจะปิดสัญญา
ไม่ทันที่ฝันจะกลายเป็นจริงทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อจู่ ๆ กราฟบิตคอยน์ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกำไรกลายเป็นติดลบ ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวเมื่อมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแค่ชั่วพริบตาเขาก็สูญเสียเงินที่มีอยู่ทั้งหมด ความตกใจและความกลัวทำให้ชายหนุ่มนั่งนิ่งเหมือนคนเป็นอัมพาต สายตาของเขาพร่ามัวขณะจ้องมองหน้าจอมือถืออย่างไม่เชื่อสายตา ความรู้สึกของคนพอร์ตแตกมันเป็นแบบนี้เอง
“แม่ง แม่ง แม่ง แม่ง แม่ง แม่ง เฮงซวย บ้า บ้า บ้า บ้าที่สุด” เขาสาปแช่งอยู่ในลำคอ ตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ
เพื่อนร่วมงานไม่มีใครกล้าเข้ามาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น กันต์โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วซบหน้าไว้ในมือ ปัญหาการเงินหนักขึ้นกว่าเดิม เขาเสี่ยงดวงและตอนนี้ก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ทำได้คือนั่งอยู่ในความเงียบ ต่อสู้กับรสชาติอันขื่นขมของความล้มเหลวและเสียใจ
อิทธิ์เดินมาตบไหล่เขาเบา ๆ “พักกลางวันแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะเพื่อน”
ชายหนุ่มที่เหมือนกับระเบิดรอให้มีคนมาเหยียบลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่อิทธิ์ทันที
“นี่เป็นความผิดของแก” กันต์ตะโกน น้ำเสียงของเขาสั่นไปด้วยความโกรธ “ฟิวเจอร์สงั้นหรือ เงินก้อนสุดท้ายของฉันไม่เหลือแล้ว”
ใบหน้าของอิทธิ์เต็มไปด้วยความตกใจและสับสน “อะไรของนาย นี่ฉันพยายามจะช่วยอยู่นะ”
“ช่วยกับผีน่ะสิ” กันต์ตะคอก “ฉันหมดตัวแล้วเพราะแก แกควรจะเป็นเพื่อนฉัน แต่ที่แกแนะนำมีแต่ทำลายชีวิตของฉัน”
อิทธิ์ยืนตกตะลึงและพูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็โพล่งออกไป “แล้วฉันไปบังคับนายเล่นหรือยังไง ทั้งคริปโตฯ ทั้งฟิวเจอร์ส ฉันไม่ได้จับมือบังคับให้นายทำนั่นทำนี่เสียหน่อย ฉันจะบอกให้รู้ไว้ นายทำตัวเองทั้งนั้น”
อิทธิ์รู้ตัวว่าพูดแรงเกินไปแต่เขาหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ เมื่อพยายามจะอธิบายอีกครั้งแต่กันต์ก็เดินออกไปแล้ว ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบงันขณะที่เพื่อนร่วมงานมองดูเหตุการณ์ด้วยสายตาตกตะลึงและพูดไม่ออก
อิทธิ์ค่อย ๆ จัดคอเสื้อ เขามองไปรอบ ๆ ใบหน้าที่เป็นกังวลจ้องมองมาที่เขาและฝืนยิ้มอ่อน ๆ “ไม่เป็นไรครับ” เขาประกาศกับทุกคนพยายามทำให้มั่นใจ “ก็แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
ความตึงเครียดทวีขึ้นอย่างชัดเจน อิทธิ์รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่กลับมาเป็นปกติง่าย ๆ เขาถอนหายใจลึก ๆ ลูบหลังคอแล้วยิ้มออกมา พลางสงสัยว่าจะทำยังไงกับเพื่อนคนนี้ต่อไปดี
ชายหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียเงินทั้งหมดผละออกมาจากออฟฟิศโดยไม่แยแสใครทั้งสิ้น สองขาเดินไปข้างหน้าแต่ละก้าวไม่รู้สึกถึงน้ำหนักตัว เขาเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจเต็มไปด้วยความเสียใจและการตำหนิตัวเอง
ประตูเปิดออกเผยให้เห็นดาดฟ้าของอาคารบริษัท กันต์ก้าวออกไปข้างนอก สายลมปะทะกับใบหน้าทำให้เขายืนเหม่อลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่ ในที่สุดก็พบมุมเงียบสงบที่เขาสามารถนั่งลงได้ กันต์ย่อตัวลงกับพื้นหลังพิงผนังคอนกรีตเย็น ซุกใบหน้าไว้ในฝ่ามือ น้ำตาอุ่น ๆ เริ่มไหลออกมาพร้อมกับอารมณ์ทั้งหมด ปัญหาหนักอึ้งที่กดทับทำให้หายใจลำบาก
ชายหนุ่มอยู่ที่นั่นตลอดช่วงพักกลางวัน สายตาของเขาจดจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยความคับแค้นใจ มองดูกราฟบิตคอยน์ที่ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 10% จนกระทั่งมีการเทขายอย่างรวดเร็วราคาของบิตคอยน์จึงกลับมาอยู่ตรงจุดเดิมที่เขาเปิดสัญญาขายชอร์ตเอาไว้ กันต์ปิดโทรศัพท์ไม่อยากเห็นมันอีกต่อไป
เสียงของเมืองที่อยู่ด้านล่างดังอู้อี้ไม่ชัดเจน เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ขณะนี้ดวงอาทิตย์ทอดเงาเข้ามาใกล้เป็นสัญญาณให้รู้ว่าถึงเวลาต้องกลับไปเผชิญโลกความเป็นจริง นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก
เขากลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน เวลาเหมือนผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกนาทีรู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์ ชายหนุ่มแทบไม่ได้ตระหนักถึงงานตรงหน้าที่เขาควรจะทำ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาสิ้นสุดวันทำงาน กันต์ก็ไม่รีรอที่จะเดินออกมาจากออฟฟิศเป็นคนแรก
ชายหนุ่มซึ่งเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันลากร่างอันเหนื่อยล้าลงจากสถานีรถไฟฟ้า ชอกช้ำทั้งกายและใจ เขาเดินถือโทรศัพท์คุยกับครอบครัวและเตร็ดเตร่อยู่บนถนนสายหลักนานนับชั่วโมง หวังจะลืมเรื่องเลวร้ายและได้กำลังใจกลับคืนมาบ้าง กว่าจะมาถึงปากซอยอะพาร์ตเมนต์ก็ใกล้พลบค่ำ แสงไฟในเมืองพร่ามัว เขาเดินเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงเข้าไปในซอยโดยไม่รู้ถึงอันตรายที่ซุ่มซ่อนรออยู่ในความมืด
โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า หมัดของชายร่างผอมแห้งพุ่งเข้าที่กกหูของกันต์อย่างจัง หนุ่มออฟฟิศล้มลงไปกองกับพื้นทันที โทรศัพท์หลุดมือตกกระแทกพื้นหน้าจอแตกเศษกระจกกระจายเกลื่อน ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งร่าง
“ไอ้ลิงวอก ฉันรอแกตั้งนานเพิ่งจะโผล่หัวมา” มันเตะซ้ำเข้าที่ท้องอีกหลายครั้ง ลิงวอกตัวงอเป็นกุ้งทันที
เด็กวัยรุ่นผมแดงแสยะยิ้ม ก่อนจะล้วงเอากระเป๋าสตางค์ไปจากกางเกงของเขา แต่กันต์ไม่เหลือของมีค่าติดตัวเลย ช่วยไม่ได้ที่พวกมันจะปลดนาฬิกาข้อมือที่ชายหนุ่มสวมอยู่ แต่เมื่อหัวหน้าอันธพาลสังเกตเห็นเข็มนาฬิกาไม่ขยับจึงโยนทิ้งด้วยความรังเกียจ มันสบถด่าหนุ่มออฟฟิศอย่างสะใจ
ทันใดนั้น ร่างกำยำของนายช่างก็โผล่ออกมาจากเงามืดเหมือนปีศาจ “นั่นนาฬิกาของฉัน” เขาตะโกนเสียงดังก้อง “แกจะโยนทิ้งเหมือนขยะไม่ได้”
ด้วยความว่องไวจนน่าประหลาดใจ มือแข็งแรงเต็มไปด้วยเส้นเลือดกำแน่นชกเข้าที่จมูกของไอ้ตัวโตอย่างรวดเร็ว แรงหมัดทำให้มันล้มกลิ้งเหมือนผลไม้ที่ร่วงจากต้น อันธพาลร่างผอมและเด็กผมแดงไม่รอให้นายช่างเข้าใกล้ พวกมันวิ่งเตลิดไปคนละทิศละทางทันที ยักษ์ใหญ่ลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซตามไปอีกคน
“วันนี้แกโชคดีนะไอ้ลิงวอก แต่มันยังไม่จบแค่นี้ ฉันจะไม่หยุดจนกว่าเจ้านายของฉันจะได้เงินทั้งหมด จำใส่หัวเอาไว้” เสียงแหบพร่าดังมาในความมืดจากทิศทางที่พวกมันวิ่งหนีไป
นายช่างหยิบนาฬิกาขึ้นมาสำรวจความเสียหาย จากนั้นจึงเดินมาหาหนุ่มออฟฟิศที่ตอนนี้กำลังนอนแผ่หลาพร้อมกับยื่นมือออกไปช่วยดึงให้ลุกขึ้น
“ยืนไหวไหม” เขาถามด้วยเสียงที่เบาลงแล้ว
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มพึมพำทั้งที่ยังตกใจจากการถูกลอบทำร้าย เขาก้มลงเก็บกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือแต่พบว่าหน้าจอแตกเสียแล้ว “นายช่างช่วยชีวิตผมไว้อีกแล้ว”
“เรื่องเล็กน่า” ชายร่างใหญ่พูดปัด “มาเถอะ ฉันเริ่มหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลย” กันต์ส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสลด
“ไม่ต้องห่วงฉันเลี้ยงเอง” ใบหน้าเหี้ยมกลอกตาแล้วยิ้ม
“แต่นายช่างเป็นคนช่วยผมไว้นะครับ” หนุ่มออฟฟิศยกมือปฏิเสธ รู้สึกเหมือนตัวเขาหดเล็กลง
“หุบปากแล้วตามฉันมาไอ้หนุ่ม” นายช่างพูดเป็นเชิงบังคับ
กันต์ตอบตกลงด้วยความรู้สึกละอายนิด ๆ แต่ในที่สุดเขาก็เดินตามร่างกำยำออกไปบนถนนสายหลักอันพลุกพล่าน ชายทั้งสองคนมาจนถึงร้านบ็อทเทิลแอนด์บลูส์ สถานที่ที่พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก เสียงเพลงและแสงไฟสลัวช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศผ่อนคลาย ในร้านมีลูกค้าไม่มากนัก ทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะใกล้กับบาร์ นายช่างสั่งเบียร์พร้อมกับแกล้ม
คนหมัดหนักยกแก้วขึ้นกระดกเบียร์อึกใหญ่ “รู้ไหมทำไมฉันถึงชอบให้ใคร ๆ เรียกว่านายช่าง” คำถามของชายร่างใหญ่ทำลายความน่าเบื่อ
กันต์เลิกคิ้ว “ทำไมล่ะครับ” สีหน้าแสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น
นายช่างเอนหลังบนเก้าอี้ รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนริมฝีปากของเขา “ฉันมีฝีมือในการซ่อมแซมสิ่งของได้หลายอย่าง เพราะฉันไม่ชอบเห็นของต่าง ๆ ต้องถูกโยนทิ้ง ฉันชอบซ่อมมันมากกว่า และฉันจะดีใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่พังกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมอีกครั้ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงและจริงจัง
“แต่ในบรรดาสิ่งของที่ฉันเคยซ่อมฉันหลงใหลนาฬิกาที่สุด มันน่าทึ่งมาก กลไกเล็ก ๆ ที่สลับซับซ้อนช่างดูสวยงามราวกับงานศิลปะ ทุกชิ้นส่วนทุกฟันเฟืองผสานกันอย่างลงตัวเกิดเป็นเครื่องมือที่ใช้บ่งบอกเวลา”
เขาเอื้อมมือคว้าขวดเบียร์รินใส่แก้ว “นาฬิกายังคอยย้ำเตือนฉันว่าในหนึ่งวันทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าเทียมกัน”
กันต์พยักหน้า ประมวลคำพูดของชายที่ช่วยชีวิตเขาไว้
“แล้วที่ฉันหลงใหลอีกอย่างนอกจากการซ่อมแซมสิ่งของ ก็คือการได้เฝ้ามองชีวิตประจำวันของผู้คน คนแบบนาย คนที่ชีวิตกำลังผุพัง ฉันไม่ชอบเห็นใครเอาชีวิตไปทิ้ง” น้ำเสียงของเขาเริ่มหนักแน่นมากขึ้น
กันต์ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มบ้าง “นายช่างคิดว่าชีวิตผมมันยังซ่อมได้ไหมครับ ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ชายผู้ผ่านโลกมานานยิ้ม “แน่นอนสิ แต่ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ฉันเป็นแค่คนยื่นเครื่องมือให้ส่วนคนที่จะซ่อมมันต้องเป็นตัวของเธอเอง”
กันต์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจ “สัปดาห์นี้ผมทำหลายเรื่องที่ไม่สมควรทำ” เขายอมรับ “ทุกอย่างเลยวุ่นวายไปหมด ผมก่อเรื่องเองผมก็จะหาทางแก้ไขด้วยตัวเอง หวังว่ามันยังไม่สายเกินไป”
นายช่างเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาวางลงบนไหล่ของชายหนุ่ม “ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ฟังนะ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ พรุ่งนี้เป็นวันใหม่ก็มาลองหาคำตอบกันอีกครั้ง คิดทบทวนหลาย ๆ รอบ สังเกตสิ่งต่าง ๆ และจดจำเอาไว้ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหน แล้วในที่สุดเธอจะค้นพบวิธีแก้ปัญหาเอง”
มือหนาล้วงนาฬิกาออกจากเสื้อแจ็คเก็ตแล้วยื่นให้หนุ่มออฟฟิศอีกครั้ง “เก็บเอาไว้ดี ๆ นาฬิกานี้มันสำคัญมาก”
กันต์หยิบนาฬิกามาสวมไว้ดังเดิม รู้สึกถึงน้ำหนักที่ข้อมือซ้าย “ขอบคุณนะครับ ถ้าสัปดาห์นี้ผมรอดไปได้จะไม่ลืมพระคุณเลย”
ค่ำคืนอันเลวร้ายผ่านไปอย่างช้า ๆ ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้กันต์พบว่าหนังตาเริ่มหนักอึ้ง ในที่สุดเขาก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะไม่สามารถต่อสู้กับความง่วงได้อีกต่อไป และสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงของนายช่างพยายามเรียกเขาให้ตื่นแต่ไม่สำเร็จ