เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด
รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กันต์นั่งอยู่ในห้องขังที่มีแสงสลัวบนสถานีตำรวจ ระยะห่างระหว่างเขากับเหล่าอันธพาลถูกแบ่งกั้นอย่างชัดเจนโดยลูกกรงเหล็กสีดำ ชั่วโมงผ่านไปในความเงียบอันตึงเครียด ทันใดนั้นร้อยเวรก็เดินเข้ามาเรียกชื่ออันธพาลทั้งสามคน
“พวกคุณได้รับการประกันตัวแล้ว” เจ้าหน้าที่ประกาศ สีหน้าของกลุ่มนักเลงทวงหนี้เปลี่ยนเป็นยินดี
กันต์มองไอ้ร่างผอมยิ้มเยาะให้เขา ใบหน้าของมันบวมช้ำตาซ้ายแทบจะปิดสนิท และไอ้ยักษ์ใหญ่มีผ้าก๊อซปิดไว้ที่หูกำลังเดินตามลูกพี่ของมันไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนเด็กผมแดงแทบไม่กล้าสู้หน้าเขา กันต์มองดูสามอันธพาลจากไป ประตูห้องขังปิดเสียงดังตามหลัง ทั้งห้องกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง
เข็มนาฬิกาบนผนังเดินไปอย่างช้า ๆ ความสะใจที่เอาชนะพวกนักเลงเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอ้างว้าง นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกจับเข้าห้องขัง กันต์นั่งถอนหายใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
ชายหนุ่มเกือบจะถอดใจจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาและเรียกชื่อ “กันต์กวินท์ ได้รับการประกันตัว” หัวใจของเขาพองโต ใครกันนะที่มาช่วย และเมื่อก้าวออกจากห้องขังจนพ้นทางเดินชายหนุ่มก็ได้เห็นภาพที่ไม่คาดคิด สาวผมบ๊อบสั้นหน้าม้าตาเฉี่ยวที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ทเมนต์เดียวกับเขายืนกอดเอกสารอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“เฟิร์น” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันปนประหลาดใจ
เธอส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้เขา “ดังใหญ่แล้วนะ เฟิร์นเห็นคลิปพี่กันต์ที่เขาแชร์ต่อ ๆ กันมา ก็เลยสงสัยว่ามีใครประกันตัวให้พี่กันต์แล้วหรือยัง อะไรเนี่ย เพื่อนเลิกคบหมดแล้วหรือคะ”
“ขอบคุณนะ ไว้พี่จะชดใช้คืนให้” เขาพูดน้ำเสียงแทบจะเหมือนกระซิบ อารมณ์ของกันต์ปั่นป่วน เขารู้สึกทั้งโล่งใจและปิติยินดี
เฟิร์นพยักหน้า “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
ขณะเดินออกจากสถานีตำรวจ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะมองกลับไปเป็นครั้งสุดท้าย ค่ำคืนนี้มืดมน แต่เมื่อมีเฟิร์นอยู่เคียงข้าง เขาก็ตระหนักว่าบางครั้งความช่วยเหลือก็มาจากคนที่เราไม่คาดคิดที่สุด
แสงไฟส่องสลัวบนทางในความมืด สามอันธพาลเพิ่งถูกตำรวจจับวันนี้พร้อมกับเขา พวกมันคงไม่กล้ากลับมาก่อเรื่องอีก ลมพัดแผ่ว ๆ ใบไม้สั่นไหวส่งเสียงเสียดสีเป็นจังหวะเหมือนเพลงกล่อม ชายหนุ่มและหญิงสาวกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและหวังดีต่อกัน
ประตูลิฟต์เปิดออกบนชั้นสี่ เฟิร์นพาชายหนุ่มผู้โชคร้ายเดินมาส่งจนถึงห้อง หญิงสาวหยุดที่ประตูและหันมามองเขา “ให้เฟิร์นช่วยทำแผลนะคะ” เธอยืนกราน
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้เจ็บอะไรมาก” กันต์ตอบและพยายามปัดความกังวลของเธอ
แต่การแสดงออกของเฟิร์นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ทำไมพี่กันต์ไม่หนีไป พวกมันมีกันตั้งสามคน เฟิร์นเห็นนะว่าพี่กันต์เจ็บตรงไหนเจ็บอย่างไร และเฟิร์นจะไม่ยอมกลับจนกว่าจะทำแผลให้พี่กันต์เสียก่อน”
กันต์ถอนหายใจเมื่อรับรู้ถึงความดื้อรั้นในดวงตาของหญิงสาว “ก็ได้ เอาล่ะเข้ามาสิ” เขายอมแพ้ในที่สุด
หนุ่มออฟฟิศเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปข้างในโดยมีนักศึกษาร่างบอบบางเดินตามมาติด ๆ เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ ก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ภายในห้องนั้นสะอาด เตียงนอนดูอบอุ่นกว่าที่เธอคาดไว้ แสงไฟนวลตาส่องสว่างพื้นที่เป็นระเบียบ หนังสือถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อยบนชั้นวาง
“นี่มัน…น่าอยู่มากเลย” เฟิร์นพูด ความประหลาดใจปรากฏชัดในน้ำเสียงของเธอ
กันต์ยักไหล่อย่างภูมิใจ “แล้วเฟิร์นคิดว่าจะเจออะไรในนี้ เล้าหมูอย่างงั้นหรือ”
หญิงสาวยิ้มอย่างเขิน ๆ “เปล่า ก็แค่…ไม่เหมือนที่เฟิร์นคิดเอาไว้”
กันต์สังเกตเห็นว่าเธอยังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง “เลิกสอดแนมห้องพี่แล้วมาดูแผลได้แล้ว”
เฟิร์นพยักหน้า ตาเฉี่ยวคมเริ่มฉายแววจริงจังอีกครั้ง “ไปนั่งบนเก้าอี้แล้วถอดเสื้อออกด้วยค่ะ เฟิร์นจะดูว่ามีแผลตรงไหนบ้าง”
กันต์ยอมนั่งลงและค่อย ๆ ถอดเสื้อเชิ้ต เฟิร์นหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋า เธอนั่งลงข้างชายหนุ่มตรวจดูรอยฟกช้ำตามลำตัวและบาดแผลเล็ก ๆ เหนือคิ้วข้างซ้าย
“นี่จะแสบหน่อยนะ” เธอเตือนขณะป้ายยาฆ่าเชื้อบนแผลสด
กันต์สะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้บ่นอะไร เขาเฝ้าดูขณะเฟิร์นปฐมพยาบาลอย่างระมัดระวัง มือเรียวเล็กของเธอช่างอ่อนโยน
“ขอโทษนะที่พี่ทำให้เฟิร์นต้องมาลำบากวันนี้” เขาพูดเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เฟิร์นเงยหน้าขึ้นพลันสบตากับเขา แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าว “ก็…ถ้าไม่มีเฟิร์นแล้วใครจะดูแลพี่กันต์ล่ะคะ”
เฟิร์นปิดแผลเหนือคิ้วซ้ายด้วยพลาสเตอร์ กันต์ถือโอกาสสำรวจใบหน้าของเธอ นานแล้วที่เขาไม่ได้มองผู้หญิงใกล้ชิดขนาดนี้ หญิงสาวคิ้วโก่งเรียวเล็ก ตาเฉี่ยวคมเข้มดูเฉลียวฉลาดมั่นใจแต่ดื้อรั้น ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อเหมือนสีของผลเชอร์รี่ จมูกเชิดขึ้นนิดหน่อยเสริมให้ใบหน้าดูเก๋
ทั้งหมดนี้รวมกันทำให้เฟิร์นเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ดึงดูดไม่เหมือนใคร แต่เขาเพิ่งมาสังเกตเห็นเธออย่างชัดเจนในวันนี้ ความทุ่มเทเอาใจใส่ของเฟิร์นเป็นด้านที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และมันเข้าไปสะกิดบางสิ่งในห้วงลึกที่สุดในใจของเขา
หลังจากทำแผลเสร็จ เฟิร์นเก็บชุดปฐมพยาบาลและลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ตอนนี้พี่กันต์ก็ไม่เป็นไรแล้ว” เธอพูดอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มพยักหน้า “ขอบคุณอีกครั้งนะเฟิร์น”
“ขอบคุณทำไมบ่อย ๆ เฟิร์นแบกคำขอบคุณกลับไปไม่ไหวแล้วเนี่ย” เธอยิ้ม ซึมซับความรู้สึกไว้ก่อนจะขอตัวกลับ
กันต์รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เขาอยากจะบอกหญิงสาว “เฟิร์น” เขาร้องเรียก
เธอหันกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “คะ”
“พี่ดีใจนะที่เป็นเฟิร์น” เขาพูดออกมาอย่างจริงใจที่สุด
ใบหน้าหญิงสาวเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเธอเปล่งประกายความอบอุ่น “อื้อ เฟิร์นก็เหมือนกัน”
ร่างบอบบางก้าวออกจากห้องพร้อมกับเสียงประตูปิดเบา ๆ ตามหลังเธอ กันต์นั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ อย่างโดดเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวอมยิ้มอย่างมีความสุขระหว่างเดินกลับไปที่ห้องของเธอ
น้ำอุ่นจากฝักบัวช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ในวันนี้ ความตึงเครียดในกล้ามเนื้อของเขาค่อย ๆ คลายลงถูกแทนที่ด้วยความสงบ เมื่อชายหนุ่มยืนต่อหน้ากระจกก็เห็นรอยฟกช้ำทั่วใบหน้าและร่างกาย ภาพที่เห็นเป็นเครื่องเตือนใจถึงภัยพิบัติอย่างชัดเจน เฟิร์นช่วยทำแผลที่เหนือคิ้วข้างซ้ายให้แล้ว แต่รอยฟกช้ำคงต้องใช้เวลาในการรักษา
ขณะเดียวกัน ท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาฟ้องว่ายังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะเลย ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำยังไม่ดึกมากนัก ชายหนุ่มสงสัยว่าเฟิร์นอยากออกไปหาอะไรกินกับเขาไหม
หลังจากแต่งตัวเสร็จ กันต์เดินไปที่หน้าห้องของเฟิร์น เขาเคาะเบา ๆ สักพักหญิงสาวก็เปิดประตู เฟิร์นสวมกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดสีขาว กลิ่นกายหอมสดชื่นลอยฟุ้งไปในอากาศบ่งบอกว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กันต์รู้สึกหวั่นไหวในอกแต่ก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“อ้าว พี่กันต์เป็นยังไงบ้าง รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เฟิร์นถามแล้วมองเขาอย่างสงสัย
กันต์ยิ้ม พยายามไม่สนใจความกังวลของเธอ “เฟิร์น…หิวหรือยัง ไปกินข้าวด้วยกันไหม”
สีหน้าของเฟิร์นผ่อนคลายลง “อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวรอเฟิร์นก่อนนะ”
เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กและเสื้อคลุมบาง ๆ ขึ้นมาแล้วสวม ก่อนจะก้าวออกไปที่โถงทางเดินพร้อมกับกันต์ ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ความรู้สึกกระวนกระวายก่อตัวขึ้นในใจคนทั้งสองอีกครั้ง แต่ไม่นานก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเบา ๆ เมื่อลิฟต์เปิดออก
พลันก้าวพ้นออกมานอกอะพาร์ตเมนต์ กันต์เหลือบมองเฟิร์นแล้วเอ่ยขึ้น “ขอบคุณอีกครั้งนะที่ช่วยพี่วันนี้ ไม่รู้จะเป็นยังไงถ้าไม่มีเฟิร์น”
เฟิร์นยิ้มอย่างอบอุ่น “พอได้แล้วค่ะ ขอบคุณอยู่นั่นแหละ”
ทั้งคู่เดินไปตามถนนสายหลักซึ่งมีร้านอาหารอยู่มากมาย ป้ายไฟนีออนกะพริบอย่างเชิญชวนเปล่งแสงสะท้อนบนทางเท้า เมื่อเข้าไปข้างในร้านพวกเขาพบมุมอันแสนสบายจึงนั่งลงที่โต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ แสงสีส้มอ่อน ๆ ของโคมไฟที่ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ทำให้บรรยากาศเป็นกันเอง กลิ่นของอาหารที่ถูกปรุงจากครัวเล็ก ๆ ลอยมาเตะจมูก ใบหน้าเปื้อนยิ้มของทั้งคู่แสดงถึงความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่าน ทำให้ใบไม้กระทบกันเกิดเสียงซ่าเบา ๆ ชายหนุ่มก้มมองแก้วน้ำในมือพลางพูดคุยถึงสาเหตุที่เขาต้องไปอยู่ในห้องขัง เขาเหลือบมองหญิงสาวด้วยสายตาที่สื่อถึงความรู้สึกหวังดี ขณะที่เธอก็แอบส่งสายตากลับมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน ในแววตานั้นมีสิ่งที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้
“พี่คิดว่าจะได้นอนค้างคืนในห้องขังเสียแล้ว” เขาพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
หญิงสาวเอื้อมมือข้ามโต๊ะแล้วบีบมือชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนจะปล่อย “พี่กันต์ไม่ต้องห่วง เฟิร์นจะช่วยดูแลพี่กันต์เอง ถ้าเฟิร์นอยู่ด้วยจะไม่มีใครทำอันตรายพี่กันต์ได้อีก” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ ชายหนุ่มและหญิงสาวจึงชวนกันเดินเล่นอยู่ชั่วครู่ บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะจนใกล้มาถึงอะพาร์ตเมนต์ ความรู้สึกหวั่นไหวในอกกลับมาอีกครั้งและชายหนุ่มก็ไม่อยากปล่อยให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้พูดความรู้สึก
เมื่อกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์พวกเขาเดินไปด้วยกันจนถึงลิฟต์ ขณะที่อยู่ตรงนั้นกันต์ก็หันไปหาเฟิร์น ชายหนุ่มรวบรวมความกล้า “เฟิร์น ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“คะ พี่กันต์จะถามอะไร” เธอมองเขาอย่างสงสัย พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปาก
เขาลังเล คำพูดติดอยู่ในลำคอ แต่ในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูด “เฟิร์นชอบพี่หรือเปล่า”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างมองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่แล้วกลับยิ้มกว้างขึ้น
“เฟิร์นเอาขนมไปให้พี่กันต์ตั้งหลายครั้ง ช่วยพาพี่กันต์ออกจากห้องขัง ช่วยทำแผลให้พี่กันต์ ออกมากินข้าวกับพี่กันต์สองต่อสอง เฟิร์นทำถึงขนาดนี้พี่กันต์ยังไม่รู้อีกหรือคะ” หญิงสาวตอบใบหน้าเริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก รู้สึกผิดและดีใจไปพร้อม ๆ กัน
“พี่กันต์คะ” หญิงสาวหยุดชั่วครู่ ลังเลที่จะพูดต่อ “เฟิร์นชอบพี่กันต์มานานแล้ว แต่พี่กันต์คงไม่เคยสังเกตเห็น”
ประตูลิฟต์เปิดออกแต่ทั้งคู่ไม่ขยับ หัวใจของกันต์เต้นรัวเมื่อเขาประมวลคำพูดของเธอ “พี่…ไม่รู้มาก่อน” เขายอมรับ “พี่คงหมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเองจนเกินไป เลยมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า”
เฟิร์นเอื้อมไปจับมือของชายหนุ่ม สัมผัสของเธออ่อนโยนและมั่นใจ “เอาน่า ตอนนี้พี่กันต์ก็รู้แล้วนี่คะ”
กันต์บีบมือเธอเบา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา “เฟิร์น…พี่เพิ่งรู้ว่าพี่ก็ชอบเฟิร์นเหมือนกัน ชอบมากกว่าที่พี่เคยรู้ตัว”
“งั้นเราก็เป็นแฟนกันได้น่ะสิ” หญิงสาวถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ครับคุณแฟน” กันต์ตอบ ทั้งสองยืนจับมือกันหน้าลิฟต์ที่ยังเปิดอยู่ พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยใกล้เกษียณมองมาที่พวกเขาแล้วส่ายหัว ก่อนจะกลับไปก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือต่อ
“เข้ามาสิ” เฟิร์นพูดพร้อมกับดึงเขาเข้าไปในลิฟต์เบา ๆ “ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า”
กันต์รู้สึกได้ถึงความสุขและความพึงพอใจที่เขาไม่เคยได้รับมานาน วันนี้เขาเผชิญกับเรื่องเลวร้ายที่ไม่คาดคิด แต่มันก็ทำให้เขาค้นพบความต้องการของหัวใจ ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปอย่างเงียบ ๆ มือยังคงประสานกัน เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นสี่ ชายหนุ่มเดินมาส่งแฟนของเขาที่หน้าห้อง
“พักผ่อนเยอะ ๆ นะ อย่านอนดึกเกินไปล่ะ” กันต์กล่่าวพร้อมกับลูบศีรษะหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
เฟิร์นยิ้มตอบดวงตาเป็นประกาย “พี่กันต์ต่างหากล่ะคะ พักผ่อนให้เยอะ ๆ ดูแลตัวเองด้วย”
“ก็มีเฟิร์นช่วยดูแลแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ร่างสูงโบกมือลากำลังจะหันหลังเดินกลับ
“เดี๋ยวค่ะพี่กันต์” เฟิร์นร้องขึ้น
เขาหยุดและหันกลับมามองเธอ “มีอะไรเหรอ”
เธอก้าวเข้ามาใกล้เขา ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “หลับตาก่อน เฟิร์นจะบอกอะไรให้ฟัง”
กันต์กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ เขายอมหลับตาและรอฟังสิ่งที่เธอจะพูด แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่นุ่มนวลและอบอุ่นบนริมฝีปาก เฟิร์นยืนด้วยปลายเท้าและจูบเขาเบา ๆ
“ฝันดีค่ะพี่กันต์” เธอกระซิบ ลมหายใจอุ่นแนบข้างหู
เมื่อเขาลืมตาขึ้นเฟิร์นก็เดินเข้าไปในห้องของเธอแล้ว ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มือของเขาแตะบนริมฝีปากที่ถูกเธอจูบ ร่างกายรู้สึกเบาหวิวและมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา เขาเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยหัวใจเต้นถี่
กันต์นอนพลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความเอิบอิ่มจนนอนไม่หลับ ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ได้รับมาจากนายช่าง เข็มนาฬิกาเรืองแสงจาง ๆ กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บ่งบอกว่าขณะนี้คือเวลา 23:59 น.
ทันใดนั้น เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง เสียงกลไกก็ดังกริ๊กขึ้นเบา ๆ ตามด้วยเสียงแกร๊กยาว ๆ กันต์รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เข็มบอกเวลาเริ่มหมุนกลับในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มทั้งตกใจและประหลาดใจขณะมองดูทุกสิ่งรอบตัวกำลังย้อนกลับตามเข็มนาฬิกา
กันต์เห็นเงาร่างจาง ๆ ของตัวเองเคลื่อนที่ถอยหลังอย่างรวดเร็วเหมือนเล่นรถไฟเหาะ ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าส่องเข้ามาด้านหลังระเบียงแล้วจางหายไปสู่ความมืดมิด เวลายังคงย้อนกลับไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเข็มนาฬิกาก็หยุดเดินถอยหลังเมื่อมันชี้บอกเวลา 00:00 น.
ร่างสูงลุกขึ้นนั่งด้วยหัวใจที่เต้นแรง เข็มวินาทีกลับมาเดินเป็นปกติอีกครั้ง เขาจ้องมองหน้าปัดนาฬิกาอย่างไม่เชื่อสายตา สมองเต็มไปด้วยความสับสนพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คำถามมากมายดังก้องอยู่ในหัว ชายหนุ่มลงจากเตียงเริ่มสำรวจรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ และก็พบว่าเขากลับมาสวมชุดทำงานอีกครั้ง ชุดเดียวกับคืนที่เขาเจอนายช่างเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออก เขายืนอยู่หน้ากระจกสำรวจแผลที่เกิดจากการชกต่อยกับพวกนักเลงอันธพาล แต่กลับไม่เห็นรอยฟกช้ำใด ๆ พลาสเตอร์ที่ปิดแผลเหนือคิ้วซ้ายก็หายไปแล้วเช่นกัน เขากลับไปที่เตียงคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูปฏิทินและพบว่าวันนี้คือวันศุกร์
เหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่เหนือความเข้าใจของเขา ชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะคิดเพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เบาะแสทุกอย่างชี้ว่านาฬิกาเรือนนี้ทำให้เวลาเดินถอยหลังกลับมาเริ่มต้นวันศุกร์อีกครั้ง ตอนนี้เขาพบคำตอบแล้ว นาฬิกาคือสาเหตุที่ทำให้เห็นเดจาวู และเหตุการณ์ทุกอย่างมันเคยเกิดขึ้นจริง ด้วยความมุ่งมั่นกันต์ตัดสินใจจะพิสูจน์บางอย่าง ชายหนุ่มยืนจ้องนาฬิการู้สึกหวาดกลัวและสงสัย แต่ก็ไม่อาจเก็บความรู้สึกค้างคาใจไว้จนถึงรุ่งเช้า เขาต้องออกจากห้องไปพิสูจน์บางอย่างให้เห็นกับตาเดี๋ยวนี้