เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด

ศุกร์ที่รัก Friday Again - บทที่ 6 ไม่ระวังตัวอีกตามเคย โดย คูคูวายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ศุกร์ที่รัก Friday Again

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด

ผู้แต่ง

คูคูวายา

เรื่องย่อ

          กันต์กวินท์ หนุ่มออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ พลาดท่าไปเซ็นค้ำประกันเงินกู้นอกระบบให้รุ่นพี่ในออฟฟิศ แต่รุ่นพี่คนนี้ชิงลาออกจากบริษัทและติดต่อไม่ได้อีกเลย กันต์จึงต้องซวยถูกแก๊งทวงหนี้ไล่ล่าทุกวัน จนกระทั่งเขาหนีเข้ามาในร้านเหล้าและได้พบกับชายหน้าโหดที่ช่วยเขาไว้ และยังได้มอบนาฬิกาข้อมือประหลาดให้อีกด้วย


          จากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของกันต์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเขาตื่นขึ้นแล้วพบว่าตัวเองติดอยู่ในลูปของเวลา ต้องใช้ชีวิตซ้ำ ๆ อยู่ในวันเดิม ๆ และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง เวลาก็จะรีเซ็ตกลับไปเริ่มต้นใหม่ นี่มันบ้าไปแล้วชัด ๆ


          ทุกวันกันต์จะต้องหลบหนีจากแก๊งอันธพาลที่ตามทวงหนี้ให้สำเร็จ และสิ่งที่แย่ที่สุดในการติดอยู่ในลูปนี้ก็คือเขาแอบชอบเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่ไม่สามารถสานความสัมพันธ์ให้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็จะลืมเรื่องราวของเขาไปจนหมดสิ้น แล้วกันต์จะทำอย่างไรให้ลูปนี้จบลงเสียที มันต้องมีสักทางสิ


สารบัญ

ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 1 ฉันว่าเธอต้องการเวลา,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 2 ความผิดพลาด,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 3 ไม่เสี่ยงก็ไม่รวย,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 4 เดจาวู,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 5 ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 6 ไม่ระวังตัวอีกตามเคย,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 7 ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 8 วันนี้ฉันมีนัดแล้ว,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 9 พรุ่งนี้จะดีขึ้นเอง,ศุกร์ที่รัก Friday Again-บทที่ 10 ความลับของดาหลา

เนื้อหา

บทที่ 6 ไม่ระวังตัวอีกตามเคย

          เสียงเคาะประตูห้องทำให้หญิงสาวที่นอนหลับไปแล้วต้องตื่นขึ้น เฟิร์นออกมาเปิดประตูทั้งชุดนอนและขยี้ตา กันต์ยืนอยู่ตรงนั้น เฟิร์นดูแปลกใจแต่ก็ฝืนยิ้ม “พี่กันต์” หญิงสาวเอ่ยขึ้น “มาเคาะห้องเฟิร์นดึกดื่นมีอะไรหรือเปล่าคะ”

          กันต์มองเธอด้วยความรู้สึกร้อนรน “เฟิร์นจำตอนที่จูบพี่ได้ไหม” ชายหนุ่มโพล่งออกมาทันทีอย่างไม่ลังเล

          หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง ความง่วงหายไปหมดทันที “ทำไมพี่กันต์ถามแบบนี้” เธอพยายามสงบสติอารมณ์ “เฟิร์นไปจูบพี่กันต์ตอนไหน” แก้มของหญิงสาวแดงขึ้นเล็กน้อย

          “ที่นี่ ตรงนี้แหละ หน้าห้องของเฟิร์น” กันต์ยืนกราน น้ำเสียงของเขาจริงจัง

          ‘นี่อาจเป็นการล้อเล่นของพี่กันต์’ หญิงสาวคิด ‘หรือว่าพี่กันต์กำลังจีบฉัน แต่ถ้านี่คือการขอเป็นแฟนมันก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย’ 

          “ไม่ตลกนะ พี่กันต์เมาแล้วก็ไปนอน” เธอพูดเสียงเรียบ
“พี่พูดจริงนะเฟิร์น” ชายหนุ่มตอบอย่างหนักแน่น “เราตกลงเป็นแฟนกันแล้วด้วย”

          ความสับสนของเฟิร์นทวีเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร 

          กันต์กล่าวต่อ “เฟิร์นจำอะไรไม่ได้เลยหรือ เมื่อกี้เราเพิ่งขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน”

          “เฟิร์นจำได้” หญิงสาวพูดช้า ๆ “เฟิร์นกลับมาจากร้านมินิมาร์ท เห็นพี่กันต์ยืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์เฟิร์นก็เลยเข้าไปทัก พี่กันต์ตกใจทำหน้าอย่างกับเห็นผี”

          ชายหนุ่มพยายามจัดลำดับเรื่องราว “แล้วเฟิร์นจำเรื่องที่ไปประกันตัวพี่ออกจากห้องขังได้ไหม”

          เฟิร์นส่ายหัวอย่างสับสน “พี่กันต์โดนตำรวจจับตอนไหน เฟิร์นไม่เห็นรู้เรื่องเลย นี่พี่กันต์เมาหรือไม่สบายกันแน่”

          กันต์เริ่มเข้าใจบางอย่าง เขาตระหนักว่าเป็นคนเดียวที่จำเหตุการณ์ได้ “เฟิร์นฟังพี่นะ มันอาจจะฟังดูบ้า พี่รู้ว่าเฟิร์นชอบพี่และเราสองคนก็ตกลงเป็นแฟนกัน ที่เฟิร์นจำไม่ได้เพราะสำหรับเฟิร์นมันยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่สำหรับพี่มันเกิดขึ้นไปแล้ว”

          ชายหนุ่มอธิบายต่อ “เฟิร์นอาจจะไม่เชื่อ แต่พี่คิดว่านาฬิกาเรือนนี้สามารถทำให้เวลาย้อนกลับได้” เขายกแขนซ้ายชูนาฬิกาให้หญิงสาวดู “เฟิร์นเข้าใจว่าตอนนี้เป็นวันศุกร์ แต่จริง ๆ มันคือวันเสาร์ หรืออาจเป็นวันอาทิตย์แล้วด้วยซ้ำ” 

          สีหน้าของเฟิร์นเริ่มแสดงออกถึงความหวาดระแวงและไม่พอใจ เธอเริ่มตวาดชายหนุ่ม “พี่กันต์พูดเรื่องเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เมาแล้วก็ไปนอน พรุ่งนี้เฟิร์นมีเรียนแต่เช้านะ ไปนอนก่อนนะ” หญิงสาวปิดประตูใส่หน้าเขา เธอไม่ชอบที่มีคนมาปลุกกลางดึกเพื่อพูดเรื่องไร้สาระให้ฟัง

          กันต์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองอาจเป็นคนเดียวที่ติดอยู่ในลูปของวันศุกร์ เขายืนนิ่งเหมือนคิดอะไรออกบางอย่าง ยังมีอีกคนที่อาจตอบคำถามของเขาได้ ชายหนุ่มรีบโผไปที่ลิฟต์ทันที 

          ในซอยยังคงมืดสลัว มีแสงไฟจากหลอดนีออนเก่ากะพริบเป็นบางครั้ง หลังเที่ยงคืนมักเงียบสงัดและไม่มีผู้คนเดินผ่าน ชายหนุ่มได้ยินเสียงเห่าของสุนัขดังมาจากที่ไกล ๆ สะท้อนก้องไปทั่วดูวังเวงพิลึก เมื่อก้าวออกมาถึงถนนสายหลักที่การจราจรเริ่มเบาบางลงแล้ว แต่เสียงเครื่องยนต์และแตรรถที่แว่วมาเป็นระยะทำให้รู้ว่าเมืองนี้ยังมีชีวิตชีวาอยู่บ้าง

          ร่างสูงวิ่งข้ามถนนแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านบ็อทเทิลแอนด์บลูส์ ตอนนี้บาร์ปิดแล้ว ทั้งร้านจึงเหลือแต่หนุ่มใหญ่ร่างท้วมในชุดเอี๊ยมสีน้ำตาลขายาวที่ยังอยู่ทำความสะอาด เจ้าของร้านประหลาดใจเมื่อเห็นกันต์กลับเข้ามาอีกครั้ง 

          “หนีพวกนักเลงมาอีกแล้วหรือ” เขาพูดขึ้นขณะใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะ 

          “เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น” กันต์ปฏิเสธพร้อมกับถามอย่างเร่งด่วน “คือว่าน้าพอจะรู้จักที่อยู่ของนายช่างไหมครับ เขาพักหรือว่าทำงานที่ไหน”

          เจ้าของร้านส่ายหน้า “นายช่างหรือ ขอโทษนะรูปหล่อ น้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

          กันต์ได้แต่พยักหน้าด้วยความผิดหวัง “แล้วพอจะทราบไหมครับว่าเขามาที่ร้านนี้เวลาไหนบ้าง”

          เจ้าของร้านตอบอย่างไม่แน่ใจ “ขอคิดก่อนนะ บางวันเขาก็มาตอนหัวค่ำ แต่บางวันก็มาดึก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้” 

          เมื่อไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยกันต์จึงกล่าวขอบคุณแล้วออกจากร้าน เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย พยายามครุ่นคิดอย่างหนัก กลิ่นเฉอะแฉะของน้ำที่ขังอยู่บนถนนหลังฝนตกยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นของดินเปียกผสมกับน้ำค้างทำให้บรรยากาศยิ่งดูอึมครึมและน่าสะพรึงกลัว แสงจากเสาไฟข้างถนนสะท้อนกับพื้นน้ำเป็นประกายระยิบระยับ บางจุดมีเงาสะท้อนของตึกและรถที่วิ่งผ่านไปมา 

          กันต์กำลังจะกลับอะพาร์ตเมนต์พลันสังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยสามคน พวกอันธพาลคู่อริของเขานั่นเอง ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าจากมุมมองของพวกมันเขาเพิ่งจะหนีเข้าไปหลบในร้านและได้รับการช่วยเหลือจากนายช่าง แต่สำหรับกันต์มันเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน เขาเบื่อหน่ายกับนักเลงเหล่านี้เต็มทน ชายหนุ่มยังมีปัญหาที่ต้องขบคิด และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาต้องการจะทะเลาะกับใคร

          “ไม่มีใครช่วยแกได้แล้วไอ้ลิงวอก” ชายร่างผอมแห้งตรงเข้ามาหาเขาทันทีพร้อมกับร้องตวาดชายหนุ่มอย่างคึกคะนอง แต่ที่พวกมันไม่รู้คือทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว กันต์รู้ว่าตอนนี้เขาสามารถเอาชนะทั้งสามคนได้ เขาเคยทำมาก่อนและยังทำได้อีก 

          ไอ้ตัวโตพร้อมกับเด็กผมแดงอ้อมเข้ามาด้านหลังเพื่อจะจับตัวเขาเหมือนเช่นเคย ถึงจะพูดด้วยเหตุผลอย่างไรพวกมันก็คงไม่มีทางหยุด หนุ่มออฟฟิศจึงตัดสินใจจู่โจมแบบสายฟ้าแล่บ

          กันต์กระโจนเข้าใส่หัวหน้าอันธพาลเป็นคนแรก มือที่มั่นใจของเขากำหมัดแน่นแล้วซัดไปที่ใบหน้าของชายร่างผอมอย่างเต็มแรง มันเสียหลักล้มลงกับพื้นทันที ยักษ์ใหญ่รีบเข้ามาช่วยลูกพี่แต่กันต์รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร เขาพุ่งเข้ากอดรัดนักเลงตัวโตและกัดที่ใบหูของมันอีกครั้ง ไอ้ยักษ์แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด มือกุมใบหูโดยสัญชาตญาณ 

          เขาผละจากร่างยักษ์และปรี่เข้าหาเด็กวัยรุ่นผมแดง มันรีบวิ่งหนีทันทีก่อนที่กันต์จะทันเข้าถึงตัว หัวหน้าร่างผอมลุกขึ้นจากพื้นมือเช็ดเลือดที่ปากพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อสายตา 

          “เมื่อกี้แกยังวิ่งหนีฉันอยู่เลย ทำไมตอนนี้…” เสียงแหบพร่าของมันลนลาน กันต์ไม่ตอบ เขาเดินเข้าไปชกเข้าที่ตาขวาของมันอีกครั้ง ไอ้ผอมร้องเสียงหลงและวิ่งหนีไปในที่สุด กันต์หันมาแยกเขี้ยวคำรามใส่ยักษ์ใหญ่ที่ยังกุมใบหู มันตกใจวิ่งตามลูกพี่ไปอีกคน 

          ชายหนุ่มหายใจแรง อะดรีนาลีนทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างเต็มที่ ระหว่างมองดูสามอันธพาลวิ่งหายไปในความมืด กันต์ก็ตระหนักว่าเขาเอาชนะพวกมันได้เป็นครั้งที่สอง แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ เพราะถ้าไม่รีบไขปริศนาของนาฬิกานี้ให้เร็วที่สุด เขาจะต้องเผชิญหน้ากับสามนักเลงทุกวัน และอาจจะเป็นทุกวันตลอดไป

          อากาศเย็น ๆ ของโถงทางเดินอะพาร์ตเมนต์ทำให้ชายหนุ่มขนลุก กันต์ออกมายืนอยู่หน้าห้องตั้งแต่เช้า ดวงตาของเขากะพริบมองไปยังอีกฝั่งของทางเดินอย่างใจจดใจจ่อ ความคาดหมายทำให้ทุกนาทีนานราวกับเป็นชั่วโมง 

          หญิงสาวร่างผอมบางในชุดนักศึกษาปรากฏตัวขึ้นในที่สุด เธอเดินช้า ๆ เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดินอันเงียบเชียบและหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์ หัวใจของกันต์เต้นรัว เช้านี้มีบางสิ่งเปลี่ยนไป เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจเดินไปหาหญิงสาว

          เฟิร์นรอลิฟต์อย่างอดทน เธอเหลือบเห็นว่ากันต์กำลังเดินตรงมาหา หญิงสาวหลบตาเขา นิ่งเงียบและไม่พูดอะไร ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนเห็นได้ชัด ชายหนุ่มก้าวช้าลงเมื่อเข้าใกล้เธอ 

          “เฟิร์น” เขาเรียกชื่อเบา ๆ น้ำเสียงเจือด้วยความเสียใจ “พี่ต้องขอโทษเรื่องเมื่อคืน”

          เฟิร์นเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ ครู่หนึ่งเธอจึงพยักหน้า “ทำไมต้องขอโทษล่ะคะ พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” เธอตอบด้วยเสียงแผ่วเบา

          “ก็เมื่อคืนพี่…” ชายหนุ่มหยุดคิด “ช่างมันเถอะ”

          สายตาของหญิงสาวมองสำรวจชุดนอนของเขา มีความรู้สึกกังวลฉายอยู่ในแววตา “วันนี้พี่กันต์ไม่ไปทำงานหรือคะ” เธอถามขึ้นอย่างสงสัย

          กันต์ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ “วันนี้พี่มีธุระส่วนตัวต้องไปจัดการนิดหน่อย” คำพูดที่ขมขื่นติดอยู่บนลิ้นแต่เขาไม่กล้าอธิบายต่อไป

          ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เฟิร์นก้าวเข้าไปข้างในและชายหนุ่มก็เดินตามเธอไปติด ๆ พื้นที่อันจำกัดของลิฟต์ทำให้ความเงียบอันน่าอึดอัดของพวกเขาทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อประตูปิด กันต์ก็เหลือบมองเฟิร์น หวังว่าการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นก้าวแรกในการเยียวยาความสัมพันธ์ของพวกเขา กันต์ยืนพิงผนังลิฟต์ความคิดของเขาปั่นป่วน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดขึ้น

          “เฟิร์น” เขาเริ่มด้วยน้ำเสียงไม่แน่นอน “พี่อยากกินไข่ลวก วันนี้ไม่มีไข่ลวกหรือ”

          เฟิร์นขมวดคิ้วทันที เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลันคิดไปถึงความตั้งใจแรกเริ่มสำหรับเช้าวันใหม่ เดิมทีเธอคิดว่าจะทำไข่ลวกมาให้เขา แต่ความตั้งใจก็เปลี่ยนไปเมื่อชายหนุ่มมาปลุกเธอให้ตื่นเมื่อตอนกลางดึก

          “ทำไมเฟิร์นต้องทำไข่ลวกให้พี่กันต์ด้วยล่ะคะ” เธอยังเคืองเรื่องที่ชายหนุ่มพูดจาเพ้อเจ้อเมื่อคืนนี้
กันต์ยักไหล่ ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของเขาอย่างไร “ไม่รู้สิ ถ้าเป็นหลายวันก่อนเฟิร์นจะทำไข่ลวกมาให้พี่ทุกเช้า แต่วันนี้ทำไมไม่มีไข่ลวก”

          เฟิร์นถอนหายใจ เริ่มรู้สึกว่าชายหนุ่มพูดเรื่องเพ้อเจ้ออีกแล้ว เธอส่ายหัวและพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “ตอนนี้ยังเช้าอยู่นะคะ เฟิร์นยังไม่พร้อมจะฟังเรื่องไร้สาระในจินตนาการของพี่กันต์”

          ประตูลิฟต์เปิดออก ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะเดินจากไปกันต์ก็คว้าข้อมือของเธอไว้ เฟิร์นหันกลับมามองเขา สีหน้าของเธอแสดงถึงความไม่พอใจ “จะทำอะไรน่ะพี่กันต์” เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

          “พี่ไม่อยากให้เราเข้าใจผิดกันแบบนี้” กันต์ตอบเสียงดัง กำมือของเขาแน่นขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “พี่ชอบเฟิร์นนะ”

          ดวงตาของเฟิร์นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่กันต์ต้องปล่อยแขนเฟิร์นก่อน” เธอบอกเขา แต่ชายหนุ่มกลับไม่ปล่อยมือ 

          “ปล่อย” เธอพูดซ้ำด้วยแววตาที่ดุดัน

          “เฟิร์น…เฟิร์นต้องฟังพี่อธิบายก่อน” กันต์ยืนกรานด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง

          เฟิร์นร้องเตือนเป็นครั้งสุดท้าย “ปล่อย ไม่อย่างนั้น…”

          โดยไม่พูดอะไรอีก เธอบิดข้อมือดึงเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วพลันหลุดจากกำมือของชายหนุ่มทันที หญิงสาวจึงฉวยแขนเสื้อของเขาคืนพร้อมกับหมุนตัวหันหลังพร้อมกับย่อเข่า ใช้แรงที่สะโพกยกร่างของกันต์ลอยขึ้นและเหวี่ยงลงกับพื้นเสียงดังกึกก้อง 

          ร่างสูงนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นสีหน้าแสดงถึงอาการตกใจ เฟิร์นเดินออกจากอะพาร์ตเมนต์อย่างเด็ดเดี่ยว พนักงานรักษาความปลอดภัยลุกขึ้นจากโต๊ะทันที 

          “ไม่มีอะไรค่ะลุง แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” เธอยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามพร้อมกับพูดยืนยันกับชายชรา

          กันต์ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ เสียงหัวเราะของชายวัยใกล้เกษียณดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี รู้สึกปวดที่หลังเหมือนถูกรถสิบล้อพุ่งชน เขามองดูนักศึกษาร่างบอบบางเดินจากไปด้วยความตกตะลึงพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นในหัว 

          “ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวชะมัด แต่น่ารักเป็นบ้า” ริมฝีปากของเขายิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

          กันต์พยุงร่างที่เจ็บระบมไปทั้งแผ่นหลังกลับไปยังห้องของเขา แต่ละก้าวรู้สึกเหมือนเป็นความพยายามที่ยิ่งใหญ่ แตกต่างอย่างมากกับเมื่อคืนที่เขาสามารถเอาชนะอันธพาลสามคนได้โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่เช้านี้เขากลับแพ้ให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างง่ายดาย

          ร่างสูงเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาบูดบึ้งและตรงไปอาบน้ำ หวังว่าจะช่วยล้างเอาความขายหน้าออกไปด้วย น้ำร้อนไหลลงมาตามร่างกายของเขาช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว ชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดเรื่องของเฟิร์นออกไปชั่วครู่ เพราะว่าวันนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องไปจัดการ

          ขณะกำลังแต่งตัว จิตใจของชายหนุ่มจดจ่อไปยังนายช่างผู้มอบนาฬิกาลึกลับนี้ให้ เขาต้องไขปริศนาว่ามันคือเครื่องมืออะไร และทำไมถึงต้องเป็นเขาคนเดียวที่ติดอยู่ในลูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคิดที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาทุบนาฬิกาจนแหลกละเอียดผุดขึ้นมาในหัว เวลาจะกลับไปเดินหน้าต่อเป็นปกติ หรือว่าเขาจะติดอยู่ในลูปตลอดไปอย่างไม่มีทางแก้ไขได้ นั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่อาจคาดเดาได้เลย

          ถนนสายหลักเต็มไปด้วยรถราและผู้คนขวักไขว่ที่ต่างเร่งรีบเพื่อไปทำงานหรือทำธุระของตนเอง เสียงเครื่องยนต์รถเดินหน้าและเสียงแตรที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ผสมกับเสียงพูดคุยทำให้บรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาต่างจากกลางคืน แสงแดดในยามเช้าส่องผ่านต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายอยู่ข้างทาง เงาของกิ่งไม้และใบไม้สั่นไหวเล็กน้อยตามลมที่พัดมา กลิ่นของอาหารที่ขายริมทางผสมกับกลิ่นควันรถรวมกันเป็นกลิ่นของเมืองที่คุ้นเคย 

          กันต์เดินผ่านผู้คนหลากหลาย ทั้งพนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา และผู้สูงอายุ ซึ่งต่างมีจุดหมายปลายทางของตนเอง ชายหนุ่มเริ่มสอบถามผู้คนที่สัญจรไปมาว่ารู้จักชายที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เขาตามหาหรือไม่ แต่ทุกครั้งก็ต้องพบกับคำตอบที่ว่างเปล่า ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นเมื่อเขาเริ่มตระหนักว่าไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้จักชายร่างใหญ่ท่าทางหยาบกระด้างคนนี้เลย

          เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยดีนัก ขณะที่เดินต่อไปเมืองรอบตัวดูเหมือนจะไม่แยแสกับชะตากรรมของเขา อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของชายหนุ่มยังคงแน่วแน่ เขาต้องหาคำตอบให้ได้ มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากลูปอันวุ่นวายนี้ และทวงคืนสิทธิ์ในการควบคุมชีวิตของตัวเองกลับมา 

          เขาใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการตามหาตัวนายช่างอย่างไม่ย่อท้อ ความวุ่นวายของเมืองใหญ่ทำให้งานที่ยากอยู่แล้วลำบากมากยิ่งขึ้น เขาครุ่นคิดถึงสถานที่ที่นายช่างควรจะอยู่ในเวลานี้ ชายหนุ่มสอบถามตามสถานที่ก่อสร้างต่าง ๆ โดยหวังอย่างยิ่งว่าจะพบเบาะแสบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักส่ายหน้าหรือให้คำตอบที่กำกวม ในเมืองที่กว้างใหญ่เช่นนี้การตามหาชายหนึ่งคนรู้สึกเหมือนกำลังค้นหาเข็มในมหาสมุทร 

          ยามเย็นคือช่วงเวลาที่ชีวิตในเมืองใหญ่กลับมาคึกคักอีกครั้ง แสงแดดที่เคยแผดเผาเริ่มอ่อนลงกลายเป็นสีทองที่ทาบทาลงมาบนถนนและตึกสูง การจราจรเริ่มแน่นขนัด รถยนต์และมอเตอร์ไซค์แออัดจนแทบขยับไม่ได้ เสียงแตรดังสนั่นเป็นระยะ ๆ

          ใกล้หมดไปอีกวัน แต่ความคับข้องใจของกันต์มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้จักนายช่างคนนี้เลย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหยุดค้นหาและมุ่งหน้าไปยังร้านบ็อทเทิลแอนด์บลูส์ โดยหวังจะพบคนที่ตามหานั่งอยู่ที่นั่น 

          เขามาถึงร้านเร็วเกินไป อย่าว่าแต่จะพบนายช่างเลยเมื่อมองไปรอบ ๆ แม้แต่ลูกค้ารายอื่นก็ไม่มีสักคน ชายหนุ่มนั่งลงที่บาร์พร้อมกับสั่งเบียร์และกับแกล้ม เจ้าของร้านร่างท้วมสังเกตเห็นความทุกข์ใจของเขาจึงพยายามช่วย แต่สุดท้ายข้อมูลที่ได้รับมาก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ

          เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของนายช่าง เมื่อดื่มเบียร์ขวดสุดท้ายจนหมดแก้วเขาจึงลุกขึ้นจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน ชายหนุ่มตั้งใจจะกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเขา จิตใจยังคงล่องลอยย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ และเริ่มวางแผนวันพรุ่งนี้ใหม่ เขาจินตนาการว่าตัวเองกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

          กันต์จมอยู่ในความคิดของตัวเองโดยไม่ทันได้สังเกตเงาร่างที่เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนสายเกินไป บางอย่างแทงทะลุเข้าไปในท้องของเขาพร้อมความเจ็บปวดที่ตามมาทันที ชายหนุ่มเอามือกุมบาดแผลโดยสัญชาตญาณ รู้สึกได้ถึงเลือดอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านนิ้วของเขา กันต์ก้มลงมองดูบาดแผลแล้วเงยหน้าขึ้น เห็นชายอันธพาลร่างผอมวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้เขาล้มลงนอนบนพื้น

          สายตาของชายหนุ่มเริ่มพร่ามัว กันต์กำลังจะหมดสติจากการเสียเลือด เขาพยายามเอามือกดแผลและประคองสติไว้ให้นานที่สุด แต่ทุกอย่างรอบตัวเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนเหมือนมีหมอกควันมาปกคลุม และสิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นคือใบหน้าของชายคนที่เขาพยายามตามหาตัวทั้งวัน 

          “เธอก็รู้ว่าวันนี้เวลานี้พวกนักเลงจะมาดักทำร้ายเธอที่นี่ แต่เธอก็ไม่ระวังตัวอีกตามเคย แสดงว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย” เสียงของนายช่างแผ่วเบา แล้วสติของชายหนุ่มก็ล่องลอยไป