เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด
รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หมดเวลาพักกลางวัน กันต์และดาหลาเดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกัน หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มเคยรู้สึกกับเธออย่างไร และยิ่งเขาพูดออกมาตรง ๆ ต่อหน้ามินตรา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประทับใจเขามากขึ้น ทั้งสองคนเดินเคียงกันกลับเข้ามายังโถงอาคารบริษัท พนักงานคนอื่น ๆ มองทั้งคู่ด้วยไม่อยากเชื่อสายตา หนุ่มสาวทั้งสองช่างเหมาะสมกัน แต่ทุกอย่างเหมือนเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน เพราะเมื่อวานทุกคนยังเห็นว่ากันต์เป็นแค่พนักงานออฟฟิศหน้าจืดธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่วันนี้ชายหนุ่มช่างดูต่างจากเดิมเป็นคนละคน แต่ละก้าวย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไหล่ลู่กลับมาผึ่งผาย เขายิ้มและทักทายกับทุกคนที่เดินผ่าน และทุกคนที่เขาทักก็ต้องประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นกันต์ในเวอร์ชั่นนี้มาก่อน ยิ่งชายหนุ่มเดินคู่กับดาหลาก็ยิ่งทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่พวกเขาในทุกที่ที่เดินไป
เมื่อทั้งสองคนขึ้นลิฟต์มาถึงออฟฟิศ ข่าวลือซุบซิบเรื่องที่ดาหลาไปนั่งคาเฟ่กันสองต่อสองกับกันต์ก็กระจายออกไปในเวลาเพียงไม่นาน ทุกคนต่างไม่อยากเชื่อหู หนุ่มหน้าจืดคนนั้นน่ะหรือที่ได้ควงคู่กับดาหลาคนสวยประจำออฟฟิศ ดาหลายิ้มเบา ๆ ขณะเดินผ่านโต๊ะของเพื่อนร่วมงานที่หันมองตามพวกเขา กันต์รู้สึกได้ถึงการยอมรับ ความมั่นใจของชายหนุ่มเต็มเปี่ยมมากขึ้นจนรู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้
ทั้งสองเดินมาถึงโต๊ะทำงาน ดาหลามองกันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ชายหนุ่มหันมายิ้มให้เธอก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ เสียงซุบซิบยังคงได้ยินเป็นระยะ ๆ ไม่นานเพื่อนร่วมงานหนุ่ม ๆ ที่ไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อนก็เริ่มทยอยเข้ามาหากันต์ทีละคน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของดาหลา บางคนมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาถามไถ่
“กันต์น้องรัก ได้ข่าวว่าไปนั่งคาเฟ่กับดาหลามาสองต่อสองมาหรือไอ้น้อง” หนึ่งในรุ่นพี่ร่วมออฟฟิศถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีอะไรพี่ เราแค่ไปนั่งกินกาแฟกันเฉย ๆ” กันต์ตอบพร้อมกับยิ้มเบา ๆ เพื่อนร่วมงานทั้งชายและหญิงหลายคนดูเหมือนจะสนใจเขามากในตอนนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเป็นวีรบุรุษที่เพิ่งกลับมาจากการกู้โลกได้สำเร็จ
“เจ๋ง แล้วยังไงต่อ ดาหลาน่ะ เธอมีแฟนหรือยัง” อีกคนหนึ่งถามด้วยความสนใจ
กันต์ยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า “เธอก็อย่างที่เห็น ดาหลายิ้มง่ายเป็นกันเอง เต็มที่กับงาน แต่จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกครับ เธอค่อนข้างเป็นคนที่เข้าใจยากนิดหน่อย ผมก็ไม่ได้ถามด้วยว่ามีแฟนหรือยัง คือเราก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้นเองจริง ๆ”
หลายคนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินกันต์บอกว่าเขากับดาหลาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน การที่กันต์ได้เดินคู่กับดาหลาคนสวยประจำออฟฟิศทำให้สายตาของทุกคนมองเขาด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“นายโชคดีมากนะ ไม่เคยมีผู้ชายชวนเธอไปไหนสองต่อสองได้สำเร็จเลยสักคน” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานกล่าว
“เรื่องนี้ ผมไม่เห็นรู้มาก่อนเลย” กันต์รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศรอบตัว ตอนนี้เขาได้รับการยอมรับและไม่ใช่ไอ้หน้าจืดประจำออฟฟิศอีกต่อไป
‘กันต์คะ ดาหลาขอคุยด้วยหน่อยสิ อีกสิบนาทีไปเจอกันบนดาดฟ้าได้ไหม’ ข้อความในโทรศัพท์มือถือแจ้งเตือนขึ้น ชายหนุ่มหันไปมองโต๊ะทำงานของดาหลา แต่เธอไม่อยู่ที่นั่น
กันต์เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า ที่ที่เขาเคยนั่งร้องไห้อยู่ตามลำพัง เขามักจะขึ้นมาที่นี่เมื่อต้องการหลบหน้าผู้คน มันเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกสงบและสบายใจ แต่ครั้งนี้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเห็นดาหลายืนอยู่ตรงนั้น สายลมที่พัดแรงทำให้เส้นผมของเธอปลิวสยายงดงามราวกับอยู่ในภาพวาด
“ดาหลา…” กันต์เดินเข้าไปหาดาหลาจากด้านหลังและเรียกชื่อเธอเบา ๆ
หญิงสาวหันกลับมาด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความหนักใจและเป็นกังวล ดวงตาเหมือนกำลังซ่อนความทุกข์ใจบางอย่างที่ไม่อาจบอกได้
“กันต์…ขอบคุณนะคะที่มา” ดาหลาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูฝืน ๆ
สายตาที่เศร้าของเธอทำให้เขารู้สึกถึงความไม่สบายใจที่อยู่ลึกในใจของหญิงสาว “ดาหลามีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะ ผมอยากช่วย”
ดาหลาถอนหายใจเบา ๆ และหันกลับไปมองท้องฟ้า “กันต์…ดาหลาไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน”
กันต์เอื้อมไปจับมือของดาหลา “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ถ้าดาหลาไม่พร้อมจะพูดก็ไม่เป็นไร”
ดาหลาหันมามองกันต์ น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้า “ทำไมดาหลาถึงไม่รู้จักกันต์ให้เร็วกว่านี้นะ” สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที
ชายหนุ่มพูดไม่ออก วันนี้บุคลิกของดาหลาช่างเปลี่ยนไปมาอย่างง่ายดายคล้ายสับสนในความรู้สึก และคำพูดของหญิงสาวก็มีความหมายมากมายจนเขาไม่กล้าเอ่ยคำใดออกไป
“กันต์กลับมาชอบดาหลาอีกครั้งได้ไหม” ดาหลาสารภาพ น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความเสียใจและความหวัง
กันต์ไม่ตอบเธอ ความรู้สึกในใจของเขากำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง ดาหลารู้สึกถึงความเงียบงันนั้นและเริ่มร้องไห้ เธอโผเข้าหาชายหนุ่มอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
กันต์ดึงดาหลาเข้ามาในอ้อมกอด เธอซบอยู่กับอกชายหนุ่มและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไม่เป็นไรนะดาหลา ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” กันต์กระซิบข้างหูและลูบหลังเธอเบา ๆ พยายามปลอบโยน ทั้งสองคนอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ขณะที่เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ดาหลาซบหน้าบนอกของกันต์อยู่นานจนในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้เธอ น้ำตาที่ไหลออกมาช่วยปลดปล่อยความทุกข์ใจชั่วคราวของดาหลาออกไปบ้าง
“ดาหลาน่าจะบอกผมก่อน จะได้เตรียมทิชชู่ขึ้นมาด้วย” เขาหยอกเธออย่างอ่อนโยน
หญิงสาวหัวเราะและตีเขาเบา ๆ “ก็ดาหลาไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้นี่” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มที่กลับมาสดใสอีกครั้ง
“ขอบคุณนะกันต์ ที่รับฟังดาหลา” หญิงสาวยิ้มบาง ๆ
“ที่ดาหลาถามว่ากลับมาชอบดาหลาอีกครั้งได้ไหม” เธอหยุดชั่วครู่ “กันต์ไม่ต้องตอบดาหลาตอนนี้ก็ได้”
ประตูลิฟต์เปิดเบา ๆ ที่ชั้นออฟฟิศให้กันต์และดาหลาก้าวออกมา เธอจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งหน้าเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าเพิ่งร้องไห้
“เดี๋ยวดาหลาขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เธอหันมาพูดกับชายหนุ่มขณะก้าวออกจากลิฟต์
กันต์พยักหน้า “ได้สิ ผมรอตรงนี้นะ”
ดาหลาส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ กลับไปออฟฟิศก่อนเลย เดี๋ยวดาหลาตามไป”
กันต์ยิ้มบาง ๆ “โอเค เดี๋ยวเจอกันที่ออฟฟิศนะครับ”
ดาหลายิ้มกลับมาให้เขาก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ กันต์มองตามหลังเธอจนลับสายตาแล้วจึงกลับไปออฟฟิศตามที่เธอบอก รู้สึกโล่งใจที่ได้รู้จักอีกด้านของดาหลา
ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นคุณเมธีผู้จัดการฝ่ายกำลังยืนรอเขาอยู่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“คุณกันต์กวินท์ เข้ามาพบผมหน่อย” คุณเมธีเรียกเสียงเข้มแล้วเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
กันต์เลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการ “มีอะไรหรือครับผู้จัดการ”
“นั่งสิ” คุณเมธีชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน กันต์นั่งลงและรอฟัง
“งานที่ทำอยู่ถึงไหนแล้ว” คุณเมธีเริ่มตำหนิ “รู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้ผลงานของคุณแย่มาก งานที่รับผิดชอบก็ไม่เคยเสร็จทันตามกำหนด และคุณยังขาดความรับผิดชอบในเรื่องส่วนตัวด้วย”
กันต์รู้สึกงง “ขอโทษนะครับ ผมไม่เข้าใจว่างานชิ้นไหนที่เสร็จไม่ทันกำหนด และผมก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องส่วนตัวที่คุณเมธีพูดหมายถึงเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่คุณไปสุงสิงอยู่กับพนักงานหญิงในเวลางานแบบนี้” คุณเมธีพูดเสียงดัง “คุณต้องรู้จักวางตัวให้ดีกว่านี้”
กันต์เริ่มรู้สึกโมโห แต่พยายามเก็บอารมณ์ “ผมขอโทษถ้าทำให้ผู้จัดการไม่พอใจ แต่ผมไม่เห็นว่าผมจะทำผิดกฎข้อไหนของบริษัท” ถ้าเป็นเมื่อหลายวันก่อนเขาคงกลัวลนลาน
“ไม่ต้องมาเถียง” คุณเมธีตัดบท “ตอนนี้คือเวลาทำงานไม่ใช่เวลาที่คุณจะหายไปจากโต๊ะ และถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้อยู่ เตรียมบอกลาอนาคตในบริษัทของคุณไปได้เลย”
กันต์รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่เข้าใจว่ามันส่งผลเสียต่อบริษัทตรงไหน “เข้าใจแล้วครับ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก” เขาตอบสั้น ๆ
“ดี ผมหวังว่าคุณจะทำตามที่พูดนะคุณกันต์กวินท์” คุณเมธีย้ำอย่างเย็นชา
กันต์ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานของคุณเมธี เขาเริ่มตรึกตรองเหตุการณ์ เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเขายังไม่มีแผนรับมือ ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมคุณเมธีถึงเรียกเขาเข้าไปตำหนิด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ และทันใดนั้นเองเมื่อดาหลาเดินเข้ามาถึงออฟฟิศเธอก็ถูกผู้จัดการเรียกเข้าไปพบทันที
กันต์หยุดเดินและหันไปมองดาหลาด้วยความเป็นห่วง เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะถูกตำหนิด้วยเรื่องเดียวกันหรือไม่ ชายหนุ่มกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานแต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ประตูห้องผู้จัดการ เขาได้ยินเสียงคุณเมธีดังออกมาจากข้างในเป็นครั้งคราวสลับกับเสียงของดาหลา แม้จะฟังไม่ชัดเจนแต่ก็พอรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของบทสนทนา
ในที่สุดดาหลาก็ออกมาจากห้องผู้จัดการพร้อมกับน้ำตาที่อาบสองข้างแก้ม เพื่อนผู้หญิงบางคนรีบเข้าไปปลอบให้เธอสงบลง กันต์นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากโต๊ะทำงานของเขา รู้สึกโมโหในใจ หมดอารมณ์ทำงานอีกต่อไป ความกังวลเกี่ยวกับดาหลาทำให้เขาไม่มีสมาธิ อยากจะเข้าไปปลอบใจดาหลาเหลือเกิน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างไร ในเมื่อต้นเหตุที่เธอเพิ่งถูกเรียกไปตำหนินั้นก็เป็นเพราะเขา หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่เห็นดาหลาถูกตำหนิอย่างไร้เหตุผล รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม
ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบงันหลังจากที่พนักงานสองคนถูกเรียกเข้าไปตำหนิในห้องของผู้จัดการอย่างรุนแรง ทุกคนต่างสงสัยและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น กันต์ทนอยู่กับความรู้สึกกระวนกระวายไม่ไหวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มพิมพ์ข้อความหาดาหลา
‘ดาหลาเป็นยังไงบ้างครับ โอเคไหม ดีขึ้นหรือยัง’ เขาส่งข้อความหาเธอ หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ทำให้เขาสบายใจขึ้น
ไม่กี่นาทีต่อมา โทรศัพท์ของกันต์ก็สั่นเบา ๆ พร้อมกับข้อความจากดาหลา ‘ยังโอเค กันต์ไม่ต้องห่วงนะ ขอโทษที่ทำให้ถูกผู้จัดการเรียกไปด่าด้วย’
กันต์อ่านข้อความแล้วรู้สึกถึงความโล่งใจ เขาตอบกลับไปว่า ‘เรื่องนี้ผมกับดาหลาไม่ผิด ผู้จัดการนั่นแหละที่ไร้เหตุผลสิ้นดี’
ทั้งสองแลกเปลี่ยนข้อความกันไปมา กันต์ปลอบโยนและให้กำลังใจเธอ
‘ดาหลาดีใจนะที่ได้คุยกับกันต์’ เธอส่งข้อความมาพร้อมกับอีโมจิรูปหัวใจเล็ก ๆ
กันต์ยิ้มและตอบกลับ ‘พรุ่งนี้ดาหลาจะดีขึ้นเอง ผมสัญญา’
ทั้งสองคุยกันผ่านข้อความจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ทุกคนในออฟฟิศเริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน กันต์ลุกจากโต๊ะเดินไปหาดาหลา
“อยากทำอะไรสนุก ๆ ไหม” กันต์ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ดาหลามองขึ้นมา “อะไรนะคะ”
“มากับผม” ชายหนุ่มตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเผชิญหน้ากับคุณเมธี ดาหลาเดินตามเขาไปด้วยความเชื่อใจ
ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกสายตาในแผนกกำลังจดจ้องว่าพวกเขาจะทำอะไร ความเงียบถูกทำลายด้วยเสียงฝีเท้าของพนักงานสองคนที่กำลังเดินตรงมาถึงหน้าห้องทำงานของผู้จัดการ
กันต์เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต เขาเดินตรงไปที่โต๊ะ คุณเมธีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจที่เห็นพวกเขากลับเข้ามาอีก
“ผู้จัดการครับ ผมมีของจะให้” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่ก่อนที่คุณเมธีจะทันได้พูดอะไร กันต์ก็เริ่มล้วงกระเป๋ากางเกงและล้วงกระเป๋าเสื้อเพื่อหาของบางอย่าง เขากำมือยื่นไปที่คุณเมธีและชูนิ้วกลางให้ผู้จัดการฝ่าย
คุณเมธีเบิกตากว้างด้วยความโมโห “กันต์กวินท์ คุณนี่มันบ้าไปแล้ว” คุณเมธีตวาดด้วยเสียงดังลั่น
ดาหลาที่เห็นกันต์ทำแบบนั้นก็ยิ้มชอบใจทันที เธอไม่รอช้าชูนิ้วกลางด้วยอีกคน “ใช่ค่ะ นี่คือของที่เราสองคนจะให้คุณ”
คุณเมธีโกรธจนหน้าแดง “ดาหลา…!”
กันต์และดาหลาจับมือกันแล้ววิ่งออกจากห้องทำงานของผู้จัดการโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานในออฟฟิศที่มองดูด้วยความตกตะลึง ทั้งคู่หัวเราะอย่างสะใจจนกระทั่งออกมานอกอาคารบริษัท ดาหลาหยุดและหันมามองหน้ากันต์
“ดาหลาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากันต์จะทำแบบนี้” เธอยิ้มกว้างอย่างเต็มที่
“ก็มันสะใจดีนี่นา” กันต์ยิ้มตอบ
“รู้ตัวไหมคะว่ากันต์บ้าแค่ไหน” หญิงสาวมองเขาด้วยความสนใจยิ่งขึ้น ผู้ชายคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่เธอคาดไม่ถึง
“เรื่องเล็กน้อยน่า” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ
แสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมาจากทิศตะวันตก เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นสีทองอบอุ่น ตึกสูงสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับ เงาของคนและรถยนต์ทอดยาวบนพื้นถนน ดาหลาหันมามองกันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“เลิกงานแล้วไปไหนต่อคะ” ดาหลาถามด้วยรอยยิ้ม
กันต์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ก็คงกลับอะพาร์ตเมนต์”
ดาหลาส่ายหัว “แต่ดาหลายังไม่อยากกลับ ไปขับรถเล่นกันเถอะนะ”
“ต…แต่ผมไม่มีรถ” กันต์ยิ้มแห้ง ๆ
หญิงสาวหัวเราะ “ไม่เป็นไร ดาหลามี”
พวกเขาเดินไปถึงอาคารที่รถฮอนด้าซีวิคสีขาวของดาหลาจอดอยู่ เธอปลดล็อคประตูและขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับ กันต์รู้สึกขายหน้าเล็กน้อยที่ไม่ได้ขับให้ดาหลา หรือที่แย่กว่านั้นคือเขาไม่มีรถยนต์ขับ
“พร้อมหรือยัง” ดาหลาถามพลางมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“พร้อมแล้ว” กันต์ตอบ แม้จะรู้สึกประหม่าแต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ดาหลากดปุ่มสตาร์ตรถ เสียงเครื่องยนต์คำรามขึ้นเบา ๆ รถเก๋งซีวิคสีขาวแล่นออกไปบนถนน
“ขอบคุณนะกันต์ วันนี้เป็นวันที่ดาหลาสบายใจที่สุดในรอบหลาย ๆ เดือนเลย” ดาหลาหันมามองกันต์ขณะที่ขับรถ
กันต์หันมายิ้มให้เธอ ทั้งคู่พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พวกเขายังคงขับรถต่อไปทิ้งความเศร้าและความทุกข์ใจไว้ข้างหลัง ปล่อยให้ปัญหาและความกังวลของวันนี้กลายเป็นอดีตที่ผ่านไป