เมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด
รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ไทย,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ศุกร์ที่รัก Friday Againเมื่อหนุ่มออฟฟิศบังเอิญมาติดอยู่ในลูป 24 ชั่วโมงทุกวัน ทางออกเดียวคือต้องแก้ปัญหาชีวิตและความรักไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรให้ความรักมันคืบหน้า เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็ลืมเรื่องราวของเขาไปทั้งหมด
กันต์กวินท์ หนุ่มออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ พลาดท่าไปเซ็นค้ำประกันเงินกู้นอกระบบให้รุ่นพี่ในออฟฟิศ แต่รุ่นพี่คนนี้ชิงลาออกจากบริษัทและติดต่อไม่ได้อีกเลย กันต์จึงต้องซวยถูกแก๊งทวงหนี้ไล่ล่าทุกวัน จนกระทั่งเขาหนีเข้ามาในร้านเหล้าและได้พบกับชายหน้าโหดที่ช่วยเขาไว้ และยังได้มอบนาฬิกาข้อมือประหลาดให้อีกด้วย
จากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของกันต์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเขาตื่นขึ้นแล้วพบว่าตัวเองติดอยู่ในลูปของเวลา ต้องใช้ชีวิตซ้ำ ๆ อยู่ในวันเดิม ๆ และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง เวลาก็จะรีเซ็ตกลับไปเริ่มต้นใหม่ นี่มันบ้าไปแล้วชัด ๆ
ทุกวันกันต์จะต้องหลบหนีจากแก๊งอันธพาลที่ตามทวงหนี้ให้สำเร็จ และสิ่งที่แย่ที่สุดในการติดอยู่ในลูปนี้ก็คือเขาแอบชอบเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่ไม่สามารถสานความสัมพันธ์ให้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะเมื่อวันใหม่มาถึงเธอก็จะลืมเรื่องราวของเขาไปจนหมดสิ้น แล้วกันต์จะทำอย่างไรให้ลูปนี้จบลงเสียที มันต้องมีสักทางสิ
แสงสีทองสะท้อนบนผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ สายน้ำไหลเอื่อย ๆ พาให้เกิดระลอกคลื่นสะท้อนแสงสุดท้ายของวัน ชายหนุ่มและหญิงสาวยืนเคียงกันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าไปทุกขณะ สายลมพัดเย็นมากระทบผิวกายและพาเส้นผมของหญิงสาวให้ปลิวไสว เสียงของน้ำที่ไหลกระทบฝั่งและเสียงกระซิบของนกที่กำลังกลับรังดังเป็นระยะ ๆ
ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาว ดวงตาอ่อนโยนและสงบของเธอที่กำลังมองผืนน้ำ เขายิ้มขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองยืนอยู่ในความเงียบงัน แต่เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องการคำพูดใด ๆ
ดาหลาหันมามองหน้าเขา “กันต์เคยรู้สึกเหงาบ้างไหม” เธอเริ่มต้นด้วยเสียงเบา “ทั้ง ๆ ที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก”
กันต์หันมามองเธอ ความเศร้าและความกังวลปรากฏอยู่บนใบหน้าหญิงสาว เขาเข้าใจว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวมันเป็นอย่างไร เพราะตัวเขาเองก็ต้องเผชิญมันอยู่ทุกวัน
“ผมเข้าใจครับ” กันต์ตอบเบา ๆ “บางครั้งการมีคนรอบตัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกเหงา ทุกคนต่างมีความเหงาและอ้างว้างในแบบของตัวเอง หลายครั้งเลยที่ผมรู้สึกแบบนี้แต่บอกใครไม่ได้”
ดาหลาหันกลับมามองผืนน้ำ สายลมเย็นพัดมาต้องใบหน้าแต่ไม่ได้พัดพาเอาความอ้างว้างออกไปจากหัวใจ “บางครั้ง ดาหลาก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ทุกอย่างดูสับสนไปหมด”
กันต์ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร แต่ก็รับฟังคำพูดของเธออย่างตั้งใจ เขาอยากเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น “ดาหลาครับ ผมไม่รู้ว่าดาหลาทุกข์ใจเรื่องอะไร แต่ผมเชื่อว่าเราจะหาทางออกได้เสมอ”
ดาหลาหันมามองกันต์ “แล้วดาหลาจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหนถึงจะหาทางออกเจอ”
กันต์ยิ้มพร้อมกับจับมือเธอเบา ๆ ให้กำลังใจ “มีคนเคยบอกผมว่า บางครั้ง เวลาก็เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยได้”
“แต่ถ้าเวลามีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลงล่ะ” ดวงตาเธอมีแววของน้ำตาที่พยายามจะไม่ให้ไหลออกมา
“เขายังบอกอีกว่าไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ทุกปัญหามีทางออกเสมอ” กันต์ยกคำพูดของนายช่างมาปลอบใจเธอ
ดาหลายิ้มแม้จะยังคงมีความกังวลอยู่ในใจ “ขอบคุณนะกันต์ ที่อยู่ข้างดาหลา”
ทั้งสองคนยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ความเงียบงันและความสงบที่มีในขณะนี้ทำให้ดาหลารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ” กันต์พูดขึ้น พยายามทำให้ดาหลาหยุดคิดถึงความทุกข์ใจของเธอที่เขาไม่มีวันเข้าใจ
“อื้อ ไปสิ” เธอตอบพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ดาหลายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แม้ว่าในดวงตายังมีเศษเสี้ยวของความเศร้าอยู่
ทั้งคู่เดินเคียงกันไปตามริมแม่น้ำ ไม่นานนักพวกเขาก็พบร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง กลิ่นหอมของอาหารและเสียงหัวเราะของผู้คนทำให้กันต์และดาหลารู้สึกสบายใจ พวกเขานั่งคุยกันอย่างมีความสุข รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้น
ซีวิคสีขาวแล่นมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของกันต์ในยามค่ำคืน แสงไฟหน้ารถส่องสว่างไปข้างหน้า ทำให้กันต์สังเกตเห็นสามอันธพาลยืนอยู่ในซอยมืดข้างทาง เขารู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองปลอดภัยอยู่ในรถของดาหลา สะกิดความคิดในใจว่าหากให้เธอมาส่งทุกวัน เขาคงไม่ต้องมีเรื่องชกต่อยกับสามคนนั้นอีก
เมื่อรถของดาหลาจอดนิ่งสนิทในที่จอดรถของอะพาร์ตเมนต์ กันต์หันไปกล่าวขอบคุณเธอ “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” เขายิ้มและเปิดประตูรถ
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวลง ดาหลาก็กล่าวขึ้น “กันต์ ดาหลาขอขึ้นไปใช้ห้องน้ำในอะพาร์ตเมนต์ของกันต์ได้ไหม”
กันต์ยิ้มและพยักหน้า “ได้สิครับ”
ประตูลิฟต์เปิดออกเบา ๆ ชายหนุ่มพาดาหลาเดินไปที่ห้องของเขา ห้องอันอบอุ่นของกันต์ต้อนรับทั้งคู่ ดาหลาเดินเข้าไปใช้ห้องน้ำขณะที่กันต์จัดเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
เมื่อดาหลาออกมาจากห้องน้ำ เธอยิ้มให้กันต์ “ขอบคุณนะ” เธอกล่าวเบาๆ “ห้องของกันต์น่าอยู่จัง”
“ดีใจที่ดาหลาชอบ” กันต์ตอบ
ดาหลายืนอยู่ต่อหน้ากันต์ สายตาของพวกเขาสบกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองไม่พูดอะไรสักคำ แต่ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจส่งผ่านสายตาที่มองกันและกัน
“กันต์...ดาหลาอยากคบกับกันต์” ในที่สุดดาหลาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวเล็กน้อย
คำพูดของเธอทำให้กันต์ตกตะลึง รู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขามองดาหลาที่ยืนอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ยากจะบรรยาย
“ดาหลาพูดจริงหรือ” กันต์ถามเธอด้วยเสียงแผ่วเบา หัวใจของเขาเต้นรัว
ดาหลาพยักหน้า เธอยิ้มให้เขา “ใช่ กันต์ ดาหลาพูดจริง”
กันต์ไม่รู้จะตอบอะไร เขารู้สึกเหมือนฝันไป ดาหลาจับมือของเขาอย่างแผ่วเบา เธอค่อย ๆ นำมือของชายหนุ่มมาวางลงตรงหน้าอกของเธอ สัมผัสนั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว รู้สึกเหมือนลมหายใจหยุดลงชั่วขณะ
“นี่เป็นของกันต์นะ” ดาหลาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเว้าวอน
กันต์รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะระเบิดจากความตื่นเต้นที่ทะลักออกมา เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองมองดาหลาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ท่าทีของเธอทำให้เขาสับสน
ในที่สุดดาหลาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “กันต์อยากนอนกับดาหลาไหม”
คำถามนั้นทำให้กันต์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เขาไม่เคยคิดว่าคำนี้จะออกมาจากปากของดาหลา หญิงสาวที่เขาแอบชอบมานาน
“ดาหลา…” เขาพูดด้วยเสียงสั่น “ผม…ผมไม่รู้จะตอบอะไร”
“งั้นก็ไม่ต้องตอบ” ดาหลายิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะยืดตัวขึ้นมาประกบริมฝีปากของเธอกับเขา
ทันทีที่สัมผัสริมฝีปากของดาหลา กันต์ก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกต่อไป ความรู้สึกทั้งหมดที่เขาเก็บเอาไว้ได้ถูกปลดปล่อยออกมา จูบของเธอช่างนุ่มนวล สัมผัสลิ้นทำให้เขาตอบสนองด้วยความหลงใหล
เขาเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาว เธอครางเบา ๆ ในลำคอขณะที่กันต์สำรวจร่างกายของเธอด้วยสองมือ หญิงสาวจับไหล่ของเขาแน่นขึ้น ก่อนจะลูบไล้แผ่นหลังของชายหนุ่มเบา ๆ
ทุกความรู้สึกที่กันต์มีต่อดาหลาถูกถ่ายทอดผ่านการกอดรัดและจูบของเขา เสียงลมหายใจของทั้งคู่หลอมรวมกันในบรรยากาศที่เงียบสงบของห้อง อุณหภูมิเริ่มร้อนตามความรู้สึกของทั้งสองที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กันต์และดาหลาต่างปล่อยให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มไปกับความรู้สึกนั้น ทุกสัมผัส ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาช่างเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่มีสิ้นสุด
ชายหนุ่มเอื้อมไปปิดไฟ ดาหลาค่อย ๆ ดันตัวกันต์ลงบนเตียง มือของเธอปลดกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ด เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวและดังจนเหมือนจะออกมาจากอก ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อริมฝีปากของดาหลาเริ่มไซ้ไปตามลำคอของเขา ก่อนที่จะหยุดตรงแผ่นอกและปล่อยลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอที่ผิวหนังของเขา
กันต์ตอบสนองด้วยการดึงเธอเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น สองมือกอดรัดเรือนร่างแล้วค่อย ๆ พลิกตัวให้เธออยู่ด้านล่าง หญิงสาวสั่นสะท้านในอ้อมแขนของเขา แต่แล้วดาหลากลับเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้
กันต์ตกใจและปล่อยมือจากเธอ “ผมทำดาหลาเจ็บหรือเปล่า” เขาร้องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ดาหลาส่ายหน้า “เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” เธอพยายามพูดขณะสะอื้น
กันต์มองดูเธอด้วยความกังวลและปล่อยให้เธอนอน หญิงสาวยังคงร้องไห้
“ดาหลา...เป็นอะไรไป” เขาถามเบา ๆ
ดาหลาพยายามกลั้นน้ำตา “ดาหลาทำไม่ได้” เธอสารภาพด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ขอโทษนะกันต์ ดาหลาขอโทษจริง ๆ”
กันต์นั่งข้าง ๆ เธอและใช้มือเช็ดน้ำตาให้ “ไม่เป็นไรดาหลา ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้นครับ”
ดาหลาเงยหน้าขึ้นมองกันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด กันต์รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างในใจเธอที่ยังไม่ได้พูดออกมา
“กันต์...” ดาหลาเริ่มพูดเบา ๆ
“ครับ” กันต์ตอบกลับ เขามองดูเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง
ดาหลาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“ดาหลามีเรื่องต้องบอกกันต์”
ชายหนุ่มรอฟังอย่างตั้งใจ
เธอหายใจเข้าลึก ๆ “ดาหลากำลังท้อง”
ในที่สุดดาหลาก็เปิดเผยสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ความจริงนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบแตกสลาย ในหัวว่างเปล่าไปหมด
“ดาหลาว่าอะไรนะ” กันต์ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ดาหลาพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย “ดาหลากำลังท้อง กันต์…ดาหลารู้ว่ามันยากที่จะบอก แต่ดาหลาไม่อยากปิดบังกันต์”
“ดาหลารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ดาหลารู้มาหลายอาทิตย์แล้ว” เธอตอบเสียงเบา
“แล้วทำไมดาหลายังอยากให้ผมนอนด้วย” กันต์ถามอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาของเขาลุกโชนดั่งเปลวไฟ
หญิงสาวสบตาเขาแล้วสารภาพด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สีกผิด “เพราะพ่อเด็กอยากให้ดาหลาทำแท้ง ดาหลาขอโทษที่หลอกกันต์”
กันต์ตกตะลึง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ ก่อนจะถาม “ใครเป็นพ่อของเด็ก”
ดาหลาสบตากันต์ด้วยความลังเลและกลัว “คุณเมธี”
ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาในทันที “คุณเมธี ไอ้ผู้จัดการนั่นแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วนะ แล้วมันยัง…”
ดาหลาเห็นความสับสนในสายตาของกันต์ “ดาหลารู้…” เธอหยุดชั่วครู่ “คุณเมธีเคยสัญญาว่าจะหย่ากับภรรยาของเขา ดาหลาจึงใจอ่อน แต่ตลอดเวลาเขาได้แต่บ่ายเบี่ยง ดาหลาต้องใช้ชีวิตทุกวันอย่างหวาดระแวงทั้งตอนอยู่คนเดียวและตอนอยู่ในที่ทำงาน แล้วพอเขารู้ว่าดาหลาท้องเขาก็บังคับให้ทำแท้ง ดาหลารู้ตอนนั้นเองว่าเขาไม่เคยคิดจะหย่าจริง ๆ แล้วกันต์รู้อะไรไหม ดาหลาก็ไม่ได้อยากท้องเหมือนกันแต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ดาหลาไม่มีทางเลือก”
เธอหลบสายตาเขา “ดาหลาเลยคิดจะให้กันต์เป็นพ่อของเด็กแทน”
กันต์ลุกจากเตียง ความสับสนผุดขึ้นในหัวของเขา “ดาหลาคิดได้ยังไงที่จะให้ผมเป็นพ่อของเด็ก นี่มันเรื่องใหญ่นะ”
เธอน้ำตาไหล “ดาหลาขอโทษ ดาหลาไม่รู้จะทำยังไงดี ดาหลากลัวเหลือเกิน”
กันต์หายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ “ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ดาหลาก็ไม่ควรใช้วิธีนี้กับผม” เพลิงโทสะยังคงเจิดจ้าอยู่ในดวงตาคู่นั้น
แต่เมื่อเขามองดูหญิงสาวที่กำลังไร้ทางออกก็เกิดสงสารจับใจ “ผมยินดีจะช่วยดาหลาในทุกทางที่ผมช่วยได้ ดาหลาไม่ควรต้องเจอกับเรื่องนี้คนเดียว ผมจะช่วยดาหลาให้ถึงที่สุดเอง”
ดาหลาพยักหน้า “ขอบคุณที่เข้าใจนะกันต์ ดาหลารู้ว่าดาหลาผิดไปแล้ว”
กันต์ยืนมองดาหลาอย่างหนักใจ “เราจะหาทางออกด้วยกัน แต่ดาหลาต้องสัญญาว่าจะไม่ปิดบังผมอีก”
ดาหลาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ค่ะ ดาหลาสัญญา”
กันต์นั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว เธอเอื้อมมาจับมือเขากุมไว้และขอร้องเสียงเบา “ขอดาหลาค้างที่นี่ได้ไหม ดาหลาไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียว กันต์…ดาหลาไม่อยากรู้สึกโดดเดี่ยว มันเหงาเหลือเกิน”
กันต์ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไรนะ ดาหลาอยู่ที่นี่ได้ ผมยินดี”
“กันต์…มีสิ่งหนึ่งที่ดาหลาไม่ได้โกหก ความรู้สึกที่ดาหลามีให้กันต์คือของจริง” น้ำตาเริ่มไหลออกจากตาของเธอ
“ดาหลาอยู่กับกันต์แล้วรู้สึกดีจริง ๆ ดาหลาน่าจะรู้จักกันต์ให้เร็วกว่านี้” ดวงตาดำสนิทคู่นั้นฉายแววถึงความจริงใจและความเสียใจที่ซ่อนอยู่
ดาหลามองเขาด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะกันต์ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจดาหลา”
เธอนั่งเงียบ ๆ ข้างชายหนุ่มในแสงสลัวของห้องนอน หญิงสาวพูดเบา ๆ “ที่ผ่านมาผู้ชายทุกคนที่เข้าหาดาหลา พวกเขาล้วนต้องการเพียงร่างกายของดาหลาเท่านั้น ไม่มีใครสนใจความรู้สึกหรือตัวตนของดาหลาเลย”
กันต์ฟังเธอด้วยความตั้งใจ สายตาของเขาแสดงถึงความห่วงใยและความเข้าใจ
“แต่กันต์ต่างออกไป” เธอกล่าว “กันต์ยอมหยุดเมื่อเห็นดาหลาร้องไห้”
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะเบนหนี “ดาหลาอายจริง ๆ ที่วันนี้ดาหลาเดินไปยั่วกันต์ถึงโต๊ะทำงาน ดาหลาจะไม่ทำอีกแล้ว”
กันต์มองเธอด้วยความรู้สึกจริงใจ “ดาหลา…ผมแอบชอบดาหลาข้างเดียวมาตลอด ผมไม่เคยต้องการอะไรจากดาหลาเลย นอกจากได้เห็นรอยยิ้มของดาหลา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ดาหลายิ้มออกมาแม้จะยังมีน้ำตาเอ่อ “ขอบคุณนะกันต์ ขอบคุณที่ทำให้ดาหลารู้สึกว่ายังมีค่าพอสำหรับใครบางคน” เธอซบลงบนอกของเขา สัมผัสได้ถึงหัวใจของกันต์ที่เต้นเบา ๆ เป็นจังหวะที่ปลอบโยน ทั้งสองคนอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ปล่อยให้ความเงียบและความอบอุ่นนั้นบรรจงซึมซับไปสู่จิตใจ
ทั้งสองล้มตัวลงนอน ดาหลากอดกันต์ไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น พลางพูดซ้ำ ๆ “ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”
กันต์ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรดาหลา ผมเข้าใจ”
ดาหลาร้องไห้จนหลับไปในอ้อมแขนของกันต์ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เธอได้นอนหลับอย่างสนิท กันต์มองดูดาหลาอย่างเงียบ ๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและความเศร้าของเธอ ในใจเขามีแต่ความเป็นห่วง ในความเงียบสงัดของค่ำคืน เสียงลมหายใจเบา ๆ ของดาหลาที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ทำให้กันต์รู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตของหญิงสาวคนนี้ เขาตัดสินใจว่าจะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เข็มนาฬิกาบนข้อมือของกันต์ชี้บอกเวลา 00:00 น. กลไกของมันส่งเสียงดังกริ๊กขึ้นเบา ๆ ตามด้วยเสียงแกร๊กยาว ๆ ขณะที่เข็มบอกเวลาเริ่มหมุนกลับในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว กันต์มองดูเงาร่างของดาหลาที่นอนอยู่ข้าง ๆ ค่อย ๆ เลือนหายคล้ายกับความฝัน ทุกอย่างรอบตัวเขากลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
กันต์จะทำอย่างไรเพื่อช่วยดาหลา ในเมื่อเขายังติดอยู่ในลูปแบบนี้ทุกวัน สำหรับกันต์แล้ววันพรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง เขาต้องตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือเขาสัญญาว่าจะแก้แค้นไอ้ผู้จัดการทุกวันจนกว่าลูปนี้จะสิ้นสุด
ใครบางคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ความรุนแรงไม่เคยเป็นทางออกของปัญหา แต่สำหรับกันต์ในตอนนี้ คำถามคือใช้ความรุนแรงแล้วมันคุ้มค่าหรือไม่ และคำตอบของเขาคือใช่ มันคุ้มค่าแน่นอน
เช้าวันศุกร์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในออฟฟิศด้วยอารมณ์แค้นที่คุกรุ่น เขาเหลือบมองที่โต๊ะทำงานของดาหลา เธอออกไปที่ฝ่ายการเงินเรียบร้อยแล้ว คุณเมธีกำลังยืนคุยกับพนักงาน และเมื่อผู้จัดการเดินเข้าไปในห้องทำงาน กันต์ก็รีบเดินตามไปทันที
ประตูปิดลงอย่างแรงเมื่อกันต์เข้ามาในห้องพร้อมกับล็อคประตู คุณเมธีหันกลับมาด้วยความตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว กันต์ไม่ให้โอกาสเขาพูดอะไร ชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่ผู้จัดการด้วยแรงโทสะและเหวี่ยงหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของคุณเมธีจนล้มลง
คุณเมธีพยายามลุกขึ้นแต่กันต์ไม่รอช้า เขาเตะเข้าที่ท้องอีกครั้งทำให้คุณเมธีหายใจไม่ออก กันต์คว้าคอเสื้อของผู้จัดการแล้วลากขึ้นมากระแทกตัวเขากับโต๊ะทำงานอย่างแรง เสียงกระแทกดังสนั่น
พนักงานในออฟฟิศที่ได้ยินเสียงนั้นเริ่มเข้ามามุงดูแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง กันต์ซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าของคุณเมธีอย่างไม่ยั้งจนเลือดกระเซ็นออกมา ผู้จัดการหนุ่มใหญ่พยายามร้องขอความเมตตา แต่สายตาของกันต์ไม่มีความสงสารเหลืออยู่เลย
“แกทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วยังจะทำลายชีวิตของเด็กอีกคน คนเลว ๆ อย่างแกต้องโดนแบบนี้” กันต์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เขาต่อยคุณเมธีซ้ำ ๆ จนลงไปกองกับพื้น เลือดไหลออกจากปากและจมูก ในที่สุดคุณเมธีก็ไม่สามารถขยับตัวได้อีก กันต์หายใจหอบด้วยความเหนื่อย
“แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่” เขามองดูผู้จัดการที่นอนบาดเจ็บอย่างหนัก
เมื่อเสียงซุบซิบจากพนักงานด้านนอกดังขึ้น กันต์ก็หันหลังออกจากห้องทำงานผู้จัดการ ทิ้งคุณเมธีที่บาดเจ็บไว้เบื้องหลัง ชายหนุ่มเดินไปที่หน้าประตูออฟฟิศ เขายืนอยู่ด้วยตรงนั้นความไฟโทสะที่ยังไม่มอดดับ รอการมาถึงของสามอันธพาลที่เขารู้จักดี
ตามเวลาที่เขาคาดเอาไว้ ในที่สุดสามผู้โชคร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น ไอ้นักเลงตัวผอมแห้งพร้อมลูกน้องอีกสองเห็นกันต์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูออฟฟิศ
“ไอ้ลิงวอก” ชายร่างผอมยิ้มเยาะ ดวงตาของมันฉายแววไปด้วยความอาฆาตพยาบาท “แกคิดว่าจะหนีฉันพ้นอย่างงั้นเหรอ”
กันต์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงกระชับหมัดให้แน่นเตรียมตัวพร้อมต่อสู้ ยักษ์ใหญ่และเด็กผมแดงเดินมาประกบเขาจากทั้งสองข้าง
ทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ กันต์ก็พุ่งเข้าหาโดยไม่รอช้า เขาต่อยไอ้ผอมเข้าที่หน้าอย่างแรงจนมันล้มลงกับพื้น ไอ้ตัวโตพุ่งเข้ามาจับตัวกันต์ แต่หนุ่มออฟฟิศหลบได้อย่างคล่องแคล่ว และตอบโต้ด้วยการเตะเข้าไปที่ท้องของร่างยักษ์ ทำให้มันจุกจนทรุดลงกับพื้น
เด็กวัยรุ่นผมแดงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้ามาจากด้านหลังกันต์ เหวี่ยงหมัดเข้าที่สีข้าง กันต์หันกลับมาต่อยมันด้วยหมัดที่หนักกว่าจนไอ้หัวแดงลงไปนอนกับพื้น ยักษ์ใหญ่พยายามลุกขึ้นมา แต่กันต์กระโดดถีบมันที่หน้าจนล้มลงไปอีกครั้ง เมื่อไอ้ผอมเห็นดังนั้นมันจึงพยายามจะหนี แต่กันต์ไวกว่าเขาวิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของมันลากกลับมา ชายหนุ่มต่อยเข้าที่หน้าของมันอีกหลายครั้งจนสลบไป
เมื่อสามนักเลงนอนกองอยู่กับพื้น กันต์หายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า แต่ความโกรธยังคงลุกโชน เขามองดูศัตรูที่เพิ่งเอาชนะได้ รู้สึกถึงความแข็งแกร่งในตัว
เสียงซุบซิบจากพนักงานที่มามุงดูเหตุการณ์ดังขึ้น อิทธิ์ยืนถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมด เสียงหอบของกันต์เงียบลงเมื่อเห็นดาหลายืนอยู่ตรงนั้น เธอมองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนกและประหลาดใจ กันต์ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร รอยยิ้มนั้นเหมือนเป็นการบอกว่าเขาทำเพื่อเธอ
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของทีมพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำอาคารก็ดังขึ้น หนึ่งในนั้นสั่งให้กันต์ยืนเฉย ๆ แล้วจึงเข้ามาจับตัวชายหนุ่มตรึงกับพื้นใส่กุญแจมือ กันต์ไม่ขัดขืนอะไร ปล่อยให้พวกเขาทำหน้าที่
ดาหลายืนมองกันต์ที่ถูกจับนอนคว่ำหน้ากับพื้นหัวใจเธอเต้นรัว
“ไม่เป็นไรนะ” กันต์พูดเบา ๆ ให้ดาหลาได้ยิน ก่อนที่เขาจะถูกพาตัวออกไปจากออฟฟิศ ดาหลายืนอยู่ตรงนั้นมองตามเขาไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้าใส่ใจ