เรื่องราวของหญิงสาวที่เดินทางไปทำธุระบางอย่างในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี และได้พบกับชายหนุ่มที่มาจากประเทศไทยโดยบังเอิญ เขาและเธอสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บและฝนโปรยปราย เขาชวนให้เธอไปหลบฝนในอะพาร์ตเมนต์ ก่อนที่หญิงสาวจะเผยความลับที่น่าสะพรึงออกมา
ผจญภัย,อาชญากรรม,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อิสตันบูล มหานครแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ค่ำนี้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มและฝนที่โปรยปรายลงมาเบา ๆ อากาศเดือนธันวาคมหนาวเย็นจับขั้วหัวใจทำให้ผู้คนต้องสวมใส่เสื้อผ้าอย่างหนา
ณ จตุรัสทักซิมสแควร์ ย่านเศรษฐกิจสำคัญและยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงของอิสตันบูลเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสงไฟจากร้านค้าสะท้อนบนพื้นหินเปียกทำให้เกิดเงาวับวาว หญิงสาวเอเชียคนหนึ่งเดินอยู่ตามลำพัง เธอสวมเสื้อโค้ตสีดำมีฮู้ด ผ้าพันคอและถุงมือไหมพรมสีเทาทำให้เธอดูอบอุ่นแม้ในอากาศหนาวเย็น
เสียงฝีเท้าของหญิงสาวเคลื่อนที่ไปตามทางเดินหินกระทบกับพื้นเป็นจังหวะเบา ๆ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา ครู่หนึ่งเธอสังเกตเห็นบางอย่างจึงหยุดชะงัก แสงไฟสีทองจากร้านค้าใกล้เคียงส่องสะท้อนในดวงตาของเธอสั่นไหวระริกคล้ายกับกำลังคิดคำนึงบางสิ่งอยู่ในใจ
หญิงสาวก้าวเดินอีกครั้งและเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนกระทั่งเดินชนกับหนุ่มเอเชียคนหนึ่ง ทั้งคู่ล้มลงไปพร้อมกัน ผู้คนที่ผ่านไปมาหยุดมองชั่วครู่ก่อนจะเดินต่อไป
“ขอโทษค่ะ” เธอพูดคล้ายกับลืมตัวว่าอยู่ในต่างแดน
ความแปลกใจเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน พวกเขาหยุดนิ่งและจ้องตากัน
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันเห็นคุณ” เขาพูดพลางยื่นมือช่วยหญิงสาวลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นความผิดของฉันเองที่เดินไม่ระวัง” เธอตอบกลับพร้อมกับรับมือของเขา
ชายหนุ่มสังเกตเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ให้ผมเลี้ยงข้าวคุณเป็นการขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร” เธอตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ
แต่เขายังคงพยายามตื๊อ “นาน ๆ ทีจะได้เจอคนไทยเหมือนกัน เถอะนะครับ ขอผมเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทน”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะแนะนำตัว “โยทะกาค่ะ เรียกโยเฉย ๆ ก็ได้”
“ผมกฤษณ์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มกว้างให้เธอ
ท่ามกลางความหนาวเน็บ การพบเจอที่ไม่คาดคิดนี้ช่วยเติมเต็มหัวใจของชายหนุ่ม ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปตามถนนอิสติคลัลอันคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านรวงมากมายตั้งเรียงรายอย่างมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นร้านขนมหวานและเบเกอรี่หอมกรุ่น ร้านอาหารหลากหลายสไตล์ เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนม และอาร์ตแกลเลอรีที่จัดแสดงผลงานศิลปะท้องถิ่น
กฤษณ์พาโยทะกามาหยุดอยู่หน้าร้านอาหารสไตล์โฮมเมดตุรกีที่หอมกลิ่นเครื่องเทศจากอาหารตุรกีต้นตำรับ เมื่อเข้าไปในร้าน พวกเขาเห็นเคาน์เตอร์ที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ทั้งสองคนเลือกเมนูที่ด้านหน้า พนักงานตักอาหารใส่จานพร้อมกับยื่นให้ด้วยรอยยิ้ม กฤษณ์และโยทะกาเลือกโต๊ะที่สามารถมองเห็นวิวของถนนอิสติคลัลได้
“เชิญครับ ร้านนี้อาหารอร่อยแถมบรรยากาศดี” กฤษณ์กล่าวขณะนั่งลง
“ค่ะ” โยทะกาตอบพร้อมกับยิ้ม เธอหันไปมองรอบ ๆ ร้านซึ่งมีลูกค้าอีกอีกสองโต๊ะ
ระหว่างที่นั่งทานอาหารด้วยกัน กฤษณ์ถามโยทะกาว่าเธอมาอิสตันบูลคนเดียวหรือ
โยทะกายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนตอบ “ที่จริงแล้วฉันก็อยากมากับสามีค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้กฤษณ์หน้าเสีย เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวที่ดูอายุไม่น่าเกิน 25 จะมีสามีแล้ว “แล้วสามีคุณโยไม่มาด้วยหรือครับ”
โยทะกาส่ายหน้า สายตามองต่ำน้ำตาเริ่มคลอ “สามีของฉันเสียชีวิตอย่างกระทันหันค่ะ ฉันเลยต้องมาคนเดียว”
แสดงว่าตอนนี้เธอโสด กฤษณ์นิ่งเงียบ เขาหยิบกระดาษทิชชู่จากโต๊ะยื่นให้เธอ “เสียใจด้วยนะครับ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ
โยทะการับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาเบา ๆ “ขอบคุณค่ะ” เธอตอบพร้อมกับซ่อนความเจ็บปวดไว้
กฤษณ์หวังว่าเขาอาจจะมีโอกาสช่วยให้โยทะกาผ่านพ้นความเศร้าในครั้งนี้ได้ ทั้งสองนั่งเงียบสักครู่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยายามเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเล่าเรื่องขำขันให้ฟัง หวังว่าเธอจะยิ้มและหัวเราะอีกครั้ง
“รู้ไหมครับว่าอะไรที่ไม่สามารถกินเป็นอาหารเช้าได้”
“คะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย
“มีอยู่สองสิ่งที่เรากินเป็นอาหารเช้าไม่ได้” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไรคะ”
“อาหารกลางวันกับอาหารเย็นไง ที่กินเป็นอาหารเช้าไม่ได้” กฤษณ์มองเธอด้วยความคาดหวัง
“อ๋อ” เธอหัวเราะเบา ๆ
ชายหนุ่มโล่งอกที่เธอเข้าใจมุก “แต่ที่น่าแปลกคือ เราสามารถกินอาหารเช้าเป็นอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราตื่นตอนไหน”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของโยทะกาทำให้กฤษณ์รู้สึกดีใจที่สามารถทำให้เธอยิ้มได้ หญิงสาวยอมรับว่าเธอเพิ่งเคยมาตุรกีเป็นครั้งแรก และสิ่งเลวร้ายที่สุดของที่นี่คือเธอถูกแท็กซี่เรียกค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายทุกครั้ง แถมคนขับยังสูบบุหรี่ในรถตลอดทาง
“คงจะดีไม่น้อยถ้าหากได้รู้จักใครสักคนที่นี่” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวัง
กฤษณ์ยิ้มออกมาและเสนอที่จะพาเธอเที่ยวชมเมืองอิสตันบูล “ผมมาอยู่ที่นี่คนเดียวก็หลายเดือนแล้วครับ คงจะช่วยแนะนำสถานที่ดี ๆ ให้คุณโยได้”
โยทะกามองเขาด้วยความสนใจ “แล้วทำไมคุณกฤษณ์ถึงมาที่นี่คนเดียวล่ะคะ”
กฤษณ์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตอบ “ผมมีปัญหาที่บ้านนิดหน่อยครับ ต้องมาอยู่ที่นี่สักพักจนกว่าเรื่องทางนั้นจะเรียบร้อย”
โยทะกาพยักหน้าโดยไม่ถามอะไรต่อ